LRFFXIII Ultimania - อภิธานศัพท์


เคออส (混沌)

พลังงานที่ปะทุจากต่างโลก และคอยกัดเซาะโลกเรื่อยมา เรื่องที่คนไม่ค่อยรู้กันคือ แท้จริงแล้วมันคือสิ่งเดียวกับ "หัวใจ" ของมนุษย์


ชิไค (シ界)

ในโนวุสพาร์ตุส ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเคออส ไม่บ่อยนักที่จู่ ๆ เคออสความเข้มข้นสูงจะปะทุขึ้นในเขตที่มนุษย์อาศัย เราเรียกมันว่าชิไค มอนสเตอร์ที่ปรากฏในชิไคจะเข้าคุกคามมนุษย์ทันที ในเขตเมืองอย่างเมืองแห่งแสงลุคเซริโอ จะสามารถคาดการณ์จุดที่จะเกิดชิไคขึ้นได้จากสถิติที่สั่งสมมาในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา แล้วจะมียามของประจำตามจุดเหล่านั้นเพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ ในเขตอื่น ๆ ผู้คนก็จะมีวิธีป้องกันตัว อย่างเช่นหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกตอนกลางคืนที่มีโอกาสเกิดชิไคมากกว่า 

ชิไคจะปรากฏในรูปแบบของโดมสีดำ มีแพทเทิร์นแบบกระดาษหมากรุก มันไม่มีลักษณะทางกายภาพ คนจึงเผลอเข้าไปโดยไม่ตั้งใจได้


โซลซีด (ソウルシード)

ชิ้นส่วนเปล่งแสงสีม่วงที่ร่วงหล่นในชิไคคือ โซลซีด กลุ่มนักแปรธาตุตามร้านซื้อขายอุปกรณ์เวทมนตร์จะรับซื้อมัน โดยทั่วไปแล้วเข้าใจกันว่าโซลซีดคือเม็ดพันธุ์ของมอนสเตอร์ บ้างก็คาดเดาว่ามันอาจจะเป็นก้อนชีวิตที่ไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วยังมีกลุ่มที่ซื้อโซลซีดไปจากร้านขายอุปกรณ์เวทมนตร์เพื่อทำการวิจัยต่อ

นักแปรธาตุบางคนได้ทำการทดลองกับโซลซีด แต่ทั้งหมดล้วนพบกับจุดจบอันน่าสยดสยอง


เคออสที่มองไม่เห็น (The Unseen Chaos)

พลังงานทรงแสนยานุภาพที่ทำลายพรมแดนระหว่างโลกมนุษย์และโลกแห่งความปั่นป่วนวาลฮัลลา และเข้าปกคลุมโลกทั้งปวง นี่คือพลังที่ลากไลท์นิงเข้าสู่วาลฮัลลาเมื่อ 1,000 ปีก่อน มันถูกผนึกไว้ในวาลฮัลลาโดยเทพีเอโทร แต่ถูกปลดปล่อยออกมาเพราะการตายของเทพีเอโทร ทำให้โลกตกสู่ความพินาศ จุดที่เคออสซึ่งมองไม่เห็นไหลมาสู่โลก เรียกว่าต้นตอแห่งเคออส คือสถานที่ที่ตอนนี้รู้จักกันในนาม วิลเดอเนส ในดินแดนแห่งนี้ ยังมีตำนานเล่าขานถึงเคออสซึ่งมองไม่เห็น ที่เรียกกันว่า มหาเคออส

เคออสคือพลังแห่งความขัดแย้ง ที่ทำลายโครงสร้างโลกที่มองเห็น ว่ากันว่ามันคือต้นกำเนิดของพลังเวทย์ มันยังถูกเรียกว่า "พลังที่มองไม่เห็น" เพราะเพราะเทพไม่อาจมองเห็นมันได้


เวลาที่หายไป

เมื่อ 500 ปีก่อน เคยมี "ชั่วโมงที่ 13" อยู่ในโลก วันนึงประกอบด้วย 26 ชั่วโมง ทว่าหลังการรุกรานของเคออส วันนึงก็เปลี่ยนมาเป็น 24 ชั่วโมง มนุษย์เรียกเวลาที่หายไปในช่องว่างมิติจากการรุกรานของเคออสว่า "เวลาที่หายไป" หรือ "เวลาที่อุทิศให้พระเจ้า"



พระเจ้า

พระเจ้าแห่งเทพนิยายคริสตัล ไม่เคยปรากฏกายต่อหน้ามนุษย์ แต่มีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อมนุษย์


เทพสูงสุด บูนิเบลเซ

ในเทพนิยาย ว่ากันว่ามีเทพที่ปกครองเหนือโลกทั้งหมด พระเจ้าผู้เจิดจ้าทรงพลัง

หลังจากที่เขาสร้างเทพทั้งสามขึ้นมา

พัลส์ผู้ดุร้าย

ลินด์เซย์ผู้มีปัญญาล้ำลึก

เอโทร เทพีแห่งความตายและความปั่นป่วน (เคออส)

เขาก็เข้าสู่การหลับใหลอันยาวนาน

ในระหว่างการหลับใหล บูนิเบลเซตระหนักได้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นฟูโลกที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วน เขาจึงตัดสินใจที่จะสร้างโลกใหม่ขึ้นมา

เขาจึงปลุกไลท์นิงให้ตื่นขึ้นมาในฐานะ "ผู้ปลดปล่อย" เพื่อช่วยรวบรวมดวงวิญญาณที่จะนำไปสู่โลกใหม่ ก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมา

ตามเทพนิยายแล้ว บูนิเบลเซ จะนำพาเฉพาะดวงวิญญาณบริสุทธิ์ไปสู่ความสุขอนันต์เท่านั้น เขาจะไม่ช่วยดวงวิญญาณของผู้ที่ตายไปแล้ว

อาจเพราะเช่นนั้นเอง ผู้ปลดปล่อยจึงไม่มีพลังที่จะปลดปล่อยดวงวิญญาณของผู้ตาย



ผังความสัมพันธ์

บูนิเบลเซ ==ปลุกให้ตื่นในฐานะผู้ปลดปล่อย==> ไลท์นิง ==เคยรับใช้==> เอโทร

บูนิเบลเซ ==สร้าง==>พัลส์, ลินด์เซย์, เอโทร

พัลส์, ลินด์เซย==สร้าง==> ฟัลซิมากมาย

ลินด์เซย์ ==สร้างร่างกายขึ้นจากเลือดของเอโทร==> มนุษย์

เอโทร ==มอบหัวใจให้==> มนุษย์


ผลกระทบของการที่เอโทรหายไป

เมื่อมนุษย์ตาย ดวงวิญญาณพวกเขาจะไปสู่วาลฮัลลา โลกแห่งความปั่นป่วน ที่ซึ่งพวกเขาจะได้รับหัวใจจากเอโทร เทพีแห่งความตายที่ปกครองดินแดนแห่งนั้น แล้วไปเกิดใหม่ นี่คือวัฏจักรของวิญญาณที่ดำเนินเรื่อยมา ทว่าจากการที่เอโทรหายไปเมื่อ 500 ปีก่อน วัฏจักรแห่งวิญญาณเลยจบสิ้น ผลลัพธ์คือ มนุษย์จะไม่แก่ขึ้น ไม่แก่ตายอีกต่อไป และไม่มีชีวิตใหม่ถือกำเนิดขึ้น ต่อให้บูนิเบลเซสร้างโลกใหม่ขึ้นมา วัฏจักรของวิญญาณที่ค้ำจุนโลกไว้ก็จะไม่เกิดขึ้น จนกว่าจะแก้ปัญหาการหายไปของเทพธิดาได้


กลไกการหมุนเวียนของวิญญาณ

1 ชีวิตใหม่ถือกำเนิดขึ้น

2 ชีวิตจบสิ้น วิญญาณของผู้ตายหลอมรวมเข้าไปในทะเลแห่งความปั่นป่วน

กรณีเอโทรอยู่ 3 เทพีมอบความปั่นป่วน (หัวใจ) ให้ชีวิตใหม่ ถือกำเนิดขึ้นในชาติใหม่

กรณีเอโทรหาย 3 ดวงวิญญาณของผู้ตายก็หลอมรวมอยู่ในทะเลแห่งความปั่นป่วนไป


ฟัลซิและลูซิ

ฟัลซิคือข้ารับใช้ของพระเจ้าที่เกิดจากพัลส์และลินด์เซย์ เป็นเทพจักรกลที่มีพลังเหนือธรรมชาติ

ส่วนมนุษย์ เมื่อถูกมอบพลังเวทย์อันยิ่งใหญ่และภารกิจให้ก็จะกลายเป็นลูซิ แต่ในหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีลูซิถูกเลือกขึ้นมาใหม่

จำนวนของฟัลซิก็ลดลง ที่เห็นยังทำงานอยู่ตนเดียวก็คือฟัลซิแพนเดโมเนียมที่ผลิตสิ่งต่าง ๆ ขึ้นในยูสนัน

หากลูซิไม่สามารถทำภารกิจได้สำเร็จ ก็จะกลายเป็นมอนสเตอร์เรียกว่าชิไก (シ該) ตอนนี้สโนวเป็นลูซิเพียงคนเดียวในโลก

จาก Lightning Returns -Final Fantasy XIII- Ultimania หน้า 44-45



ผู้ปลดปล่อย

หลังตื่นขึ้นจากการหลับใหลอันยาวนาน ไลท์นิงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าผู้คนในฐานะ "ผู้ปลดปล่อย" การปลดปล่อยวิญญาณนั้นเป็นพลังปริศนาที่มีแต่เธอเท่านั้นที่ทำได้


นำพาสู่โลกใบใหม่

เมื่อโลกถูกทำลาย ทุกชีวิตจะล้มตายไปพร้อมกัน แต่เฉพาะวิญญาณที่ถูกพระเจ้าเลือก จะเกิดใหม่อีกครั้งบนโลกใหม่ ผู้ปลดปล่อยคือคนที่รวบรวมดวงวิญญาณของคนที่สมควรถูกพาไปยังโลกใหม่ ผู้ปลดปล่อยนั้นปกติแล้วจะถูกมองเสมือนเป็นผู้กอบกู้โลก แต่ก็มีบางกลุ่มที่มองว่าเขาเป็นอันตราย มองว่าเขาเป็น "ผู้นำพาไปสู่ความตายและกาลอวสาน" หรือ "ยมทูตที่ขโมยวิญญาณ"


การปลดปล่อยวิญญาณ

ในหมู่มวลมนุษย์ใช้ชีวิตมาแสนนานภายใต้โลกที่มุ่งสู่กาลอวสาน มีคนมากมายที่ติดอยู่ในความสิ้นหวัง และก้นบึ้งความมืดของหัวใจ วิญญาณของมนุษย์เหล่านั้นมิอาจเกิดใหม่ในโลกใบใหม่ แต่หากพวกเขาสร้างสายสัมพันธ์กับผู้ปลดปล่อย ก็อาจะมีสิทธิไปสู่โลกใบใหม่ได้ ไลท์นิงพยายามปลดปล่อยเพื่อที่จะนำพาคนไปยังโลกใบใหม่ให้มากที่สุด

คนที่มีความมืดในหัวใจ จะมืดหม่นอับเฉา แต่เมื่อวิญญาณของพวกเขาได้รับการปลดปล่อย ตัวตนที่สูญเสียไปก็จะคืนกลับมา

ชะตากรรมของดวงวิญญาณตามเทพนิยาย

1. ดวงวิญญาณที่ปราศจากความมืด -> เกิดใหม่บนโลกใบใหม่

2. ดวงวิญญาณที่ติดอยู่ในความมืด -> ร่อนเร่อยู่ในก้นบึ้งแห่งเคออส

แต่หากได้รับการปลดปล่อยจากผู้ปลดปล่อยเสียก่อน -> เกิดใหม่บนโลกใบใหม่


Eradia

พลังที่ใช้ในการยืดอายุขัยของโลก คือแสงแห่งชีวิตของผู้ปลดปล่อย ได้รับมาจากการปลดปล่อยดวงวิญญาณของผู้คนที่ทนทุกข์มากเท่าไหร่ แสงยิ่งสว่างขึ้นเท่านั้น ยิ่งเจิดจ้าสายสัมพันธ์กับภพภูมิแห่งพระเจ้ายิ่งแน่นแฟ้นขึ้น หมายความว่าตัวผู้ปลดปล่อยจะยิ่งใกล้เคียงกับพระเจ้ามากขึ้นไปเรื่อย ๆ

ด้วยการปลดปล่อยดวงวิญญาณและเพิ่มแสง ทักษะการต่อสู้ของผู้ปลดปล่อยจะยิ่งพัฒนา

การปลดปล่อยดวงวิญญาณอาจมองว่าเสมือนเป็นบททดสอบเพื่อยกระดับผู้ปลดปล่อยเป็นสิ่งที่สูงส่งขึ้น

จาก Lightning Returns -FFXIII- Ultimania หน้า 41



Ark

ทุกเช้าเวลา 6 นาฬิกา ไลทืนิงจะกลับไปยัง Ark ในอวกาศ เป็นสถานที่ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับอายุขัยของโลก


บทบาทของ Ark

Ark เป็นฐานของไลท์นิง ผู้ปลดปล่อย เป็นดินแดนที่อยู่นอกกระแสเวลา ทุก ๆ วันผู้ปลดปล่อยจะต้องมาส่งมอบพลังแสงให้กับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่นี่

เดิมทีแล้ว Ark นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นโคคูนประดิษฐ์ของมวลมนุษย์ เป็นศูนย์อพยพที่จะปกป้องมนุษย์ทั่วโลกจากภัยพิบัติที่โคคูนถล่มลงมา ประมาณ 500 ปีก่อนมันถูกส่งขึ้นฟ้าโดนบรรทุกมนุษยชาติทั้งหมดไว้ แต่แล้วเคออสที่ทะลักเข้ามาในโลก ได้เข้าไปถึงด้านในโคคูนประดิษฐ์ของมนุษย์ ทำให้ในไม่ช้ามันก็ถูกทิ้งร้างลง

ปัจจุบัน โฮปผู้เป็นพาร์ทเนอร์ของไลท์นิงได้ประจำการอยู่ที่นั่นตลอดเวลา และคอยให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าเทพสูงสุดบูนิเบลเซ ยังวางแผนที่จะใช้ Ark ขนย้ายวิญญาณมนุษยที่ถูกปลดปล่อยไปยังโลกใบใหม่

ตอนแรกมนุษย์บนดินเรียก Ark ที่ลอยอยู่บนฟ้าว่าพระจันทร์ แต่เมื่อโคคูนประดิษฐ์ของมนุษย์เสร็จสมบูรณ์ มันก็ถูกตั้งชื่อว่า บูนิเบลเซ

จากมอนิเตอร์ภายใน Ark โฮปสามารถเห็นทุกภาคส่วนของดาว และคอยสื่อสารเพื่อนำทางไลท์นิงและให้การช่วยเหลือต่าง ๆ


ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อิกดราซิล

ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลชีวิตของโลก มันเติบโตด้วยการรับพลัง Eradia ที่มีเพียงผู้ปลดปล่อยเท่านั้นที่ครอบครอง โลกที่อ่อนแอลงเพราะอิทธิพลของเคออส จะดับสูญก่อนจะถึงวันที่ 13 ที่พระเจ้าตื่นขึ้นมา แต่ทุกครั้งที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เติบโตและออกผล ความตายของโลกก็จะเลื่อนออกไปอีกหนึ่งวัน ว่ากันว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้รับแสงสว่างที่แท้จริง มันจะกลับมาเบ่งบานอีกครั้ง

มอบ Eradia ให้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้โลกดำรงอยู่ได้จนถึงวันที่ 13 ที่พระเจ้าจะตื่นขึ้นมา คือหนึ่งในบทบาทสำคัญของผู้ปลดปล่อย


จาก Lightning Returns -FFXIII- Ultimania หน้า 41

ไม่มีความคิดเห็น