4 ประโยค Hint น่าสนใจ FFVII Rebirth


1. Chapter 14 คลาวด์ที่โอบรับร่างแอริธไว้ ในแทบทุกภาษา จะพูดกับเธอว่า “รอก่อนนะ” เว้นแต่ภาษาอังกฤษที่แปลเป็น I got this แล้วปล่อยให้ประชาคมไปงมกันต่อว่า got ไรวะะะะะ - https://youtu.be/Ns2O1XFq8TA?t=409

2. Chapter 14 ประโยคสุดท้ายที่แซ็คพูดกับคลาวด์คือ “คลาวด์ แอริธอ่ะ…!!” แล้วไม่ทันได้พูดคำกริยา แต่ในภาษาอังกฤษ ผู้แปลได้ใส่กริยาให้เสร็จสรรพว่า “Save her” ทำให้เราได้ใจความรวมว่า แซ็คบอกให้ช่วยแอริธให้ได้ - https://youtu.be/iWUrVjie1Gs?t=899

3. Chapter 14 แอริธบอกคลาวด์ว่า “คลาวด์ เห็นสิ่งที่เธอทำแล้ว ขอบใจนะ” แล้วคลาวด์ก็บอกว่ายังเร็วเกินไป ไม่ใชเวลาจะมาพูดตอนนี้ ซึ่งประชาคมกาแล็กซี่ทางช้างเผือก เห็นไปในทิศเดียวกันว่า คำว่าเห็นสิ่งที่เธอทำแล้ว หมายถึงเห็นเรื่องที่คลาวด์อุตส่าห์มาช่วย (ทั้งที่บอกตั้งแต่ภาคก่อนว่ามึงไม่ต้องมา) แล้วก็ไม่ว่าคนเล่นจะพยายามกด L2 R2 สั่งให้มันฟันยังไง (รอบแรกผมปล่อยผ่าน แต่รอบสองผมลองกดดู ผลคือยังไงก็เหมือนกัน มันเป็นปุ่มหลอก) คลาวด์มันก็ขัดขืนจนถึงที่สุด ไม่ยอมฟาดลงมา แล้วตั้งสติจนสามารถ parry Hell’s gate ได้สำเร็จ - https://youtu.be/iWUrVjie1Gs?t=1975

4. Chapter 8 คำทำนายของเคทซิธข้อ 2,3 น่าจะจบไปแน่นอนแล้ว (สัมภาระนำโชคคือสีดำ, จะพบสิ่งที่ตามหา แต่สูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดไปตลอดกาล) แต่คำทำนายข้อ 1 “สิ่งต่าง ๆ ที่กำลังตามหา ให้ใช้ความระมัดระวัง เชื่อมั่นใจผู้อื่น แล้วการพลิกล็อควินาทีสุดท้าย อาจจะทำให้คุณเซอร์ไพรส์อย่างสุขใจ” บางคนตีความว่า มันหมายถึงการที่ฟีลเลอร์แห่กันมาสร้าง Wall of Destiny ขวางทางไม่ให้พวกคลาวด์เข้าไปใน Planet’s Sanctuary ได้ในตอนท้าย แล้วเพื่อน ๆ รวมถึงวินเซนต์ ช่วยกันมาถ่าง ให้คลาวด์เข้าไปได้คนเดียวได้สำเร็จ นั่นคือการเชื่อใจผู้อื่นและพลิกล็อค - https://youtu.be/-VZfytu_aCA

แต่สำหรับผม นั่นไม่ใช่ “การพลิกล็อควินาทีสุดท้าย” มันไม่ใกล้เคียงคำว่าวินาทีสุดท้ายเลยสักนิด อีกทั้งเพื่อน ๆ ไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์ที่จะมาแหกเปิดถ่าง Wall of Destiny ให้คลาวด์เข้าไปได้ ในทางกลับกัน คนที่ทั้งเปิดและปิด Wall of Desiny คือเซฟิรอธต่างหาก จะเห็นได้ว่า พอคลาวด์ เข้าไป Parry Hell’s Gate จนสร้างแสงสีรุ้ง-อนาคตอีกเส้นเวลานึงได้สำเร็จ เซฟิรอธก็ปิด Wall of Destiny ทันที - https://youtu.be/Ns2O1XFq8TA?t=204  ราวกับว่ามันจงใจสร้างสถานการณ์ เพื่อให้คลาวด์สร้างโลกทางแยกที่ตัวเองเป็นจุด intersect เพื่อจะให้มาเทเรียดำปรากฏขึ้นมาและอยู่กับคลาวด์ต่างหาก

ทั้งนี้ การเข้าไปใน Wall of Destiny ตั้งแต่ภาคแรก เป็นที่เชื่อกันในหมู่แฟน ๆ ว่ามันคือการเข้าไปใน Singularity คนที่เข้าไปเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนชะตากรรม และเห็นชะตากรรมใหม่ได้ โดยภาคแรก เซฟิรอธเปิดให้ทั้งแก็งเข้าไป หลอกให้พวกคลาวด์ไปฆ่า Arbiters of Fate เพื่อจะให้ปลดล็อคโลกทางแยก-branch timeline พอเกิดโลกอันมากมายมากกว่าโลกเดียวแล้ว เซฟิรอธก็ตั้งใจจะรียูเนียน “โลกอันมากมายที่ไม่ผูกมัดด้วยชะตากรรม และประวัติศาสตร์ยังไม่ถูกลิขิต” (encompass worlds unbound by fate and histories unwritten) ให้เป็นหนึ่งเดียวกันและตัวเองก็จะ rule over มัน พร้อมทั้งตัวเองก็เป็นผู้สั่งการ arbiter of fater เองไปด้วย (ทั้งหมดนี้เจ้าตัวทั้งพูด และอยู่ใน data ของตัวเกมเองแล้ว)

ดังนั้น การที่ใน Rebirth มันเปิดให้คลาวด์เดินผ่านเข้าไปในคนเดียว แล้วปิด Wall จนปล่อยให้คนอื่นตามเข้าไปได้ ทั้งหมดจึงดูเป็นการจงใจของเซฟิรอธ มากกว่าจะเรียกได้ว่าเป็นความพยายามของเพื่อน ๆ และที่จงใจให้คลาวด์เข้าไปคนเดียว ก็เพราะจะให้คลาวด์เป็นจุด intersect เพียงหนึ่งเดียว

ฉะนั้น ในความเข้าใจผม “การพลิกล็อควินาทีสุดท้าย อาจจะทำให้คุณเซอร์ไพรส์อย่างสุขใจ” ที่เคทซิธทำนายไว้ ยังไม่เกิดขึ้นจริง… ก็ไม่รู้ว่ามันเดามั่วเดาผิด หรือว่ามันคือ hint ถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นกันนะ….

ไม่มีความคิดเห็น