ฮามากุจิให้สัมภาษณ์ Eurogamer หวังว่าแฟน ๆ จะเถียงกันไปจนกว่าภาค 3 ของ FFVIIR จะออก


- ฮามากุจิบอกว่า เขาตั้งใจให้ฉากจบของ Rebirth ในส่วนชะตากรรมของแอริธสร้างข้อถกเถียงกัน ให้แฟน ๆ เดากันไปเรื่อยจนกว่าไตรภาคจะดำเนินไปถึงบทสรุป

- ฮามากุจิบอกว่าเพราะเขาเล่นภาคออริจินอลในฐานะของแฟน ในตอนหนุ่ม เขามีมุมมองจากในฐานะของแฟนเกม ดังนั้นหากให้เขาตัดสินใจกำหนดทิศทางเอง ว่าจะทำอย่างไร มันก็กลายเป็นการขับเคลื่อนด้วยความคิดแบบแฟน ๆ กลายเป็นแฟนเซอร์วิซไป ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เพราะงั้น เลยถอยไปปรึกษาโนะ โนจิมะ คิตาเสะดีกว่า

- คิตาเสะนั้นชอบพูดว่า อยากให้เกิดการถกเถียงและคาดเดาไปเรื่อย ๆ จนกว่าภาคที่ 3 จะออก จนกว่าแฟน ๆ จะได้เห็นบทสรุปสุดท้ายเอง ในแง่นี้ ฮามากุจิคิดว่าพวกเขาบรรลุเป้าหมายที่คิตาเสะต้องการแบบเป๊ะ ๆ เลยแล้ว และเขาพอใจยิ่ง เพราะจนถึงตอนนี้ แฟน ๆ ก็ยังเถียงกันไม่หยุดเลย

- ฮามากุจิรู้ว่าฉากจบเกมนั้น ได้รับฟีดแบ็คแบบผสมผสาน ทั้งคนชอบและคนชัง แต่เขาก็ยอมรับว่า "นั่นคือสิ่งที่เราต้องการอยู่แล้ว" เพื่อให้การถกเถียงดำเนินต่อไปจนกว่าภาคที่ 3 จะออก

"สิ่งสำคัญคือผู้เล่นจะสงสัยว่า ตกลงมันจะเปลี่ยนหรือมั่ยยยย"

"ถ้าทุกอย่างเหมือนเนื้อเรื่องออริจินอลเป๊ะ คุณก็รู้สิว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันก็ไม่น่าเฝ้าคอย ไม่ตื่นเต้น คนที่เคยเล่นมาแล้ว ย่อมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป มันก็จะไม่สนุก ต่อให้มันชวนคิดถึงอดีต แต่มันก็จะไม่สนุก"

- ฮามากุจิพูดต่อถึงฉากจบของ Remake ที่พวกแอริธทำลายกำแพงแห่งชะตากรรม ผู้คุมชะตา แล้วยังปรากฏแซ็คจากต่างโลก เป็นคีย์ที่ทำให้ผู้เล่นสงสัย

"จุดประสงค์ที่แท้จริงของการใส่องค์ประกอบเหล่านี้เข้าไป คือการบอกผู้เล่นว่า นี่คือจุดที่เรื่องราวอาจเปลี่ยนไปได้"

"ไม่ได้หมายความว่ามันจะเปลี่ยน แต่บอกว่ามันเป็นจุดที่เปลี่ยนได้ คุณอาจได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ เห็นสิ่งที่แตกต่างออกไป และนั่นจะทำช่วยให้คนเล่นติดตามเรื่องราว สงสัย และตั้งตาคอยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป"

"ผมว่าความเห็นที่แตกต่างกันออกไปนี้ เป็นสิ่งที่เรามักจะได้รับ เพราะมันคือ FFVII ภาคออริจินอลนั้นโด่งดังมาก เป็นเกมที่รู้จักกันดี ดังนั้นหากเราปล่อยให้มันแบบเดิมโดยไม่แตะต้องอะไรเลย ผู้คนก็จะไม่ชอบ แต่ะหากเราเปลี่ยนแปลงมันไปโดยสิ้นเชิง ผู้คนอีกกลุ่มก็จะไม่ชอบ ดังนั้น เราจึงต้องพยายามหาจุดสมดุล ผมคิดและพยายามจะทำให้ผู้คนพอใจมากที่สุดเท่าที่จะทำได้"

"ผมโคตรอยากให้แฟน ๆ จำนวนเท่าเดิมยังคงมองมาที่เรา และเฝ้าถามว่าตกลงมันจะเปลี่ยนไปยังไง? บทสรุปของเรื่องจะเป็นยังไง? ตกลงมันจะเหมือนเดิมมั้ย? มันจะเปลี่ยนรึเปล่า? รักษาระดับความตื่นเต้นและเฝ้าคอยภาคที่ 3 ของซีรีส์ นั่นคือหน้าที่ของพวกเรา"

- สื่อถามต่อว่าเมื่อพิจารณาจากความโดดเด่นในเรื่องชะตากรรมของแอริธที่มีต่อเรื่องราวของ Rebirth แล้ว เธอหรือคลาวด์กันแน่ ที่เป็นตัวเอกของ FFVII?

"ผมเห็นว่าทั้ง Remake และ Rebirth เป็นเรื่องราวจากมุมมองของคลาวด์"

"เขาเป็นตัวละครที่คุณติดตาม คุณเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ จากมุมมอง สายตาของเขาเท่านั้น สำหรับการออกแบบ Rebirth เรากำหนดคอนเซปต์หลักไว้ตั้งแต่ช่วงต้นการพัฒนาแล้วว่า ไอเดียคือความผูกพันระหว่างคลาวด์กับเพื่อน ๆ ดังนั้นคุณจะได้เห็นแง่มุมต่าง ๆ ตามความสัมพันธ์ที่คนอื่นในปาร์ตี้มีต่อคลาวด์ เมื่อผจญภัยมาด้วยกัน ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ ไปด้วยแล้ว สายสัมพันธ์ของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างไร? ผมพูดได้เต็มปากเลยว่า สำหรับ 2 ภาคแรก Rebirth และ Remake จนถึงตอนนี้ ทั้งหมดมาจากมุมมองของคลาวด์"

- สุดท้ายฮามากุจิบอกว่าแกวะว๊าวมาก ตอนเห็น FFVII Rebirth แสดงผลบน PS5 Pro ครั้งแรก PSSR เทคโนโลยีเทพมาก

- ฮามากุจิเยว่า Mark Cerny ที่เป็นสถาปนิกของ PlayStation ก็มาตัดสินใจว่าจะหยิบส่วนไหนของเกมไปโชว์ตอนเปิดตัว PS5 Pro ดี ตอนนั้นฮามากุจิและทีม SQEX อยาก Grasslands มากกว่า เพื่อโชว์องค์ประกอบของโลกกว้าง แต่ Cerny บอกว่าไม่ เราอยากเห็น Gold Saucer ฮามากุจิก็หัวเราะ Cenry พยายามจะให้โชว์ Gold Saucer สุดท้ายพวกฮามากุจิ ก็เลยเอาตามนั้น

https://www.eurogamer.net/final-fantasy-7-rebirth-director-anticipated-a-mixed-reaction-to-its-controversial-ending-but-wanted-to-avoid-fan-service

ไม่มีความคิดเห็น