เนื้อเรื่อง The Rising Tide
The Rising Tide
รังลับ
- มีจดหมายลึกลับส่งมาจาก บอกว่าโดมิแนนต์ของลิเวียธานต้องการความช่วยเหลือ และแม้เขาจะกังวลกับการร่วมมือกับคนนอกรีต แต่ Dame บอกว่าไคลฟ์เหมาะที่สุดแล้ว ถ้าสนใจให้ไปที่ The Veil ใน Northreach แล้วคุยกับ Leyla
- ไคลฟ์เรียกจิล โจชัว และ Otto ไปคุยด้วย จิลบอกว่าผู้ดูแลธาตุน้ำกลับมาในรอบร้อยปีเหรอ? โจชัวบอกว่านานกว่านั้น ครั้งสุดท้ายที่งูทะเลนั้นปล่อยคลื่นออกมา ก็เมื่อไหร่ไม่รู้
- Otoo สงสัยว่าปกติจะเว้นช่วงไปไม่กี่ปี โดมิแนนต์คนใหม่าก็เกิด แต่ทำไมคราวนี้เป็นศตวรรษเลยนะ
- โจชัวคิดว่าถ้าสายเลือดของโดมิแนนต์แห่งวารี ถูกตัดขาดลงเพราะเหตุใดเหตุหนึ่ง ก็อาจจะกีดกันไม่ให้โดมิแนนต์คนใหม่ตื่นขึ้นได้
- ไคลฟ์ก็คิดว่ามาตื่นอะไรเอาเวลานี้ฟะ ทุกชาติเสียโดมิแนนต์หมดแล้ว ถ้าใครรู้เข้า คงพยายามชิงตัวแน่ เดี๋ยวก็สงครามกันอีก
บอกว่านักวิชาการทั้งหมดลงความเห็นกันว่าไม่มีลิเวียธานอีกแล้ว ไม่เห็นมาเป็นศตวรรษแล้ว สายเลือดน่าจะดูตัดขาดไปแล้ว
Northreach
- Leyla นึกว่ามาซื้อบริการ ไคลฟ์บอกเปล่า
- Leyla บอกว่ายังไงก็จ่ายค่าซื้อเวลาราคาเดียวกัน แต่จะทำอะไรก็แล้วแต่ไคลฟ์
- Leyla ให้ไปทางเหนือของเมือง หาด Oillepheist Bay จะเจอเต็นท์และผู้หญิงที่ให้คำตอบได้
- เจอเต็นท์ เรือ และกองไฟที่พึ่งดับไปไม่นาน
- ชูล่า (Shula) โผล่มาแนะนำตัวว่า เธอมาจาก Tributary of Mysidia ที่หลบภัยสุดท้ายเผ่าวารี
- โจชัวบอกว่าคือเผ่าที่เชื่อว่าให้กำเนิดโดมิแนนต์ของลิเวียธานขึ้น จะมีดวงตาสีไพลิน และผมสีนวล ซึ่งเขานึกว่าหายไปหมดแล้ว
- ชูล่าบอกแม้ทั้งศาสนจักรและรัฐจะพยายามควานหายังไง พวกเขาก็ยังอยู่ เราซ่อนตัวจากสาวกของลัทธิกรีกอร์มานับศตวรรษ
- ชูล่าชี้ว่าไอ้คลื่นแข็งที่เห็นไกล ๆ นั่นเกิดขึ้นตั้งแต่การล่มสลายของ Drake’s Eye เกือบศตวรรษก่อน (ใน Ultimania คือประมาณปี 790 หรือ 80 ปีก่อน) คลื่นนั้นเกิดจากความโกรธของลิเวียธาน ก่อนที่น้ำจะหยุดนิ่ง ผนึก Eikon และโดมิแนนต์ไว้ พวกเธอก็ตามหาคนที่สามารถสะกดพลัง Eikon ตัวเองได้มานาน
- ไคลฟ์ถามว่าโดมิแนนต์คนนั้นไปทำอะไรมาถึงโดนลงโทษแบบนี้
- ชูล่าบอกก็อาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุด นั่นคือเกิดขึ้นมา แต่เขาควรมีชะตากรรมที่ดีกว่าที่ผู้คนของเธอทำกับเขา เขาควรได้รับอิสระ
- ไคลฟ์ก็เห็นด้วย ชูล่าก็ชวนไปข้ามอ่าว ผู้คนของเธอรอไคลฟ์อยู่
หอคอยคลื่น หยุดเวลามากว่า 80 ปี โผล่มาจาก Mysidia’s Cape Nepto ทันทีหลังการล่มสลายของ Drake’s Eye นักวิชาการจึงเชื่อว่าสองอย่างนี้เกี่ยวข้องกัน คลื่นนี้ไม่เพียงถูกลิเวียธานผู้สาบสูญเรียกมา แต่ยังมีโดมิแนนต์ของ Eikon นั้นหลับใหลอยู่ข้างใน
ข้อมูล The Motes of Water
เป็นที่เชื่อว่าสายเลือดนั้นหมดลงตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน และ Eikon ก็สูญหายตามไปด้วย
ข้อมูล Shula
เป็นผู้นำของเผ่าวารี ผู้เขียนจดหมายถึงซิดนอกรีต เพื่อขอความช่วยเหลือโดมิแนนต์ของลิเวียธาน การที่จดหมายนั้นส่งผ่าน the Veil แปลว่าเธอมีสายสัมพันธ์กับ Dame แต่กระนั้นเธอชอบใช้เต็นนอก Northreach เป็นจุดนัดพบกับ Isabelle เพื่อคุยความลับมากกว่า
ข้อมูล Haven
หมู่บ้านอันงดงามที่ตั้งอยู่กลางป่าแห่งสุดท้ายของดินแดนทางเหนือ ชนเผ่าวารีอาศัยอยู่ เดิมพวกเขามาจากทวีปธุลี และพึ่งย้ายมาถึงเมื่อศตรวรรษนร้ มีรั้วไม้กั้นล้อมชุดชมเพื่อป้องกันอสูรร้ายและปิศาจ
บนเรือ
- ชูล่าบอกหาอะไรจับไว้หน่อย เดี๋ยวต้องผ่านกำแพงที่มองไม่เห็น บรรพบุรุษพวกเธอทำไว้เพื่อพรางหมู่บ้านไม่ให้เห็น
- ไคลฟ์บอกแย่ยิ่งกว่า Bacchus Wine ซะอีก
- ผ่านมาแล้วท้องฟ้าเป็นสีปกติ พวกไคลฟ์งงมาก ชูล่าบอกว่ามันก็เป็น Glamour เติมแต่ง ให้ไม่ต้องเห็นท้องฟ้าสีอุบาทว์ทุกวัน
The Lost Cloak
- ชูล่าบอกกว่าจะถึงหมู่บ้านอีกไกล ต้องเดินขึ้นเขา ข้ามไปอีกลูก
- ไคลฟ์ให้เลิกเรียนว่าซิด มันเป็นนามแฝง เรียกไคลฟ์ก็ได้
- โจชัวเห็นชูล่าใช้เวทย์ได้ แต่ไม่เห็นต้องใช้คริสตัลเลย ชูล่าก็บอกว่าเขาเป็นแบร์เรอร์ก็ไม่ต้องใช้ โจชัวถามว่าแล้วรอยสักไปไหนล่ะ? ชูล่าบอกถ้าเดินเข้าซันเบรกก็คงโดนจับสักนั่นแหละ
- ขึ้นมาถึงยอดเขา จิลบอกไม่ได้เห็นดินแดนทางเหนือดูมีชีวิตชีวาขนาดนี้มานานแล้ว
- เจอกองหินเปล่งแสงที่ดูแลระบบตกแต่ง
Mysidia
- มาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านแปลกใจที่มีคนนอกเข้ามา ตกใจกับขนาดของทอร์กัล
- โจชัวถามว่าแล้วมาตั้งรกรากในดินแดนทางเหนือกันได้ไงเนี่ย เขาเข้าใจว่าเผ่าวารี เดิมมีบ้านอยู่ที่หาดทางตอนใต้ของทวีปธุลีซะอีก กระทั่ง Drake’s Horn ล่มสลาย แล้วโซนดำกลืนกินผืนดิน นึกว่าเผ่าหายไปหมดแล้ว
- ชูล่าบอกว่านั่นมันคือตำราของศาสนจักรกรีกอร์ เดี๋ยวไปคุยกันที่ฮอล์ ขอเตรียมการก่อน ตอนนี้เราไปสำรวจหมู่บ้านได้เลย
- เจอชาวบ้านที่บอกว่าเขาอยากให้คนนอกก็อยู่ส่วนคนนอก
หมู่บ้านอันงดงามที่ตั้งอยู่กลางป่าแห่งสุดท้ายของดินแดนทางเหนือ ชนเผ่าวารีอาศัยอยู่ เดิมพวกเขามาจากทวีปธุลี และพึ่งย้ายมาถึงเมื่อศตรวรรษนร้ มีรั้วไม้กั้นล้อมชุดชมเพื่อป้องกันอสูรร้ายและปิศาจ
ข้อมูล The Motes of Water
เผ่าที่มีโดมิแนนต์ของลิเวียธานเกิดขึ้น ประวัติศาสตร์ของพวกเขาเริ่มต้นที่ดินแดนรอบ Drake’s Horn ทางตอนใต้ของทวีปธุลี แต่หลังการล่มสลายของ Mothercrystal พวกเขาออกค้นหาที่ปลอดภัย จึงร่อนเร่อยู่ในทวีปวายุหลายทศวรรษจนตั้งบ้านใหม่ในดินแดนมิซิเดีย ประวัติศาสตร์อันยาวนานที่พวกเขาร่วมลำบากกันมา ทำให้ผู้คนรวมเป็นหนึ่ง แบร์เรอร์ของเผ่าวารีจึงเท่าเทียมกับคนที่ไม่ได้รับพร
ข้อมูล The Vare
อุปกรณ์เวทมนต์ที่ใช้หยุด Waljas และคลื่นได้ทัน ถูกร่ายไว้และยังคงอยู่ ใจกลางนั้นมีเศษคริสตัลตัดออกมาจาก Drake’s Eye เวทย์นั้นทำงานมาตลอด 80 ปี Vare ถูกออกแบบและสร้างโดยแม่มดแห่งทางเหนือ ซึ่งใส่ aether ของตัวเองเข้าไป พอไคลฟ์มาถึงก็เจอผีอัศวินใช้ดาบน้ำแข็งมาป้องกันไม่ให้ใครผ่านเข้าไปลบล้างเวทย์ได้ ไม่รู้ว่าผีนี้คือพลังของแม่มด หรือ aether ของเธอที่หลอมละลาย ฯลฯ ก็ยังเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ
ข้อมูล Chronomancy
ศาสตร์ในการควบคุมกระแสเวลาด้วยการควบคุม aether แม่มดแห่งทางเหนือเป็นผู้คิดค้นและทำให้สมบูรณ์แบบ ซึ่งถูกผู้ปกครองดินแดนใช้ให้หาทางป้องกันการล่มสลายของ Drake’s Eye หลังลำบากทั้งชีวิต เธอก็ทำสำเร็จเมื่อราว 80 ปีก่อน แต่มันสายเกินกว่าจะช่วย Mothercrystal ที่กำลังจะตาย ภายหลังเผ่าวารีเอาไปใช้เพื่อจุดประสงค์ร้ายกว่า นั่นคือการสร้าง Mothercrystal อันใหม่ โดยการหยุดเวลาโดมิแนนต์ทารก ทว่าแผนก็ล้มเหลว เวทย์ของแม่มดสำเร็จแค่การป้องกันไม่ให้เผ่าวารีถูกกวาดล้างจากความพิโรธของ Eikon
ข้อมูล Shiva
ข้อมูล The Greagorian Inquisition
ข้อมูล Jamila
เผ่าที่มีโดมิแนนต์ของลิเวียธานเกิดขึ้น ประวัติศาสตร์ของพวกเขาเริ่มต้นที่ดินแดนรอบ Drake’s Horn ทางตอนใต้ของทวีปธุลี แต่หลังการล่มสลายของ Mothercrystal พวกเขาออกค้นหาที่ปลอดภัย จึงร่อนเร่อยู่ในทวีปวายุหลายทศวรรษจนตั้งบ้านใหม่ในดินแดนมิซิเดีย ประวัติศาสตร์อันยาวนานที่พวกเขาร่วมลำบากกันมา ทำให้ผู้คนรวมเป็นหนึ่ง แบร์เรอร์ของเผ่าวารีจึงเท่าเทียมกับคนที่ไม่ได้รับพร
- ชูล่าบอกที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนดินแดนทางตอนใต้บ้านเก่า แต่อย่างน้อยก็เป็นที่ของพวกเธอ แล้วพวกเธอต้องคอบรักษา Glamour ที่ปิดบังตัวตนไว้
- Waljas คือทารกที่เป็นโดมิแนนต์ของลิเวียธาน ถึงแม้จะโดนแช่อยู่ในคลื่นนับศตวรรษ แต่อายุไม่เดิน เจอเวทย์ระงับไว้ เขาเป็นลูกของทวดชูล่า (son of great grandfather) ลิเวียธานตื่นขึ้นมาทันทีที่เขาเกิด แต่แทนที่เขาจะได้ใช้ชีวิตปกติ บรรพบุรุษกลับพยายามจะใช้พลังของเขาไปในทางอื่น ซึ่งลิเวียธานก็รู้ถึงการทรยศนี้ เลยเรียกคลื่นยักษ์ที่จะกลืนกินทั้งหมู่บ้าน ซึ่งหากว่าบรรพบุรุษไม่ช่วยกันหยุดเขาไว้ เวลาคือสิ่งที่ผนึกเขาไว้
- ชูล่าบอก Dalina ว่าจะพาแขกไปดูคลื่น ให้ทุกคนทำเหมือนว่าแขกเป็นครอบครัว
[เควสต์ Wyrda]
- อยากทำของขวัญไปให้สามีชื่อ Pavaat เนื่องจากดอกไม้ Elder’s Blessing ที่ใช้ย้อมสีเหลือน้อย โดยไปขอจากคนเก็บสัก 2 ตะกร้าพูน ๆ
- ตำนานเล่าว่าตอนที่เผ่าวารีออกจากทวีปธุลี Tributary of time (หัวหน้าเผ่า) ได้เอาเมล็ด Elder’s Blessing ติดมาด้วย ต่อมาไปเจอน้ำที่ไหน ก็หว่านไว้ คนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน พอมาตั้งรกรานที่นี่ ก็ปลูกด้วย
- พอเอาดอกไม้ไปส่งให้สามี Wyrda ที่เป็น Smith ถึงรู้ว่าเธอแค่อยากให้เรากับสามีทำความรู้จักกัน จะได้ช่วยเหลือกันได้ แต่ดอกไม้ของเขาก็กำลังจะหมดจริง ๆ เขาใช้ย้อมสีเป็นน้ำเงิน ให้ไม่ลืมรากเหง้าตัวเอง พวกเขาทำลวดลาย Ceaseless Rill ที่เป็นสัญลักษณ์ของแม่น้ำประจำเผ่า โดยมีพลังของลิเวียธานไหลเวียน
[เควสต์ Bilos]
- ให้ตามหา Ruqa ลูกสาวที่ออกไปนอกหมู่บ้าน เธอไปตามหาไคลฟ์ แต่ไคลฟ์กลับต้องออกมาหาเธอ พอเจอกันเธออยากให้เล่าเรื่องโลกภายนอกให้ฟัง ไคลฟ์ก็เล่าว่าหมู่บ้านภายนอกใหญ่กว่านี้เป็นสิบเท่า เรียกว่าเมือง มีกำแพงยักษ์ หอคอย ปราสาท Bilos บอกว่าบางครั้งพวกเขาบางคน จะขึ้นฝั่งไปหาเสบียงบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่กันแค่ในหมู่บ้าน ใช้กันแค่สิ่งที่ทวีปทางเหนือหลงเหลืออยู่ การก่อสร้างเมืองไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือพวกยา โลหะสำหรับทำอุปกรณ์ แล้วไหนเวลาออกไปโลกภายนอก ต้องทำตัวเป็นพ่อค้าเร่ ภาวนาไม่ให้โดนจับได้
- ออกนอกเมือง ไปทาง The Surge หรือคลื่นแข็ง
- ไคลฟ์ถามว่าแล้วจะเข้าไปหาเด็กที่โดนผนึกในคลื่นได้ไง คงไม่ใช้กลั้นหายใจนะ
- ชูล่าบอกว่าคลื่นมันกลืนแหลมทะเลเข้าไปด้วย ก็ไปให้ถึงปลายแหลม จะมีทางลงไปก้นทะเล จุดกำเนิดคลื่น
- ไคลฟ์บอกก็ไม่ใช่โดมิแนนต์รัวแรกที่พบก้นทะเล (เคยสู้กับโอดินที่ผ่าทะเลมาแล้ว)
The Surge
- ทางราบรื่นสะดวกจนไคลฟ์ถามว่าชาวบ้านมาที่นี่บ่อยเหรอ? ชูล่าตอบว่ามีแต่เธอมา ทุกพระจันทร์ใหม่ ในฐานะผู้นำหมู่บ้านและลูกหลานของ Waljas
- ชูล่าไม่ได้รู้สึกผิดอะไร แต่ที่ทำเพราะอยากทำ เพื่อแสดงให้ Waljas เห็นว่าไม่ได้เดียวดาย และในหมู่พวกเรา มีคนที่จะยุติความทรมานของเขาเอง
- ป่าแถบนี้โตไวมาก เผลอแพล็บเดียวทางจะรกอีก
- หยดน้ำอยู่ในอากาศ ถูกแช่ไว้มากว่า 80 ปี
- ไปถึงเจอตอน Waljas หยุดนิ่งตอนกำลัง Prime
- โจชัวบอกว่าเขายังจำความกลัวตอน Prime ครั้งแรกได้ดี ทั้งที่ตอนนั้นก็โตพอจะรู้ว่ามันคืออะไร แต่เด็กคนนี้ไม่รู้ ก็ยิ่งกลัวมาก
- ชูล่าบอก Waljas เป็นเหยื่อของบาปจากคนที่มองเขาเป็นแค่วิธีทำให้มันจบ
- ไคลฟ์บอกว่าเราบรรเทาภาระของเขาเอง (ease his burden) ไม่ได้จะทำร้าย เขาไม่ได้ไล่ฆ่าโดมิแนนต์ไปทั่วอย่างไม่มีเหตุผล ถ้าสามารถถอน Eikon ไปจาก Waljas ได้ล่ะ? ยากที่จะเชื่อแต่ทำได้นะ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงใด ๆ เลย บางส่วนของ Eikon ก็ยังคงอยู่กับตัว
- ชูล่าถามให้แน่ใจว่ายังไงก็จะมีความรุนแรงเหรอ? ไคลฟ์ก็ไม่รู้ แล้วแต่โดมิแนนต์ เคยเจอทั้งที่จบลงด้วยดี (จิล ดิออน) แล้วก็เจอแบบบ้าคลั่งควบคุมอะไรไมได้ (เบเนดิคต้า) แต่ถ้าเราล้มเลิก เขาก็จะทรมานแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
- ชูล่าก็ยอมให้ไคลฟ์ทำตามใจชอบ เธอจะยอมรับผลที่ตามมา
- ไคลฟ์เข้าไปจะดูดพลัง Eikon ออกมา
- เจอ Perykos เป็น egi ของลิเวียธาน
- ไคลฟ์งงว่า Waljas ถูกหยุดเวลาไว้ แต่กลับรู้ว่าพวกเขามาที่นี่
- ชูล่าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน โจชัวบอกเด็กโดนผนึกไว้เกือบศตวรรษ แต่ถ้าเขามีสติรู้ตัวมาตลอดตั้งแต่แรก เราต้องรีบถอดผนึกออกเดี๋ยวนี้เลย
- ชูล่าบอกเรื่องมันมีมากกว่านี้ กลับไปอธิบายที่หมู่บ้านดีกว่า
Mysidia
- Dalina อธิบายว่าเธอเป็นผู้ช่วยชูล่า แต่ชูล่าเป็นนักรบในตัวเอง ดูแลตัวเองได้ เธอเลยไม่ต้องทำหน้าที่แบบองครักษ์ เธอเลยทำการแทน เวลาที่ชูล่าไม่อยู่
- ที่นี่เคยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนทางเหนือ แต่ตอนที่บรรพบุรุษของชาวมิซิเดียมาถึง ก็พบว่าที่นี่ถูกทิ้งร้างไปแล้ว แล้วมันก็ห่างไกลดี เป็นที่ในอุดมคติแก่การตั้งถิ่นฐาน เลยร่าย glamour ปกคลุมเพื่อซ่อนตัว ความลับของเวทมนต์นี้ถูกส่งต่อมารุ่นสู่รุ่นตั้งแต่ที่พวกเราออกจากทวีปธุลี เรายังใช้ซ่อนแคมป์เดินทาง เพื่อไม่ให้ผู้ปกครองดินแดนรู้ว่าพวกเราย่างผ่าน บรรพบุรุษนั้นอยากแก้ปัญหาอย่างถาวร ตอนมาถึงที่นี่ เลยสร้างคบหิน เต็มไปด้วยเศษคริสตัล ร่าย Glamour ขนาดใหญ่ปกคลุมดินแดน หลังจากนั้นหลายวันคืน แบร์เรอร์ก็ปรับเวทย์ให้โลกภายนอกเห็นว่าดินแดนแห่งนี้ค่อย ๆ กลายเป็นโซนดำอย่างช้า ๆ เราก็ซ่อนตัวเรื่อยมา จนกระทั่งไคลฟ์มาถึง
- ตอนแรกเวทย์ก็ทำงานด้านเดียว (มองจากภายนอก) จนกระทั่งท้องฟ้าวิปริต เลยสร้างภาพมายาที่สอง ให้คนด้านในเห็นด้วย นี่เป็นไอเดียของชูล่าเอง เป็นการบรรเทาให้คนที่กลัวว่าเมฆหมอกนั้นคือจุดจบ และหวังว่ามันจะช่วยให้ไคลฟ์โล่งใจด้วย
- เดิมบรรพบุรุษอยู่ในชายฝั่งแคบของทวีปธุลี ไม่ได้อุดมสมบูรณ์ พวกเธอต้องพึ่งพาฝนภูเขาเพื่อดับความกระหาย ต้องใช้ความอุดมสมบูรณ์ของทะเลทำให้ท้องอิ่ม ทำให้รู้ถึงคุณค่าของน้ำ หลัง Drake’s Horn ล่มสลาย ก็ใช้เวลาหลายทศวรรษเดินทางผ่านทะเลทราย ทุ่งหิมะ จนมาถึง Mysidia บ้านหลังที่สองที่แท้ทรู ที่นี่ เราพบภูเขา แม่น้ำ ทะเล ไม่ต่างจากจากบ้านแรกที่ทวีปธุลี แต่สิ่งที่ขาดคือคริสตัล ที่นี่เราไม่มี Mothercrystal และไม่ได้รับแบ่งปันจากเพื่อนบ้าน แต่เพราะเศษคริสตัลที่พอจะสะสมมาได้ระหว่างการเดินทางในทวีปวายุ ถึงเอาตัวรอดผ่านฤดูหนาวแรก ๆ มาได้ แล้วยังต้องร่าย Glamour อีก ดังนั้น การให้แบร์เรอร์สละชีวิตตัวเองเพื่อประโยชน์ของคนอื่น จึงไม่เคยอยู่ในหัวคนที่นี่เลย ความลำบากที่เราเผชิญมาด้วยกันระหว่างการเดินทาง ทำให้เราสามัคคี และจะไม่แบ่งแยกกันอีก เราก็อยู่เท่าที่แผ่นดินมอบให้เรา น้ำพุ แม่น้ำ ทะเล เท่านี้แหละคือสิ่งที่เผ่าวารีต้องการ
- ชูล่าเล่าถึงอดีตว่า หลังจากเผ่าเธอเดินทางกันมาหลายรุ่น ก็อพยพมาถึงดินแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปวายุ ประมาณ 170 ปีก่อน เพื่อแลกกับความปลอดภัย ศาสนจักรกรีกอร์ให้พวกเธอละทิ้งความเชื่อเดิม และหากไม่ยอมก็จะตีตราว่าเป็นพวกนอกรีต (และฆ่าทิ้ง) เรื่องนี้ก็มีบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิ แต่ก็มีคนรอดชีวิตมาได้หยิบมือ คนที่หนีมาได้ ก็ไปทางเหนือและตะวันตก และค้นพบสิ่งที่เปลี่ยนชะตากรรมไปตลอด หนึ่งคือตำนานเก่าแก่ ที่เปิดเผยวิธีสร้าง Mothercrystal เอง มันก็ให้ความหวังปลอม ๆ บรรพบุรุษพวกเธอเชื่อว่าจะสามารถสร้างคริสตัลได้ ถ้าหาหัวใจที่แข็งแกร่งพอมาได้ (ใน DLC ก่อนบอกว่าต้องใช้ Organic Seed หรือเชื้อพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต) ผู้ที่สามารถควบคุมกระแส aether และเป็นผู้สวรรค์เตรียมมาให้ นั่นคือโดมิแนนต์ Waljas พวกเขาเข้าไปในซากวิหารโบราณ หมายจะยั่วให้เกิดการทะลักของ aether อย่างกะทันหัน เพื่อยั่วให้ Eikon โกรธ ลิเวียธานคงทำลายทุกอย่างราบไปแล้ว หากพวกเขาไม่ได้ค้นพบเรื่องสำคัญอีกอย่าง คือการหยุดเวลา ตอนที่บรรพบุรุษมาถึง ดินแดนมันไม่มีผู้อาศัย นอกจากแม่มดชรา ที่อาศัยอยู่บนยอดสูงสุด ร่างของเธอโดนคำสาปไปแล้ว (กลายเป็นหิน) ผลจากการรับใช้อาณาจักรทางเหนือมายาวนาน พวกดินแดนทางเหนือบังคับให้เธอคิดค้นเวทย์หยุดเวลาไว้ เพื่อป้องกันการล่มสลายของ Drake’s Eye แต่ตอนที่เธอสร้างเวทย์นี้สมบูรณ์ มันก็สายเกินไปแล้ว เพื่อลงโทษเธอ อาณาจักรเลยขับไล่เธอไปใช้ชีวิตที่เหลือไม่กี่วัน ในดินแดนที่ถูกตัดขาด บรรพบุรุษของพวกชูล่าเข้าใจความเจ็บปวด และห่วงใยเธอ เธอเลยมอบเวทย์นี้ให้ แม้จะตาย แต่มรดกของเธอจะถูกส่งต่อไป ดังนั้น พอบรรพบุรุษมีทั้งความรู้โบราณ และเคล็ดลับของเวลา ก็เลยจะสร้าง Mothercrystal อันใหม่ และสะกดให้มันคงอยู่ชั่วนิรันดร์ การเดินทาง ความเจ็บปวด จะได้ยุติ กลับสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง เพื่อการนั้น สิ่งที่ต้องสังเวยมีแค่เด็กคนเดียว เป็นราคาที่จิ๊บจ๊อย พวกเขาเชื่อแบบนั้น
- ไคลฟ์บอก ก็เป็นเหยื่ออีกคนของความมืดบอดมนุษย์ที่หวังพึ่งพา Mothercrystal
- ชูล่าบอกว่ามันมีซากวิหารเก่า ที่แม่มดสร้าง Vare ไว้ เป็นท่อส่ง aether ที่เหลือเข้าสู่ Surge ซึ่งไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว แต่ตอนนี้มีคนที่ยึดเป็นของตนเอง
- ไคลฟ์คิดว่าควรทิ้งพวกไว้คนนึง เผื่อหมู่บ้านเกิดอันตราย โจชัวเลยอาสาอยู่
[เควสต์ Fanet]
- กังวลกับคนไข้ชื่อ Talor ที่หนาวถึงกระดูกทั้งที่ไม่มีไข้ เลยให้ไปถาม Pavaat ว่าพ่อเอ็งไปทำอะไรมาก่อนจะป่วย ส่วนเธอจะไปถาม Wyrda ภรรยาของ Pavaat ลองไปถามดูก็พบว่า Fanet ไปที่บ้านของ Blasir เป็นนักตกปลา แล้ว Blasir ก็มาบอกว่าจู่ ๆ Talor ก็หมกมุ่นเรื่องป่า ถามประจำว่าเห็นอะไรแปลก ๆ ตอน Blair กลับจากหาดบ้างมั้ย? แต่ก็ไม่บอกว่าอยากให้เห็นอะไร
- Fanet สันนิษฐานว่าเป็นเพราะทอนแบรีแน่เลย จึงขอให้ไคลฟ์ไปที่ Father’s Fell แล้วเอาของบูชากลับมาโดยเร็ว
- ไคลฟ์ไปถึงก็เจอฝูงทอนแบรี กำลังทำพิธี กับสร้อยเงินที่อยู่บนแท่นบูชา
- Fanet บอกว่าสร้อยเงินนี้เป็นของศาสนจักรกรีกอร์ ทอนแบรีนั้นเสพความเกลียดชัง ความทรมาน ถ้าถวายของที่แสดงความคับข้องใจแก่เพื่อนมนุษย์ให้ ทอนแบรีก็จะสาปแช่งผู้นั้น แต่ถ้าพยายามสาปแช่งคนที่ตายไปแล้ว คำสาปก็จะคืนสนองตัวเอง
- Pavaat บอกว่าตอนพ่อหนุ่ม ๆ พอเป็นคนหนึ่งที่ได้อนุญาตออกนอกกำแพงเมือง ไปค้าขายแลกเปลี่ยน เวลาไปซันเบรกพ่อจะใส่สร้อยนี้ไปเพื่อปกปิดความเชื่อของตัวเอง เพราะเกรงพวกกรีกอร์จะฟาดตะบองใส่ แต่พ่อก็ไม่เคยบอกว่าโดนจับได้มาก่อนหรือไม่
- จบเควสต์ไปก่อนแบบที่ Talor ยังป่วย
[เควสต์ Jamila]
- เจอคนน่าสงสัยในป่า อาจจะเป็นคนจากโลกภายนอก ไคลฟ์ไปดูเจอน้ำหอมจากซันเบรกตกอยู่ ตามไปเจอ Herve เป็นลูกค้าเก่าของ Jamila ซึ่ง Herve รัก Jamila มาก เคยร้องเพลงรักกันทุกคืน แต่แล้ว Jamila ก็หายไป Jamila บอกว่าเธอทิ้งข้อความไว้แล้วว่าเธอทิ้งครอบครัวบ้านเกิดไม่ได้ ยังไงเราก็ไม่มีทางได้อยู่ด้วยกัน แล้วบอกไม่ให้ตามหาด้วย แต่ Herve ก็ตามมา เพราะเขาเห็นคนที่รูปลักษณ์ภายนอกคล้าย Jamila ที่หาดแถว Northreach กำลังขึ้นเรือ (ก๊วนเราน่ะเอง) เขาเลยหาเรือตามมาด้วย เข้ามาก็เจอท้องฟ้าเปลี่ยนสี เลยรู้เลยว่าคนรักอยู่ที่นี่แน่ Jamila บอกว่าในเมื่อ Herve รู้การมีอยู่ของที่นี่แล้ว ก็ต้องกลับไปที่หมู่บ้าน ให้ครอบครัวเธอพิพากษา ตา Herve ก็ดีใจจะได้เจอครอบครัวเธอ
- Jamila เคยทำงานที่ The Veil หาเงิน แล้วก็มีครอบครัวที่สอง แม่คนที่สองที่นั่น ที่ผ่านมา ก็มีคนหลงเข้ามาในหมู่บ้าน ทั้งนักสำรวจ ผู้รอดชีวิตจากเรืออัปปางที่หลงมาที่นี่ก็อยู่ไม่ยืดทั้งนั้น (ตายหมด)
- ชูล่าท้วงว่านั่นเป็นยุคก่อนเธอ เธอไม่เคยตัดสินใจแบบนั้น และ Jamila ไม่ผิด เธอผิดเองที่เปิดเผยความลับ
- Jamila ก็บอกว่า Herve ไม่มีเจตนาร้ายกับพวกเรา แค่ไอ้โง่ที่รักเธอ
- ชูล่าบอกเธอก็ฟังไว้ แต่ก็ต้องหารือกันทั้งครอบครัว ต้องใช้เวลาตัดสินใจ
- Herve ก็บอกว่าเขาไม่แคร์ว่าจะเป็นยังไง เขาเจอคนรักแล้ว ก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น
[เควสต์ Qatav]
- เขากับ Nasef เป็นคนดูแล Cairn คบหินเวทย์ แล้ว Nasef หายไปในป่าไม่กลับมา ขณะไปดูคบหิน
- เจอฮันเตอร์บอกว่ามีคบหินอีกที่ ให้เราไปหา ก็เจอ Nasef ที่โดนมอนสเตอร์รุมอยู่
- Nasef บอกคบหินพวกนี้มีคริสตัลอยู่ ถ้า aether หยุดไหลเวียน มนต์ที่ร่ายคลุมไว้ก็จะหาย เขาเลยต้องคอยดูแล ปกติเขากับ Qatav ไปด้วยกันและคอยระวังหลังกันให้ แต่พอรู้ว่ามีคนนอกแบบไคลฟ์มา พวกเขาเลยแยกกันไปทำ เพื่อให้งานเสร็จไวขึ้น เลยเป็นแบบนี้
- Nasef บอกน่าคิดว่าเราควรจะร่าย glamour พรางตัวเองไว้จากสัตว์ป่า
- Qatav บอกว่าที่จริงพวกเขาสองคนเป็นแบร์เรอร์ คนอื่นจูนคริสตัลแบบพวกเขาไม่ได้ ถ้าที่นี่ไม่มีพวกเขาก็ตายกันหมด
- คริสตัลนั้นพวกเขาเอามาใช้กับ glamour เป็นหลัก ที่เหลือก็ไปให้ Pavaat ใช้ในการคราฟต์
[เควสต์ Manda]
- คุยเรื่องโจโคโบะกัน เธอสังหรณ์ว่าไคลฟ์ขี่แต่โจโคโบะผู้ดีมา เขาก็บอกถึงสรรพคุณของอัมโบรเซีย ทำให้ Manda อยากเห็นโจโคโบะขาวแบบนี้มาก
- ไปพาอัมโบรเซีย ขึ้นเรือของพ่อ Manda มาถึงหมู่บ้าน
- Manda หวังว่าจะเลี้ยงโบะให้ได้อย่างอัมโบรเซียบ้าง
- ยามเฝ้ารั้วทางออกเมือง บอกว่าเผ่าวาเร่ร่อนหลายศตวรรษ จนถึงช่วงที่ผนึก Waljas ไว้ จึงได้ตั้งรกรากกันที่นี่ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็อยากแก้ไขสิ่งที่บรรพบุรุษทำให้ถูกต้อง
The Aire of Hours
- จิลคิดถึงบ้านเกิด แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา
- ที่สร้าง Vare ที่นี่เพราะเป็นจุดที่มองเห็น Drake’s Eye ที่เป็นเป้าหมายเดิมได้ชัด
- ทอนแบรีคิดว่าที่นี่เป็นที่ของตัวเอง พวกเผ่าวารีลดลง แต่ทอนแบรีเพิ่มจำนวนขึ้น
- เจอมาสเตอร์ทอนแบรี
- เจอฟาฟเนอร์ ไคลฟ์นึกว่าอพยพลงไปทางใต้หมดแล้ว ชูล่าบอกว่าพวกตัวที่อ่อนแอ อพยพไปน่ะ
- กำลังจะเข้าวิหาร จิลถามชูล่าเวทย์หยุดเวลามันทำงานยังไง ไม่ใช่ว่าเราจะได้รับผลไปด้วยเหรอ? ชูล่าบอกมีผลกับแค่สิ่งที่อยู่ในอาณาเขตขณะที่ร่ายเท่านั้น
- ทะลุผ่านม่านเวลาไป ชูล่าบอกว่าถ้าพวกเราเข้ามาได้ สิ่งอื่นก็เข้ามาได้
- ในวิหารดูเละเทะ ชูล่าบอกว่าตอนที่ลิเวียธานรู้ตัวก็พยายามทำลายวิหาร
- เจอบอมบ์น้ำแข็ง
- จิลบอกวิหารนี้น่าจะเป็นที่สักการะมาก่อน มีพระเทศนากัน
- ไปถึงยอด เจอ Vare
- จิลและไคลฟ์รู้สึกได้ตั้งแต่เข้ามาว่าแม่มดเรียกพวกเธอเข้ามาหา แม่มดนั้นเป็นโดมิแนนต์ คนที่มีพลังหยุดเวลา ไม่มีใครอื่นนอกจากศิวะ แต่การที่ aether ยังคงอยู่แม้ผ่านมาเนิ่นนาน ราวกับว่าเธอแบ่ง aether ให้กับคนอื่น อย่างที่ทอร์กัลรับไปจากจิล
- เจอ Timekeeper ชูล่าบอกบรรพบุรุษไม่เห็นเคยเตือนมาก่อน ไคลฟ์บอกสงสัยบรรพบุรุษชูล่าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีพวกนี้อยู่
- ทำลาย Timekeeper (ซึ่งคงกัก aether ของศิวะคนเดิมไว้)
- ชูล่าบอกว่าถ้าถอนเวทย์ทีเดียว คลื่นที่ลิเวียธานสร้างไว้ ไม่รู้จะสร้างความเสียหายขนาดไหน เลยต้องป้องกันก่อน
อุปกรณ์เวทมนต์ที่ใช้หยุด Waljas และคลื่นได้ทัน ถูกร่ายไว้และยังคงอยู่ ใจกลางนั้นมีเศษคริสตัลตัดออกมาจาก Drake’s Eye เวทย์นั้นทำงานมาตลอด 80 ปี Vare ถูกออกแบบและสร้างโดยแม่มดแห่งทางเหนือ ซึ่งใส่ aether ของตัวเองเข้าไป พอไคลฟ์มาถึงก็เจอผีอัศวินใช้ดาบน้ำแข็งมาป้องกันไม่ให้ใครผ่านเข้าไปลบล้างเวทย์ได้ ไม่รู้ว่าผีนี้คือพลังของแม่มด หรือ aether ของเธอที่หลอมละลาย ฯลฯ ก็ยังเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ
ข้อมูล Chronomancy
ศาสตร์ในการควบคุมกระแสเวลาด้วยการควบคุม aether แม่มดแห่งทางเหนือเป็นผู้คิดค้นและทำให้สมบูรณ์แบบ ซึ่งถูกผู้ปกครองดินแดนใช้ให้หาทางป้องกันการล่มสลายของ Drake’s Eye หลังลำบากทั้งชีวิต เธอก็ทำสำเร็จเมื่อราว 80 ปีก่อน แต่มันสายเกินกว่าจะช่วย Mothercrystal ที่กำลังจะตาย ภายหลังเผ่าวารีเอาไปใช้เพื่อจุดประสงค์ร้ายกว่า นั่นคือการสร้าง Mothercrystal อันใหม่ โดยการหยุดเวลาโดมิแนนต์ทารก ทว่าแผนก็ล้มเหลว เวทย์ของแม่มดสำเร็จแค่การป้องกันไม่ให้เผ่าวารีถูกกวาดล้างจากความพิโรธของ Eikon
- ชูล่าพยายามดูด aether ออกจากคริสตัลใน Vare แต่ Aether เยอะไป จิลช่วยดูดด้วย จนสำเร็จ
- อัลเทม่าส่งจิตบอกไคลฟ์ว่าความศักดิ์สิทธิ์ของลิเวียธานมัวหมองเพราะมนุษย์ วิญญาณถูกพันธนาการไว้โดยความโอหัง จน Mythos มาปลดปล่อย ถึงเวลาถอนบาปของมนุษย์แล้ว ด้วยมือของข้ารับใช้พระเจ้า
- พอถอนแล้ว คลื่นมา ลิเวียธานคลั่ง
- ไคลฟ์ลูบหัวทอร์กัล บอกชูล่าว่ากลับไปหมู่บ้าน พาทุกคนขึ้นที่สูง ที่เหลืออิฟรีตจัดการเอง
The Surge
- ไคลฟ์บอกถ้าโดนจองจำไว้ 80 ปี เป็นกูก็โกรธ แต่จะให้มันจบแบบนี้ไม่ได้นะ Waljas ถึงเวลากลับบ้านแล้ว
- ไคลฟ์เข้าไปหา บอกว่าไม่ได้อยากทำแบบนี้ อย่าว่ากันเลยนะ
- ตอนลิเวียธานเรียกพายุฝน ไคลฟ์บอกว่าการูด้าต้องภูมิใจแน่
- ใช้ Controlled Burn ต้านซึนามิไว้ แล้วปล่อย Hellfire ทั้งแบบ Projectile และ Melee โจมตีใส่ จนลิเวียธานร่วง
- ไคลฟ์รับร่าง Waljas ที่ตกลงมา มอบให้ชูล่าที่ตามมา พร้อมกับโจชัวและจิล ทุกคนแฉะกันหมด ไคลฟ์บอกรีบไปหาผ้าห่มแห้งให้เด็กซะ เดี๋ยวไข้ขึ้น
Mysidia
- พา Waljas มานอน ชูล่าบอกหลังจากนั้นก็มอบสถานที่ให้เขาเติบโต เรียนรู้ ครอบครัวที่รักและปกป้องเขา สักวัน บาดแผลในใจเขาจะได้รับการเยียวยา และเลือกเองว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร
- ไคลฟ์บอกว่าลิเวียธานก็เชื่องแล้ว จักรวรรดิที่คุกคามเผ่าวารีก็ล้มแล้ว ถึงเวลารึยังที่จะถอน Glamour ของบรรพบุรุษ แล้วกลับคืนถิ่นในแผ่นดินใหญ่
- ชูล่าบอกว่าอาจจะ พวกเขาเองก็ไม่ได้เหลือคริสตัลมากพอที่จะรักษากำแพงไปได้ตลอด แต่จะปลอดภัยจริงเหรอ โลกพร้อมจะยอมรับพวกเธอเหรอ พวกไคลฟ์ยังหลบซ่อนอยู่เลยนี่ ถึงกระนั้นตอนนี้ก็เป็นพวกกันแล้ว
- ไคลฟ์บอกว่ามาเยี่ยมที่รังลับได้เสมอ ถ้าต้องการเสบียงอาหาร ข้าวของ อย่าลังเลที่จะเอ่ยขอ เขาคิดว่าโลกมันเลยจุดที่จะช่วยได้ไปแล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ คือดิ้นรนเปลี่ยนแปลงโลกที่เหลืออยู่ ให้เป็นโลกที่คนจะมีชีวิตได้อย่างเท่าเทียมกัน
- ออกมานอกบ้าน ไคลฟ์เล่าให้โจชัวและจิลฟังว่าที่ Vare อัลเทม่าบอกเขาว่าลิเวียธานโดนหมิ่นที่สุด และให้ไถ่ถอนบาปของมนุษย์
- โจชัวว่าบาปของบรรพบุรุษนั้นรุนแรงมาก บังคับให้ Waljas prime ตั้งแต่วัยแบเบาะ
- ไคลฟ์เสริมว่าแถมยังหยุดเวลา เอาให้ไม่รู้ว่าชีวิตคืออะไร
- โจชัวบอกว่า ที่อัลเทม่าไม่พอใจไม่ใช่เพราะสองเรื่องนี้ แต่เป็นเพราะพลัง Eikon ถูกเอาไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกจากที่เขาตั้งใจไว้ สำหรับอัลเทม่าแล้วลิเวียธานคือความผิดปกติ
- ไคลฟ์คิดว่าเพราะงี้อัลเทม่าเลยไม่นำทางให้เขามาหาลิเวียธานรึเปล่านะ อัลเทม่ากลัวว่าชิ้นส่วนที่แปดเปื้อนนี้จะทำให้ภาชนะมัวหมอง?
- โจชัวบอกว่าอาจจะ แต่ก็อาจจะมองว่าลิเวียธานเป็นส่วนเกินจากความต้องการ? อาจจะสรุปว่าภาชนะนั้นสามารถใช้ตามประสงค์ได้แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องมีพลังของอัลเทม่าครบ
- ไคลฟ์ก็คิดว่าพรจากคริสตัลเป็นแค่คุก คุกที่ Waljas เกิดมา ยากที่จะได้มาซึ่งอิสรภาพ หากเราไม่ไปเปลี่ยนแปลงมัน สุดท้ายเขาก็จะต้องทรมานด้วยชะตากรรมเดียวกับโดมิแนนต์ทุกคน ที่เราเจอมาก่อน
[เควสต์ Fanet]
- เธอค้นคว้ามาพบว่ามีทอนแบรีอายุยืนเหลือเชื่อ คือทอนแบรีคิง เป็นต้นตอคำสาป ถ้าปราบได้ การสาปแช่งก็จะหยุด
- ทอนแบรีแห่มาเต็มหน้าเมืองเลย
- ทันทีที่ไคลฟ์ออกจากเมือง อาการ Talor ก็แย่ลงไปอีก
- ชนะทอนแบรีคิง
- กลับไปหา Fanet พบว่า Talor หายป่วยแล้ว
- ไคลฟ์ถามว่าทำไม ถึงไปให้พวกทอนแบรีสาปแช่งให้แต่แรกล่ะ?
- Talor บอกว่าไม่กี่ปีก่อน สมัยที่เขาไปค้าขาย ชาวกรีกอร์ที่ Oriflamme จับกุมเขา มัดเขาไว้ในคุกมืด โดยมีดาบใหญ่ห้อยอยู่เหนือหัว พร้อมจะบั่นคอทันทีหากเขาไม่รับสารภาพ รับอะไรก็ไม่รู้เลย แต่เขาก็ไม่รับ เลยถูกปล่อยตัวมา เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขา พยายามลืมเรื่องที่เกิด แต่พอไคลฟ์มาถึง ดาบของไคลฟ์ทำให้เขานึกถึงเรื่องนั้น (PTSD) เขานอนไม่หลับ กินไม่ได้ หายใจลำบาก เลยคิดว่าหากมอบสร้อยเก่านี้ให้ทอนแบรี บางทีมันอาจจะพัดเอาความเจ็บปวด ความโกรธนี้ไป แต่แม่งกลายเป็นหนักกว่าเดิม
- ไคลฟ์บอกว่า Oriflamme ล่มสลายแล้ว คนที่ทรมานนายก็น่าจะล่มจมไปด้วย
- Talor บอกถ้าเขารู้ ทุกคนก็คงไม่ต้องลำบากแบบนี้… เขาเชื่อมาตลอดว่าไคลฟ์ก็เหมือนพวกนั้น คนจากโลกภายนอกก็เหมือน ๆ กันทั้งหมด แต่ว่าเขากลับคิดผิด ขอบใจนะ
- Fanet บอกว่าตอนเธอวิ่งกลับจาก The Cloak (ตรงหน้าเมืองที่ไคลฟ์เจอทอนแบรีฝูงแรก) แล้วมาบอก Talor ว่าไคลฟ์ทำอะไรให้บ้าง เท่านั้น ก็เหมือนว่าความเจ็บปวดเขาค่อย ๆ หายไป
- ไคลฟ์ก็งงว่าเขายังต้องฆ่าทอนแบรีอีกหลายโหล กว่าจะไปถึงทอนแบรีคิงนี่นา
- Fanet คิดว่าอาจจะมีใครไปเตือนทอนแบรีคิงว่าไคลฟ์จะมา เลยเลิกพิธีก็ได้ หรือไม่ก็การที่รู้ว่ามีคนจากโลกภายนอกต่อสู้เพื่อเขา มันช่วยบรรเทาความหนักใจของ Talor ให้ โรคภัยหลายอย่างมันไม่ได้แค่ทางกาย แต่มันทางใจด้วยส่วนนึง
- ไคลฟ์สงสัยว่าตกลงคำสาปมีจริงมั้ยเนี่ย? หรือ Talor ก็แค่ทรมานจากความทรงจำอันเจ็บปวด และความผิดที่ตัวเองก่อขึ้น
- Fanet ก็บอกว่าก็เพราะความแข็งแกร่ง และความไม่เห็นแก่ตัวของไคลฟ์ ที่เยียวยาใจของเขา
- ไคลฟ์บอกไว้กลับบ้านแล้วเขาจะไปบอกเพื่อนนักฮีลนะ (Tarja)
[เควสต์ Ayrik]
- ตอนเราไป Aire of Hours เด็กนี่แอบตามเราไป แล้วเจอมอนสเตอร์น่ากลัว
- ไปปราบ Thalaos เป็น Egi ของลิเวียธาน
- ไคลฟ์กลับมาเล่าว่ามันคืออะไร ลิเวียธานก็เรียกออกมาเพื่อป้องกันตนเอง แต่ทำไมไปอยู่แถวโบราณสถานก็ไม่รู้
- Ayrik บอกว่ามันอาจจะไปหาแม่ นั่นคือที่ ๆ แม่ของ Waljas ตาย
- ฮันเตอร์เล่าว่า ตอนที่แม่ของ Waljas ถูกชิงทารกไป เธอก็โดดน้ำตก Languor ตาย จากนั้นมาปีละครั้ง ทั้งหมู่บ้านก็จะไปไหว้ที่นั่น
- ไคลฟ์เข้าใจว่า egi เป็นวิญญาณส่วนนึงของนายมัน แต่ Waljas เองก็ไม่น่ารู้เรื่องแม่นี่นา
[เควสต์ Dalina]
- Dalina บอกว่ายายทวดสงสัยว่าแม่มดแห่งทางเหนือเป็นโดมิแนนต์ แล้วก็สงสารมาก ในช่วงวาระสุดท้ายของแม่มด แล้วยายทวดเลยเป็นคนดูแลสุสาน หน้าที่นั้นส่งต่อมาเรื่อย ๆ จนมาถึงเธอ แต่ก่อนหน้านี้ เส้นทางไปสุสานมีต้นไม้ล้มขวาง พอคนดูแลต้นไม้พบ และคิดว่าจะเคลื่อนย้าย ก็รู้สึกว่าไม่ดีกว่า เพราะมีอสูรกายยึดผาด้านหน้า
- ตอนบรรพบุรุษเผ่าวารีมาถึง พบแม่มดอยู่ในหมู่บ้านร้างเก่าแก่ แล้วเผ่าวารีก็ช่วยกันดูแล แม่มดขอไว้ว่าเมื่อตายแล้วอยากกลับสู่ที่นั่น ยายทวดเลยเอาหินไปตั้งบนหน้าผา ที่จะมองเห็นที่ ๆ เคยเป็นบ้านของแม่มด
- ฝ่าไปถึงหินหลุมศพ เขียน Ysay
- Dalina บอกว่าพวกบรรพบุรุษ มาถึงได้ไม่กี่สัปดาห์ Ysay ก็จากไป ทุก ๆ วันต้องดิ้นรนเพื่อการอยู่รอด เลยไม่มีเวลาและพลังจะทำหลุมศพรำลึกให้ดีกว่านี้ แต่อย่างน้อยก็ทำความปรารถนาให้เป็นจริงได้นะ ที่ว่าเมื่อตายแล้ว อยากจะกลับไปเฝ้าดูบ้านอีกครั้ง ที่โบราณสถานด้านล่างนั่นคือ เป็นที่อาศัยของคนที่รับใช้วิหาร
- ตอนที่ดินแดนทางเหนือส่งตัวแม่มดมาให้สร้างเวทมนต์ แม่มดกับผู้ติดตามก็มาอาศัยอยู่ที่โบราณสถานนี้ ที่นั่นมีทั้งนักบวช สาวใช้ อัศวินที่สาบานว่าจะพิทักษ์เธอ แต่ตอนที่เผ่าวารีมาถึง พวกเขาก็จากไปกันหมดแล้ว มีทั้งคนที่หนี และตายไปในสงครามตะวันตก เหลือแค่ Ysay คนสุดท้าย นั่นคือเรื่องที่เล่าต่อกันมาในหมู่บ้าน แต่มันยังมีบทสุดท้ายที่คนที่รู้มีแค่ชูล่ากับเธอเท่านั้น
- ไม่กี่ปีต่อมาหลังจาก Ysay จากไป ยาย (ไม่มีคำว่าทวดแฮะ) ก็มาดูแลสุสาน และพบอัศวินใส่เกราะเต็มยศ คุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพ ยายถามว่าเขาเป็นใครและมาจากไหน แต่เขาไม่ตอบ เขาถามกลับมาว่า “บอกความจริงมา นี่คือหลุมศพของใคร?” ก็เลยบอกไปตามตรง ว่าเผ่าวารีเจอเธออย่างไร ดูแลเธออย่างไร ตายอย่างไร อัศวินนั้นได้เพียงจ้องมองขึ้นไปยัง Aire of Hours อย่างเงียบงัน แล้วเขาก็จากไป ไม่เห็นเขาอีกเลย
- ไคลฟ์ถามว่าเกราะนั้นสีดำทองใช่มั้ย? เพราะเขาก็เจอผีใส่เกราะอัศวินเต็มยศหน้า Vare ซึ่งตรงนั้นเต็มไปด้วย aether ของศิวะ เขาไม่แน่ใจ แต่อาจจะเป็นคนเดียวกัน ที่แน่ใจคือเขาพยายามปกป้องสิ่งประดิษฐ์ของเธอ หรือจิตวิญญาณ aether ที่ยังเหลือใน Vare
- Dalina บอกว่าบางทีวิญญาณของอัศวินคนนั้น อาจจะถูกห่อหุ้มด้วยเวทย์ของเธอ คอยเฝ้าดูแลไปนิรันดร์ จนไคลฟ์ไปยุติมัน ซึ่งหากผีนั้นเป็นอัศวินของ Ysay จริง การที่ไคลฟ์ไปยุติมัน คือของขวัญที่ดีที่สุดที่จะมอบให้ได้แล้ว เขาจะได้คืนสู่ท้องทะเล สู่หญิงสาวของเขาอีกครั้ง และถ้าผีนั้นกลับมาเยี่ยมหลุมศพอีก เธอก็อยากถามชื่อของเขา จะได้สลักไว้ในหินอีกก้อน ตั้งข้างกัน จะได้อยู่ด้วยกันไปตลอดกาล
- Dalina บอกว่าพวกเธอจะเตรียมตัวกลับสู่โลกภายนอก เพราะคริสตัลก็เหลือไว้ร่าย glamour แทบไม่พอแล้ว แน่นอนว่าคงมีคนคัดค้าน เราก็กลัวชีวิตนอกกำแพง แต่นั่นคือก่อนที่พวกเธอจะมี Waljas และ Vare
- นานมาแล้วพวกเธออยู่ในทางใต้ของทวีปธุลี ใกล้ Drake’s Horn แต่พอ Horn ล่มก็เลยต้องออกเเดินทางไปในโลก พกสัมภาระไปด้วยเกวียนที่พัง นอนใต้แสงดาว แต่ไม่ได้ตั้งรกรากที่ใด เรามองตัวเองเป็นเหมือนแม่น้ำที่ไหลไปเรื่อย ๆ คดเคี้ยวไปทั่วแดน แต่ก็ไม่ได้ไหลอย่างสะดวกตลอด ในซันเบรก ก็โดนพระของศาสนจักรกรีกอร์ล่า ตีตราเป็นพวกนอกรีต การล่านั้นทำให้แม่น้ำเราเกือบยุติ แม้พวกซันเบรกจะมองว่าตัวเองชนะ แต่คนป่าที่ไร้ซึ่งพระเจ้า ก็เหลือรอด แม้จะจำนวนน้อยก็ตาม หลังพเนจรต่อมา ผ่านความทรมาน สุดท้ายก็มาลงเอยที่มิซิเดีย
- 80 ปีผ่านไปนับตั้งแต่พวกเธอเคยพยายามเปลี่ยนเด็กน้อยเป็นหัวใจของ Mothercrystal พวกเขาตั้งแท่นบูชาที่ Cape Nepto เพื่อการนี้โดยเฉพาะ พวกเขาเลือกที่ตรงนั้นเพราะมองว่ามีลักษณะสำคัญทางศาสนา การแบ่งทะเลด้วยแหลม เป็นสัญลักษณ์ของจุดตัดทางประวัติศาสตร์ที่ Mothercrystal จะเข้ามาใหม่ ในความเห็น Dalina ระยะทางจากหมู่บ้าน และการมองเห็นเส้นทางรวมได้ง่ายจากแหลมไปยัง Aire of Hours มีน้ำหนักยิ่ง แผนนั้นง่าย ๆ เลยคือถวายเครื่องบูชาน่าสยดสยองให้ Waljas เพื่อดึงศักยภาพออกมา แล้วหยุดเวลาเขาด้วยเวทย์ของแม่มด ให้เขาเป็นท่อส่ง aether ไปตลอด ตอนแรกก็ทรงดี ลิเวียธานออกมาอาละวาดแบบเด็กทารก ทุกวิญญาณในแหลมถูกฆ่าในพริบตา มิซิเดียคงล่มสลายไปแล้ว โชคดีที่กลุ่มที่สองบนภูเขา รีบร่ายเวทย์ไวเท่าที่มืออันสั่นเทิ้มจะทำได้ ทำให้ Eikon กลับคืนเป็นร่าง Waljas แล้วก็อยู่ในร่าง semi-prime คอยปล่อย aether เรื่อยมานับจากนั้น แต่แล้วหัวใจอัปโชคนั้น ก็ไม่เคยสร้างเศษคริสตัลออกมาได้เลย แผนของบรรพบุรุษมันเลยล้มเหลวตั้งแต่เริ่ม ไม่ว่าพวกเขาจะบอกตัวเองยังไงก็ตาม
[เควสต์ชูล่า]
- เธอชวนไปล่า เธออยากได้ลิ้นมัน
- Jamila บอกว่าผ่านมาสัปดาห์นึงแล้วนับจากน้องสาวให้กำเนิดลูกคนแรก แต่เธอยังยืนไม่ไหวเลย เลยต้องหาทางรักษา ด้วยยาสารพัดโรคจากลิ้นของ Guivre น้องสาวเธอจะเป็นแม่นมให้ Waljas
- ชูล่าบอกใช้คนล่า 2 คนกำลังดี มากกว่านั้นมันจะรู้ตัวแล้วหนีไป
- ชูล่าฝึกล่าตั้งแต่ยังเด็ก พ่อเป็นคนสอน หลังพ่อเสีย พ่อของ Jamila ก็สอน ครอบครัวทั้งสองสนิทกัน ยังไงเธอก็ทนเห็นครอบครัวนี้เจ็บป่วยไม่ได้
- ล่าเนื้อ Ibex มาเป็นเหยื่อล่อ
- หาหญ้าพรางกลิ่นมาบี้ กลบกลิ่นตัว กลิ่นแบบหนอน
- วางเหยื่อล่อ แล้วไปซ่อน
- ไคลฟ์ก็ชมว่าไม่ค่อยมีผู้นำที่ทำเพื่อผู้คนนะเนี่ย ชูล่าก็บอกว่าไคลฟ์เองก็สู้กับ Eikon เพื่อช่วยเด็กที่แทบไม่รู้จัก ชาววารีนั้นถือคติว่าต้องใช้พรสวรรค์ที่มีเพื่อผู้อื่นและไคลฟ์เองก็ทำแบบเดียวกันนี่ ไคลฟ์บอกว่าเพราะเขาแบกรับชื่อซิดเอาไว้ ซิดต่อสู้เพื่ออนาคตของทุกคน เขาแค่ตามรอยเท้านั้น และชูล่าทำให้เขานึกถึงซิด
- ชูล่าปัดว่าไคลฟ์แค่สับสนระหว่างความกล้าหาญของซิด กับการดิ้นรนเอาตัวรอดของเธอ
- สู้กับ Guivre
- ชนะแล้วชูล่าก็เคารพศพ แล้วบอกว่าร่างของ Guivre จะเป็นดั่งหยาดฝนให้พวกเธอ แล้วก็ชำแหละร่าง เอาลิ้นออกมา
- รายละเอียดไอเทมบอกว่าชาวเหนือใช้ลิ้น Guivre ปรุงชารักษาสารพัดโรคมานานหลายศตวรรษ
- เอาลิ้นมาส่ง Jamila
- ชูล่าไม่มีสิ่งอื่นจะให้ไคลฟ์นอกจากคำขอบคุณ ไคลฟ์เองก็ขอบคุณที่ต้อนรับพวกเขาเข้าสู่มิซิเดีย และแสดงวิถีชีวิตของคนที่นี่ให้เห็น อันย้ำเตือนเขาว่าโลกที่พวกเขาพยายามจะสร้าง ที่แบร์เรอร์และมนุษย์ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสันติสุขและสบาย ไม่ได้เป็นเพียงความเพ้อฝัน
- ชูล่าบอกไม่สบาย ทุกวันมีแต่ดิ้นรนด้วยกัน
- ไคลฟ์ถามว่าทราบใช่มั้ยว่าการใช้พลังของแบร์เรอร์ มันมีราคาที่ต้องจ่าย ตอนนี้เธอมีเด็กที่ต้องคำนึงถึงแล้วนะ Waljas สูญเสียมาเกินพอแล้ว
- ชูล่าบอกเขาจะตระหนักไว้
- ชาวบ้านสงสัยว่า Waljas จะไม่เรียกน้ำท่วมมาอีกเหรอ อีกคนก็บอกว่าอย่าไปแหย่ให้เขาทำก็สิ้นเรื่อง
[เควสต์ ชูล่า]
- ชูล่ากำลังพึมพำว่ามันต้องเป็นเขาแน่
- เธอบอกว่าเวลาเด็กเกิดที่นี่ จะทำพิธีต้อนรับด้วยศีลจุ่ม ไม่รู้ Waljas เคยทำยัง แต่บรรพบุรุษเธอไม่น่าต้อนรับเขา เธออยากจะเปลี่ยนแปลง แล้วพิธีนั้นต้องใช้พ่อแม่เด็กและพยาน ในฐานะผู้นำ ปกติแล้วตำแหน่งพยานต้องเป็นของเธอ ทว่าในเมื่อเธอเป็นคนใกล้ชิด Waljas ที่สุด เธอควรจะรับบทเป็นแม่ เลยอยากให้ไคลฟ์รับบทพยาน พยานนั้นต้องเป็นผู้พิทักษ์ที่ไว้ใจได้ ที่จะนำพาเด็กฝ่ามรสุมชีวิตสู่ความสงบ
- ชูล่าบอกน้องชายของเธอจะรับบทพ่อ เขาน่าจะกำลังเตรียมตัว
- ปรากฏว่าไอ้น้องชายคือฟามีล
- ไคลฟ์บอกว่าเจอตอนล่าคริสตัลดำ แล้วก็ช่วยชีวิตฟามีลไว้ 3 รอบได้
- ชูล่าบอกครอบครัวเธอติดหนี้บุญคุณไคลฟ์ 2 เรื่องละ แต่ไหงก่อนหน้านี้ ฟามีลเล่าไปคนละทางฟะเนี่ย ไหงไม่พูดความจริง
- ชูล่าบอกพิธีนี้ 3 คนก็ภาวนาสั้น ๆ แล้วเจิมศีรษะเด็กด้วยน้ำทิพย์ พยานต้องไปเตรียมขวดใส่น้ำทิพย์ 3 ขวดจากที่ต่าง ๆ ภูเขา แม่น้ำ ทะเล
- Maiden’s March - เจอ Marnek และ Halek ที่เป็นผู้ติดตามฟามีลจากตอนที่แล้ว บอกว่ามาหาเครื่องหอมตามคำสั่งฟามีล เพื่อให้ Witalhall ส่งกลิ่นหอมต่อเด็ก ชูล่าก็บอกว่าน่าจะเอาฮันเตอร์มาช่วยด้วยแต่แรก
- ไคลฟ์ก็เก็บน้ำจากแม่น้ำ เป็นน้ำฝนที่ตกมาจากภูเขา มารวมเป็นแม่น้ำ ราวกับน้ำแหล่งกำเนิดชีวิต
- ไปที่แม่น้ำต่อ Riversmeet ชูล่าบอกแม่น้ำก็เหมือนชีวิต ไหลเวียนไม่หยุดนิ่ง เปลี่ยนแปลงเสมอ เส้นทางอาจคดเคี้ยว แตกเป็นพันกระแสย่อย แต่ก็จะไหลไปทางเดียวกันเสมอ จากต้นน้ำทะเล จุดเริ่มต้นถึงจุดจบ
- ไคลฟ์บอกเขานึกถึง Waljas ที่พอโดนแช่แข็งเวลาก็เหมือนออกจากกระแส ติดบ่อน้ำแข็ง ไม่ได้ใช้ชีวิตมา 80 ปี ชูล่าบอกเราจะไหลไปกับเขาด้วย เป็นหยดน้ำในลำธารแห่งชีวิต ไคลฟ์ก็บอกว่าหยดน้ำอาจดูไม่สำคัญในตัวเอง แต่ในส่วนหนึ่งของกระแสน้ำ เราจะสามารถฟันฝ่ากระทั่งหินที่แข็งแกร่งที่สุดได้ มนุษย์ยังคงมีโอกาส
- Tailwind Bay ชูล่าบอกน้ำไหลลงทะเล ก่อนจะกลับขึ้นเมฆใหม่ ชีวิตก็เหมือนกัน จุดจบก็เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ บรรพบุรุษเธอ ตอนมาถึงที่นี่ก็ล่องเรือมาถึงหาดนี้ที่แรก
- ไคลฟ์เก็บน้ำทะเลใส่ขวดแล้วก็มองคลื่นที่ยังคงถูกแช่แข็ง ชูล่าบอกว่าฝีมือของทวดเธอ บาปที่อภัยให้ไม่ได้ แต่บ่อยครั้งเธอก็สงสัย ว่าทายาทจะให้อภัยเธอมั้ย ตัวเธอเองก็เจอการตัดสินใจยาก ๆ เยอะ เธอพยายามดิ้นรนหาทางออกที่ดีที่สุด แต่เราก็อยู่กันอยากยากจน ซ่อนตัวจากโลก การตัดสินใจของเธอ ทำให้พวกเขาเสียโอกาสจะมีชีวิตที่ดีขึ้นรึเปล่านะ? เหมือนที่บรรพบุรุษทำกับ Waljas
- ไคลฟ์บอกไม่เลย ชูล่าไม่ได้บังคับให้ใครต้องเสียสละใครสักคนเพื่อคนอื่น ๆ ซะหน่อย เราต่างทำตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อคนอื่น เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกเขา และพยายามนำพาความสุขมาให้
- กลับมาที่มิซิเดีย ชูล่าบอกให้ฟามีลไปตามทุกคนมาร่วมพิธี
- ชูล่าอธิบายให้ชาวบ้านฟัง และให้ไคลฟ์รับบทพยานแทน
- ทั้งสามกล่าวบทสวด แล้วหยดน้ำใส่หน้าผาก Waljas
- ชูล่าก็บอกว่า Waljas เป็นสายฝนใหม่จากสวรรค์ ร่วมกับกระแสของพวกเรา จากภูเขา จวบจนกลับคืนผืนทะเล
- ชาวบ้านแห่กันมายินดี
- ชูล่ากับฟามีลก็จะช่วยกันสอน Waljas แต่ในโลกที่ไม่มี Mothercrystal แล้ว เขาจะเติบโตในโลกที่ยากลำบากต้องพึ่งพากันเอง
- ไคลฟ์บอกชาววารี เตรียมตัวดีกว่าคนอื่น ๆ ที่สุดแล้ว (สามัคคีกัน ไม่แบ่งแยกกัน) ในการจะเอาตัวรอดในโลกนี้ พวกเขาจะเติบโตภายใต้การชี้นำของชูล่า
- ชูล่าบอกว่าตราบเท่าที่ธรรมชาติยังเป็นมิตรกับพวกเรานะ ถ้าธรรมชาติไม่เอาด้วย เราก็ไม่เหลืออะไร
- ไคลฟ์บอกไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ขอแค่พวกเขาหยุดการระบาดของโซนดำได้ ขอแค่รักษาดินไว้ได้สักหย่อม เราก็หว่านเมล็ดของโลกใบใหม่ ที่เราจะอยู่กันอย่างอิสระได้
- ชูล่าบอกถึงตอนนั้น บางทีพวกเธออาจจะก้าวออกจากหลังม่านมาได้ จนกว่าจะถึงวันนั้น ขอให้โชคดี
- ชาวบ้านเริ่มคุยกันว่าคนภายนอกไม่ได้เลวทุกคน อย่างซิดกับ Dame เป็นต้น
- Herve รอจะคุยกับเรา เขาบอกได้รับการยอมรับแล้ว สามารถใช้ชีวิตกับคนรักที่นี่ได้ อยากไปตะโกนไชโยจากบนยอดเขาเลยทีเดียว แล้ว Jamila บอกว่าในเงื่อนไขว่าต้องทำตามกฎของเผ่า และทำงานเพื่อส่วนร่วม ห้ามออกจากหมู่บ้านนอกจากได้รับอนุญาตจากชูล่า ไคลฟ์ก็ขอให้ทั้งคู่มีความสุข แล้ว Jamila ก็แหย่ว่าถ้าวันไหนไม่เหมือนเดิม เธอจะไปขอให้ชูล่า กลับคำพิพากษาซะ
- Herve บอกต่อให้เขาทำผิดกฎไม่รู้ตัว เขาก็ตายแบบมีความสุข
- Jamila ก็บอกว่าความคลั่งไคล้ของ Herve เป็นสิ่งที่ดึงดูดเธอเข้าหาเขา หวังว่าเขาจะเปลี่ยนแรงผลักดันนี้ให้เป็นผลงานได้
- ผู้เฒ่าเล่าว่าสมัยชูล่าและฟามีลยังเด็ก เขาเล่าเรื่องให้ทั้งสองฟัง ฟามีลอยู่นิ่งไม่ได้ แต่ชูล่าตั้งใจฟังจนจบ ตอนนี้ชูล่าก็รู้ประวัติศาสตร์ชาววารีดีกว่าเขาซะอีก
- ชาวบ้านคุยกันว่าถ้าคริสตัลดำหมดแล้วจะทำยังไง อีกคนก็บอกว่าชูล่ามีแผนแหละ
- Qatav กับ Nasef คุยกันว่าถ้าคริสตัลหมด ไม่มี Glamour แล้ว พวกเราจะไม่มีงานทำ แล้วจะทำยังไงกันต่อ แต่ก็บอกว่ายังไม่ต้องคิด ตอนนี้ดื่มด่ำกับท้องฟ้าสวยงามให้ถึงที่สุดกันก่อน
- ยายเฒ่าบอกว่าจิลช่วยทำ talisman ตกแต่ง witanhall ในพิธีศีลจุ่มด้วย มือนิ่งมาก จนอยากให้ออกจากเผ่าเรา มาอยู่กับเผ่าวารีเลย
- Halek และ Marnek ไม่ต้องขุดเหมืองคริสตัลดำแล้ว ตอนนี้เป็นพ่อค้าแลกเปลี่ยนกับโลกภายนอกให้ชาววารี
- ฟามีลเล่าว่า เขากับพรรคพวก เคยได้รับมอบหมายให้จัดหาคริสตัลให้หมู่บ้าน ส่วนตอนนี้ก็มองหาหนทางใหม่ ๆ หมู่บ้านนี้ยังมีแปล เครื่องหนัง ผ้าลินินย้อม โบราณวัตถุจากโบราณสถานไว้ไปแลกเปลี่ยน พ่อค้าปกติแพ้ลิ้นเงินของเขาหมดแหละ แต่เขาอยู่ภายใต้กฎว่าจะค้าขายได้แค่ในตลาดมืดเท่านั้น พวกซื้อขายใต้โต๊ะ จะถามน้อยกว่า
- ฟามีลเล่าว่าพ่อแม่ตายตั้งแต่พวกเขายังเด็ก ชูล่าเลยใกล้เคียงผู้ปกครองเขาที่สุด เธอปกครองคนได้โดยธรรมชาติ คำพูดเป็นดั่งกฎ เขาเองเคยทำผิดพลาดหลายหน แต่เธอก็ให้โอกาสใหม่เสมอ ตอนได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นที่หอคอย เธอไม่มีความสุขเลย เธอไม่ได้มัวโกรธเรื่องเสียคริสตัลดำ แต่เธอเป็นห่วง Halek และ Marnek ว่าจะตาย นั่นเพราะการปกป้องคนคือหน้าที่ของเธอ แต่หน้าที่เขาคือหาคริสตัลและเงินเข้าหมู่บ้าน ให้หมู่บ้านรอด แล้วเราไม่ต้องห่วงเขา ชูล่า หรือ Waljas เลย ตราบใดที่มีพวกเขาชี้นำ อนาคตของ Waljas จะสว่างไสวดั่งตูดบาฮามุท (bumhole)
- ฟามีลบอกเรื่องคริสตัลดำ ก็ของเลียนแบบกระจอกที่ Fallen สร้างจาก Mothercrystal เทียม แล้วมันก็คงแอบอยู่แบบนั้นอีกหลายพันปี ถ้าพวกทวด ๆ ของเขาไม่ไปสะดุดกับรอยแยกที่กำแพงด้านนอกของ Sagespire ตอนแรกก็นึกว่าจะเจอพรใหม่แล้วนะ แต่พอคริสตัลก้อนแรกแตก ถึงรู้ว่านี่ไม่ใช่ Mothercrystal แต่เป็นศิลาของ Fallen ที่จับแต่งองค์ทรงเครื่อง แต่พวกเขาก็ไม่ได้คร่ำครวญนะ ปัญหาของคริสตัลดำคือ ถ้าดึง aether ออกมามากเกินไปในคราวเดียว มันจะแตก แต่บรรพบุรุษพบว่าถ้ากระจายภาระออกไปยังคริสตัลหลายชิ้น ก็จะลดการดึง aether ออกมาจากแต่ละชิ้น ทำให้อายุมันยืดขึ้น เหมาะกับการเอามาใช้ทำ Glamour ก็เลยเริ่มสะสมคริสตัลดำตั้งแต่นั้นมา แต่ตอนนี้ต้นตอไม่มีแล้ว
- ฟามีลบอกว่าที่ผ่านมาใครที่ไหนจะไปอยากได้คริสตัลที่ใช้ได้ครั้งเดียวกัน จนไม่นานมานี้เองพวกเขาถึงพยายามเอาคริสตัลดำไปขาย จนหลัง Drake’s Tail ล่มสลาย ผู้คนถึงยอมเปย์เพื่ออะไรก็ได้ที่ปิ๊งวับแทนได้ เขาก็เลยเอามาขายเพื่อเผ่าของเขา
- Manda บอกว่าทางเหนือ มีโจโคโบะเงินด้วย แต่ชาวเหนือไม่เคยสามารถทำให้มันเชื่องได้เลย
- ชูล่าบอกว่าพ่อแม่เธอตายตั้งแต่เธอยังเด็ก จากไปด้วยโรคเดียวกัน เธอต้องชี้นำผู้คนและเลี้ยงน้องไปด้วย มันไม่ง่ายเลย แต่ครอบครัว Dalina ก็ช่วยเหลือเธอ เธอเชื่อว่าโจชัวคงไม่สร้างปัญหาแบบเดียวกันกับฟามีล ถ้าฟามีลถูกเลี้ยงดีกว่านี้ก็คงเหมือนโจชัว แต่เธอจะแก้ตัวกับ Waljas อยากให้แข็งแรง ฉลาด กล้าหาญ แต่สำคัญสุดเลยคือ ให้มีความสุขแบบฟามีล ไม่ว่าใครจะพูดยังไงกับฟามีลและพวก พวกนี้มันงี่เง่าบ้าบอ เวลามอบธุระเล็กน้อยอะไรให้ ก็กลายเป็นหนีหัวซุกหัวซุนกลับมา แต่อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็มีความสุข และไม่ว่าเขาจะสร้างความเสียหายไปเท่าไหร่ ก็อยากให้รู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใคร เธออาจจะอคติ แต่นั่นก็เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ทุกคนในหมู่บ้านคือครอบครัว ไม่ใช่เพียงเพราะเรามีสายเลือดเดียวกัน แต่เพราะเราร่วมประวัติศาสตร์เดียวกันมา ฟันฝ่าความลำบากด้วยกันมา สำหรับเธอ นั่นแหละคือครอบครัว
- ตอนนี้ Waljas เป็นอิสระแล้ว ปัญหาต่อไปคือคริสตัลจะหมดลง Glamour จะหายไป บ้านเกิดจะเปิดเผยต่อศัตรูและมิตร ถึงจักรวรรดิจะล่มสลายไปแล้ว แต่ความเชื่อเดิมยังคงอยู่ ความเชื่อว่าคนนึงสูงส่งเหนือกว่าอีกคนนึง การเข่นฆ่าคนที่ต่ำกว่าคือความชอบธรรม ความเชื่อนั้นแหละทำให้พวกเธอเดือดร้อน และใจคนมันไม่ได้เปลี่ยนกันง่าย ๆ แล้วยังปัญหาเรื่องแผ่นดินอีก เราเรียกมิซิเดียว่าบ้านมาเป็นร้อยปีแล้ว แต่มันก็คือดินแดนทางเหนือ การที่พวกเรายึดที่นี่ ก็เหมือนกับ Glamour ที่ซ่อนพวกเราไว้ ถ้าชาวเหนือที่อพยพลงใต้ พบว่ายังมีส่วนหนึ่งในดินแดนบ้านเกิดของพวกเขาไม่กลายเป็นโซนดำ พวกเขาต้องอพยพกลับมายึดคืนแน่เลย แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับ Vare พวกเธอคงจบสิ้นในไม่ช้า แม้เธอจะมีพลังของผู้คน พลังของ Dame แต่ถ้ามันเกิดไม่เพียงพอ อย่าแปลกใจหากไคลฟ์จะเจอจดหมายขอความช่วยเหลือบนโต๊ะอีก แต่คราวนี้ เธอจะลงชื่อของเธอเอง
- เรื่อง Sagespire ฟามีลเคยเล่าให้ฟังว่าไคลฟ์บอกว่าหัวใจของคริสตัลมันสูบ aether จากแผ่นดิน ทำให้โซนดำแพร่กระจาย ไอ้ที่เธอเคยบอกว่าบรรพบุรุษได้เรียนรู้เคล็ดลับการสร้าง Mothercrystal ก็รู้มาจาก Sagespire เนี่ยแหละ มันยังเป็นช่วงที่พวกเขาร่อนเร่ในดินแดนทางเหนือ หาที่ลงหลักปักฐาน ก็ไม่ได้คิดจะไปอยู่ในหอคอย แต่ก็ใช้เป็นที่หาของหาเสบียง คืนสองคืนได้ นอกจากคริสตัลดำแล้ว ยังเจอหินพูดได้ที่เล่าว่า Fallen แสวงหาความเป็นเทพเจ้า แล้วยังเจอก้อนเนื้อ ของที่พวกเขาคิดว่าจะเอาให้ Waljas เพื่อให้เกิด Mothercrystal ของพวกเราเอง แผนนั้นอาจจะล้มเหลว แต่คริสตัลดำก็เป็นชูชีพของพวกเธอ ทำให้พวกเธอซ่อนตัวมาได้หลายรุ่น แต่ตอนนี้ Glamour กำลังจะหมดลง แต่มันอาจจะดีที่สุดแล้ว สิ่งที่บรรพบุรุษพบในหอคอย มันมีราคาที่ต้องจ่ายเท่ากับที่มันให้ เราใช้ชีวิตภายใต้ร่มเงาความผิดพลาดมานานแล้ว ถึงเวลาถอยกลับสู่แสงสว่าง
รังลับ
- ชูล่าส่งจดหมายมาหา บอกว่าที่มิซิเดียทุกอย่างเหมือนเดิมเกือบหมด ต่างกันแค่เล็กน้อย คือความสุขในใจเธอ ที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ตั้งแต่ที่บรรพบุรุษเธอแช่ Waljas ไว้ เผ่าวารีก็เหมือนถูกผูกมัดด้วยเวทย์นั้นมากว่า 80 ปี ไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่ผิดได้ ไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้ แต่ตอนนี้ Waljas ถูกปลดปล่อยแล้ว เราก็จะมีชีวิตได้อีกครั้ง ในแบบของเราเอง แบบที่ทุกชีวิตมีค่าเท่าเทียมกัน และได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาค
แม่มดแห่งทางเหนือเป็นโดมิแนนต์ศิวะคนก่อนจิลโดยตรง
ข้อมูล Leviathan
อัลเทม่าไม่ยอมรับความมัวหมองที่มนุษย์ทำต่อผลงานอันสมบูรณ์แบบของเขา อัลเทม่าเลยไม่แล ปล่อยให้ลิเวียธานพบชะตากรรมที่ลำบาก โดยอัลเทม่าก็ไปมองทางอื่น
ข้อมูล Time Keeper
ก่อนจะมาเป็นผู้พิทักษ์ Vare เขาเป็นชาวเหนือที่รับใช้โดมิแนนต์ศิวะ Ysay ตอนที่เวทย์ล้มเหลว และรัฐหันไปเล่นงานโรซาเรียแทน ทั้งสองเลยแยกจากกัน พอเขากลับมายังมิซิเดียเพื่ออยู่กับ Ysay อีกครั้ง ก็สายไปแล้ว แต่เขายังคงภักดีอยู่จนถึงที่สุด เพราะปฏิญาณมอบทั้งชีวิตและหลังความตายไว้ให้หญิงคนนี้ จิตวิญญาณของเขาเลยทรงพลังขึ้นมา
ข้อมูล Northen Territories
ครั้งหนึ่งเป็นบ้านของเหล่าชาติเล็ก ๆ ที่ภูมิใจในตัวงเอง ภาคเหนือของทวีปวายุปัจจุบันกลายเป็นโซนดำเกือบหมดแล้ว ชาวบ้านต้องอพยพมาหาที่ ๆ ภูมิอาศัยได้ การล่มสลายของดินเแดนนั้น เกิดหลังการสูญเสีย Mothercrystal Drake’s Eye เพียง 4 ปีเท่านั้น ขณะที่ความพยายามสุดท้ายที่จะช่วยคริสตัล ก็คือให้โดมิแนนต์ของศิวะแช่แข็งมัน แต่ก็ล้มเหลว ผู้ปกครองจึงหวังไปหาขุมพลังใหม่จากทางใต้ซึ่งก็คือโรซาเรีย แม้การโจมตีครั้งแรกจะสำเร็จ แต่ก็ไม่อาจสู้กับราชรัฐได้เลย ท้ายที่สุดก็สงบลงด้วยกองทัพของเอลวิน
ข้อมูล The Surge
แม้ Waljas จะหลุดพ้นจากพันธะเวสลาแล้ว แต่เวทย์ยังคงทำงานอยู่ โดยมุ่งไปที่คลื่น เพราะความกลัวว่าหากคลื่นถูกปล่อย มิซิเดียจะเป็นยังไงก็ไม่รู้
ข้อมูล Mysidia
ถูกเข้าใจว่ากลายเป็นโซนดำไปนานแล้ว เป็นหนึ่งในดินแดนอันเขียวชอุ่มและเปี่ยมด้วยชีวิตที่หลงเหลืออยู่ในดินแดนทางเหนือ เมื่อมองจาก Oillepheist Bay จะไม่เป็นเพราะพลังเวทย์ Glamour ที่เผ่าวารีร่ายไว้ ทำให้ภายนอกดูเหมือนดินแดนตายไปแล้ว จะได้ไม่มีผู้มาเยือนไม่พึงประสงค์ ดินแดนถูกละทิ้งมาเกือบศตวรรษ หลังการไม่สามารถร่ายเวทย์เพื่อหยุดการล่มสลายของ Mothercrystal ได้ แล้วเผ่าวารีก็มาเคลมไปในไม่กี่ปีต่อมา - ทำไมชาวเหนือถึงละทิ้งดินแดนที่ยังไม่ตกเป็นโซนดำ ก็ยังคงเป็นปริศนา แต่จากกากการที่ทศวรรษต่อมาก็เข้าตีดินแดนของโรซาเรียอย่างต่อเนื่อง ก็เชื่อได้ว่ารัฐต้องการรวบรวมกำลังคนที่เหลือไปที่ชายแดนของโรซาเรีย หลายปีหลังชาวเหนือออกไป เผ่าวารีก็เข้ามาเคลมดินแดน สร้างหมู่บ้านเล็ก ๆ และร่าย Glamour ที่ทำให้ดูเหมือนดินแดนนี้ตายไปแล้ว แต่ด้วยการที่คริสตัลที่ค้ำจุนพลังของ Glamour เหลือน้อยลง ตอนนี้เผ่าาวารีต้องมองถึงการกลับสู่โลกภายนอกแล้ว
ข้อมูล The Greagorian Inquisition
ช่วงประมาณ 170 ปีก่อน เหล่านักบวชได้สำรวจหาผู้คนที่มีความคิดนอกรีตที่อาจท้าทายการปกครองของพวกเขา นักบวชเดินทางไปทั่วดินแดน บอกให้ทุกคนละทิ้งความเชื่อเดิม และสาบานว่าจะภักดีกับเทพธิดาเท่านั้น ใครที่ไม่ยอมทำตาม รวมถึงเผ่าวารี จะถูกสังหารหมู่ เพื่อเป็นบทเรียนให้คนที่เหลือ แล้วจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ซันเบรก ที่ปกครองด้วยพระนามของพระแม่กรีกอร์ ก็ถูกสถาปนาขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน
ข้อมูล The Glamour
โดมที่เผ่าวารีสร้างเพื่อป้องกันบ้านลับมิซิเดียจากสายตาอื่น มีดำรงอยู่ได้เพราะคบที่เต็มไปด้วยเศษคริสตัลดำที่ขุดมาจาก Sagespire แต่ตอนนี้เมื่อไม่มี Magitek Mothercrystal แล้ว เผ่าวารีก็เหลือสต็อคคริสตัลดำที่จะค้ำจุน Glamour ไม่มาก อีกไม่นานก็จะหมด แล้วม่านของพวกเขาก็จะล่มสลาย
ข้อมูล Chronomancy
เผ่าวารีพยายามสร้าง Mothercrystal ใหม่ แต่ลงเอยด้วยการทำให้ลูกของผู้นำ (Tributary’s Child * ถูกแล้วเพราะในเนื้อเรื่องบอกเป็นลูกของทวดของชูล่า) ติดอยู่ในเวลา ไม่อาจเป็นอิสระได้ ไม่งั้นลิเวียธานจะทำลายทุกอย่าง กระทั่ง 80 ปีต่อมา ชูล่าและจิลช่วยกันคลายมนต์รอบ ๆ Waljas ทำให้ในที่สุดเด็กได้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง
ข้อมูล The Witch of the North
ตอนที่ทำเวทย์หยุดเวลาสำเร็จ ก็สายเกินกว่าจะช่วย Mothercrystal ได้ ร่างเดนื้อของแม่มด ก็แืบโดนกลืนกินด้วยคำสาปคริสตัล ตอนเธอใกล้ตาย และถูกทอดทิ้ง เผ่าวารีก็มาเจอ แล้วดูแลเธออย่างดีที่สุด เพื่อตอบแทนความใจดี เธอจึงมอบเวทย์นั้นให้ Vare ที่เธอสร้างไว้ร่ายเวทย์ ยังคงอยู่บน Aire of Hours จนถึงทุกวันนี้ พร้อมกับ aether ของเธอ เธอเป็นโดมิแนนต์ศิวะคนก่อนจิล เธอถูกธาณาจักรมอบหมายให้ไปสร้างเวทย์หยุดเวลา เพื่อป้องกันการล่มสลายของ Drake’s Eye ท้ายที่สุด พวกเขาพาเธอไปยังมิซิเดีย ให้เธอตรากตรำวันและคืนทำเวทย์นั้นให้สำเร็จเพื่อช่วยชาติ โดยมีอัศวินที่คิดถึงแต่การปกป้องเธอคนนี้เฝ้าดูแลอยู่
ข้อมูล Jamila
บอกว่าตอนนี้ต้องแบ่งเวลาให้ทั้ง Herve และน้องสาวที่พึ่งเป็นแม่มือใหม่ และอาสาจะเป็นแม่นมให้ Waljas ด้วย
Arete Stone
- อัลเทม่าบอกว่าไคลฟ์ดิ่งสู่ก้นบึ้งแล้ว แต่ยังกระหายอยู่ (กระหายพลัง?) เราประทับใจมาก
- ไฟสีน้ำเงินลุกท่วมไคลฟ์ มีปีงอกแบบร่างอัลเทม่า
- อัลเทม่าบอกว่าพลังนี้เป็นของเรา แต่ตอนนี้แกก็มีแล้ว คิดซะว่าเป็นของขวัญจากเรา ลองลิ้มรสสิ่งที่จะเกิดขึ้นไปก่อน
- ไคลฟ์ถามว่ายังคิดว่าเขาจะกลายเป็นภาชนะให้อยู่เหรอ? เขาจะรับของขวัญนี้ไว้ละกัน อย่าคิดว่าจะได้คืน
- อัลเทม่าบอกว่ายังเร็วไปที่จะใช้พลังได้ (อย่างสมบูรณ์) คงต้องใช้เวลากว่านี้
Post a Comment