เนื้อเรื่อง The First SOLDIER ตอนที่ 10
วิหารโฮโดโน
ตากล้องยังแอบงงที่เซฟิรอธบอกกว่าดาบนี้จะกลับสู่มือของเขา ทั้งที่เขาไม่เคยถือมากก่อน ไม่ว่าใครก็เห็นว่าเซฟิรอธมีท่าทีเปลี่ยนไป แต่เราไม่มีเวลาจะค้นหาคำตอบ ตากล้องเองก็สงสัยสถานที่แห่งนี้มากขึ้น
อลิสสายังคงบอกว่าภารกิจของเธอคือสำรวจสถานที่ต้องห้าม จะเลิกไม่ได้
ตากล้องบอกว่านี่คือวิหารสลัก โฮโดโน ยังมีวิหารอื่น ๆ อีกที่สร้างจากการแกะสลักหน้าหิน หรือเอาถ้ำมาดัดแปลงใหม่ ข้างในนั้นมีรูปปั้นที่ 5 ที่ปกป้องดินแดนแห่งนี้ ผู้กอบกู้ที่ยังคงเฝ้าระวังให้อยู่
ตากล้องกุมหัว สงสัยว่าตัวเองรู้ได้ยังไง
อลิสสาบอกว่าสงสัยสถานที่แห่งนี้คงถูกชะตาคุณแล้ว
ข้างในมีมอนสเตอร์ที่ถูกผนึกมานาน ทำให้พวกมันยิ่งดุร้าย
------------------------------------------
เจอภาพในอดีตตอนที่ดินแดนแห่งนี้ไหม้ ชาวบ้านคุยกันว่าดาชาโอบอกให้ขึ้นเหนือ เราจะทำตามคำสั่งเขา
ชื่อบนกำแพงสลักว่า ดาชาโอ โมลฮาน บัลไท กาคุเรน และ ไลโด (Da-chao, Molhan, Baltai, Gakuren, Laidoh)
ดาบทั้ง 5 ของอิการะ แม้พวกเขาจะสู้กับอสูรอย่างกล้าหาย แต่เวทมนตร์ที่พวกเขาปลดปล่อยออกมา ก็ทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ เราจึงหลบหนี
ตากล้องบอกว่า เสียงในหัวเขาบอกว่าข้อความบนกำแพงมันอ่านว่าแบบนี้
อลิสสาย้ำว่าสถานที่แห่งนี้ถูกชะตาตากล้อง เซฟิรอธบอกว่าก็ดีแล้ว เขาไม่มีอะไรจะบ่น
เหลือแต่แองจีลที่งงว่าอะไรวะเนี่ย
ในวิหารนั้น เจอรูปปั้นแรก คนที่ผนึกมอนสเตอร์ในรูปปั้นนี้คือบัลไท
แองจีลบอกรูปปั้นไม่เหมือนมนุษย์เลย
ตากล้องบอกกว่า รููปปั้นนี้แค่ไว้ผนึกอสูรไว้ บัลไทเป็นคนผนึกไว้ พลังของเขานั้นหาผู้ใดเทียบ เขาชอบดื่ม และครึ่งชีวิตนั้นติดคุกเพราะปัญหาที่ตัวเองก่อไว้ แต่ดาชาโอเห็นฝีมือ เลยเรียกไปร่วมสู้ด้วย
บัลไดใช้ร่างใหญ่โตเป็นโล่ปกป้องเพื่อน และเสียชีวิตในวัย 34 ปี
อสูรในรูปปั้นถูกปลดปล่อยออกมา พอกำจัดได้ ประตูด้านในของวิหาร ก็เปิดออก
แองจีลรู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่ตากล้องบอกไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอก ช่างมันเถอะ
------------------------------------------
รูปปั้นที่สอง ถูกผนึกไว้โดยพลังของโมลฮาน นักรบหญิงคนเดียวในกลุ่ม และอายุน้อยที่สุด ซึ่งพลิ้วไหวดั่งวิหคและกระโดดสูงราวกระต่าย เธอรับคำสั่งจากดาชาโอไปส่งต่อระหว่างพันธมิตรต่าง ๆ ในระหว่างการต่อสู้กับศัตรู เธอเสียชีวิตในวัย 17
------------------------------------------
รูปปั้นสาม ผนึกโดยกาคุเรน นักรบที่แก่ที่สุด ที่ฝึกอาคมคาถาของอิการะ ทุกวันนี้เราเรียกพลังของเขาว่าเวทมนตร์ เขาจะอมลูกประคำไว้ในปากและสร้างความมหัศจรรย์ขึ้นมา
อลิสสาบอกลูกประคำนั้นก็คือมาเทเรีย
ตากล้องบอกต่อว่าตอนถูกโจมตีจนเจียนตาย เขาใช้พลังเฮือกสุดท้าย ปลดปล่อยเพลิงโลกันต์ ทำให้นักรบได้รับช้ยชนะ กำจัดอสูรร้ายได้สำเร็จ กาคุเรนเสียชีวิตไปโดยไม่รู้ผลลัพธ์ที่ตามมา ด้วยวัย 62 ปี
แองจีลถามว่ารูปปั้นพวกนี้มีเพื่อผนึกประตูเหรอ?
เซฟิรอธบอกว่านั่นไม่สำคัญ
------------------------------------------
รูปปั้นที่สี่ ผนึกโดยไรโด เจ้าแห่งดาบ หลานของดาชาโอ ว่ากันว่าก้าวข้ามลุงของเขาไปด้วยซ้ำ ระหว่างการเดินทางจากอิการะ ไม่มีอสูรใดทำอะไรเขาได้ ใช้มือข้างเดียวกับความหาญกล้าก็เอาอยู่หมด
แม้ขณะที่อสูรจะถูกล้อมด้วยไฟ เขายังคงยึดมั่นโจมตีมันต่อไปจนต่างตัวตาย โดยเขาไม่สนใจกับการที่ตัวเองเผาไหม้ไปด้วย
ระหว่างกลับไปยังบ้านเพื่อนเตือนอิการะให้ระวังภายนะที่กำลังจะมาถึง เขายังคงปกป้องดาชาโอจากศัตรูอื่น ๆ ในวาระสุดท้ายเขาปรากฏตัวในร่างอัคคี ห่อหุ้มไปด้วยเกราะเปลวไฟ เขาเสียชีวิตในวัย 25 ปี
เหลือแค่รูปปั้่นของดาชาโอ ที่มีถ้ำของเขาในวูไถด้วย คนเดียวที่รอดชีวิต ถึงเป็นคนผนึกประตูด้านในสุด
แองจีลจะเตือนว่าพวกเราควรถอยออกไป ทำหัวให้โล่ง ก่อนจะเกิดปัญหากว่านี้ ทุกคนเหมือนโดนของเข้าแล้ว
แต่อีก 3 คนไม่ฟัง
แองจีลนึกถึงตอนฟังบรีฟมิชชันที่ตึกชินระจากโซลเยอร์คลาส 2 ซึ่งเซฟิรอธไม่ได้มาฟังด้วย โซลเยอร์คลาส 2 บอกว่าเพราะเป็นเซฟิรอธ ไม่ว่าจะอันตรายแค่ไหน ก็ผ่านมาได้
จนเซฟิรอธบอกว่าแองจีลต่างหากที่ต้องทำหัวโล่ง ๆ
แองจีลบอกว่าถ้าทุกคนไป เขาก็ไป
------------------------------------------
ไปถึงรูปปั้นดาชาโอ นักดาบวัยกลางคน ที่ดูหยาบโลน แต่รักในแผ่นดินเกิดอย่างบริสุทธิ์ใจ เขาได้รับความเคารพจากทุกคน เป็นผู้นำของนักรบ ตอนที่อสูรบุกจู่โจม เขาก็พานักรบไปกำจัดมัน นักรบคนอื่น ๆ ก็อาสาจะพลีชีพช่วยเขาในการต่อสู้ เขาปลาบปลื้มมาก
เขาเขียนจดหมายถึงคนที่อาสาเข้ามาแต่ละคน ว่าขอส่งมอบอนาคตของอิการะให้กับพวกเขาเหล่านั้น และออกเดินทางไปกับ 4 นักรบที่แข็งแกร่งที่สุด
ตอนที่เขากลับมา ร่างของเขาไหม้เกรียม แต่เขายังคงมีชีวิตไปจนถึง 100 ปี
คนที่หนีจากอิการะ ก็เดินทางไปตั้งรกรากทางเหนือ และก่อตั้งวูไถขึ้นมา ด้วยปัญญาปราดเปรื่องของเขา ดาชาโอทำให้วูไถเจริญรุ่งเรือง
อลิสสาเสริมว่า เขาเปลี่ยนไปหลังจากการต่อสู้ในอิการะ
แองจีลจะห้ามไม่ให้ลงไปทางใต้ดินที่เปิดออก เรามาตรวจสอบหมู่บ้าน แต่ตอนนี้เซฟิรอธกลับหมกมุ่นในดาบ ตากล้องก็พูดเหมือนตัวเองเกิดที่นี่
อลิสสาบอกคนที่แปลกก็คือแองจีลต่างหาก ทำไมถึงไม่ยอมตามน้ำไป หมู่บ้านนี้กำลังพยายามช่วยให้เราบรรลุเป้าหมาย ก็แค่ปล่อยไหลตามน้ำไป อย่าต่อต้านเลย
เซฟิรอธบอกแองจีลว่าอย่ามาขวาง
แองจีลชกเซฟิรอธล้มเรียกสติ บอกให้นึกให้ดีว่านายเป็นใคร
เซฟิรอธลุกขึ้นบอกว่าเขาจะไปเอาดาบมา ไม่มีอะไรหยุดเขาได้ แล้วชกแองจีลคืนจนล้ม
เซฟิรอธบอกว่ามาซามุเนะสร้างดาบนั้นขึ้นมาเพื่อเขา เขาคือเจ้าของโดยชอบธรรม ความรู้สึกนั้นคือสิ่งที่ทำให้เขามุ่งไปข้างหน้า เขาไม่ได้ถูกแรงกระตุ้นอะไร ทั้งหมดคือเขาปรารถนาของเขาเอง
เซฟิรอธ อลิสสา ตากล้อง เดินลงบันไดวนไป 3 คน เจอมาซามุเนะที่นั่งถือดาบอยู่
ในมโนสำนึกของแองจีล
ผีสางนางไม้ในวิหาร ทำให้แองจีลมีความทรงจำปลอม ว่าพาพ่อแม่ไปเที่ยวที่คอสตาเดลโซลเพื่อตอบแทนพ่อแม่
ในความจำปลอมนั้น พ่อแองจีลบอกว่าถ้ามันจะเป็นแรงผลักดันแองจีลได้ ไว้จะเอาดาบเล่มใหม่ให้
พ่อแองจีลบอกว่า ไม่เห็นแองจีลใช้ดาบเล่มเดิมเลย มันคงไม่มีอะไรดีนอกจากขนาด แองจีลเลยไม่ชอบใช่มั้ย แองจีลคิดว่าเขาไม่ใช้เพราะว่ามันพิเศษมากสำหรับเขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันผลาญเงินไปเท่าไหร่กว่าจะหามาได้
พ่อแองจีลขอโทษที่ทำให้แองจีลต้องแบกปังตอไปมา
แองจีลคิดในใจว่า ไม่มีทาง พ่อไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้ และทริปนี้ไม่มีวันได้เกิดขึ้น เพราะ พ่อนั้นเสียไปแล้ว นั่นเป็นความผิดของเขาเอง
แองจีลได้ยินเสียงแม่บอกว่าทำไมดื้อด้านนักนะ รู้จักทำตัวแบบคนอื่น ปล่อยวางความไม่ถูกต้องหยุมหยิมไปบ้าง ไม่งั้นชีวิตจะลำบาก แกเป็นพนักงานชินระแล้ว ไม่ควรจะไปยึดมั่นอะไรในที่แบบนั้น ทำตัวขวางโลกมากเดี๋ยวก็โดนถีบส่ง
แองจีลชักดาบมาบอกว่า เขารู้ว่านี่ไม่ใช่แม่ของเขา เขาไม่รู้ว่าอดีตของแม่เป็นอย่างไร แต่รู้ว่าบทเรียนที่แม่ได้รับจากช่วงเวลาอันแสนสาหัส และถ่ายทอดมาให้เขา คือให้ยึดมั่นในความยุติธรรมของตัวเอง อย่าให้คนรอบกายมากำหนดการกระทำของเราได้ นั่นคือสิ่งที่แม่สอนไว้ ฉันไม่รู้ว่าแกเป็นใคร แต่ถ้าคิดจะมาเลียนแบบแม่ ต้องทำให้เนียนกว่านั้น
แองจีลได้สติขึ้นมา และคิดว่าเซฟิรอธนั้นเห็นใครกันนะ ใครกันที่ชักใยหัวใจของเซฟิรอธอยู่
เซฟิรอธเข้าไปยังห้องด้านในสุดของวิหาร แล้วก็ล้มลงนึกถึงอดีต ตอนลงเฮลิคอปเตอร์ที่กลับจากเกาะราโดรันเพราะพวกเกล็นและเรฟุ
โซลเยอร์คลาส 2 มาแจ้งให้เซฟิรอธไปที่ออฟฟิศของประธาน เพื่อรับคำชมและเลื่อนตำแหน่ง
เซฟิรอธงงว่าก็ในเมื่อเกาะมันก็จมไปแล้ว ไอ้ที่ ๆ จะใช้ตั้งมาโคก็แป้ก ภารกิจมันล้มเหลวชัด ๆ
โซลเยอร์ก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นว่าประธานบอกว่ามันสำเร็จและอยากขอบคุณ ส่วนพวกเกล็นให้ไปรอรับคำสั่งในค่าย
เซฟิรอธบอกว่าถ้าไม่มีพวกเขาช่วย อะไร ๆ คงแย่ไปกว่านี้ เขาไม่ควรเป็นคนเดียวที่ได้รับคำชม
แต่พวกลูเซียก็บอกว่าไปเถอะ เกล็นบอกว่าพวกเราจะเตรียมปาร์ตี้ไว้นะ ไว้มาดื่มกัน
หลังเซฟิรอธกลับจากห้องประธาน ก็มายังห้องพักของพวกเกล็น ที่เตรียมพิซซาและเครื่องดื่มไว้ พวกเกล็นยกเหยือกแก้วกันอย่างครื้นเครง
เซฟิรอธบอกไม่เห็นน่าฉลองตรงไหนเลย แต่แมตต์ก็บอกว่าเซฟิรอธมีทั้งทีมและมีทั้งภารกิจที่ต้องทำแล้ว แค่ทำตามใจชอบก็พอ
เกล็นเสริมว่าถ้าเจองานง่าย ๆ เงินดี ๆ ก็เรียกกันด้วยยย
เซฟิรอธบอกไว้งานไหนหินสุด จะเรียกละกัน ทำให้เกล็นคอตก ส่วนแมตต์กับลูเซียก็หัวเราะ
แมตต์บอกว่ามีที่ ๆ เขาอยากไปมาตลอด ถ้ากำลังคิดถึงภารกิจถัดไป ไม่ลองไปสำรวจสถานที่นี้กันดูล่ะ?
สถานที่แห่งนั้น คืออารามที่มองออกมาเห็นวูไถ
เซฟิรอธก็บอกว่าดูคล้ายวูไถ แต่ไม่ใช่ น่าจะลองไปดู แต่มันอยู่ไหนนะ
แมตต์กำลังจะพูดอธิบาย... แต่แล้วก็มีนายทหารเข้ามาเรียกเกล็น แมตต์ ลูเซีย ให้ตามมา พวกเขาต้องถูกคุมขังจนกว่าจะมีคำพิพากษา
เซฟิรอธบอกถ้าเป็นเรื่องที่เกาะราโดรัน เขาเองก็ต้องรับผิดชอบด้วย
นายทหารบอกว่าเซฟิรอธไม่ต้องกังวล พวกเขามีคำให้การจากหัวหน้าวิศวกร
เซฟิรอธบอกว่าหมอนั่นโกหกกก
เกล็นแมตต์ลูเซียบอกว่าพวกเขาจะกลับมานะ ฝากดูแลเรฟุด้วยล่ะ
เมื่อทุกคนไปหมดแล้ว เซฟิรอธที่เหลือแต่กับเรฟุ ก็ได้แต่รำพึงว่าไว้เจอกัน
------------------------------------------
กลับมาปัจจบัน แองจีลตามเข้ามาในห้องแล้ว
อลิสสาบอกให้เซฟิรอธเอาดาบมาเลย แต่แล้วร่างมาซามเนะก็ลุกขึ้นมาบอกว่าเขาจะตัดสินเองว่าแกคู่ควรกับดาบนี้มั้ย
พอชนะได้ มาซามเนะจะชื่นชมทางดาบของเซฟิรอธและบอกกว่าในที่สุดก็เจอคนที่จะมอบสมบัติให้ได้ แกชื่ออะไรไอ้หนู
พอบอกชื่อไป มาซามุเนะบอกว่า เขาเห็นว่าคู่ควร แต่ไม่รู้เหล่าวิญญาณจะเห็นด้วยมั้ยนะ มันคือเสียงที่สั่งให้เขาสร้างดาบนี้ขึ้นมา พวกเขาอาศัยอย่ในที่แห่งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะชักพาเราไปที่ใด
แล้วเซฟิรอธก็เข้าไปเอาดาบมา แต่ดาบมันกลับหายไปต่อหน้าต่อตา เซฟิรอธชักดาบของตัวเองขึ้นมา
เซฟิรอธสงสัยว่าพวกมันกำลังปั่นหัวพวกเราเหรอ? อลิสสาบอกว่าอย่าหัวเสียเลย พวกเขาทดสอบนายอยู่
แต่แล้วทุกคนก็ได้ยินเสียงคนเรียกเซฟิรอธ เสียงนั้นบอกว่าเขาขอโทษเรื่องสร้อย ขอโทษมาก ๆ เลย เขาเสียใจกับเรื่องนี้อยู่ทุกวัน ขอโทษที่ใช้กำลังด้วยเช่นกัน แต่นายก็เข้าใจใช่มั้ย
เซฟิรอธบอกว่านั่นคือเสียงของเกล็น ทำให้ตากล้องตกใจ
เซฟิรอธก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้
------------------------------------------
ตากล้องมาทบทวนว่าแม้จะผ่านมานับพันปี แต่นักรบทั้ง 5 ก็ยังคงเฝ้าดูแลแผ่นดินของพวกเขา ผนึกอีกหายนะนึงไว้ นั่นคือช่างตีดาบมาซามุุเนะ เขารู้สึกราวกับว่าถูกส่งไปในช่วงเวลาหลายศตรวรรษก่อนยังไงยังงั้น เซฟิรอธคงรู้สึกเหมือนกัน เซฟิรอธปราบมาซามุเนะ ทำลายต้นตอคำสาป เมื่ออิการะเป็นอิสระ วีรบุรุษก็รับดาบเลื่องชื่อมา หรืออย่างน้อยก็พยายามเช่นนั้น เหมือนว่ายังมีบททดสอบอีกมากรอคอยเขาอยู่ หากเขาอยากได้รางวัลนี้ เสียงของเกล็นที่ดังขึ้นก็ทำให้เซฟิรอธไม่แน่ใจ
เซฟิรอธโดนแทรกความทรงจำปลอม ขณะที่ต่อสู้กับมอนสเตอร์ทดลองของชินระ แม่ก็โผล่มาปกป้องและไม่อยากให้เขาลำบากไปกว่านี้ และพาเขาเลิกจาการทดลอง กลับมาทำแผลให้ และอยากปกป้องลูก เซฟิรอธคิดว่าแม่เป็นคนเดียวที่เป็นห่วงเขา หากโลกนี้จะล่มสลายเป็นผุยผง เขาก็จะปกป้องแม่ไว้ให้ได้
ฝั่งแองจีลโดนความทรงจำแทรกว่าในวันที่พ่อตาย แองจีลกลับมายังงานศพของพ่อ เขามาสาย
แม่ด่าว่าแองจีลเป็นคนทำให้พ่อตาย แกอยากเป็นโซลเยอรื พ่อก็ยอมเป็นหนี้มากมายหาเงินสร้างดาบบ้าบอนั่นให้แก ถ้าเขาไม่ต้องทำแบบนั้นนะ... แกมันฆาตกร แกบอกว่าแกกำลังช่วยเหลือผู้คน ทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นในขณะที่มองคนอื่นอย่างไร้ค่า
แองจีลคิดในใจว่าตั้งแต่เด็ก เขาอยากให้พ่อแม่สบายขึ้น พ่อแม่เขาลำบากมาตลอด นั่นอาจเพราะเขาอยากหนีจากความทุกข์ยากและความไร้พลังของตัวเอง ที่เขาอยากจะช่วยคนอื่น ก็เพราะอยากได้รับการเยินยอจากคนอื่นเพียงเท่านั้นรึเปล่านะ? ฉันมันคนเห็นแก่ตัว น่ารังเกียจ ฉันควรจะหายไป
แม่ก็บอกว่าทุกคนล้วนทำผิดพลาดทั้งนั้น แกก็ควรยอมรับและแก้ไข อย่าทำบาปมากไปกว่านี้ แค่หลับไป ชั่วนิรันดร์....
แต่แล้วแองจีลก็ตั้งสติได้ แองจีลลืมตาขึ้น มองดาบบัสเตอร์ซอร์ดของพ่อ ว่านี่คือสิ่งที่เรียกสติเขา คนเราย่อมอยากได้ยินแค่สิ่งที่อยากฟัง ไม่รับฟังอื่นใด ดังนั้นต่อให้เขาอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น อีสามคนนี้ก็คงไม่ฟัง พวกนั้นจมอยู่ในคำพูดปลอบประโลมมากกว่า แต่เขาจะไม่มีวันยอมจำนน
Post a Comment