สรุปเนื้อเรื่อง Life is Strange : Double Exposure

*หมายเหตุ*

เนื้อเรื่อง Life is Strange มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกันตามการกระทำของแต่ละคน ดังนั้น เนื้อเรื่องที่สรุปต่อไปนี้ เป็นเพียงเวอร์ชันที่ผมเล่นรอบแรกเท่านั้น ยังมีเนื้อหาเวอร์ชันอื่น ๆ อยู่อีก



------------------------------------------

ความเป็นมาก่อนเริ่มเกมที่แมกซ์จะเข้ามา

------------------------------------------

- ที่มหาวิทยาลัยคาเลดอน (Caledon) มียัสมิน (Yasmin) เป็นอธิการบดี โดยมีวินห์ (Vinh) เป็นเลขาฯ หน้าห้องให้

- ในมหาวิทยาลัยนี้ เคยมีนักเขียนอัจฉริยะชื่อ มายะ โอคาดะ (Maya) เรียนอยู่ โดยมายะเป็นเพื่อนสนิทกับซาฟียา (Safiya) ซึ่งเป็นลูกสาวของยัสมิน ทั้งสองคนมักไปไหนมาไหนด้วยกัน โดยมีวินห์เป็นเงาตามหลัง

- ในช่วงเรียนมัธยมปลาย หลังจากเดสมอนด์ไปจากครอบครัวของซาฟีและยัสมิน ซาฟีก็ไม่ได้เจอพ่ออีก ยัสมินอ้างว่าเป็นความคิดของพ่อ แต่แท้จริงแล้วเป็นความคิดของยัสมินเอง ซาฟีเห็นว่าแม่ตัวเองใจสลาย เห็นว่าแม่อยากให้ตัวเองมีอนาคตที่ดี ก็รู้สึกถึงภาระความกดดัน และเกิดความรู้สึกอยากจะเป็นคนอื่นขึ้นมา จนกระทั่งในที่สุดจู่ ๆ ก็ได้พลัง Shapeshifter มา เป็นพลังที่ทำให้สัมผัสการรับรู้ที่คนอื่นมองมายังเธอได้ และเธอสามารถเข้าไปบิดการรับรู้นั้น แปรเปลี่ยนรูปร่างน้่ำเสียงที่ผู้อื่นรับรู้ได้ โดยเธอจะสามารถแปลงได้แค่คนที่เธอเคยเจอมาก่อนเท่านั้น

- ซาฟีเข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้มีพลังพิเศษคนเดียวในโลก และกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าตัวเองประหลาด จึงเก็บงำเป็นความลับไว้

- วินห์นั้นเคยชอบซาฟีอยู่ จนได้มีโอกาสวันไนท์สแตนด์ด้วยกัน แต่ปัจจุบันก็ห่างเหิน ความรู้สึกเปลี่ยนไปแล้ว

- ปัญหาเริ่มจากวันหนึ่งอาจารย์ลูคัส (Lucas) อาจารย์หัวหน้าภาควิชาวรรณคดี (Department Chair: Literature) ได้ตรวจงานของมายะ แล้วมันบรรเจิดเริ่ดสะแมนแตนมาก แกเลยขโมยงานเขียนของมายะ เอาไปตีพิมพ์ขายเป็นหนังสือเล่มแรกของเขาในชื่อหนังสือ Wilder Beasts Than These แล้วมันดันกลายเป็นนิยายระดับ Best Seller ทำให้แกดังพลุแตก แล้วลูคัสแกก็พุ่งเข้าหาแสง รับเครดิตเต็ม ๆ และพยายามโปรโมตตัวเอง ทั้งที่งานเขียนดังกล่าวเป็นของมายะ ลูกศิษย์ตัวเอง

- มายะที่เป็นนักเขียนอัจฉริยะ เศร้าเสียใจกับเรื่องนี้มากที่อาจารย์ขโมยผลงานนักศึกษา จนเรื่องไปถึงหูยัสมินในฐานะอธิการบดี แต่ยัสมินกลับเลือกที่จะให้ท้ายลูคัส โดยบอกมายะให้อยู่เงียบ ๆ แล้วยังให้ซาฟีไปช่วยกล่อมมายาให้ซุกเรื่องไว้ เพื่อปกป้องชื่อเสียงของลูคัสและมหาวิทยาลัยไว้ เข้าทำนองไฟในอย่านำออก มีอะไรก็ซุกไว้ใต้พรมนะมึง

- มายะเศร้ามากที่ผลงานแห่งชีวิตตัวเองโดนขโมยไป แล้วไม่มีใครช่วยได้ ทางมหาวิทยาลัยก็ปกป้องคนผิด เธอจึงตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเอง

- ยัสมินให้วินห์ ไปปล่อยข่าวลือว่ามายะฆ่าตัวตายเพราะปัญหาสุขภาพจิตของตัวเอง

- ถ้ามีคนไปไล่ต้อนลูคัสเรื่องการขโมยงานเขียนของมายะ ลูคัสจะบอกว่าตอนแรกเขาจะใส่เครดิตชื่อมายะลงหนังสือด้วย แต่มายะนั้นเห็นใจสภาพครอบครัวเขาที่หย่ากับเมียประกอบกับปัญหาชีวิตต่าง ๆ มายะจึงไม่ได้ให้ใส่ชื่อตัวเอง เพื่อให้ลูคัสได้ชื่อเสียงคนเดียวเต็ม ๆ

- เวลามีคนถามยัสมิน เรื่องที่มายะกับซาฟีสนิทกันนี่ ยัสมินในฐานะอธิการบดีตัวร้ายและแม่ผู้แสนดี ก็จะทำเป็นไม่ค่อยรู้จักมายะ และบอกว่าซาฟีกับมายะไม่ได้สนิทกันสักหน่อย

- ซาฟีในฐานะเพื่อนสนิทของมายะ โกรธแค้นลูคัสและแม่ของตัวเองมาก แต่แล้วอาจารย์เกว็น (Gwen) อาจารย์ภาควิชาสารคดีสร้างสรรค์ (Creative Non-Fiction) ของซาฟีเอง ได้บอกให้เอาความโกรธนั้นมาสร้างเป็นผลงาน

- ซาฟีไปแต่งงานประพันธ์ชั้นเยี่ยมของตัวเองขึ้นมา ชื่อ All the Daughters We Don't Talk About ซึ่งมีเนื้อหาในเชิงปลุกปั่นและสื่อถึงการตายของมายะ ตอนแรกเกว็นก็ชื่นชมและติดต่อสำนักพิมพ์ให้ แต่เมื่อเรื่องไปถึงหูของยัสมิน ยัสมินก็สั่งให้ไปยกเลิกดีลกับสำนักพิมพ์ ทำให้เกว็นจำใจต้องทำ

- พอซาฟีไปถามเกว็นว่าสั่งยกเลิกการพิมพ์หนังสือของเธอทำไม ตอนแรกเกว็นก็ทำเป็นปล่อยเบลอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่อมาก็ดองแชทยาว นั่นจึงยิ่งเป็นการสุมความแค้นให้ซาฟี


------------------------------------------

การแก้แค้นของซาฟี

------------------------------------------

- ซาฟีใช้พลัง Shapeshifter ของตัวเอง บิดการรับรู้ของผู้อื่นเพื่อเริ่มแผนแก้แค้นของตัวเอง

- ซาฟีแปลงเป็นเกว็น ไปขายยาเสพติดให้นักศึกษา แล้วมันมีภาพจับได้ เพื่อทำลายชื่อเสียงของเกว็น

- ซาฟีเชื่อว่าลูคัสอาจเกี่ยวข้องกับการยกเลิกดีลหนังสือของเธอ จึงหาทางแก้แค้น โดยซาฟีรู้จักร็อบบี (Robbie) ลูกชายวัยประถมของลูคัสดี (ลูคัสหย่ากับแม่ของร็อบบี และอยู่ในสถานะผลัดกันเลี้ยงร็อบบี) และซาฟีเคยดูแลร็อบบีมาก่อน จึงไปขู่ลูคัสว่าจะทำให้ร็อบบีเกลียดลูคัส

- ซาฟีแปลงเป็นลูคัส ไปบอกร็อบบีว่าแกเป็นสาเหตุให้พ่อแม่ต้องหย่ากัน ทำให้ร็อบบีฟ้องแคทเธอรีน (Catherine) แม่ของตนเอง-อดีตภรรยาของลูคัส แคทเธอรีนเลยไม่ยอมให้ลูคัสคุยกับร็อบบี และจะถอดถอนสิทธิในการดูแลเด็กของลูคัส ลูคัสเองก็เป็นงงว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเองก็ไม่คิดว่าแคทเธอรีนจะโกหกโดยเอาลูกมาใช้ประโยชน์

จนกระทั่งวันหนึ่ง อีแมกซ์ ติ่ง Final Fantasy : The Spirits Within ผู้ใส่เสื้อยืดลายโจโคโบะบอมบ์ซาโบเทนเดอร์ทอนแบรี และสวมฮูดม็อค ในวัย 28 ปีก็ได้มาเยือนมหาวิทยาลัยแห่งนี้ 


------------------------------------------

การเกิดทวิภพ

------------------------------------------

1. วันที่ 8 ธันวาคม แมกซ์และซาฟีใช้ชีวิตกันตามปกติ ซาฟีไม่ตาย - เกิดเป็น Timeline ที่ซาฟีมีชีวิตรอดในวันที่ 8 ธันวาคม

2. วันที่ 13 ธันวาคม แมกซ์และซาฟีที่รวบรวมหลักฐานมาจนแน่น ช่วยกันแฉความจริงที่ว่าลูคัสขโมยผลงานของมายะมาพิมพ์ขาย ลูคัสเลยเปิดเผยความจริงที่ซาฟีพึ่งรู้ว่า ยัสมิน แม่ของซาฟีเอง ก็ให้ท้ายลูคัสมาตลอด แถมยัสมินยังเป็นคนสั่งให้ยกเลิกการตีพิมพ์หนังสือของซาฟี ไหนจะสารพัดเรื่องที่ยัสมินปิดบังซาฟีมาตลอด

3. ซาฟีใจสลาย ควบคุมตัวเองไม่ได้ ออร่าเน็นของเธอพวยพุ่งปกคลุมไปทั่วมหาวิทยาลัยคาเลดอน เกิดพายุแห่งมิติกาลเวลา ทุกคนในมหาวิทยาลัยสติแตกกลายเป็นบ้า เพราะโดนเน็นของเธอแทรกซึมเข้าไปในความคิด เว้นแต่แมกซ์ที่เป็นผู้ใช้เน็นเหมือนกับ กับยัสมินที่เป็นเป้าหมายของการแก้แค้น ซาฟีจะยิงแม่ตัวเองทิ้ง ผมให้แมกซ์พุ่งเข้าชาร์จแม่งเลย ไม่เสียเวลาคุยด้วยแล้ว หลังจากนั้นออร่าของซาฟีที่คลุ้มคลั่งก็พวยพุ่งไม่หยุด มิติกาลเวลากำลังจะฉีกขาด แมกซ์จึงตัดสินใจใช้พลังย้อนเวลาแบบจัมป์ จัมป์กลับไปยังวันที่ 8 ธันวาคม อีกครั้ง

4. วันที่ 8 ธันวาคม ซาฟีที่มีความทรงจำจากข้อก่อนหน้านั้น หายคลุ้มคลั่งแล้ว แต่ซาฟีก็รู้สึกว่าชีวิตตัวเองบัดซบ พวกเราต่างถูกสาป ไม่อยากอยู่แล้ว และขอให้แมกซ์ยิงเธอเพื่อปลดปล่อยเธอจากความเฮงซวยนี้ได้เลย

5. แมกซ์เลือกที่จะยิงซาฟีทิ้ง - เกิดเป็น Timeline ที่ซาฟีตายในวันที่ 8 ธันวาคม

แต่ Timeline ที่ซาฟีตาย มันไม่สามารถดำรงอยู่อย่างเป็นเอกเทศได้ ซาฟีที่อยากตายและแมกซ์ที่ตัดสินใจยิง ก็เพราะทั้งสองคนนั้นมาจาก Timeline ที่ซาฟีมีชีวิตรอดมาก่อน ดังนั้น มันเลยเกิดเป็นสภาวะที่เส้นเวลา 2 เส้น ดำรงอยู่เพื่อค้ำจุนกันและกัน มันถึงจะไปได้

6. เรา Start Game มาในวันที่ 8 ธันวาคม แล้วแมกซ์ก็ข้ามไปมาระหว่าง Timeline ที่ซาฟีตายและรอดได้ เพราะเหตุการณ์ด้านบน

7. เมื่อเราเล่นไปถึงวันที่ 13 ธันวาคม และย้อนเวลากลับมาวันที่ 8 ธันวาคม แล้วเลือกที่จะเขวี้ยงปืนทิ้ง ไม่ฆ่าซาฟี.... ชะตากรรมก็จะเปลี่ยนไป

8. เกิด Time Vortex มิติเวลาบิดผันมั่วซั่วไปหมด เป็นพายุยักษ์ถล่มเมืองทั้งเมืองแบบภาคแรก แมกซ์ผจญท่องไปในสถานที่แห่งกาลเวลาต่าง ๆ รวมถึงห้องน้ำของ Blackwell Academy ที่โคลอี้ตาย หรือกระทั่งรังลับของเจฟเฟอร์ซันที่จับแมกซ์ไปทรมาน รวมถึงสารพัดโรงแรมที่แมกซ์เคยไปนอนระหว่างช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังจากไล่ตามและรวบรวมชิ้นส่วนจิตใจของซาฟีสำเร็จ แมกซ์ก็ผนวกรวม Timeline 2 เส้นเข้าด้วยกัน แล้วสร้างความเป็นจริงต่อเนื่องขึ้นมา

9. กลับสู่วันที่ 13 ธันวาคม ต่อจากเหตุการณ์ข้อ 3 แต่คราวนี้ซาฟีควบคุมตัวเองได้แล้ว Time Vortex หายไปแล้ว


------------------------------------------

บทสรุป

------------------------------------------

1. ชิ้นส่วนจิตใจสุดท้ายของซาฟียังอยู่กับแมกซ์ ซาฟีไม่อยากเอาออกไป ให้อยู่กับแมกซ์แบบนั้นแหละ

2. ซาฟีบอกว่าในเมื่อพวกเรามีพลังดั่งเทพแบบนี้ พวกเราไม่ควรจะมาอยู่แค่ในมหาวิทยาลัยเกรด B แบบนี้ เธอนึกว่าตัวเองเป็นผู้มีพลังพิเศษคนเดียวมาตลอด ที่ผ่านมาซาฟีกลัวคนอื่นจะรู้ความลับนี้และมองเธอแปลกใจ เธอจึงปิดบังมาตลอด แต่ในเมื่อเธอไม่ได้เป็นผู้มีพลังพิเศษคนเดียว แปลว่าโลกนี้ยังมีอีกหลายคนที่มีพลังแบบนี้ เธออยากจะไปตามหาผู้มีพลังพิเศษคนอื่นต่อ แล้วรวมเป็นกลุ่มก้อนเข้าด้วยกัน เราจะเป็นพระเจ้าของโลกใหม่ ฝันให้ไกลไปให้ถึง~~~

3. แมกซ์บอกว่าไอ้คำสาป ชะตากรรม การล้างโลก บ้าบออะไรพวกนั้น แม่งไม่ใช่เรื่องจริง แต่การที่พวกเราได้อยู่ด้วยกัน ทะนุถนอมดูแลกันต่างหาก นั่นแหละคือความจริง... ดังนั้น ไม่ต้องสติแตกหรอก ถึงแม้ซาฟีจะเน็นทะลักจนครอบงำคนอื่นสติแตกไปแล้ว ถึงแม้สร้าง Time Vortex จะเมืองพังไปหมดแล้ว แต่เราจะช่วยกันแก้ไขและมีชีวิตกันต่อไปได้

4. ซาฟีไม่เอาด้วย และเธอจะออกเดินทางไปรวบรวมผู้มีพลังพิเศษนอกเมืองนี้ เธอบอกว่าแมกซ์จะใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เพื่อรับเกียรติและชื่อเสียงที่มหาวิทยาลัยจะประเคนให้ก็ได้ แต่ถามเถอะว่า เมื่อถึงวันที่เธอกลับมาแล้ว แมกซ์จะยังคงอยู่เคียงข้างเธอ (ซึ่งไปรวบรวมแก็งผู้มีพลังพิเศษมาเพื่อจะครอบโลก) มั้ย?

5. ผมตอบแบบกล่อมไปก่อนว่า เยสชัวร์โอเคเวรีกุ๊ด.... ซาฟีก็เข้ามากอดลาแมกซ์ แล้วออกจากเมืองไป จบเกมแบบเมืองโดนพายุซัดถล่มเละ แต่ไม่มีใครตาย

6. แมกซ์เอาแมวที่หลงทางมา ไปฝากให้ลอเรตต้าที่เป็นคนกลาง เอาไปคืนให้แจ็คกี้ที่เป็นเจ้าของแมวตัวจริง

7. ลูคัสกำลังพิมพ์แถลงการณ์ขอโทษแก่แฟนหนังสือของเขา ทุกคนที่สนับสนุนเขามา และบอกว่าต่อไปรายได้จากหนังสือนี้ทั้งหมด จะส่งให้องค์กรที่ทำงานเพื่อยับยั้งการฆ่าตัวตายต่าง ๆ หลังจากนั้นเขาจะขอลาออกจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ที่ชื่อเสียงเขาป่นปี้หมดแล้ว และไปตั้งใจดูแลลูก

8. ยัสมินที่กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล โทรมาหาแมกซ์เพื่อสอบถามว่าหลังจากวันนั้นได้รับการติดต่อจากซาฟีบ้างมั้ย? แมกซ์บอกไม่เลย ยัสมินบอกว่าไม่ต้องการคำอธิบายใด ๆ ในเรื่องของซาฟี เพราะเกรงว่าถ้ายิ่งฟัง เดี๋ยวจะยิ่งช้ำใจจนไม่ได้ฟื้นตัว เธออยากจะรีบฟื้นตัวแล้วไปตามหาลูกที่หายตัวไป แล้วตอนนี้เธอก็โดนบอร์ดถอดถอนจากตำแหน่งอธิการบดีแล้ว

9. ไดมอนด์เลือดกำเดาออกในตอนจบ ซาฟีที่สัมผัสถึงเน็นของไดมอนด์ได้ ก็วกกลับมาหาไดมอนด์เพื่อจะชวนไปเข้ากลุ่มผู้มีพลังพิเศษด้วย

10. แมกซ์บอกเพื่อน ๆ ทุกคนว่าซาฟีอาจทำเรื่องเลวร้ายไปมาก และในวันที่ซาฟีกลับมาก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่คนเราเปลี่ยนแปลงได้ ถึงอย่างไรพวกเราก็จะรับมือและผ่านมันไปด้วยกัน สักวันนึง เธอเองก็จะกลับไปเผชิญหน้ากับอาร์คาเดีย เบย์ อีกครั้ง

11. แมกซ์บอกทุกคนทิ้งท้ายว่า


มันอาจไม่ได้สมเหตุสมผลทั้งหมด และฉันก็ไม่ได้ภูมิใจกับทุกการตัดสินใจที่เลือกไป

แต่มันคือความจริง สิ่งที่จะตามมา ยากลำบากเสมอสำหรับพวกเรา

แต่เราจะผ่านมันไปด้วยกัน

สัญญาเลย

คราวนี้ จะไม่หนีไปไหนแล้ว


MAX CAULFIELD WILL RETURN


------------------------------------------

สภาวะหลัง Timeline ผสานกัน

------------------------------------------


- เมืองถล่มเละตุ้มเป๊ะ ข้างของบิดเบี้ยวมั่วไปหมด แต่ไม่มีใครตาย


- ซาฟีที่ Timeline นึงตาย, Timeline นึงรอด ก็ได้ผลออกมาเป็นรอด ราวกับว่าการผสาน Timeline เป็นการ union ในทางคณิตศาสตร์


- โมเซส มีความทรงจำของตัวเองจากทั้ง 2 timeline และคิดว่าตัวเองคงไม่ได้เป็นแบบนั้นคนเดียว


- มีคนที่คุ้น ๆ ว่าเคยมีคนตายมาก่อน (ซาฟีในโลกที่ตาย) แต่กลับจำรายละเอียดไม่ได้


- มีคนที่พยายามนึกถึงเรื่องราวช่วงวันที่ 8-13 ธันวาคม แต่พอนึกแล้วก็ปวดหัว คือเหมือนตัวเองผ่านวันนั้นมา แต่ก็เบลอไปหมด


สรุปว่าความจำของแต่ละคน หลัง Timeline ผสมกัน มันก็เบลอ ๆ มั่ว ๆ นั่นเอง มันออกแนว Union กัน แต่พออะไรที่มันขัดกันเอง ความจำในหัวก็จะเบลอ ๆ มั่ว ๆ

ไม่มีความคิดเห็น