FFVIII Epilogue คาบเรียนในการ์เดนวันหนึ่ง
บทส่งท้าย
คาบเรียนในการ์เดนวันหนึ่ง
อรุณสวัสดิ์
วันนี้เราจะมาคุยเรื่องแม่มดกันจ้ะ?
ที่จริง เรื่องนี้ไม่ออกสอบนะจ้ะ
อาจจะแปลกที่ครูพูดแบบนี้ แต่ใครจะทำหูทวนลมก็ได้นะจ้ะ
หรือจะเรียนเรื่องอื่นด้วยตัวเองก็ได้
สิ่งสำคัญสำหรับพวกเธอก็คือเรื่องเวทมนตร์จริง ๆ ส่วนเรื่องแม่มด ก็ฟังไว้เป็นความรู้ก็ได้จ้ะ
ส่วนตัวแล้ว ครูชอบ Episode แม่มดนี้มาก ดังนั้นถ้าสนใจ ก็ลองฟังดูจ้ะ
เอาล่ะ มาเริ่มกันเลย
ก่อนอื่น เมื่อพูดถึงเรื่องแม่มด มี Text นึงที่จะข้ามไปไม่ได้เลย ครูจะเริ่มอ่านละนะ?
เริ่ม
ในยุคที่วันและคืนยังคงเป็นหนึ่งเดียวกัน
มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘ไฮน์’ (Hyne)
‘ไฮน์’ ใช้เวลามากมายไปกับการต่อสู้กับอสูรร้ายที่โลกสร้างขึ้นมา
‘ไฮน์’ มีเวทมนตร์ เขาใช้พลังนั้นเอาตัวรอดจากการต่อสู้แสนยาวนานได้สำเร็จในที่สุด ‘ไฮน์’ จึงเป็นผู้ปกครองโลกใบนี้
‘ไฮน์’อยากจะมองไปได้ไกล ๆ จากที่นั่งบนบัลลังก์ของเขา
อย่างไรก็ตาม จากที่ที่ไฮน์นั่งนั้น มีภูเขากั้นขวางทิวทัศน์ของทะเลฝั่งตะวันออก
เขาอยากทำลายภูเขา แต่ก็เหนื่อยล้าจากการต่อสู้อันยาวนาน ไฮน์จึงคิดสร้างเครื่องมือบางอย่างเพื่อตัดผ่านภูเขา และให้เครื่องมือนั้นทำงานของมันไปเอง
เครื่องมือถูกสร้างขึ้นมาให้ทำงานเองได้ และเพิ่มจำนวนเองได้เมื่อจำเป็น
‘ไฮน์’ ตั้งชื่อเครื่องมือนี้ว่า ‘มนุษย์’
นั่นคือจุดเริ่มต้นของมนุษยชาติ ซึ่งประกอบด้วยชายและหญิง
มนุษย์เพิ่มจำนวนไปพลางถางภูเขาไปด้วย
เมื่องานทั้งหมดเสร็จ พวกเขาตัดสินใจถาม ‘ไฮน์’ ว่าควรทำอะไรต่อไป
แต่ ‘ไฮน์’ นั้นเหนื่อยล้าและหลับลึกอยู่
พอไม่รู้จะทำอย่างไร มนุษย์จึงเริ่มเปลี่ยนแปลงผืนแผ่นดินตามใจชอบเอง
พอ ‘ไฮน์’ ตื่นขึ้นมา สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจที่สุดคือจำนวนของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เพื่อจะลดจำนวนมนุษย์ลง ‘ไฮน์’ จึงใช้เวทมนตร์เผามนุษย์ตัวเล็กที่ดูไม่มีประโยชน์
มนุษย์ตัวเล็กเหล่านั้นคือสิ่งที่เรียกกันว่า ‘เด็ก’ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับมนุษย์
มนุษย์ต่างพากันกรีดร้อง ร้องไห้ และต่อต้าน ‘ไฮน์’
แต่ ‘ไฮน์’ ไม่ฟังคำพูดจากสิ่งที่เขาเห็นเป็นเพียงเครื่องมือ
ดังนั้นมนุษย์จึงโกรธแค้นไฮน์อย่างรุนแรง และไม่ฟังคำพูดของไฮน์อีกต่อไป
มนุษย์จึงเริ่มกบฏต่อ ‘ไฮน์’
‘ไฮน์’ ตอบโต้ด้วยเวทมนตร์ แต่ก็พ่ายแพ้เพราะการที่มนุษย์เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก และสติปัญญาที่พวกเขาได้รับมาทดแทนการที่ไม่มีเวทมนตร์
ในสถานการณ์ที่ตกที่นั่งลำบาก ไฮน์จึงต่อรองกับมนุษย์
เขาเสนอร่างกายและพลังครึ่งหนึ่งของเขาให้
มนุษย์คิดว่าถ้าไฮน์มีพลังเหลือครึ่งเดียว ไฮน์จะไม่น่ากลัวอีกต่อไป จึงตกลงรับข้อเสนอนั้น
‘ไฮน์’ แบ่งร่างกายครึ่งหนึ่งออกมาและมอบให้แก่มนุษย์
เพื่อจะนำพาสันติภาพระหว่าง ‘ไฮน์’ และมนุษย์
ทว่ามนุษย์เริ่มต่อสู้กันเอง เพื่อแย่งชิงพลังจาก "ร่างครึ่งหนึ่งของไฮน์"
การต่อสู้อันยาวนานจึงอุบัติขึ้น
หลายประเทศถูกก่อตั้งขึ้นในระหว่างนั้น
ท้ายที่สุดการต่อสู้จบลงด้วยชัยชนะจากชนเผ่าของราชาแห่งความมืดเซบาลกา (Zebalga) พวกเขาร้องขอให้ “ร่างครึ่งหนึ่งของไฮน์” ที่หลับใหลอยู่ในป่า ให้ส่งมอบพลังให้พวกเขาตามสัญญา
ทว่า “ร่างครึ่งหนึ่งของไฮน์” ไม่ตอบสนองต่อคำสั่งของพวกเขา
เพื่อแก้ปัญหา เซบาลกาได้ปรึกษานักปราชญ์วาสคารูน (Vascaroon)
วาสคารูนผู้ชาญฉลาดจึงใช้ปัญญาของเขาหาคำตอบจาก “ร่างครึ่งหนึ่งของไฮน์”
ร่างของไฮน์ที่เหลืออยู่นั้น คือร่างครึ่งหนึ่งในส่วนของความแข็งแกร่งป่าเถื่อนโหดร้าย ทั้งที่มนุษย์เชื่อกันว่าพลังครึ่งหนึ่งของไฮน์นั้น คือพลังเวทย์ครึ่งหนึ่ง พลังลีกลับของเขา ทว่า “ร่างครึ่งหนึ่งของไฮน์” นั้นแท้จริงแล้วกลับเป็นแค่ “เปลือกอันว่างเปล่าของไฮน์”
เมื่อเผ่าเซบาลกาได้ยินคำอธิบายนี้ พวกเขาก็โกรธจัด
พวกเขาสาบานว่าจะกำจัดไฮน์ที่ผิดสัญญาให้จงได้
อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีใครพบอีกร่างครึ่งหนึ่งของไฮน์ที่มีเวทมนตร์อีก
มนุษย์เริ่มเรียกไฮน์ที่หายไปว่า “ไฮน์เวทมนตร์” และตามหาเขาเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน
Text เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ "บันทึกของวาสคารูนผู้ยิ่งใหญ่" ซึ่งเป็นหนังสือที่ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นลูกหลานขจอมปราชญ์วาสคารูนทิ้งเอาไว้
หลังจากส่วนนี้ หนังสือได้บรรยายถึงสิ่งประดิษฐ์และความสำเร็จมากมายของวาสคารูน แต่ไม่มีการเอ่ยถึงไฮน์อีกต่อไป
บางทีผู้เขียนอาจจะลงหลงลืมบางช่วงบางตอนไปก็ได้
อ๊ะ ใช่แล้ว
นี่ก็เป็นเพียงตำนานและยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
ปัจจุบัน เชื่อกันโดยทั่วไปว่าเป็นเพียงเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเอง
เขาอาจจะแต่งเรื่องขึ้นมาโดยนำเรื่องราวต่าง ๆ ในสมัยนั้นมารวมกัน
เพราะถ้าพวกเธอเชื่อหนังสือเล่มนี้ เค้าว่านักปราชญ์วาสคารูนมีอายุถึง 980 ปีเชียว!
อื้อ? มันแปลกใช่มั้ยล่ะ?
เอ๊ะ? ที่จริงแล้วนักปราชญ์วาสคารูนพูดก็คือไฮน์เวทมนตร์รึเปล่าน่ะเหรอ?
ฮ่า ๆ ๆ ๆ
ของแบบนี้มันพิสูจน์ไม่ได้หรอก แต่ถ้าพวกเธอยืนกรานในทฤษฎีนี้ คนรุ่นต่อ ๆ ไปก็อาจจะเชื่อแบบนั้นก็ได้
เอาล่ะ ก็อยากที่พวกเธอรู้กันว่าคนบางส่วนเชื่อกันว่าไฮน์เวทมนตร์คือจุดกำเนิดของแม่มด
แม่มดมีตัวตนอยู่จริง
มีคนมากมายศึกษาจุดกำเนิดของแม่มด แต่ครูน่ะชอบทฤษฎีที่ว่า “ไฮน์เวทมนตร์ =แม่มด” มากที่สุด
จริงอยู่ที่คงไม่มีประโยชน์ที่จะไปตามหาจุดกำเนิดของตำนนาน แต่อย่างที่เขาว่าไม่มีไฟย่อมไม่มีควัน
ดังนั้น ครูจึงคิดว่ามันต้องมีความจริงอยู่บ้างในตำนานนี้
หรือจะบอกว่า ครูหวังเช่นนั้นก็เป็นได้
เอ๊า ชักจะออกนอกเรื่องกันไปละ
ครูขอแนะนำทฤษฎี “ไฮน์เวทมนตร์=แม่มด” ให้กับพวกเธอ
คำว่า “แม่มด” ในความหมายที่ใช้กันแพร่หลาย ถูกกำหนดขึ้นโดยนักวิชาการชื่อเทมู (Temu) เมื่อประมาณ 500 ปีก่อน
เทมูผสมผสานตำนาน นิทานพื้นบ้าน และข้อเท็จจริงเข้าไว้ด้วยกัน เขาถูกมองว่าเป็นนักเล่าเรื่องมากกว่านักประวัติศาสตร์ ตามประวัติศาสตร์แล้ว แม่มดก็เป็นหายนะของบางประเทศ
แต่ว่า ครูก็ชอบเขา นับถือในความมุ่งมั่นของเขา และเลือกที่จะเรียกเขาว่านักประวัติศาสตร์
เทมูเขียนในหนังสือ "ไฮน์อยู่ที่ไหน" ไว้ว่า
ไม่แปลกที่ไม่มีใครพบเห็นไฮน์เวทมนตร์อีกเลย
นั่นเพราะพรางตัวด้วยการเปลี่ยนรูปร่างเป็นผู้หญิง ซึ่งคนในยุคนั้นคิดว่าเป็นผู้ที่ต้องได้รับการปกป้อง
บางครั้ง ผู้หญิงก็มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ แต่ข้าคิดว่านั่นคือ ‘ไฮน์เวทมนตร์’
ไม่รู้ว่านั่นคือ "ไฮน์เวทมนตร์" "ทายาท" หรือ "คนที่ได้รับสืบทอดพลังมา" ก็เป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันต่อไปในอนาคต
ไฮน์เวทมนตร์ ในรูปของผู้หญิงข้าขอเรียกสิ่งนี้ว่า ‘แม่มด’
คำอธิบายก็มีประมาณนี้
มันฟังดูเป็นทฤษฎีที่โหดร้าย แต่ก็เรียบง่ายดูน่าเชื่อใช่มั้ยล่ะ
เทมูยืนกรานเรื่องนี้ทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย
ครูก็ชอบนะ
เอ๊ะ? สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ "เปลือกอันว่างเปล่าของไฮน์" งั้นเหรอ?
เอาไว้คุยกันในคาบถัดไปนะ
มันก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ เลยล่ะ
พวกเธอก็เคยได้ยินชื่อนี้ในคาบธรณีวิทยามาก่อนใช่มั้ยล่ะ?
ฮ่า ๆ ๆ
ถ้านอกเรื่องมากไป เดี๋ยวแผนการสอนจะเพี้ยนหมด เรากลับเข้าเรื่องของแม่มดกันดีกว่า
ต่อมา เรามาดูแม่มดที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์กัน
จ้ะ?
แม่มดในปัจจุบัน?
แม่มดหลายคนในประวัติศาสตร์ ก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตนกัน
นี่ก็เป็นปัญหาของพวกเรา มากกว่าปัญหาของพวกแม่มด
พูดอีกนัย นี่คือโลกที่แม่มดตอนปกปิดตัวตนกัน
ตัวอย่างเช่น อืม?
ถ้าพวกเธอรู้ว่า ดร. คาโดวาคิ เป็นแม่มดเหมือนกัน พวกเธอจะทำยังไง?
เนอะ? จะมองด้วยสายตาแบบเดิมได้มั้ยล่ะ?
ช่าย ช่าย ทำได้รึเปล่า
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำแบบนั้นได้
อืมมม ที่จริงฝั่งแม่มดเอง ก็มีปัญหาเหมือนกัน
นั่นก็เพราะมีแม่มดมากมายที่มีแต่พวกเขาที่ครอบครองเท่านั้น ในทางที่ผิด
อ๊าาาา หัวข้อนั้นก็ไว้วันหลังละกัน
ดูท่า ทุกคนสนใจเรื่องแม่มดกันเนอะ
ถ้าพวกเธอสนใจกันมาก ครูอาจจะตั้งชมรมวิจัยแม่มดขึ้นมาได้นะ
โอเค งั้นกลับมาเข้าเรื่องของเรากัน
ในประวัติศาสตร์ มีแม่มดที่สำคัญอยู่ 3 คน
อ๊ะ ก่อนหน้านี้ครูโกหกนะจ้ะ
ชื่อของแม่มดเหล่านี้ออกสอบนะ
ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องตกอกตกใจไปหรอก
เอาล่ะ...
ในยุคโบราณ ว่ากันว่ามีแม่มดคนหนึ่งยืนข้างประชาชนในช่วงที่ประเทศของเธอกำลังล่มสลาย
เรื่องราวของแม่มดคนนี้ และอัศวินของเธอที่ชื่อเซเฟอร์ (Zefer) ได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว ซึ่งหลายคนคงเคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้กันไปแล้ว
แม่มดคนต่อมา คือแม่มดจากสงครามแม่มด ที่ทำให้โลกแตกออกเป็น 2 ฝ่าย
เธอเป็นแม่มดที่น่าสะพรึงกลัวมาก
และอีกคน คนที่เราคุ้นเคยที่สุดก็คือ?
ใช่ ๆ ถูกแล้ว
แม่มดคนนี้ให้ความร่วมมือในการศึกษากลไกของเวทมนตร์ เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกเธอจึงสามารถใช้เวทมนตร์กันได้
เอ๊ะ?
อ้าว?
หมดเวลาแล้วเหรอ?
ครูพูดเพลินจนลืมเวลาไปเลย บริหารเวลาพลาดซะแล้ว
ช่วยไม่ได้ งั้นวันนี้พอแค่นี้จ้ะ
ไปหาแล้วจำชื่อแม่มด 3 คนนั้นเอาไว้ให้ดี
เจอกันพรุ่งนี้จ้ะ
เรื่องสั้นโดยคาสึชิเงะ โนจิมะ (จาก FFVIII Ultimania หน้า 478-479)
หมายเหตุผู้แปล * มนุษย์เชื่อว่าเมื่อไฮน์จะแบ่งร่างครึ่งหนึ่งให้ ก็จะได้ parameter ทุกอย่างมาครึ่งหนึ่ง แต่ดันกลายเป็นว่าไฮน์แบ่งร่างในส่วน STR+VIT มาให้ แต่กั๊กร่าง MAG+SPR ไว้เอง
Post a Comment