คิตาเสะเชื่อ FFVIIR Part 3 จะจบแบบที่แฟน ๆ ทุกคนพอใจ


- แฟมิซือถามว่าช่วงหลังเกมคอนโซล แห่ไปลง PC กันเป็นเทรนด์ คิตาเสะในฐานะคนที่ทำเกมลงคอนโซลมาตลอดรู้สึกยังไง? คิตาเสะบอกว่ามันก็เป็นเทรนด์ ในแง่ dev ต้นทุนการพัฒนามันก็สูงขึ้น จึงต้องหาทางเอาเกมขายไปให้คนมากขึ้น บางประเทศ เกมขายแบบเป็นคอนโซลไม่ได้เพราะติดนโยบายอะไรต่าง ๆ แต่บน PC มันไร้พรมแดน มันเลยนำพาไปสู่คนมากกว่า

- คิตาเสะบอกว่าลูกชายเขาบอกว่าถ้าเข้ามหาลัยแล้ว จะซื้อ Galleria (pc) ตอนนี้การเรียกชื่อแบรนด์ PC เลยเป็นเรื่องแพร่หลายไปแล้ว

- ฮามากุจิบอกว่าภาคนี้มินิเกมเยอะ พอเล่นบน PC แล้ว มินิเกมต่าง ๆ เลยให้เซ็ตปุ่มลงคีย์บอร์ดได้ อย่างไอ้โดเรมีฟาซอลลาทีโด ก็แมปปุ่มลงคีย์บอร์ดได้เลย

- ฮามากุจิบอกว่าโลจิคในการอ่านข้อมูลจนถึงยุค HDD กับตั้งแต่ยุค SSD ไปมันต่างกันมาก ยุคก่อนถึงมาถึง HDD นั้น ต้องอ่านข้อมูลซีนทั้งหมดขึ้นมา แล้วทยอยอ่านใหม่เมื่อถึงจุดที่กำหนด แต่ SSD นั้นมันอ่านข้อมูลไวมาก เลยสามารถออกแบบเกมให้อ่านไป ลบไปได้ในเวลาเดียวกัน 

- ด้วยความที่ Part 3 ก็เป็นเกมที่ออกแบบด้วย SSD เหมือนกัน มีดีไซน์โลจิคในการอ่านข้อมูลที่ใกล้เคียงกับ Rebirth ดังนั้น gap ระหว่างภาคคอนโซลกับ PC ของ Part 3 ก็จะสั้นลง สามารถออกภาค PC ตามมาได้ไวขึ้น

- กรณี Steam Deck บริษัทเองก็มีเป้าหมายที่จะให้เกมรันบน Portable Gaming PC ให้ได้ สเปคของ Steam Deck นั้นมันประมาณ PS4 เราก็พยายามกันเหนื่อย แต่ก็ทำให้ FFVII Rebirth รันบน Steam Deck ได้เสถียรที่ 30FPS 

- กรณี PC ฮามากุจิบอกว่าตอน FFVII Remake เกมมี LoD ไม่กี่เลเวล แต่ใน FFVII Rebirth เกมมี LoD ประมาณ 12-13 ระดับ ดังนั้น ยิ่ง PC แรง ยิ่งสามารถทำให้เกมแสดงแต่ LoD เลเวลสูงเอาไว้ได้ พวก object ที่อยู่ไกลก็จะยังคงสวยงาม

- ฮามากุจิอธิบายว่า พวกต้นไม้ ดอกไม้ กินโพลิกอนเยอะ ดังนั้น เวลาถอยห่าง ยิ่งต้องให้ลด LoD ไปเลย ฉากที่ process เหนื่อยสุด กินสเปคสุดคือที่ก็องกาก้า ที่เป็นป่าทึบ ถ้าเล่นบน high end pc จะเห็นความแตกต่างชัดเจน

- ด้านเกมเพลย์ สมดุลเกม ฮามากุจิบอกไม่ได้เปลี่ยนอะไร 

- เรื่องอัตราคนแพลตฯ แค่ 2.1% (เช็คเมื่อ 16 ม.ค. 2025) ฮามากุจิยอมรับว่ายากจริง เป็นหนึ่งในเกมที่แพลตฯ ยากสุดของ PS5

- ใน FFVII Remake มีการอัปเดตโหมด 強くてNEW GAME เข้าไป ในโหมดนี้ตัวละครจะเริ่มมามีเลเวลและของอยู่เยอะ แบบว่าเริ่มมาแล้วเก่งเลย แฟมิซือถามว่ามีแผนจะเพิ่มโหมดนี้ใน Rebirth มั้ย? ฮามากุจิบอกว่าถ้ามี demand ก็จะทำ

- ฮามากุจิบอกจุดยืนของบริษัทคือเคารพชุมชนชาว MOD และเคารพศีลธรรมไปพร้อมกันด้วย ถ้าใช้ MOD แล้วมันสามารถนำพาการเล่นให้เป็นไปในแบบที่ต้องการได้ มันก็เป็นความบันเทิงส่วนตัว ทว่า MOD มันก็มีหลายรูปแบบ ยากที่จะรู้ว่าผู้เล่นแต่ละคนจะใช้ MOD อะไร และมันอาจนำไปสู่ประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ ก็อยากให้ทั้งคนทำ MOD และคนใช้ ระมัดระวังกันด้วย

- หลังออกโฆษณาภาค PC ไป ฮามากุจิได้รับรีเควสต์ว่าอัปเดตภาค PS5 แบบเดียวกันด้วยเด้ พวกเขาเองก็อยากจะหาเวลาทำให้เป็นจริง แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของสเปค PS5 อยู่ดี

- เรื่องการพัฒนา Part 3 ฮามากุจิบอกว่าดำเนินไปตามแผนเรียบร้อยดี ตอนนี้ก็คือทำได้ตามเป้าของสิ้นปี 2024 พวกเขาเริ่มทำกันตั้งแต่ทำ Rebirth เสร็จ แล้วก็มีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะทำยังไงไปทางไหน ทุกอย่างยังคงไม่ดีเลย์ไปจากแผนงานที่วางกันไว้ตั้งแต่เริ่มทำ Remake Project

- แฟมิซือถามว่าในบทสัมภาษณ์ก่อน FFVII Rebirth PS5 ออก เห็นทีมงานบอกว่าซีนาริโอของ Part 3 เสร็จแล้ว แต่ยังต้องทำอะไรสักอย่างอยู่? คิตาเสะบอกว่า Part 3 มันเป็นภาคสุดท้ายแล้ว เขาเลยให้การบ้านโนมุระ ว่าจะปิด  Remake Project อย่างไร คือต้องเคารพต้นฉบับ และให้ความรู้สึกอิ่มใจในแบบที่ไม่มีในภาคออริจินอลด้วย ซึ่งตอนปลายปีก็ทำสำเร็จแล้ว สคริปต์ของ Part 3 ก็เสร็จสมบูรณ์ไปในตอนนั้นแล้ว

- แฟมิซือถามว่าเอาตรง ๆ คิตาเสะรู้สึกยังไงกับเนื้อเรื่องที่เสร็จแล้ว? คิตาเสะบอกว่าเขาพอใจมาก และเขาเชื่อมันจะเป็นบทสรุปที่แฟน ๆ ทุกคนพอใจ

- ฮามากุจิทิ้งท้ายว่าฉากชะตากรรมของแอริธในภาคออริจินอล เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์วงการเกม สำหรับ FFVII Rebirth นี้ ก็ทำให้คุณได้สัมภาษณ์ฉากนี้ในแบบ Rebirth, Remake และถ่ายทอดอย่างในปัจจุบัน ก็หวังว่าไม่เพียงแค่คนที่เคยเล่นภาคออริจินอลมาก่อนเท่านั้น แต่อยากให้เด็ก ๆ ในทุกวันนี้ได้สัมผัสมันกันด้วย 


https://www.famitsu.com/article/202501/30815

ไม่มีความคิดเห็น