บทสัมภาษณ์แรก Life is Strange : Double Exposure
ซาฟีตายกลางหิมะ ทั้งที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ไม่มีรอยเท้า ไม่มีอาวุธ ตำรวจไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วแมกซ์ก็ได้พลังใหม่ในการข้ามไปยังไทม์ไลน์ที่ซาฟีรอดชีวิต แมกซ์ค้นพบว่าฆาตกรยังคงลอยรวลและจ้องลงมือใหม่ เธอจึงต้องหาคนร้ายให้เจอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฆาตกรรมแบบเดียวกันขึ้นอีก เป็นการเขียนบทที่ซับซ้อนมาก เพราะแมกซ์จะเจอคนแต่คนแต่ละคน 2 เวอร์ชั่น,สถานที่เดียวกัน 2 เวอร์ชั่น
โมเซส (ชายใส่แว่นผิวคล้ำ)เป็นเพื่อนซี้ของซาฟี เป็นนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ของมหาลัย และด้วยความเก่งกาจด้านวิทยาศาสตร์ เขาเลยสามารถรับฟังเรื่องพลังเหนือธรรมชาติของแมกซ์ได้ พอตามหาคนร้ายไปเรื่อย ทั้งสองก็ค่อย ๆ สนิทกันมากขึ้น แต่ตอนแรกแมกซ์ก็ลำบากใจที่ต้องเปิดปากพูดเรื่องพลังพิเศษของเธอให้คนอื่นฟัง ในรอบหลายปี
สาเหตุที่แมกซ์เป็นคนเดียว ที่จะไขคดีนี้ได้ เพราะแมกซ์ยังสามารถคุยกับซาฟีในอีกไทม์ไลน์ได้นั่นเอง
แมกซ์สูญเสียพลังในการย้อนเวลาไปแล้ว เพราะ trauma ในอดีต จนกลัวผลที่จะตามมาจากการใช้พลัง ตอนที่ซาฟีตาย แมกซ์เลยย้อนเวลาเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ไม่ได้ แต่เธอก็ได้พลังใหม่มาคือ Shifting ซึ่งก็ได้มาอย่างงง ๆ ในแบบที่แมกซ์ก็ไม่เข้าใจ นั่นคือหัวใจของเรื่อง
ตอนพึ่งได้พลังใหม่มา แมกซ์ก็งงไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก็ต้องลองใช้พลังให้เข้าใจดูก่อนว่าจะเอามาใช้ประโยชน์ยังไง ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นการย้อนเวลารูปแบบนึงด้วยซ้ำ แต่ก็ค่อย ๆ เข้าใจว่ามันคือคนละไทม์ไลน์
ในภาคก่อนแมกซ์ชูมือออกไปเพื่อย้อนเวลา แต่ภาคนี้แมกว์ชูมือออกไป เพื่อใช้สัมผัสเหนือธรรมชาติหาจุดที่กำแพงระหว่างไทม์ไลน์เปราะบางที่สุด แล้วเธอก็จะได้ข้ามไปอีกไทม์ไลน์ในพริบตา แล้วก็กลับไปกลับมาได้ ทำให้สามารถเข้าประตูที่ไทม์ไลน์นึงไม่อาจเข้าได้ หรือคุยกับผู้ต้องสงสัยที่อีกไทม์ไลน์ไม่อาจคุยได้
ผู้สัมภาษณ์ถามว่า คนเล่นไม่งงเหรอ ว่าตอนนี้เราอยู่ไทม์ไลน์ไหนวะ หรือตัวแมกซ์มันจะไม่งงเหรอ?
ทีมงานบอกแมกซ์ก็งง แรก ๆ คนเล่นก็ต้องงง แต่ก็ต้องเรียนรู้ว่า ในไทม์ไลน์ 2 แบบ ที่ซาฟีตายและไม่ตาย บรรยากาศมันต่างกันอย่างไร การตายของซาฟีมันส่งผลต่อสภาพแวดล้อมบรรยากาศทุกอย่าง บทสนทนา อารมณ์ของผู้คนมันต่างกันยังไง ดังนั้นก็ต้องเรียนรู้กัน
แมกซ์เติบโตขึ้นมาก อยู่ในฐานะทรงเกียรติของมหาลัย เป็นอาร์ตติสต์สายถ่ายภาพประจำมหาวิทยาลัยชื่อดัง Caledon ในรัฐ Vermont และมีอนาคตอันยาวไกลรออยู่ เธอเลยสามารถใช้นักเรียนที่ยังคงอยู่ที่มหาลัยในช่วงฮอลิเดย์แบบนั้น ในการช่วยไขคดีได้
ทีมงานสนใจเรื่องระบบข้ามไทม์ไลน์มาก่อน แล้วค่อยคิดขึ้นมาได้ว่าจะเอามาประยุกต์กับเนื้อเรื่องของแมกซ์ยังไง
คนพากย์แมกซ์ก็เป็นฮันนาห์ เทลล์ คนเดิม
ไม่จำเป็นต้องเล่นภาคแรกมาก็ได้ เพราะภาคนี้มันก็มีเรื่องราวใหม่ของมันเอง มีการให้ข้อมูลที่เพียงพอจะทำให้ทราบว่าแมกซ์รู้สึกยังไงกับเรื่องราวในอดีต นอกนั้นก็เป็นสถานที่ใหม่ มหาลัยใหม่ ตัวละครใหม่
ในภาคแรก ตอนจบเกมจะมีฉากจบ 2 แบบ ซึ่งไม่มีอันไหนเป็น Canon ทีมงานก็เคารพฉากจบทั้งสองแบบ
ตอนต้นเกม แมกซ์กับซาฟีจะมีคุยเรื่องในอดีตกัน รวมถึงเรื่องอ่าวอาร์คาเดีย ดังนั้น คุณเลือกได้ตั้งแต่ต้นเกมเลยว่าคุณจะเป็นแมกซ์ในโลกที่อาร์คาเดียล่มสลาย (โคลอี้รอด) หรืออาร์คาเดียรอด (โคลอี้ไม่รอด) ซึ่งการเลือกนี้จะส่งผลต่อความคิดของแมกซ์ บันทึกการเดินทาง ข้อความ SMS และปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
ซาฟีพยายามซักไซ้แมกซ์ เพราะแมกซ์ดูเป็นคนที่แบบมีอะไรปิดบังอยู่
แมกซ์เก็บรูปของโคลอี้ไว้ในกระเป๋าตังค์ มีสถานการณ์ให้เลือกตอบว่าโคลอี้เป็นเพื่อน หรือเป็นหวานใจในวัยเรียน
แมกซ์ต้องสะกดพลังของตัวเองไว้ เพราะมันทำลายชีวิตของเธอและคนรอบตัวเธอ ทำให้มิติเวลา อากาศฉิบหาย จนรู้สึกว่านี่มันอาวุธมหาประลัย เลยไม่อยากจะใช้มันอีก เธอจะได้มีชีวิตปกติและมีความสัมพันธ์อันปกติกับคนอื่น ๆ
ตั้งแต่ออกจากอ่าวอาร์คาเดีย แมกซ์ก็เดินทาง ใช้ชีวิตแบบเดินทางไปเรื่อย ๆ ถ่ายรูป ซึ่งพวกที่รกร้าง มันต้องตาให้เธออยากถ่ายรูป เธอก็ถ่ายภาพพวกนี้จนมีชื่อเสียง แล้วก็เลยค้นหาสถานที่ใหม่ ๆ สไตล์นี้ แล้วเดินทางไปถ่ายรูป พร้อมซึมซับบรรยากาศจากเมืองต่าง ๆ จนกระทั่งได้พลังใหม่มา
เพราะแมกซ์ไม่ได้พลังในการย้อนเวลานาน พลังมันเลยฝ่อ แล้วเปลี่ยนแปลงกลายเป็นรูปแบบพลังใหม่
ฮันนาห์นั้นเสียงเหมือนเดิม แต่ต้องพากย์เสียงแมกซ์ที่โตเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนที่มีความมั่นใจขึ้น
Post a Comment