Spoiler Mode 4 ชั่วโมงเต็มตอน FFVII Rebirth ของ Maximilian


สปอยล์ยับของคุณแมกซ์มาแล้ว ยาวเกือบ 4 ชม. 

- มนต์สเน่ห์ระดับเดียวกับเกม Squaresoft ยุค 90s PS1

- สิ่งที่ยากที่สุดในเกมคือ puzzle ของ Queen's Blood ที่เอากีนาทัค เขาติดอยู่ 2 ชั่วโมง (ผมก็โดนไปชั่วโมงกว่า) ตอนผ่านมาได้ก็รู้สึกโล่งว่า จบซะที

- มินิเกม 90% ของเกมมันไม่ได้บังคับเล่น ไอ้ที่บังคับมันแค่ติวโตเรียล พวกที่บ่นเรื่องมินิเกมคือพวกจะทำให้สมบูรณ์ แล้วติดขัดเลยบ่น ทั้งที่ไม่ได้มีใครบังคับให้ทำ

- กับพวกติด side quest เพลินจนกลับ main ไม่ได้ นั่นก็เพราะ side quest มันดีใช่มั้ยล่ะ

- ฉากสู้ด้วย VR เยอะมากไป ถ้าให้สู้อสูรใน environment อื่นได้น่าจะดี

- ฉากสู้บอสสุดท้าย protorelic ตอนกลางคืนดี

- เกมยังมี room to expand อีกมาก โดยเฉพาะเรื่อง synergy skill ที่ไม่ใช้เกจ มันทำให้ขอบเขตการเล่นกว้างขึ้นอีกมหาศาล

- เวลาจะ retry มี option ให้เลือกเยอะจนงง กดผิดได้

- ถ้าช่วงที่เวลาในเกมมันเปลี่ยนเป็นเย็นบ้าง ท้องฟ้าแบบอื่นบ้าง พอเรากลับไปจูนอน ไปกลาสแลนด์ ท้องฟ้ามันเปลี่ยนตาม มันเปลี่ยนจนจำไม่ได้ ซึ่งอยากให้ท้องฟ้ามันเปลี่ยนได้แบบนั้นตลอด แต่ Chapter หลัง ๆ มันล็อคให้เราอยู่ในฟ้ากลางวัน

- ตอนขับไทนีบรองโก้ แล้วข้ามทะเลได้ ไม่โดนบังคับเลี้ยวกลับนี่แบบ explode, นั่นแหละความรู้สึกเหมือนตอนออกจากมิดการ์ใน OG มาก

- การที่แอริธให้มาเทเรียว่างเปล่าครับคลาวด์ ต่อไปจะมีความทรงจำของคลาวด์จากทุกจักรวาลรวมกัน ทำให้คลาวด์กลายเป็น Mega Fucking Cloud

- ทุกคนชอบแซ็คหมด กระทั่งยุฟฟี แอริธเลยดูเป็นคนที่โชคดีมาก

- เรื่องมาเทเรียมาจากเผ่ากิ ที่ตายไม่ได้ เลยต้องสร้างมาเทเรียมาทำลายโลก ตัวเองจะได้ดับสูญได้ ยอดเยี่ยมมาก การไปโยงกับชาวเซทร่าก็เช่นกัน มันไม่ได้เป็นเรื่องว่าใครขาวใครดำแล้ว

- เซฟิรอธทำให้ความสิ้นหวังของทุกคน กลายเป็นอาวุธของเขาได้ มันทำให้นึกถึง Shall I give You despair ใน AC

- ฉากจบภาคนี้ จงใจทำให้สับสนงงงวย มีข้อมูลมากเกินไป ทำให้คนต้องดูซ้ำวนไปวนมาหลายครั้ง มันเลยขาด Emotional

- แมกซ์ทวนว่าตอนจบภาคแรก เขาคิดว่าทีมงานอยากให้รู้สึกมีความหวังว่าเราจะช่วยแอริธได้ แล้วจะได้ช่วงชิงความรู้สึกนั้นไปทีหลัง (แมกซ์พูดไว้แบบนี้ตั้งแต่ 4 ปีก่อน) แต่พอมาเล่นภาคนี้ อ่าว กูก็ช่วยได้นี่หว่า กูฟัคกลิ้งดูอิทแม๊นนน แล้วเธอก็ตื่้นขึ้่นมาแล้ว แต่พอไปดูมาหลายรอบแล้ว ก็เห็นชัดว่า อ่าวเธอ clearly not alive นี่

- มาร์ลีนกับบิ๊กส์ ดูมีความทรงจำจากจักรวาลของเรา แต่ก็ไม่รู้ว่ายังไง ถึงไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาแบบนั้น

- การที่เซฟิรอธแตกจักรวาลมา และต้องการรวมไลฟ์สตรีมทุกโลก มาเป็นของตัวเองเป็นพล็อตที่บรรเจิดมาก

- แอริธจากไทม์ไลน์อื่นรู้ว่า แอริธในบีเกิลไม่มีมาเทเรียคลาวด์ เลยต้องหาทางเอามาให้คลาวด์

- เซฟิรอธพูดบอกให้แอริธภาวนาไปเลย ภาวนาไป ทำไมเซฟิรอธถึงต้องการให้แอริธเรียก Holy? มาเทเรียขาวภาคนี้ จึงอาจจะทำงานต่างไปจากเดิม

- ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าเรามี Omni Aerith (ความหมายเดียวกับ Ultimate Aerith, Aerith ในไลฟ์สตรีมหลังจบ OG) เป็นตัว OP ที่สุด แอริธมี 17 Shark Code, บทสรุป Brady Guide, Wall Hack ได้ แต่ดันใช้ร่างกายเป็น ๆ ถือมาเทเรียขาวมาส่งให้คลาวด์ในไทม์ไลน์นึง ที่นึง จนเซฟิรอธก็ยัง Whattt? จนเป็นที่มาของที่เซฟิรอธพูด That's poor form.

- มาเทเรียขาว ตอนนี้เลยอาจจะเป็นความทรงจำของทั้งไลฟ์สตรีม ของอนาคต ของทุกแอริธ และมีความรู้ทุกสรรพสิ่งรวมถึงหนทางจะช่วยโลก

- threat ที่แท้จริงในตอนนี้ไม่ใช่เมเทโอ (แม้ว่าจะมีการเรียกเมเทโออยู่ดี) เพราะเซฟิรอธเองก็จะรวม timeline ทั้งหมด มาเทเรียขาวคงไม่ใช่แค่ทำหน้าที่ขัดขวางหินอุกกาบาตแล้ว แต่เป็นการช่วยฟัคกลิ้งยูนิเวิร์ส

- ใน OG เซฟิรอธอยากท่องอวกาศเก็บพลังชีวิตจากดวงดาวต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ แต่ในภาคนี้ เซฟิรอธอยากควบคุมเวลา พลังงานชีวิตทั้งหมด ทุกสรรพสิ่ง ซึ่งต่างจากเดิมที่อยากเป็นพระเจ้าของดาว คราวนี้เขาอยากจะเป็นพระเจ้าของทุกสรรพสิ่งที่แท้จริง

- การ Reunion ใน OG คือรวมเจโนวาจากทั่วดาว แต่ในภาคนี้ เจโนวามีกระจายอยู่ทั่วทุก timeline เป้าหมายเลยขยับเป็นการรวมเจโนวาทุก timeline เข้าด้วยกัน

--------------------------


- แมกซ์บอกว่าตั้งแต่ 4 ปีก่อน เขาบอกแล้วว่า แซ็คจะกลับมาในทางใดทางนึง ร่วมมือกับคลาวด์ ไปกำจัด dick head นั่น แต่มันดันเกิดขึ้นในภาคนี้เลย เขาเลยช็อคมาก

- เรามีภาพของชินระใน FFX อยู่ในเกม มีเพลง Crazy Chocobo ของ FFXIII-2 เล่นในโบะเรซซิ่ง, อิลินา ดูดไอศกรีมเกลือทะเลของ Kingdom Hearts, คลาวด์ใส่ชุด Dark Knight FFXIV, ละครเวทีจาก FFVI (แมกซ์พูดผิดเป็น FFV) เหมือนมันรวม every fucking final fantasy เกมเข้ามา ดั่งจดหมายรักจากทีมงาน ถ้าวันนึงแม่งจะมี Jack กระโดดออกมาจากประตูมิติช่วยคลาวด์สู้เซฟิรอธ ก็ไม่แปลกใจ

- ถ้า Part 3 จบแบบคลาวด์เข้าประตูมิติไป แล้วก้าวออกมา เห็นพรรคพวกจากภาคอื่น ๆ และเป็นฉากเริ่มต้นของ Dissidia แมกซ์จะหั่นขาตัวเองออกมา แล้วแดกขาตัวเองโชว์กลางสตรีม....

- เราสู้กับเซฟิรอธร่างคนไปแล้ว ร่างรีเบิร์ธไปแล้ว เหลือแค่ไม่กี่ร่างของเจโนวาและเซฟิรอธที่ยังไม่เห็น Part 3 มันเลยน่าจะเป็นอะไรที่แตกต่าง เซฟิรอธน่าจะได้พลังแบบ infinite มาแล้ว และน่าจะมีอะไรให้เราเห็นมากกว่าร่าง One-Winged Angel

- คลาวด์ได้มาเทเรียดำมาแล้ว และดันซ่อนไว้จากเพื่อน ๆ ในภาคหน้าเขาเหมือนเล่นเป็น Dark Knight Arc คลาวด์ยังมี Prime Mode ที่เหมือน Dark Knight Mode และในภาคหน้า เกมเพลย์เขาน่าจะเปลี่ยนไปอีก แต่หลังจากนั้นเขาก็จะได้เล่นบท Paladin Arc

- ตอนจบเกมครั้งแรก แมกซ์ก็คิดนะว่าแอริธรอดชีวิตอยู่ในไทม์ไลน์นึง แล้วก็รู้สึกว่าฉากจบมันดาร์ก เศร้า หดหู่ว่ะ คือไม่รู้ว่ามันเป็นการเขียนสคริปต์ที่แปลก หรือห่วยแตก 

- ไอ้ Fucking Glenn เป็นใคร กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดันกลายเป็นวัน มันเป็นชายชุดดำคนนึงที่เซฟิรอธสั่งให้ปลอมเป็นเกล็นมาเข้าหารูฟัส มาคุยกับคนที่ฆ่าเขาเนี่ยนะ!!! มันตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วมาคุยได้ไง แปลกและงงฉิบหาย ในเนื้อเรื่องยุฟฟี่ก็บอกว่าเป็นอดีต SOLDIER ที่ไปเข้าร่วมวูไถ และต่อต้านชินระ

- แต่เอาเป็นว่าเซฟิรอธ อยากให้มีสงครามชินระ vs วูไถเกิดขึ้นอีก ให้ดวงดาวเจ็บปวดทรมานและมีคนตายยิ่งขึ้น  เซฟิรอธจะได้โกยพลังงานไปอีก

- รูฟัสแท้จริงแล้วเป็นคนดี ที่ช่วยคลาวด์ทั้งใน OG และ Advent Children เอาชนะเจโนวาก็ได้ เซฟิรอธเองก็เข้าโรงหนังไปดู Advent Children มาไม่กี่สัปดาห์ก่อน

- อะไรนะ มีคนคิดว่า Glenn เป็นพ่อคลาวด์เหรอ!??? What the fuckkkkkkkkkkk (ตาเหลือก) มันเป็น most out of left field shit I have ever heard

- ความเข้าใจแบบนั้นมาจากประโยคที่เกล็นบอกในตอนท้ายว่า “อย่างไรซะ แผนก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว Promised Land ของพวกเรา จะกลายเป็นจริง ความฝันของพ่อ กลายเป็นจริงโดยรุ่นลูก” ซึ่งบางคนไปสับสนเอาว่าไม่ได้หมายถึงเพรสซิเดนท์กับรูฟัส แต่หมายถึงเกล็นกับคลาวด์ ซึ่งแม่ง What the Fuck broooo กูไม่เอาด้วย ก็เขาพูดกันอยู่ถึง Promised Land

- ก่อนจะมาคุยเจาะลึกกันถึงฉากจบ แมกซ์บอกขอตัวไปขี้ก่อน แล้วจะกลับมา

ไม่มีความคิดเห็น