เนื้อเรื่อง The First SOLDIER ตอนที่ 7

ณ ป่าลับแล

ชายชุดดำท่าทางผิดปกติ เดินต้วมเตี้ยมถือกล้องวงจรปิดมา พอเดินผ่านบ่อน้ำ ก็ทำกล้องถ่ายวีดีโอตก

ในกล้องนั้นกำลังแล่นภาพเซฟิรอธที่เคยยืนอยู่ข้างบ่อน้ำนั้น แล้วก็ skip ข้ามไปยังหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้

- เสียงพากย์ในวีดีโอ พูดโดยหญิงสาวชื่ออลิสสา บอกว่าที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังลี้ลับ เราต้องค้นพบความจริงให้ได้

- แองจีลที่เดินทางมากับเซฟิรอธ บอกว่า SOLDIER ที่หายไป เป็นทั้งคู่หู ครู และเพื่อนของเขา ไม่ว่ายังไงก็ต้องพากลับมิดการ์ให้ได้

- เซฟิรอธบอกว่าเราโตมาในโลกที่แตกต่างกัน ยังไงก็ไม่มีทางเห็นพ้องต้องกันได้

- อลิสสาบอกว่าเธอเชื่อว่าเมื่อเซฟิรอธได้ดาบมาไว้ในกำมือ โลกจะเปลี่ยนไว้

- แองจีลพูดกับเซฟิรอธว่าไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่ามันจะพูดอะไร แกต้องป้องกันและโต้กลับไปให้ได้

https://youtu.be/VreqUk6S3BY?list=PLcPYmB04zYCjfuivbyVd6FO3fSp3QYkV3

(หมายความว่าเดี๋ยวเราจะได้เล่นไปตามเหตุการณ์พวกนี้ยาว ๆ อีกหลายเดือน ก่อนที่ตอนสุดท้าย จะไปจบลงที่เหตุการณ์ต่อเนื่องจากที่ชายลึกลับทำกล้องถ่ายวีดีโอตก)


----------------


น่านฟ้าเหนือวูไถ มิวเอราปี 1992 (หลังจากเซฟิรอธกลับจากเหตุการณ์ที่เกาะราโดร์)

เซฟิรอธนั่งหลับอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ที่เดินทางไปยังวูไถ แองจีลปลุกให้ตื่นแล้วบอกว่าใกล้จะถึงที่หมายแล้ว เขาอยากจะคุยด้วยหน่อย ว่าแล้วแองจีลก็แนะนำชื่อตัวเอง (แสดงว่าพึ่งรู้จักกันครั้งแรก) และบอกว่าเขายังเป็น SOLDIER หน้าใหม่ ซึ่งแก่กว่าเซฟิรอธไม่มาก เขาเกิดในเมืองบาโนลาที่โด่งดังเรื่องแอปเปิลบ๊อง

เซฟิรอธมองไปนอกหน้าต่าง หลับตา ไม่สนใจที่แองจีลพูด

แองจีลเลยหันมาพูดกับตากล้องประจำทีมว่า เก็ตละว่าทำไมเขาถึงถูกตั้งมาเป็นหัวหน้าทีมของวีรบุรุษหนุ่มคนนี้ เพราะแม้แกจะเป็น SOLDIER ที่ไม่มีใครทัดเทียม แต่แกไม่มีความเป็นผู้นำ เอาแต่ทำหน้าบึ้งแบบนี้ แล้วคิดจะให้ทุกคนยอมรับเหรอ? ไม่ได้ผลกับฉันหรอก

เซฟิรอธยังหลับตานิ่งเหมือนเดิม

แองจีลบอกว่าสงสัยไม่เคยโดนใครเทศน์ด้วยสินะ

เซฟิรอธเลยลืมตาขึ้น นึกถึงวันที่โดนเกล็นด่าว่า แกมันก็แค่เด็กพังค์ไซบอร์ก แต่เมื่อเบื้องบนแต่งตั้งโคตรวีรบุรุษอย่างแกมาแล้ว เขาจะยอมรับแกเป็นหัวหน้าก็ได้ แต่ถ้าแกกล้ามาเป่าปากเรียกพวกเราอีก เจอถีบกลิ้งแน่


----------------


เดือนกันยายน ปี 1992

ตากล้องยกกล้องมาถ่ายเซฟิรอธและแองจีล แล้วพากย์เสียงว่าเซฟิรอธกับแองจีลลงจอดที่โบราณสถานโรบิโอ (Robio) แหลมทางตอนใต้ของดินแดนวูไถ สอง SOLDIER หนุ่มมาทำภารกิจค้นหาและช่วยเหลือพวกพ้องสี่คนที่หายตัวไป

ส่วนตัวเขาเองคือรัซ แบชแมน (Russ Baschman) จากฝ่ายบันทึกและเก็บรักษา (Records and Archives Division) ของชินระ เป็นระดับหัวหน้าทีม


เซฟิรอธจะบอกให้หยุดถ่ายได้แล้ว แต่ตากล้องบอกว่าเขามาเพื่อบันทึกภาพดินแดนต้องห้ามอิการะ (Igara) โรบิโอ และถ่ายพวกเซฟิรอธระหว่างปฏิบัติภารกิจ โดยเฉพาะตัวเซฟิรอธ


แองจีลถามว่าเอาไปใช้ PR เหรอ?

ตากล้องบอกว่า ก็ถ่ายไว้ แล้วทีม PR เอาไปตัดสินใจ (ว่าจะใช้แค่ไหน)

ตากล้องก็หันมาถามเซฟิรอธว่าเข้าเรื่องเลยนะ เป้าหมายของเซฟิรอธคืออะไร?

เซฟิรอธก็กอดอกนิ่งไม่ตอบ ไม่ให้ความร่วมมือ

แองจีลตอบแทนว่า SOLDIER ที่หายตัวไป คือคู่หู ครู และเพื่อนพ้องของเขา ไม่ว่ายังไงก็จะต้องพาพวกนั้นกลับมิดการ์ให้ได้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านั้น เราเข้าใจกันเนอะ

ตากล้องบอกว่าเราต่างเป็นมืออาชีพ แล้วมืออาชีพจะไม่ขัดขากันเอง 


แองจีลและเซฟิรอธเริ่มเดินไปด้านหน้า โดยที่ตากล้องค่อย ๆ เดินถอยหลังเก็บภาพอย่างสวยงาม


พอเจอมอนสเตอร์เข้ามาจูโจม ตากล้องจะขอให้เซฟิรอธแสดงควมสามารถ แต่เซฟิรอธก็ไม่ให้ความร่วมมือ แองจีลต้องจัดการแทน

แองจีลถามว่าทำไมไม่สู้ล่ะ? เซฟิรอธตอบว่านายก็รับมือได้นี่

ตากล้องทักท้วงว่าเขารู้ว่า SOLDIER มีความสามารถ แต่ก็ต้องช่วยให้เขาทำงานได้ด้วย ทาง PR ต้องการคลิปเซฟิรอธผู้เป็นตำนานขณะปฏิบัติภารกิจ และเขามาเพื่อเก็บภาพเหล่านั้น ช่วยกันทำมาหากินหน่อยได้มั้ย?

เซฟิรอธบอก เขาไม่เห็นเคยได้ยินว่าจะมีการถ่ายคลิปเลย

แองจีลแย้งว่าเพราะมึงไม่มาฟังบรีฟงานก่อนไง

เซฟิรอธก็นิ่ง แล้วเดินหนีไป

แองจีลพูดตามว่างอนไปเหอะ วิธีนี้ไม่ได้ผลกับเขาหรอก


----------------


เดินทางมาถึงพื้นที่นีง ตากล้องบอกว่าชาววูไถเรียกที่นี่ว่าดินแดนต้องห้ามอิการะ และชาววูไถไม่กล้าย่างกรายเข้ามา พวกเบื้องบนเลยคิดว่าชาววูไถน่าจะเก็บซ่อนอะไรบางอย่างไว้ที่นี่ เลยส่งกลุ่ม SOLDIER มาสำรวจ

แองจีลบอกว่าเป็นหนึ่งในยอดฝีมือของพวกเราด้วยนะ จากสถิติ

ตากล้องเสริมว่าแต่ทุกคนก็หายตัวไป ไม่มีสัญญาณผิดปกติ ไม่มีร่องรอย ไม่เหลืออะไร ถ้าเจอซากหมู่บ้านสักที่ล่ะก้อ ก็ครบแล้ว เพราะที่นี่ไม่มีใครอยู่มานานแล้ว

แองจีลบอกว่าดูจากร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้น ต้องเกิดจากพลังมหาศาล

ตากล้องถามเซฟิรอธว่ามีความเห็นยังไง? เซฟิรอธก็ตอบว่าตามหา SOLDIER ที่หายตัวไป ไม่ขัดขวางการถ่ายคลิป เขาไม่มีหน้าที่ต้องคิดอะไรอื่นนอกจากนี้

แองจีลบอกว่าผิดแล้ว การเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ไม่เคยเป็นเรื่องที่สูญเปล่า ถ้านายเลิกมองทุกอย่างเป็นแค่งาน นายจะเรียนรู้ได้เยอะ

เซฟิรอธบอกไม่เห็นด้วย

แองจีลบอกอ้อเหรออ? งั้นก็แย้งมาสิ

เซฟิรอธนิ่งแล้วก็เบือนหน้าไปทางอื่น แองจีลก็เบือนหน้าเช่นกัน

ตากล้องเอากล้องลงหัวเราะ แล้วบอกว่าทีม PR ได้ทึ้งหัวตัวเองตอนเห็นคลิปแน่นอน


----------------


แองจีลเจอศพ SOLDIER คนแรก ชื่อ Marco Morse เสียชีวิตมานานกว่า 3 วันแล้ว ไม่มีโอกาสได้ช่วยเลย

ตากล้องถามว่ารู้จักเขารึเปล่า?

แองจีลบอก SOLDIER ทุกคนคือสหาย เพื่อนพ้องของเขา ไว้เราจะกลับมาเก็บศพนะ แต่ตอนนี้ต้องหาคนอื่นทุกคนให้เร็วที่สุด


----------------


เจอศพ SOLDIER คนที่สอง ชื่อ Radam Phon เป็น P-model ที่ตายไปเป็นวันแล้วเช่นกัน อายุเยอะกว่าพวกแองจีลไม่มาก

แบชแมนถามเซฟิรอธว่ารู้จักลูเซียมั้ย เธอเป็นคนฝึกพวก P-model เธอกับพรรคพวกที่ชื่อเกล็นและแมตต์ ทำร้ายทีมวิศวกรรมในระหว่างปฏิบัติภารกิจ และหลบหนีไป ไม่มีใครเห็นทั้งสามคนนับจากนั้นมา เซฟิรอธเคยอยู่กับพวกเขานี่ พวกนั้นเป็นไงบ้าง?

เซฟิรอธนึกถึงความสนุก ตอนที่คุยกับทั้งสามคนนั้นได้ แต่กลับตอบตากล้องไปว่า เราไม่เคยคุยเรื่องส่วนตัวกัน ก็แค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น

ตากล้องบอกว่าพวกคนทรยศนั่นไปสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูจนไม่เห็นหัววีรบุรุษ ดีแล้วที่ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกงี่เง่านั่น


----------------


เซฟิรอธบอกแองจีลว่า อาจจะรู้กันอยู่แล้ว แต่ในหมู่ SOLDIER เขาเป็นคนพิเศษ เขาเป็นคนเดียวที่สามารถคุยกับโฮโจได้อย่างอิสระ โฮโจที่อุทิศตัววิจัยเพื่อขยายขีดจำกัดของพวกเรา ดังนั้นต่อให้ตอนนี้ทำงานด้วยกัน เราก็ไม่มีวันเป็นเพื่อนกัน

แองจีลตอบแบบนิ่มนวลว่า ไม่คิดว่าจะพูดแบบนี้ออกมา โล่งอกขึ้นบ้างยัง? อยู่กับโฮโจมากไป เลยทำให้นิสัยเป็นงี้นี่เอง

ตากล้องทักว่า อย่าพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินนะแองจีล แต่หลังไมค์ก็เห็นด้วยนะ


----------------


เจอศพที่สามชื่อ Ed Shuder แองจีลจะดู Ed ให้เซฟิรอธช่วยคุ้มกันให้ด้วย

ตากล้องบอกว่าขาดอีกแค่คนเดียวละ เขาจะเตรียมเรียกคอปเตอร์นะ

เซฟิรอธสังเกตศพ Ed แล้วบอกว่าแผลมาจากดาบนี่นา

แองจีลบอกว่า เหมือนกับของ Marco และ Radam เลย เหมือนว่ามนุษย์ฆ่าพวกเขา ไม่ใช่ว่าโดนกงเล็บ

ตากล้องถามว่าเป็นฝีมือนินจารึเปล่า? แองจีลบอกก็เป็นไปได้ แล้วถ้าเซฟิรอธสังเกตอะไรได้อีก ก็ช่วยบอกกันด้วย

เซฟิรอธบอก มีบางอย่างมุ่งหน้ามาทางพวกเรา

แล้วก็มีกบยักษ์โดดมา

แองจีลบอกว่าแลกเปลี่ยนข้อมูลกันก็ดีใช่ม้า

เซฟิรอธบอก แต่คุณก็รู้อยู่แล้วว่ามันกำลังเข้ามานี่

แองจีลบอกว่า ถึงเขาจะรู้อยู่แล้ว แต่การสื่อสารกันออกมาก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อคนที่อยู่ที่นี่ ไม่ได้มีแค่พวกเรา (ต้องพูดออกมาเพื่อให้ตากล้องระวังตัวด้วย)


----------------


ตากล้องบอกว่าดูจากชะตาของสามคนที่ผ่านมา เขาว่าคนสุดท้ายก็ไม่น่ารอด

แองจีลบอกว่าพวกนั้น ไม่มีทางยอมแพ้โดยไม่พยายามสู้หรอก

ตากล้องถามเซฟิรอธว่า แองจีลบอกว่า SOLDIER ทุกคนคือเพื่อนของเขา แม้ไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่สำหรับเซฟิรอธนั่นคือ "นอกสายตา นอกความคิด" สินะ อยากรู้เลยว่า SOLDIER คนอื่น ๆ เขารู้สึกยังไงกัน

แองจีลบอกคนอื่น ๆ ก็คิดเหมือนเขานั่นแหละ พวกเราอาจเป็นยอดฝีมือ แต่ทีมเวิร์กคือหัวใจสำคัญของพวกเรา การใช้เวลาร่วมกัน ทำให้เราผูกพันกันยิ่งขึ้น ความผูกพันนั้น ทำให้พวกเรายิ่งแข็งแกร่งในการต่อสู้

ตากล้องสงสัยว่า ในเมื่อ SOLDIER แข็งแกร่งขนาดนี้ ใครที่ไหนจะเป็นจำเป็นต้องใช้แทคติคหรือทีมเวิร์ก

แองจีลตอบว่าเขาวากันว่า SOLDIER สักคน แข็งแกร่งเทียบเท่าทหารหนึ่งกอง แต่ถ้าเราร่วมมือกัน งานก็จะจบไวกว่า และสูญเสียน้อยกว่าไง จริงมั้ยเซฟิรอธ? ฉันจับตาดูนายมาสักพักแล้ว และอยากร่วมงานด้วยมาตลอด ฉันไม่เรียกร้องถึงพลังมิตรภาพอะไรหรอก ก็แค่ขอความไว้ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากนายเท่านั้น

เซฟิรอธบอกว่าเขาเป็นแค่อาวุธ เครื่องจักรสังหารหมู่ ฮีโร่จอมปลอมที่ปั้นมาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ชินระเท่านั้น... ใครจะไปต้องการพวกพ้องแบบนั้น?

แองจีลบอกก็ชั้นเนี่ยแหละ ดังนั้นฉันจะคุยกับนายต่อไปเรื่อย ๆ แม้ว่านายจะทำหน้าแบบนั้นก็เถอะ จะเป็นอาวุธ เป็นเครื่องจักรอะไร? เขาไม่มีปัญหาทั้งนั้น และนั่นพวกเราเหล่า SOLDIER ถึงต้องส่งเสริมความเป็นมนุษย์ของกัน จึงต้องสร้างสายสัมพันธ์แก่กัน

เซฟิรอธบอกของพวกนั้นมันแค่อุปสรรคในการต่อสู้เท่านั้น เอาไปให้พ้นเขาเถอะ

ไม่มีความคิดเห็น