หนึ่งในสามฉากที่ผมชอบมากที่สุดใน FFXVI - อนาเบลล่า
หนึ่งในสามฉากที่ผมชอบมากที่สุดใน FFXVI
คือการที่จิล ยกดาบชี้หน้า พร้อมฟันอนาเบลล่า ที่เป็นแม่ของไคลฟ์ หรือแม่แฟนซึ่ง ๆ หน้า โดยที่ไคลฟ์ก็ไม่ได้ห้ามอะไร
ไคลฟ์เองโดนอนาเบลล่ากด ดููถูกถากถางมาตั้งแต่เด็ก ที่ทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ ทั้งที่ไคลฟ์ควรจะมีฟินิกซ์สถิตในตัว แต่กลับไม่มี ทำให้ชาววังนินทากันให้แซ่บว่าแท้จริงแล้วไคลฟ์เป็นลูกสนม ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเอลวิน อนาเบลล่าจึงอับอาย
อีกทั้งอนาเบลล่ายังยึดมั่นว่าแต่ละคนควรทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ ซึ่งหน้าที่ของเธอและไคลฟ์คือการให้กำเนิดและธำรงสายเลือดโดมิแนนต์ เพื่อรักษาที่มาของอำนาจปกครอง แต่ไคลฟ์กลับทำไม่ได้ ไคลฟ์จึงเหมือนเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตเธอ
ส่วนจิลที่เป็นอดีตเจ้าหญิงของประเทศทางเหนือทีาล่มสลายไปแล้วนั้น ตั้งแต่ที่โดนพาตัวจากดินแดนทางเหนือเข้าสู่วังโรซาเลีย ในฐานะหลักประกันว่าดินแดนทางเหนือจะไม่กล้าหืออือกับโรซาเลียอีก จิลก็ได้ยินได้ฟังอนาเบลล่าและข้าราชบริพาร พูดแบบไม่สนหัวใจเด็กน้อยจากแดนไกลมาตลอดว่า จะใช้จิลให้เกิดประโยชน์สูงสุดยังไงดี จะจับแต่งงานกับใคร ให้ทำอะไร จิลที่ได้ยินมาตลอดก็รู้สึกว่าพวกชาววังไม่ได้มองว่าเธอเป็นมนุษย์ แต่มองว่าเธอเป็นเครื่องมือที่ใช้รักษาและขยายอำนาจเท่านั้น
โชคดีที่ในวังโรซาเลีย ยังมีไคลฟ์และโจชัวในวัยละอ่อน ที่มีหัวใจบริสุทธิ์ และมองเห็นเอ็นดูความเจ็บปวดของจิลในวัยเดียวกัน ทั้งสามจึงเติบโตมาแบบรักและทะนุถนอมกัน
เมื่อถึงวันหนึ่งที่อนาเบลล่าแตกหัก เลือกที่จะทรยศขายชาติ ไปสมคบกับจักรวรรดิซันเบรก จนโรซาเลียล่มสลายตกเป็นเมืองขึ้น เมื่อจิลและไคลฟ์ได้มีโอกาสเจออนาเบลล่าอีกครั้ง....
ไคลฟ์เลือกที่จะถามแบบตรงไปตรงมา ว่าแม่ทำเรื่องทั้งหมดไปเพื่ออะไร และคราวนี้ไคลฟ์ไม่ยอมก้มหัวให้แม่อย่างที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว
อนาเบลล่า เลือกที่จะโมโหร้าย ด่าสวน เขวี้ยงแก้วใส่ และระบายเหตุผลทั้งหมดออกมา ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลในมุมมองของเธอ
ส่วนจิลที่โดนกดมาตลอด ก็ยกดาบจ่อคอแม่แฟนแม่งเลย...
เป็นซีนที่ขยี้ทิ้งทุกหลักการไปหมดแล้ว เป็นแม่แฟนแล้วไง เป็นอดีตราชินีแล้วไง เป็นจักรพรรดินีแล้วไง ทำในนามสมมติเทพเพื่อศาสนจักรแล้วไง ถอดหัวโขนประเพณีค่านิยมเรื่องสมมติทั้งหมดที่มนุษย์ตั้งสมมติขึ้นมาเพื่อปกครองอย่างแบ่งชนชั้นกันเองแล้ว เราต่างก็เป็นคนเหมือนกัน จะสูงต่ำดีชั่ว ก็อยู่ที่ตัวทำ
ตัวฉันอีกคนนึงในหัว ก็กระซิบเข้ามาข้างหูว่า "แล้วอนาเบลล่าผิดอัลลัยยยย?"
ระหว่างไปเดินซื้อผัดบร็อคโคลีไก่กรอบใส่ไข่พะโล้ ผมก็ค่อย ๆ ไตร่ตรองเหตุผล และก็ได้ข้อสรุปง่าย ๆ ว่า "อนาเบลล่าพยายามทำตัวเองให้อยู่สูงด้วยการเหยียบคนอื่น" แต่ "เอลวินพยาพยามดึงทุกคนให้สูงขึ้น ทุกคนจึงยกย่องเอลวินให้อยู่สูง"
เห็นมั้ยว่า คนเราไปอยู่ในจุดที่สูงส่งกว่าคนอื่นเขาได้ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน..?
ทั้งหมดมันเริ่มมาจาก การที่คุณเลือกจะเป็น "คนที่ยึดติดกับค่านิยมเดิม และบอกว่านี่คือขนบธรรมเนียมอันดีของสังคม ที่ทุกคนต้องยอมรับ..."
หรือคุณจะเป็น "คนที่ย้อนทบทวนว่าค่านิยมต่าง ๆ อันไหนมันสมเหตุสมผลควรธำรงไว้ อันไหนที่มันไม่สมเหตุสมผล แล้วพยายามศึกษาเปรียบเทียบค่านิยมของสังคมต่าง ๆ เพื่อหาทางเปลี่ยนแปลงมันให้ดีขึ้น"
อนาเบลล่า คือคนแบบแรกที่เกิดมาในชนชั้นปกครอง ได้รับการสมมติจากค่านิยมมนุษย์ว่าตัวเองคือราชินีผู้มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ จึงพยายามรักษาที่มาของอำนาจปกครอง การเป็นสายเลือดชนชั้นสูง หน้าที่ในการให้กำเนิดโดมิแนนต์ และปกครองเหนือผู้คน พอเธอเห็นว่าเอลวินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย เอลวินสนใจแต่เรื่องการปกป้องอาณาเขตประเทศและผู้คนในอาณัติไม่ให้ล้มตาย เธอเลยคิดว่าต้องสละยานแล้ว ไปเข้าร่วมกับประเทศที่เขาคิดแบบเธอ ศีลเสมอกับเธอดีกว่า
ด้วยเหตุนี้ อนาเบลล่าเลยไปสมคบคิดกับซิลเวสต์ จนนำไปสู่การโค่นโรซาเลียและเอาโรซาเลียเป็นเมืองขึ้น ซิลเวสต์ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิและสมรสกับอนาเบลล่า เธอได้อยู่ในสถานะดั่งจักรพรรดินีอันสูงส่ง ได้มีกองกำลัง Black Shield ของตัวเอง และไล่กวาดล้างแบร์เรอร์ (กลุ่มคนที่สังคมมนุษย์พึ่งมาสร้างค่านิยมกันเมื่อ 870 ปีก่อนว่า ให้ถือเป็นทาส) ทั้งหมดทั้งมวล ก็คือการแสดงอำนาจให้ผู้อื่นยำเกรง เหยียบคนอื่นไว้ด้วยความหวาดกลัว เพื่อให้ตัวเองอยู่ในจุดที่สูงกว่าคนอื่น
Post a Comment