เนื้อเรื่อง The First SOLDIER ตอนที่ 9
พวกเซฟิรอธลากศพ SOLDIER ที่พบ มายังจุดนัดพบที่ชายขอบดินแดนต้องห้ามอิการะ แล้วคุยกันถึงเช้าว่าจะเอายังไงต่อ แม้แขนอลิสสาจะบาดเจ็บจนต้องพันแผลไว้ แต่ก็ยังยืนกรานจะสำรวจโรบิโอต่อ ซึ่งไม่มีใครค้านรวมถึงเซฟิรอธ ดูเหมือนอลิสสาพูดอะไร เซฟิรอธก็เชื่อฟังจนทุกคนแปลกใจ คนขับคอปเตอร์ก็บอกว่าจะเอาศพไปส่งที่ R&D ให้
เซฟิรอธไปหยิบดาบอะไหล่สำรองของชินระมาใช้ อลิสสาบอกว่าเป็นถึงฮีโรคนดังแต่กลับต้องใช้ของธรรมดา เซฟิรอธบอกอันไหนก็ฟันได้เหมือนกัน
อลิสสาบอกว่านึกว่าจะต้องตายแล้ว ไม่คิดว่าเซฟิรอธที่เขาเล่าลือกันจะมาช่วย ไว้กลับไปแล้วจะไปบอกทุกคนเลย ตอนนี้อลิสสาเจ็บแขนช่วยสู้ไม่ไหว
เวลามีมอนสเตอร์จะเข้าใกล้ แองจีลจะมีสัมผัสที่ 6 รู้สึกได้
แองจีลขอโทษที่ล้ำเส้น ก่อนจะถามว่าทำไมเซฟิรอธวางตัวแปลก ๆ กับอลิสสา? เซฟิรอธบอกว่าเขาพยายามสร้างสัมพันธ์ ปฏิบัติกับคนอื่นแบบพวกพ้อง
ตากล้องบอกว่าขนาดยังไม่เข้าขากันทั้งสองคนยังเก่งขนาดนี้ แองจีลบอกว่าจากนี้ไปจะดียิ่งขึ้นไปอีก แล้วขอเชคแฮนเซฟิรอธ แต่เซฟิรอธเดินหนี
ตากล้องบอกว่าอลิสสาดูเป็นคนแบบแองจีลมากกว่า เซฟิรอธเป็นพวกช่างคนอื่น โฟกัสแต่ตัวเอง และกลายเป็นเครื่องจักรสังหาร ส่วนแองจีลแข็งแกร่งจากมิตรภาพที่สร้างกับผู้อื่น อลิสสาเลยดูเป็นแบบหลัง แล้วตากล้องก็ถามอลิสสาว่า SOLDIER ควรเป็นแบบหมาป่าเดียวดาย หรือทำงานกันเป็นทีม? อลิสสาบอกมันแล้วแต่คนสิ ในฐานะ SOLDIER เธอไม่ได้โดดเด่น แต่ก็ภูมิใจที่ได้คอยสนับสนุนคนเก่ง เซฟิรอธบอกว่าเขาไม่ต้องการการสนับสนุนหรอก ให้โฟกัสกับการสำรวจได้เลย แต่แองจีลกลับพูดว่าถ้าไม่ได้เธอช่วย คงไม่อาจค้นพบความลับของโรบิโอได้แน่
---------------------------------
เดินทางกลับเข้าไปสำรวจดินแดนอิการะต่อ จนแองจีลอยากให้ทุกคนพัก อลิสสากับตากล้องก็ไม่ค่อยไหวแล้ว
อลิสสาชี้ให้ดูหินที่ผ่านการหลอมเหลวมา น่าจะมีการใช้มหาเวทย์ไฟที่นี่มาก่อน
เมื่อ 2,000 ปีก่อนชนเผ่าโบราณก็เคยมายังดินแดนแห่งนี้ ตั้งชื่อดินแดนแห่งนี้ว่าอิการะ แล้วขยายพื้นที่ลงทางตอนใต้ เวลาผ่านไปไม่ถึงศตวรรษ จากอิการะที่แห้งแล้ง ก็กลายเป็นดินแดนเขียวชอุ่ม แต่แล้วกลับมีอสูรร้ายบุกดินแดน ฆ่าล้างหมู่บ้าน ชาวอิการะไม่อยากจดจำมันไว้เลยไม่ได้ตั้งชื่อ แต่แล้วก็มีกลุ่มนักรบไปสู้กับอสูรร้าย พวกเขาเดินทางลงใต้และแผดเผามัน ทว่าแม้อสูรตายไปแล้ว แต่เวทมนต์นั้นรุนแรงมาก จนแผ่นดินลุกเป็นไฟ ไฟลาม นักรบก็รีบขึ้นเหนือกลับมาเตือนชาวบ้านในอิการะ พวกเขาไหม้กันไปทีละคน แต่แล้วมีคนนึงรอดมาได้ คือ Da-chao นักรบคนสุดท้าย ที่มาทันเวลาและช่วยให้ชาวบ้านอพยพออกไปได้ปลอดภัย ทว่าไฟก็ไหม้ไปอีก 3 ปี คลอกบ้านและแผ่นดินโดยรอบไปหมด การจะสร้างใหม่นั้นคงเป็นไปไม่ได้ ชาวบ้านเลยขึ้นไปทางเหนือ ไปหาทำเลใหม่ นั่นคือจุดเริ่มต้นของชาววูไถ
เข้ามาในถิ่นหมอก อลิสสาบอกว่าตอนแรกที่มาที่นี่พวกเธอวางสัมภาระไว้เป็นเครื่องหมาย ตอนนี้อยากเก็บกลับมาเพื่อให้มีอะไรให้รำลึกถึงทีมของเธอ
อลิสสาถามว่าทำไมแองจีลไม่ใช้ดาบเล่มโตบนหลังเลย แองจีลบอกว่ามันเป็นเครื่องลาง อลิสสาเลยบอกว่าเซฟิรอธก็ควรมีดาบวิเศษเหมือนกัน สิ่งที่แสดงให้ทุกคนเห็นถึงความแตกต่าง
อลิสสาบอกเซฟิรอธกับแจงจีลดูสู้สบาย ไม่ต้องใช้ความพยายามเลย
เซฟิรอธบอกว่าเธอเป็น active model รึเปล่า?
อลิสสาบอกใช้ รุ่นที่ถูกดัดแปลงด้วยเซลล์พิเศษแล้ว
ตากล้องบอกเขาได้ยินว่าเซลล์พวกนั้นเพาะมาจากอะไรบางอย่างที่เซาะออกมาจากอุกกาบาต ทราบเรื่องนี้กันมั้ย?
อลิสสาบอกว่ามันแค่ข่าวลือ
อลิสสาเล่าว่า
ประมาณ 500 ปีก่อน หลัง 5 นักรบปราบอสูรร้ายไปนาน ผู้คนก็ไม่เข้าใกล้ที่นี่ (โรบิโอ) แต่แล้วก็มีกลุ่มผู้กล้าที่เป็นชนเผ่าโบราณตัดสินใจเข้ามา ตอนนั้นเผ่าพวกเขามีจำนวนลดลงมากแล้ว แต่ยังมีองค์ความรู้ที่จะคืนชีพดินแดนรกร้างให้กลับมาสมบูรณ์ แคมป์ของพวกเขากลายมาเป็นหมู่บ้าน จนกลายมาเป็นโรบิโอที่เห็นอยู่
ตากล้องบอกหมู่บ้านอุตส่าห์กลับมาแล้ว ไหงกลับถูกทำลายอีกครั้งล่ะ? อลิสสาบอกว่านั่นคือสิ่งที่เธอต้องหาคำตอบ อย่างแรกเราจะทำแผนที่หมู่บ้าน แล้วเราจะสำรวจซากอาคารสำคัญกัน / ตากล้องคิดว่าก็ธรรมดา คงไม่ได้ภาพอะไรสำคัญ แต่อลิสสาบอกอย่ามั่นใจนัก ที่นี่คือที่ ๆ ทำให้เธอทีมแตก
เซฟิรอธสังเกตเห็นแถวหินประหลาดในโรบิโอ ที่จุดนัดพบก็มีวางแบบนี้เหมือนกัน อลิสสาบอกว่าชาววูไถวางไว้เป็นบาร์เรียร์ กั้นไม่ให้อะไรบางอย่างออกไปจากที่นี่ / แล้วก็เจอภาพมายาของอดีต
ตากล้องสังเกตเห็นรอยไหม้ อลิสสาบอกว่ามันมีรอยไหม้ไปทั้งหมู่บ้าน แล้วทุกคนเห็นภาพมายาย้อนอดีตที่หมู่บ้านไฟไหม้ โดยมาซามุเนะทำร้ายชาวบ้านอยู่ เซฟิรอธสงสัยว่าที่เขาผนึกที่นี่กันไว้ เพราะอยากปกปิดความจริงอะไรกันนะ (ภาพมายานั้น ตากล้องถ่ายติดมาด้วย)
---------------------------------
แองจีลเจอมีดที่ตกไว้ จำได้ว่าเป็นมีดที่ชาวบ้านในภาพมายาใช้ แสดงว่ามันเป็นเรื่องในอดีตจริง ๆ ตากล้องสงสัยว่าเป็นฝีมือชาววูไถพยายามผนึกที่นี่พร้อมกับมอนสเตอร์รึเปล่านะ เซฟิรอธบอกว่าสำหรับวูไถ คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในที่ประหลาดแบบนี้ คงไม่นับเป็นมนุษย์ แองจีลก็สงสัยว่าวูไถเลยทำสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์กลับคืนรึเปล่านะ เซฟิรอธบอกก็งี้แหละ อะไรที่ต่างจากตัวเองก็กำจัดทิ้ง รวมถึงพวกเรา SOLDIER ด้วย... แต่แองจีลคิดว่าทุกคนไม่ได้เป็นแบบนั้นซักหน่อย เขาจะทำให้เห็นเอง
---------------------------------
นานมาแล้ว มีช่างตีอาวุธคนหนึ่ง รับผิดชอบการสร้างเครื่องมือและอาวุธให้ทั้งหมู่บ้านอยู่คนเดียว วันหนึ่งเขาทุ่มแรงกายใจสร้างดาบชั้นยอดขึ้นมา มันเป็นยิ่งกว่างานศิลปะ แต่ทุกคนคงเคยได้ยินภาษิตที่ว่าความงามทำให้คนหลงผิดได้ ชาวบ้านเริ่มต่อสู้เพื่อแย่งดาบเป็นของตนเอง บางคนพยายามย่องเข้าไปในบ้านของช่างตีดาบเพื่อขโมยมันมา แต่เพื่อปกป้องผลงานชั้นยอด ชายแก่จึงหันดาบเข้าใส่ชาวบ้าน ทุกอย่างจึงแปรแปรวนไปหมด เมื่อไม่อาจเชื่อใจชาวบ้านได้อีกต่อไป ชายแก่จึงออกมาตอนกลางคืน แล้วฆ่าชาวบ้านทีละคน ซึ่งชาวบ้านก็ยังคงอยากได้ดาบ ความโลภนั้นปิดกั้นไม่ให้พวกเขารวมพลังกัน ชาวบ้านเริ่มฆ่ากันเอง ไป ๆ มา ๆ ก็ไม่มีใครเหลือ
แองจีลถามว่าอลิสสาหาข้อมูลมากขนาดนี้ในไม่กี่วันได้ยังไง อลิสสาบอกว่าทุกคนก็เห็นช่างตีดาบคนนั้น มาซามุเนะ ผู้ทำลายหมู่บ้านของตัวเอง เขาก็ลุ่มหลงในดาบที่ตัวเองสร้างขึ้นมาไม่ต่างจากคนอื่น ๆ
มาซามุเนะปรากฏตัวออกมาสู้ แองจีลและเซฟิรอธไล่ไปได้
แองจีลสงสัยว่าตาแก่นี่อยู่มานานกี่ร้อยปีแล้วกันนะ ตากล้องทักว่า SOLDIER ที่เสียชีวิตล้วนมีรอยฟันทั้งนั้น เป็นฝีมือของตาแก่แน่เลย
อลิสสาบอกว่าเธอไม่ได้รวบรวมข้อมูลมา แต่ภาพทุกอย่างมันเข้ามาเอง ราวกับว่าเป็นความทรงจำของเธอเอง
เซฟิรอธบอกว่าเขารู้สึกว่าดาบนั้น มาซามุเนะ มันเรียกหาเขา มันอยากเป็นของเขา
มีเสียงระฆังดังขึ้นในหมู่บ้าน พวกแองจีลตามไปดูต้นเสียงก็เจอปากทางเข้าถ้ำขนาดใหญ่ เซฟิรอธรู้สึกถึงจิตอันแข็งกล้า ไม่รู้ว่าเป็นของใคร แต่มั่นใจอย่างนึงคือดาบนั้นอยากเป็นของเขา
แองจีลบอกว่าเซฟิรอธดูท่าทางแปลก ๆ ไปนะ ออกจากที่นี่ดีกว่า แต่เซฟิรอธบอกว่าเขาจะไปเอาดาบคืนมา แล้วเซฟิรอธจะเดินเข้าไปแบบไม่สน แองจีลบอกว่ารอเดี๋ยวก่อน เซฟิรอธบอกว่าแองจีลไม่มีสิทธิสั่งเขา แองจีลบอกไม่ได้สั่ง แต่เรามี SOLDIER ที่บาดเจ็บและชาวบ้านตาดำ ๆ อยู่ด้วย เราจะหาเรื่องเสี่ยงโดยไม่จำเป็นไม่ได้ นี่ใกล้ค่ำแล้ว เราตั้งแคมป์ก่อนคืนนี้ แล้วค่อยสำรวจถ้ำวันพรุ่งนี้ดีกว่านะ เซฟิรอธบอกว่าได้ แต่ก็จะออกทันทีที่แสงตะวันขึ้น
---------------------------------
แองจีลจะอยากให้ตากล้องไปนอน แต่ตากล้องขอเช็คคลิปที่ถ่ายมาก่อน แล้วก็ทบทวนว่าแองจีลและเซฟิรอธพยายามช่วยอลิสสาทำงานสำรวจ เราเข้ามาในดินแดนต้องห้ามอิการะ ที่ไม่มีมนุษย์ย่างกรายเข้ามานับศตวรรษ แล้วเจอร่องรอยมากมาย
2,000 ปีก่อน มีนักรบ 5 คนใช้เพลิงพินาศ ขับไล่ปิศาจ แต่เพลิงนั้นเผาไหม้บ้านของพวกเขา ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพไปตั้งรกรากเป็นวูไถ
ต่อมาพวกเขาก็หวาดกลัว และรังเกียจดินแดนนั้น ไปเรียกมันว่าดินแดนต้องห้าม
แต่ผ่านไปหลายยุคสมัย ก็มีคนรุ่นใหม่เข้ามาเปลี่ยนดินแดนนี้ แล้วสร้างหมู่บ้านโรบิโอขึ้นมา แต่ความรุ่งเรืองนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะความบ้าคลั่งของช่างตีดาบ
มันเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม ชาววูไถจึงปิดผนึกคนที่นี่ ปล่อยให้ฆ่ากันตายเอง
ดูเหมือนเซฟิรอธจะมีความเกี่ยวข้องกับคนที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ เซฟิรอธเปลี่ยนไป เริ่มรู้สึกถึงสถานะการเป็นวีรบุรุษ และทำให้เกิดเป้าหมายใหม่
เขาก็จะตามบันทึกการเติบโตของเซฟิรอธต่อไป
---------------------------------
เซฟิรอธบอกเขาแทบไม่เคยออกจากมิดการ์เลย นอกจากไปทำภารกิจ
แต่แม่กลับบอกว่าเราก็ไปเที่ยวด้วยกันประจำไง ไม่ว่าลูกไปไหน แม่ก็จะอยู่ด้วย แม่ภูมิในในตัวลูกที่สุด
แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่จะปกป้องลูก ต่อให้โลกทั้งใบเป็นศัตรูกับลูกก็ตาม
---------------------------------
พ่อแองจีลบอกเหลือเชื่อเลยที่ทุกคนมาส่ง ทุกคนชื่นชมแองจีลกันมาก
แองจีลก็บอกว่าเพราะเขามีตัวอย่างที่ดีไง
ชาวบ้านมาชมอีกว่าแองจีลทำให้พวกเขามีพืชผลอยู่กินกันไปได้อีกสิบปี แล้วยังบอกว่าให้แบ่งให้พ่อแม่เขาทุกสัปดาห์หน่อย ลืมเซฟิรอธไปได้เลย แองจีลคือ SOLDIER เบอร์ 1 ของพวกเรา
กิลเลียนจะเอาชุดที่แอบซุ่มทำทุกคืนมาให้แองจีล แองจีลดีใจมากและบอกว่าจะใส่อย่างภาคภูมิ แต่ก็กลัวทำเลอะ
กิลเลียนบอกถ้าเลอะก็แค่ทำชุดใหม่
ส่วนพ่อก็เอาดาบ Buster Sword ให้ ชาวบ้านฮือฮามาก พ่อบอกว่าแค่เหวี่ยงดาบไป มอนสเตอร์หน้าไหนก็ต้องกระเจิง
แล้วพ่อก็บอกให้ไอ้ลูกชาย จงโอบกอดความฝัน ยึดมั่นในความหวังเอาไว้
มีตากล้องเข้ามาถ่ายรูป พ่อแม่ลูก พร้อมแอบจีลที่ถือดาบ กิลเลียนบอกว่าให้เก็บเอาไว้ดี ๆ เราจะได้อยู่ด้วยกันเสมอ
แองจีลระลึกอยู่เสมอว่า เขาจะไม่มีวันลืมคำพูดของพ่อเลย โอบกอดความฝัน ยึดมั่นในความหวังเอาไว้ แม้ในเวลาที่ยากลำบาก แต่ตอนนี้ฝันเป็นจริงแล้ว ก็จะสู้ต่อไป เพื่อพ่อแม่ที่ทำงานหนัก และเพื่อทุกคนที่พยายามก้าวผ่านเวลาที่ยากลำบาก
Post a Comment