Timeline - Final Fantasy XVI (Official) จาก Ultimania
World Setting Material
History & Lore
เริ่มแปล 13 ธ.ค. 2023
แปลจบ 24 ก.พ. 2024
แปลจบ 24 ก.พ. 2024
เนื้อหาซึ่งคัดลอกมาจากบันทึกประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นระหว่างการพัฒนาเกม เราหวังว่าคุณจะเข้าใจเรื่องราว ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาหลายพันปี
—-----------------------------
ยุคของอัลเทม่า
หน้า 712-713
—-----------------------------
กว่า 5,000 ปีก่อน
1 อัลเทม่าถือกำเนิด
ในโลกดึกดำบรรพ์ สิ่งมีชีวิตทรงปัญญา เผ่าพันธุ์อัลเทม่า ถือกำเนิดขึ้น
[อัลเทม่า]
สิ่งมีชีวิตทรงปัญญาแรกของโลกใบนี้
2 เวทมนตร์ถูกคิดค้น
อัลเทม่าคิดค้นเวทมนต์ เทคโนโลยีในการสกัด Aether จากผืนแผ่นดินขึ้นมา
[Aether]
พลังจากผืนแผ่นดินที่คอยค้ำจุนสรรพชีวิต เมื่อใช้เวทมนตร์ พลังนี้ก็จะถูกใช้ไป
[เวทมนตร์]
ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นได้โดยใช้พลังชีวิตของร่างกาย และ Aether ที่อยู่ในแผ่นดิน ในโลกนี้รวมถึงในวาลิสเธีย ก็ใช้กันในชีวิตประจำวันและในการต่อสู้
3 อารยธรรมอัลเทม่าเจริญงอกเงยขึ้น
อัลเทม่าสร้างอารยธรรมที่มีเวทมนตร์เป็นรากฐานจนเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา
4 โซนดำปรากฏขึ้นและแผ่ขยายออกไปบนโลก
การใช้เวทมนตร์ ทำให้ Aether ในผืนแผ่นดินลดลง ส่งผลให้เกิดโซนดำขึ้นมา สภาพอากาศในโซนดำนั้นแปรปรวนจนถึงขั้นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภัยจากโซนดำก็แผ่ขยายออกไปเรื่อย ๆ
[โซนดำ]
เมื่อ Aether หมดลง ไม่สามารถทำอะไรกับแผ่นดินได้ ดินและน้ำกลายเป็นสีดำ พืชไม่อาจงอกเงยได้
5 อัลเทม่าค้นพบวาลิสเธีย
โซนดำขยายตัวขึ้นจนอัลเทม่าที่ไม่มีสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ได้ ก็กำลังจะสูญพันธุ์ อัลเทม่าจึงออกสำรวจเพื่อค้นหา Aether ในการใช้เวทมนตร์ เดินทางไปบนโลกด้วยยานออริจิน จนค้นพบแผ่นดินสวรรค์แห่งใหม่ วาลิสเธีย
[ออริจิน]
เรือเหาะยักษ์ในเมืองใหญ่สุดของอารยธรรมอัลเทม่า ภายหลังกลายเป็นฐานสำหรับกักเก็บ Aether ที่จะใช้ในการร่ายเวทย์ชีวิตขั้นสมบูรณ์ Raise
[วาลิสเธีย]
ทวีปหนึ่งในโลกใบนี้ ทวีปที่เรื่องราวบังเกิดขึ้น อัลเทม่าตั้งชื่อมันขึ้นมาในฐานะแผ่นแดนแห่งสุดท้าย ภายหลังชื่อนั้นได้เผยแพร่ไปในหมู่มนุษย์
6 อัลเทม่าวางแผนจะใช้เวทย์ Raise
แม้อัลเทม่าจะค้นพบวาลิสเธียที่มี Aether อุดมสมบูรณ์ แต่ก็ตระหนักได้ว่าเผ่าของตนจะต้องสูญพันธุ์ในท้ายที่สุด จึงคิดค้นแผนในการใช้ Raise เวทย์ชีวิตขั้นสมบูรณ์ เพื่อจะคืนชีพชาวเผ่าของตนที่ดับสูญไปแล้วในอนาคตอันห่างไกล
[Raise]
เวทย์ชีวิตขั้นสมบูรณ์ที่อัลเทม่าคิดค้นขึ้นเพื่อชุบชีวิตเผ่าของตน การใช้ Raise นั้นจำเป็นต้องมี Aether เป็นจำนวนมหาศาล และต้องใช้เวลายาวนานหลายปีในการสั่งสม
7 มาเธอร์คริสตัลถูกติดตั้งทั่ววาลิสเธีย
อัลเทม่าต้องทิ้งร่างเนื้อที่เมื่อสลายลงตามกาลเวลา และกลายเป็นเพียงวิญญาณ อัลเทม่ากระจายไปทั่ววาลิสเธีย แปลงร่างเป็น “มาเธอร์คริสตัล” และ “คริสตัลคอร์” สร้างสภาวะที่มาเธอร์คริสตัลแต่ละดินแดน จะส่ง Aether ไปยังออริจิน แผนของอัลเทม่าในตอนนี้ คือคิดว่าต่อให้ดูด Aether ไปจนพอใช้ Raise ได้ Aether ในวาลิสเธียก็จะยังไม่หมดลง
[มาเธอร์คริสตัล]
วัตถุที่ดูดซับ Aether จากแผ่นดินเพื่อจะใช้เวทย์ Raise มีที่มาจากการแปลงร่างของอัลเทม่าแต่ละตน โดยหลักการแล้ว แต่ละมาเธอร์คริสตัลก็มีคู่คอร์ของมันเอง แต่เฉพาะมาเธอร์คริสตัลเซเมคิส มีข้อยกเว้นว่าคอร์ของมันอยู่ในออริจิน
[คริสตัลคอร์]
วัตถุที่ใช้ส่ง Aether ที่มาเธอร์คริสตัลดูดซับมา ขึ้นไปยังออริจิน อัลเทม่าแต่ละคนก็แปลงร่างไปให้เข้าคู่กับมาเธอร์คริสตัล
[มาเธอร์คริสตัล เซเมคิส]
หนึ่งในมาเธอร์คริสตัล ในขณะมาเธอร์คริสตัลก้อนอื่นส่ง Aether ไปยังคอร์ แต่ของเซเมคิสส่ง Aether ตรงเข้าไปยังออริจิน
8 อัลเทม่าสร้างมนุษย์ขึ้นมา
อัลเทม่าสละร่างเนื้อเพื่อจะให้พวกตนอยู่รอดต่อไป แต่พวกเขาต้องใช้ร่างกายในการร่าย Raise เพื่อการนั้น และเพื่อให้ดูแลมาเธอร์คริสตัลในขณะที่พวกเขาหลับใหล จึงสร้างมนุษย์ขึ้นมา
[มนุษย์]
เผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิต 4 รยางค์ที่อัลเทม่าสร้างขึ้นมา โดยมีจำนวนแขนที่ไม่เท่ากับอัลเทม่าเพื่อจะแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ต่ำชั้นกว่า และเพื่อให้ได้มาซึ่งร่างกายที่จำเป็นต่อการใช้ Raise (Mythos) จึงมีการใส่สื่อกลางที่เชื่อม Aether เข้าไปตัวพวกมัน และวางแผนให้ Mythos เกิดขึ้นหลังจากการสืบพันธุ์ไปเรื่อย ๆ ยิ่งไปกว่านั้น มนุษย์ดึกดำบรรพ์ ยังเป็นเหมือนหุ่นเชิดที่ปราศจากจิตของตน
9 อัลเทม่าเข้าสู่การหลับใหล
Ultimalius ราชาแห่งอัลเทม่า ผนึกยานออริจินไว้ใต้ดินในจุดที่ปัจจุบันเป็น Crystalline Dominion ตอนนั้นเขาสร้างวิหารลอยฟ้าไว้บนท้องฟ้าเหนือออริจิน และควบคุมมนุษย์ดึกดำบรรพ์ให้ดูแลมาเธอร์คริสตัล ทางเข้าสู่ออริจินนั้นมีจำกัด และหนทางเดียวก็คือ Jade (ジェイド) ที่ตั้งอยู่ตรงเชิงมาเธอร์คริสตัลเซเมคิส Ultimalius ทิ้งคำทำนายเรื่องเวทมนตร์และทางรอดชีวิตไว้ให้มนุษย์ดึกดำบรรพ์เพื่อให้พวกเขาปกป้องมาเธอร์คริสตัล จากนั้นเพื่อจะรอใช้ Raise ในอนาคตอันห่างไกล เขาเข้าสู่การหลับใหลพร้อมกับร่างกายที่เผ่าของเขาทิ้งไว้
[วิหารลอยฟ้า]
อุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมมนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่ปราศจากจิตของตน สไตล์สถาปัตยกรรมของวิหารลอยฟ้าถูกส่งต่อมายังผู้พิทักษ์รุ่นหลัง ซึ่งภายหลังพวกเขาก็ลอกเลียนสไตล์ดังกล่าวไปใช้ในการสร้างวิหารคริสตัล
[Jade] *ジェイド/ผมไม่เห็นเรื่องนี้ในเกม เลยไม่รู้ว่า eng จริง ๆ ต้องเขียนยังไง
อุปกรณ์เคลื่อนย้ายที่ติดตั้งไว้เชิงมาเธอร์คริสตัลเซเมคิส เป็นวิธีเดียวในการไปยังออริจิน
—-----------------------------
ยุคของมนุษย์ดึกดำบรรพ์
หน้า 713
—-----------------------------
กว่า 4,000 ปีก่อน
1 ผู้พิทักษ์ถือกำเนิดขึ้น
มนุษย์ที่อัลเทม่าสร้าง ได้ตั้งรกรากอยู่ที่ฐานของมาเธอร์คริสตัลหลากหลายที่ ในฐานะผู้พิทักษ์และดูแลมัน ผู้พิทักษ์ได้ปรับตัวตามสภาพแวดล้อมรอบมาเธอร์คริสตัลผ่านการสืบพันธุ์เรื่อยมา เวลาผ่านไป ร่างกายมนุษย์ที่อัลเทม่าสร้างได้เปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กทีละน้อย จนสายเลือดของมนุษย์ปัจจุบันได้กำเนิดขึ้น
[ผู้พิทักษ์]
ผู้ดูแลมาเธอร์คริสตัลแต่ละก้อน
[สายเลือด]
เชื้อสายของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ได้ปรับตัวได้ตามคุณลักษณะของมาเธอร์คริสตัล จนสอดคล้องกับธาตุประจำของมัน (รายละเอียดหน้า 64)
[รากเหง้าของโดมิแนนต์] *หน้า 64
หลังจากอัลเทม่าวางมาเธอร์คริสตัล 8 ก้อนลงไปในโบราณกาล ผู้คนที่ตั้งถิ่นฐานรอบมันนั้นเรียกว่า “ผู้พิทักษ์” ซึ่งมีหน้าที่ดูแลมาเธอร์คริสตัล ผู้พิทักษ์ได้รับอิทธิพลจากธาตุประจำตัวของมาเธอร์คริสตัล ทำให้สายเลือดพิเศษของมนุษย์ได้ถือกำเนิดขึ้น โดมิแนนต์ของ Eikon แต่ละตัว ก็เกิดขึ้นจากผู้สืบสายเลือดนี้
2 จิตเกิดขึ้นมาในตัวมนุษย์
หลังจากอัลเทม่าเข้าสู่การหลับใหล มนุษย์ก็เหมือนถูกบังคับให้คิดหาทางเอาตัวรอดกันเองโดยปริยาย การสั่งสมความคิดนั้นทำให้เกิดจิตขึ้นมาในท้ายที่สุด
—-----------------------------
ยุคแห่ง Magitek
หน้า 714
—-----------------------------
กว่า 3,500 ปีก่อน
1 มนุษย์พัฒนาเวทมนตร์ขึ้น
จิตที่เกิดขึ้นในตัวมนุษย์ทำให้เกิดคลื่นความเปลี่ยนแปลงมหาศาล เวทมนตร์ ซึ่งเดิมเป็นสิ่งที่มีขึ้นเพื่อใช้ดูแลมาเธอร์คริสตัล ได้ถูกพัฒนาและนำไปใช้ในการดำรงชีวิตหลากหลายรูปแบบ
กว่า 3,000 ปีก่อน (ยุคต้นของอารยธรรมลอยฟ้า)
1 อารยธรรมลอยฟ้าถือกำเนิดขึ้นโดย Magitek Technology
การพัฒนาเวทมนตร์ทำให้เกิดเทคโนโลยีที่เรียกว่า Magitek Technology เทคโนโลยีนี้นำไปสู่การสร้าง Magitek Engine ที่ใช้พลังงานจาก Aether จึงเกิดการพัฒนายานบินและอาวุธต่าง ๆ ขึ้นในเวลาต่อมา ท้ายที่สุดก็นำไปสู่อารยธรรมที่ภายหลังถูกเรียกขานว่า “อารยธรรมลอยฟ้า”
[Magitek Technology - 魔導技術]
เวทมนตร์ที่อัลเทม่าประทานให้มนุษย์นั้นสามารถใช้ได้ในขอบเขตจำกัด แต่เทคโนโลยีนี้ได้เปลี่ยนให้สามารถใช้งานได้หลากหลายขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีนี้ยิ่งเบ่งบาน ทำให้ใช้เครื่องมือต่าง ๆ ด้วยเวทมนตร์ได้ ถัดมาก็ถูกใช้เพื่อประสงค์อื่นนอกจากการอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต ซึ่งก็คือใช้กับอาวุธ ช่วงปลายของอารยธรรมลอยฟ้า เมื่อ Magitek Technology มาถึงจุดสูงสุด Magitek Engine ที่มีพลังมหาศาลได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อยกระดับพลังเวทย์ การใช้เวทมนตร์เริ่มถูกรวมศูนย์ ในยุคปัจจุบันสิ่งเหล่านี้ถูกเรียกว่า “โบราณสถานและโบราณวัตถุจากอารยธรรมลอยฟ้า”
[Magitek, Magitek Technology - 魔導, 魔導技術]
ปรากฏการณ์หลากหลายที่สามารถควบคุมได้ด้วยเวทมนตร์
[Magical Engine - 魔導機関]
สิ่งต่าง ๆ ที่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยเวทมนตร์
[อารยธรรมลอยฟ้า]
อารยธรรมที่พัฒนาขึ้นโดยมี Magitek Technology เป็นศูนย์กลาง อาศัยกันอยู่บนฟากฟ้า มีเมืองลอยฟ้าและยานบินได้ที่เรียกว่า “เรือเหาะ” บินกันให้ว่อน
3,000 ~ 1,500 ปีก่อน (ยุคกลางของอารยธรรมลอยฟ้า)
หน้า 714
1 ผู้อัญเชิญถือกำเนิดขึ้น
Magitek Technology พัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ คนที่มีสัมผัสไวต่อ Aether มากกว่าคนทั่วไป เริ่มจะปรากฏตัวมากขึ้น พวกเขาคล้ายกับแบร์เรอร์ในยุคปัจจุบัน และถูกเรียกว่า “ผู้อัญเชิญ” เนื่องจากพวกเขาสามารถอัญเชิญพลังเวทย์ได้อย่างรุนแรง ศัพท์นี้ได้ถูกส่งต่อจนเป็นที่มาของคำว่า “อสูรอัญเชิญ” (Eikon) ในยุคปัจจุบัน
2 มนุษย์ก่อตั้งประเทศยักษ์ใหญ่ ๆ ขึ้นมา
ด้วยพัฒนาการของ Magitek Techonology มวลชนได้รวมตัวกันก่อตั้งประเทศ โดยอิงจากหมู่บ้านของผู้พิทักษ์ที่อยู่มาก่อนยุคกลางของอารยธรรมลอยฟ้า พัฒนาการของเทคโนโลยีได้ทำให้มนุษย์มีความเย่อยิ่งสูงขึ้นไปพร้อม ๆ กัน คนหมู่มากรวมถึงผู้พิทักษ์ของแต่ละดินแดน ค่อย ๆ สูญเสียความศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า
[ประเทศ]
สังคมที่ก่อตั้งโดยผู้คนที่แสวงหาผู้ที่มีพันธะทางจิตวิญญาณที่ถูกฝังไว้ในจิตสำนึกของร่างกายร่วมกัน ในฐานะผู้พิทักษ์มาเธอร์คริสตัล
3 ศาสนามาลิอัส ก่อตั้งขึ้น
ขณะที่ Magitek Techonology พัฒนาขึ้น ศาสนาซึ่งมีคำสอนอย่างเป็นระบบ ก็ถูกก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของผู้คน บุตรแห่งความมืด (ชาวเซเมคิส) ได้ก่อตั้งศาสนามาลิอัส โดยมีรากฐานจากคำทำนายเรื่องความอยู่รอด ที่อัลเทมาลิอัส ทิ้งเอาไว้
[ศาสนามาลิอัส]
ศาสนาที่บูชาอัลเทม่า ก่อตั้งโดยบุตรแห่งความมืด (ชาวเซเมคิส) โดยมีรากฐานจากคำทำนายเรื่องความอยู่รอด
[คำทำนายเรื่องความอยู่รอด/ The Savior Myth]
คำทำนายที่อัลเทม่าทิ้งไว้ก่อนเข้าสู้การหลับใหล คนที่สืบทอดคำทำนายนี้อย่างถูกต้องมีเพียงแต่ผู้ศรัทธาในทางรอด และคน ๆ เดียวที่เข้าใจเจตนาของอัลเทม่าได้อย่างถ่องแท้ ก็คือบาร์นาบัส ธรามร์ กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรวาลูด**
*เนื้อความคำทำนาย*
ในวันแห่งพันธสัญญา โลกจะถือกำเนิดขึ้นใหม่ด้วยมือของ Mythos พระเจ้าที่มาจุติใหม่
ลางของมันคือการที่อสูรผู้เป็นเทวดาของพระเจ้าปรากฏกายขึ้น
ผู้พิทักษ์จงเชื่อฟังเทวดาและรอการประสูติของ Mythos
ผู้พิทักษืที่ซื่อสัตย์ภักดี จักได้รับพรแห่งความปิติยิ่ง
[**หมายเหตุผู้แปล]
ข้อมูลในเกมตรง Datalog - New World ระบุชัดว่าบาร์นาบัสและพระสาวกเข้าใจผิดว่า ตนจะได้รับพรให้อยู่ในโลกใหม่ที่เป็นสวรรค์ของเทพ แต่ในความจริงคืออัลเทม่าต้องการให้มีแค่เผ่าของตนเท่านั้น ดังนั้นบาร์นาบัสก็ไม่ได้เข้าใจถูกทั้งหมด
—-----------------------------
ประมาณ 1,500 ปีก่อน (ยุคปลายของอารยธรรมลอยฟ้า)
หน้า 715
—-----------------------------
1 Magitek War อุบัติขึ้น
เนื่องจากความต้องการใช้ Aether ที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างฉับพลัน ท้ายที่สุดสงครามแย่ง Aether ระหว่างชาติต่าง ๆ ก็บังเกิดขึ้น มาเธอร์คริสตัลอันเป็นที่กักเก็บ Aether มหาศาลตกเป็นเป้าหมาย Magitek Engine จากทั่วทุกมุมโลกจึงเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ขณะเดียวกันช่วงระหว่าง Magitek War นี้ ไม่เพียงมีแต่สงครามระหว่างมนุษย์ประเทศ แต่พวกเขายังพากันวางแผนชิงพลังของพระเจ้าผู้หลับใหล แต่ละฝ่ายไม่เพียงแสวงหาพลังอันยิ่งใหญ่ของมาเธอร์คริสตัล แต่ยังเร่งการพัฒนา Magitek Weapon ให้ทรงพลังยิ่งขึ้น
[Magitek War]
สงครามที่ใช้ Magitek Technology และ Magitek Engine
2 โซนดำปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในวาลิสเธีย
ผลพวงจาก Magitek War ทำให้ใช้ Aether เพิ่มขึ้น โซนดำจึงปรากฏขึ้นครั้งแรกในวาลิสเธีย บริเวณใจกลางของทวีปวายุ (ใกล้ตำแหน่งรังลับในยุคปัจจุบัน) จากนั้นมา โซนดำก็ปรากฏขึ้นและแผ่ขยายออกไปในสถานที่ต่าง ๆ จนกระทั่งอารยธรรมลอยฟ้าล่มสลายลง
3 โศกนาฏกรรมเซเมคิสบังเกิด
ช่วงปลายของ Magitek War ทุกประเทศพากันบุกไปยังฐานของมาเธอร์คริสตัลเซเมคิสเพื่อจะหาทางเข้าไปยังออริจิน ด้วยเป้าหมายที่จะชิงพลังของพระเจ้าอัลเทม่า (อัลเทมาลิอัส) ในตอนนั้นเอง อัลเทม่าตนที่ได้แปลงกลายเป็นมาเธอร์คริสตัลเซเมคิส ได้กวาดล้างกองกำลังของแต่ละชาติพร้อมไปกับดินแดนโดยรอบ เพื่อปกป้องออริจิน
[โศกนาฏกรรมเซเมคิส]
สงครามระหว่างผู้บุกรุกมาเธอร์คริสตัลเซเมเคิสกับผู้พิทักษ์เซเมคิส (บุตรแห่งความมืด) ที่นำมาซึ่งความสูญเสียยิ่ง บุตรแห่งความมืด (ชาวเซเมคิส) พ่ายแพ้ในการต่อสู้นั้น มาเธอร์คริสตัลเซเมคิสได้หายไป วิหารลอยฟ้าล่มสลาย ผลพวงจากการที่มันหายไปนั้น ทำให้เกิดหลุมขนาดมหึมา (น้ำตกยักษ์เซเมคิสในปัจจุบัน) ในจุดที่มาเธอร์คริสตัลเซเมคิสเคยตั้งอยู่
4 บุตรแห่งความมืด (ชาวเซเมคิส) อพยพไปยังทวีปด้านนอก
ระหว่างสงคราม บุตรแห่งความมืดผู้รอดชีวิต (ชาวเซเมคิส) ได้หนีไปยังทวีปด้านนอก (เป็นครั้งแรกที่มนุษย์ออกไปนอกวาลิสเธีย) จากนั้นมา อารยธรรมจึงก่อตัวขึ้นนอกทวีป ในภายหลังเส้นสายการค้าระหว่างวาลิสเธียและทวีปด้านนอกก็เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่บุตรแห่งความมืด (ชาวเซเมคิส) แต่พ่อค้าและนักเดินทางก็ยังไป ๆ มา ๆ
[ทวีปด้านนอก]
ทวีปอื่น ๆ นอกเหนือไปจากวาลิสเธีย แต่กลายเป็นโซนดำมากขึ้นเรื่อย ๆ เหลือดินแดนที่มนุษย์อาศัยอยู่ได้น้อย
5 อารยธรรมลอยฟ้าถูกทำลาย
การหายไปของมาเธอร์คริสตัลเซเมคิสนำมาซึ่งผลกระทบอันทำให้เกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ กระแสการไหล Aether ปั่นป่วนยุ่งเหยิง ผลลัพธ์คือ Magitek Engine ที่ค้ำจุนอารยธรรมลอยฟ้าเริ่มผิดปกติครั้งแล้ว ครั้งเล่า และท้ายที่สุดก็หยุดการทำงาน ด้วยเหตุนี้เองอารยธรรมลอยฟ้าจึงสิ้นสุดลง ในทางกลับกัน เมื่อการใช้ Aether โดย Magitek Engine ยุติลง การแผ่ขยายโซนดำในวาลิสเธียก็ชะลอตัวลงทันที
—-----------------------------
ยุคของมนุษย์สมัยใหม่
หน้า 716
—-----------------------------
ประมาณ 1,300 ปีก่อน
1 อารยธรรมเสื่อมถอย
อารยธรรมลอยฟ้าสูญสลายและไม่อาจใช้ Magitek Technology ได้อีกต่อไป อารยธรรมถดถอยกลับไปดั่งยุคของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ระดับอารยธรรมและเทคโนโลยีที่ปราศจาก Magitek Technology (เทียบเท่ายุคยุโรปกลางในโลกจริงของเรา) ก็ดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งขณะที่เทคโนโลยีเสื่อมถอย คำทำนายเรื่องทางรอดชีวิตที่อัลเทม่าทิ้งไว้ก็ถูกลืมเลือน เหลือเป็นที่จดจำแค่ในชาวเซเมคิสที่ก่อตั้งศาสนามาลิอัสเท่านั้น
2 ประเทศต่าง ๆ ก่อตั้งขึ้นใหม่ โดยมีมาเธอร์คริสตัลแต่ละก้อนเป็นศูนย์กลาง
ผลลัพธ์จากการเสื่อมถอยของอารยธรรม มาเธอร์คริสตัลแต่ละก้อนอันเป็นแหล่ง Aether ก็กลับมามีความสำคัญอีกครั้ง ช่วงเวลาเดียวกันมนุษย์ก็เริ่มสร้างประเทศขึ้นใหม่ที่ฐานของมาเธอร์คริสตัล ชุมชนต่าง ๆ ก็พัฒนาขึ้นจากจุดนั้น
ประมาณ 1,000 ปีก่อน
1 ศาสนาเจริญรุ่งเรือง
เพื่อจะให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากไปได้ ศาสนาเริ่มวางตัวเป็นระบบเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของผู้คน
[ศาสนา]
ศาสนาที่วางตัวเป็นระบบในช่วงเวลาดังกล่าว มีดังนี้
ศาสนามาลิอัส
ศาสนาที่มีจุดกำเนิดจากความเชื่อของบุตรแห่งความมืด (ชาวเซเมคิส) แพร่กระจายไปทั่วทวีป แต่สาวกที่เป็นเสาหลักนั้นเสียชีวิตไปในโศกนาฏกรรมเซเมคิส สาวกที่เหลือก็กระจายไปทั่วโลก ท้ายที่สุดระบบศาสนานี้ก็ดับลง กลายเป็นเพียงลัทธิพื้นเมืองเท่านั้น
ศาสนาที่เป็นรากเหง้าของ Crystalline Orthrodox
นิกายหนึ่งของศาสนามาลิอัส หลังโศกนาฏกรรมเซเมคิส นิกายนี้มีมุมมองที่แข็งขันถึงอำนาจเด็ดขาดของมาเธอร์คริสตัล เป็นนิกายที่แพร่หลายในทวีปวายุ ในช่วงเวลานี้คำว่า Crystalline Orthrodox ยังไม่เกิดขึ้นมา
ศาสนจักรกรีกอร์
ศาสนาใหม่ที่บูชาเทพแห่งแสง 72 พระองค์ และผู้ที่รวบรวมเทพเหล่านั้นเป็นหนึ่งเดียว ประมาณ 500 ปีก่อน ระหว่าง Magitek War ตำนานเสียงเพรียกแห่งกรีกอร์ ได้กลายมาเป็นศาสนา
เกร็ดแห่งกรีกอร์
ระหว่าง Magitek War กรีกอร์เป็นนักรบหญิงที่มีบทบาทสำคัญ เธอใช้ Magitek Weapon รูปทรงมังกรบินในการสงคราม เกร็ดนี้เป็นที่มาของตำนานเบื้องหลังการก่อตั้งศาสนจักรกรีกอร์ และกรีกอร์ประทับบนมังกร ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งเดียว
ประมาณ 950 ปีก่อน
1 การมีอยู่ของแบร์เรอร์ เริ่มเป็นที่รับรู้
หลายร้อยปีหลังการล่มสลายของอารยธรรมลอยฟ้า เชื้อสายมนุษย์ที่เคยเรียกกันว่า “ผู้อัญเชิญ” ซึ่งสามารถใช้เวทมนตร์ได้แม้ปราศจากคริสตัล เริ่มปรากฏตัวขึ้นและเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง ผู้คนพากันเรียกพวกเขาว่า “แบร์เรอร์” หมายถึง “ผู้นำพาโชคลาภ”** พวกเขาได้รับความเคารพนับถือราวกับนักบุญ
**ใน From a Distant - Chapter XVI : The Fall of the Bearers ภาคภาษาอังกฤษ บอกว่า Bearer มาจากคำว่า Bearer of the Heavenly Blessing ซึ่งมีความหมายต่างจากผู้นำพาโชคลาภอยู่บ้าง แต่ก็หมายเชิงบวกถึงผู้นำมาซึ่งสิ่งดี ๆ เหมือนกัน
[แบร์เรอร์]
เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีสื่อกลางในการเชื่อมต่อกับ Aether ซึ่งได้รับมาจากอัลเทม่า เข้มข้นกว่าคนปกติ จึงสามารถใช้เวทมนตร์ได้แม้ไม่มีคริสตัล จากมุมมองของอัลเทม่านั้น คนเหล่านี้มีความใกล้เคียง Mythos เข้าไปอีกขั้น
2 การกดขี่แบร์เรอร์เริ่มเกิดขึ้น
เมื่อแบร์เรอร์สามารถกุมใจผู้คนได้ และกลายมาเป็นศาสนาใหญ่ นักการเมืองที่เกรงจะเสียอำนาจในการปกครองประเทศ ก็เริ่มกดขี่แบร์เรอร์
3 แบร์เรอร์ที่ถูกกดขี่เริ่มลุกฮือ
แบร์เรอร์ที่ทนทุกข์ทรมานจากการถูกกดขี่ครั้งแล้วครั้งเล่า เริ่มรวมตัวกันและตั้งกองกำลังป้องกันตนเอง นำไปสู่ความขัดแย้งกับประเทศเต็มรูปแบบ ทว่าพวกเขาถูกล้อมปราบด้วยกองกำลังของรัฐซึ่งเหนือกว่ามาก องค์กรที่เป็นศูนย์รวมของแบร์เรอร์ถูกสลาย ภายหลังการต่อสู้นี้ถูกเรียกว่า “โลหิตที่ถูกลืม” และกลายมาเป็นเรื่องเตือนในใจประวัติศาสตร์ของมนุษย์
—-----------------------------
จุดเริ่มต้นปีปฏิทินทวีป
หน้า 717
—-----------------------------
การเปิดปีศักราช 1 อย่างยิ่งใหญ่
ประมาณ 870 ปีก่อน
1 สนธิสัญญาทวีปได้ข้อสรุป
นานาประเทศที่ล้อมปราบแบร์เรอร์ได้ลงนามข้อตกลงอันเข้มงวดที่มีเพื่อควบคุมมิให้เกิดการลุกฮือขึ้นอีก สนธิสัญญาทวีปนี้ เป็นข้อตกลงนานาชาติร่วมกันฉบับแรกและฉบับสุดท้ายในประวัติศาสตร์ และเพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว จึงมีการกำหนดปฏิทินิที่เรียกว่า “ปฏิทินทวีป” ขึ้นเป็นหลักฐานของโลกใหม่ที่สร้างด้วยฝีมือของมนุษย์
[สนธิสัญญาทวีป]
เป็นสนธิสัญญาที่วางกฏเกณฑ์สำหรับแบร์เรอร์ มีผลเหนือพรมแดนประเทศ เนื้อหาประกอบด้วย
ก) การเอาแบร์เรอร์เป็นทาส
กำหนดกระบวนการตรวจสอบว่าเป็นแบร์เรอร์หรือไม่ และวิธีบริหารจัดการแบร์เรอร์ที่ตกเป็นทาส
ข) การสักแบร์เรอร์
กำหนดให้มีการสักแก้มของแบร์เรอร์ และปฏิบัติเยี่ยงเผ่าพันธุ์ทาส
ค) ตั้งสกุลเงิน “กิล”
เมื่อมีการเอาแบร์เรอร์เป็นทาส จึงมีการตั้งสกุลเงินกิลขึ้นเป็นสกุลสากล เพื่อใช้แลกเปลี่ยนเงินตรากันระหว่างประเทศ ในตอนแรกการซื้อขายทาสก็ถูกควบคุมโดยแต่ละรัฐ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มดำเนินการกันเองโดยภาคเอกชน เงินกิลกลายมาเป็นเงินที่ถูกใช้ในชีวิตประจำวัน กิลนั้นมาจากชื่อกิลบาร์ด “Gilbard” จ้าวแห่งการค้า (Gilbard the Golden)
กิลบาร์ดเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่คิดค้นระบบงินตราขึ้นในโลกนี้ ในช่วงอารยธรรมเสื่อมถอย (1,300 ปี ก่อน) การแลกเปลี่ยนสินค้ากันโดยตรงยังเป็นกระแสหลัก แต่กิลบาร์ดซึ่งเป็นผู้ปกครองดินแดนที่ปัจจุบันนี้คือโรซาเรีย ได้สร้างเหรียญกิลบาร์ดขึ้นเพื่อกำหนดมูลค่าธุรกรรมต่าง ๆ ในภูมิภาคขึ้น ในยุคต่อมาการใช้เหรียญและธนบัตรก็แพร่หลายไปยังหลากประเทศและภูมิภาค
ในยุคปัจจุบัน มีศาสนาที่เรียกว่า “ศาสนจักรพ่อค้ากิลบาร์ด” เป็นศาสนาที่พ่อค้าจะบูชากิลบาร์ดผู้ยิ่งใหญ่เพื่อขอให้การค้าเจริญรุ่งเรือง มีลักษณะเหมือนเป็นชุดความคิดต่าง ๆ มากกว่าจะเป็นศาสนา เกิดในช่วงประมาณ ปี 300 ในช่วงที่โซนดำขยายตัว เกิดสงครามต่อเนื่องและทำให้เศรษฐกิจฝืดเคือง
ราวปี 100 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 770 ปีก่อน
1 โดมิแนนต์ถือกำเนิดขึ้น
จากสายเลือดของผู้พิทักษ์ โดมิแนนต์ ผู้ที่สามารถแปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติซึ่งมีพลังเทียบเท่ากับเทพ และใช้พลังเวทย์ได้อย่างมหาศาล ได้ถือกำเนิดขึ้น ร่างสัตว์ประหลาดหลังการแปลงร่างนั้นถูกเรียกว่า “อสูรอัญเชิญ” ตามตำนานของอารยธรรมลอยฟ้า
[โดมิแนนต์]
เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีสื่อกลางในการเชื่อมต่อกับ Aether เข้มแข็งยิ่งกว่าแบร์เรอร์ และสามารถใช้พลังของอสูรอัญเชิญได้ ในศาสนามาลิอัส ว่ากันว่าเขาคือผู้ที่จะนำพาผู้คนไปสู่พระเจ้า ในมุมมองของอัลเทม่า พวกเขา นั่นคือมนุษย์ที่ใกล้เคียง Mythos เข้าไปอีกขั้น
[อสูรอัญเชิญ]
สิ่งมีชีวิตทรงพลังที่มีพลังบางส่วนของอัลเทม่าอยู่ในตัว เกิดจากการที่ผู้พิทักษ์มาเธอร์คริสตัลได้ปรับตัวตามสภาพแวดล้อมโดยรอบ ทำให้เกิดวิวัฒนาการที่สอดคล้องกับธาตุของมาเธอร์คริสตัล มีโอกาสที่คนที่มีธาตุที่แตกต่างกันจะตื่นขึ้นในฐานะโดมิแนนต์ แต่ละธาตุก็จะมีอสูรอัญเชิญเพียง 1 ตัวเท่านั้น
2 แต่ละประเทศเริ่มวางบทบาทให้โดมิแนนต์
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลุกฮือต่อต้านขึ้นซ้ำแบบที่เคยเกิดกับแบร์เรอร์ ชนชั้นนำของแต่ละประเทศ ก็ค่อย ๆ เข้าหาโดมิแนนต์ และมอบสถานะสูงส่งให้ ในบางประเทศ ก็จะวางให้อยู่ในตำแหน่งที่จะมีบทบาทสำคัญต่อประเทศในอนาคต
ราวปี 150 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 720 ปีก่อน
1 สนธิสัญญาทวีปสิ้นสุดลง
ประเทศที่มีกำลังทหารเข้มแข็งจากพลังของโดมิแนนต์ ก็เริ่มก่อสงครามแย่งชิงมาเธอร์คริสตัล เพื่อหา Aether มาเพิ่มให้มั่นคง และมุ่งหวังจะชิงดินแดนรอบ ๆ มาเธอร์คริสตัล ช่วงเวลานั้นเองสนธิสัญญาทวีป ที่ส่งเสริมสันติสุขของมวลมนุษย์ ก็ได้หมดอายุลง แต่วัฒนธรรมการปฏิบัติต่อแบร์เรอร์ ยังคงสืบสานต่อไปยังยุคต่อไป
—-----------------------------
ยุคของประเทศเกิดใหม่
หน้า 718
—-----------------------------
ราวปี 170 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 700 ปีก่อน
1 ประเทศเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด เกิดการรวมประเทศและแตกประเทศ
หลังจากไม่มีสนธิสัญญาทวีป ประเทศเล็ก ๆ ได้เกิดขึ้นมาตามสถานที่ต่าง ๆ เกิดการรวมประเทศและแตกประเทศครั้งแล้วครั้งเล่า
ราวปี 200 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 670 ปีก่อน
1 ประเทศที่เป็นบรรพบุรุษของจักรวรรดิซันเบรกก่อตั้งขึ้น
ประเทศทางตอนเหนือของทวีปวายุได้รวมตัวกันโดยมีศาสนจักรกรีกอร์เป็นรากฐาน แล้วประเทศที่เป็นบรรพบุรุษของจักรวรรดิซันเบรกก็ได้ก่อตั้งขึ้น
ราวปี 210 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 660 ปีก่อน
1 ประเทศที่เป็นบรรพบุรุษของสาธารณรัฐดัลเมเคียก่อตั้งขึ้น
เหล่าประเทศทางตอนใต้ที่กลัวภัยคุกคามจากการก่อตั้งของประเทศบรรพบุรุษของจักรวรรดิซันเบรก ได้รวมตัวกัน และแล้วประเทศที่เป็นบรรพบุรุษของสาธารณรัฐดัลเมเคียก็ก่อตั้งขึ้น
ราวปี 220 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 650 ปีก่อน
1 วิหารใหญ่ของ Crystalline Orthrodox ได้ก่อตั้งขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปวายุ
ศาสนารากเหง้าของ Crystalline Orthrodox ซึ่งค่อย ๆ มีสาวกเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เริ่ม ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Crystalline Orthrodox และรวมสาวกเข้าด้วยกัน ก่อตั้งอารามใหญ่ในดินแดนใกล้มาเธอร์คริสตัล Drake’s Eye
ราวปี 250 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 620 ปีก่อน
1 ประเทศที่เป็นบรรพบุรุษของราชรัฐโรซาเลียได้ก่อตั้งขึ้น
ทางตะวันตกของทวีปวายุยังมีประเทศเล็ก ๆ อยู่อีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือประเทศที่เป็นบรรพบุรุษของราชรัฐโรซาเลีย
สถานการณ์ในดินแดนอื่นระหว่างปี 170~250 ของปฏิทินทวีป
มีประเทศเล็ก ๆ อยู่รอบ ๆ Drake’s Eye มากมาย นาน ๆ ครั้งจะมีโดมิแนนต์ของศิวะเกิดขึ้น ในแต่ละคราว ความสัมพันธ์เชิงอำนาจของแต่ละประเทศก็จะสั่นคลอน
รอบ ๆ Drake’s Spine มีประเทศชนเผ่าเล็ก ๆ ทำสงครามยึดดินแดนกันเรื่อย ๆ ประเทศที่ครอบครองมาเธอร์คริสตัลก็จะมีสถานภาพที่ไม่มั่นคง
รอบ ๆ Drake’s Horn มีการต่อสู้แย่งชิงมาเธอร์คริสตัลเรื่อย ๆ ระหว่างคนป่าและลูกหลานชาววารี
ราวปี 300 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 570 ปีก่อน
1 โซนดำปรากฏขึ้นทางตอนใต้ของทวีปธุลี และแผ่ขยายออกไป
โซนดำปรากฏขึ้นและแผ่ขยายออกไป เนื่องจากการใช้ Aether จากมาเธอร์คริสตัล Drake’s horn
ราวปี 350 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 520 ปีก่อน
1 มาเธอร์คริสตัล Drake’s Horn ทางตอนใต้ของทวีปธุลีหายไป
มาเธอร์คริสตัล Drake’s Horn ทางตอนใต้ของทวีปธุลีทำหน้าที่ของมันจนสำเร็จ และหายไปเนื่องจาก Aether บริเวณโดยรอบได้หมดสิ้นลง
ราวปี 400 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 470 ปีก่อน
1 การต่อสู้รอบ ๆ มาเธอร์คริสตัล Drake’s Spine ทวีความรุนแรงขึ้น
เพราะการหายไปของมาเธอร์คริสตัล Drake’s Spine และการแผ่ขยายของโซนดำในทวีปธุลี ทำให้การต่อสู้ทวีความรุนแรงขึ้น
ราวปี 450 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 420 ปีก่อน
1 ประเทศทางตอนเหนือรวมตัวกัน
จากการปรากฏตัวของอสูรอัญเชิญศิวะ ทำให้ความขัดแย้งของประเทศทางตอนเหนือทวีความรุนแรงขึ้น หลายประเทศจึงรวมตัวกันเพื่อสร้างเสริมกำลังให้เข้มแข็งขึ้น
2 ประเทศที่เป็นบรรพบุรุษของอาณาจักรเหล็กได้ก่อตั้งขึ้น
ศาสนา Crystalline Orthrodox ตั้งแง่รังเกียจสัตว์ประหลาดอย่างอสูรอัญเชิญและโดมิแนนต์ พวกเขาประกาศสงครามกับอำนาจของโดมิแนนต์ในประเทศทางเหนือ แต่แล้วก็ต้องแพ้พ่ายพลังของอสูรอัญเชิญ พวกเขาต้องการหาสาวกเพิ่ม จึงทิ้งอารามใหญ่และข้ามน้ำข้ามทะเล ไปยังเกาะทางตะวันตกสุดของวาลิสเธีย และเคารพนับถือมาเธอร์คริสตัล Drake’s Breath เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
3 อาณาจักรเวลเดอร์มาร์กก่อตั้งขึ้น (Veldermarke)
ประเทศเล็ก ๆ ในทวีปธุลี ได้รวมกันก่อตั้งประเทศแห่งชนเผ่าเวลเดอร์มาร์กขึ้น และเริ่มผนวกรวมชนเผ่าอื่น ๆ เข้าด้วยกัน
ราวปี 500 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 370 ปีก่อน
1 สาธารณรัฐดัลเมเคียก่อตั้งขึ้น
ทายาทผู้ปกครองประเทศบรรพบุรุษของสาธารณรัฐดัลเมเคียถูกลอบสังหาร และเป็นยุคที่ไม่มีโดมิแนนต์ของอสูรอัญเชิญไตตันปรากฏออกมา ทำให้เกิดการต่อสู้ชิงอำนาจ นำไปสู่สงครามกลางเมือง จนกระทั่งประเทศบรรพบุรุษของสาธารณรัฐดัลเมเคียถูกทำลาย หลังจากนั้นสาธารณรัฐดัลเมเคียก็ถูกก่อตั้งขึ้นจากการรวมเขตปกครองอันห่างไกลต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
ราวปี 550 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 320 ปีก่อน
1 กลุ่มพันธมิตรกุหลาบ (薔薇同盟) ก่อตั้งขึ้น
ทางตะวันตกกลางของทวีปวายุ ประเทศยิบย่อยได้ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรขึ้นมาเพื่อต่อกรกับสาธารณรัฐดัลเมเคีย กลุ่มพันธมิตรนั้น ถูกเรียกว่ากลุ่มพันธมิตรกุหลาบ เพราะกลุ่มนี้นำโดยตระกูล Rosfield ซึ่งเป็นผู้ปกครองประเทศบรรพบุรุษของราชรัฐโรซาเลีย ซึ่งให้กำเนิดโดมิแนนต์ของอสูรอัญเชิญฟินิกซ์เกิดขึ้นมาคนแล้วคนเล่า
ราวปี 600 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 270 ปีก่อน
1 ราชรัชโรซาเลียก่อตั้งขึ้น
เพื่อจะสร้างประเทศที่เข้มแข็งขึ้นเพื่อต่อกรกับอำนาจที่เพิ่มพูนขึ้นของประเทศทางตอนเหนือ กลุ่มพันธมิตรกุหลาบจึงก่อตั้งราชรัฐโรซาเลียขึ้นโดยมีตระกูล Rosfield เป็นผู้ปกครอง ชาติมหาอำนาจที่เป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรกุหลาบนั้น ก็คือบรรพุบุรษของ 7 ตระกูลใหญ่ (Seven High Houses) ของโรซาเลีย*
*ในเกมมีเล่าว่าโรซาเลียเกิดจากประเทศเล็ก ๆ รวมตัวกัน แต่เดิมจึงมีหลายราชวงศ์ โดยมีราชวงศ์ Rosfield ยิ่งใหญ่ที่สุด พอรวมประเทศกันแล้ว ราชวงศ์เหล่านั้นก็เป็นขุนนาง
—-----------------------------
ยุคของประเทศเกิดใหม่
หน้า 719
—-----------------------------
ราวปี 700 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 170 ปีก่อน
1 จักรวรรดิซันเบรกก่อตั้งขึ้น
เพื่อจะรวบรวมศาสนจักรกรีกอร์ที่เริ่มแตกกระจายให้เป็นหนึ่ง กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงได้กำจัดกลุ่มทางสายกลาง คืนเอกสิทธิ์อำนาจทั้งหมดของสมณเพศมายังจักรพรรดิ และจัดลำดับศักดิ์ใหม่โดยมีจักรพรรดิ เป็นพระที่มีศักดิ์สูงสุด ในนามสมเด็จพระจักรพรรดิ์ จากนั้นซันเบรก ประเทศที่มีระบบการเมืองและศาสนาเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็ถูกก่อตั้งขึ้นมา
ราวปี 750 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 120 ปีก่อน
1 โซนดำปรากฏขึ้นทางตอนเหนือของทวีปวายุ และแผ่ขยายออกไป
โซนดำปรากฏขึ้นและแผ่ขยายออกไป เนื่องจากการใช้ Aether จากมาเธอร์คริสตัล Drake’s Eye
ราวปี 790 ของปฏิทินทวีป
ประมาณ 80 ปีก่อน
1 มาเธอร์คริสตัล Drake’s Eye ทางตอนเหนือของทวีปวายุหายไป
มาเธอร์คริสตัล Drake’s Eye ทางตอนเหนือของทวีปวายุทำหน้าที่ของมันจนสำเร็จ และหายไปเนื่องจาก Aether บริเวณโดยรอบได้หมดสิ้นลง
2 สงครามวายุอุบัติขึ้นระหว่างราชรัฐโรซาเรียและกลุ่มประเทศทางตอนเหนือ
เนื่องจากการแผ่ขยายของโซนดำ กลุ่มประเทศทางตอนเหนือของทวีปวายุ จึงรุกรานดินแดนของราชรัฐโรซาเลีย มหาสงครามบังเกิดขึ้นบนสมรภูมิระหว่างอสูรอัญเชิญฟินิกซ์และอสูรอัญเชิญศิวะ แม้ว่าฝั่งตอนเหนือจะมีชัย แต่ก็ต้องพักรบเนื่องจากการสงครามกลางเมืองในกลุ่มประเทศทางตอนเหนือเอง ทำให้กลุ่มประเทศทางตอนเหนือจำเป็นต้องถอยทัพ
3 อาณาจักรเหล็กก่อตั้งขึ้น
หลังม่านของสงครามวายุ ประเทศบรรพบุรุษของอาณาจักรเหล็กได้รุกรานเข้ามายังดินแดนของราชรัฐโรซาเลีย พวกเขาลอบเข้าไปยังมาเธอร์คริสตัล Drake’s Breath ของ Drustanus เพื่อแย่งการครอบครอง และเริ่มเรียกตัวเองว่า “อาณาจักรเหล็ก”
4 ประเทศที่เป็นบรรพบุรุษของ Crystalline Dominion (เขตปกครองตนเองคริสตัล) ก่อตั้งขึ้น
ประเทศเล็ก ๆ รอบ ๆ มาเธอร์คริสตัล Drake’s Tail ซึ่งไม่มีโดมิแนนต์ ได้ก่อตั้งสภาและตั้งประเทศขึ้น พวกเขาเสนอที่จะแบ่งปันคริสตัลให้แก่แต่ละประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม ประเทศโดยรอบก็ยอมรับคำประกาศของสภานั้น
ปี 808 ของปฏิทินทวีป
1 บาร์นาบัส ธามร์ เกิด
—-----------------------------
จากยุคใหม่จวบจนปัจจุบัน
หน้า 719
—-----------------------------
ปี 820 ของปฏิทินทวีป
53 ปีก่อน
1 อาณาจักรเหล็กส่งสายลับไปยังประเทศบรรพบุรุษของ Crystallion Dominion
สายลับคนนั้นมีชื่อว่า อิลชูตาล (イルシュタール) ถูกส่งมาเพื่อยึดอำนาจของประเทศบรรพบุรุษของ Crystalline Dominion เพื่อจะคืนชีพให้ Crystalline Orthrodox
ปี 824 ของปฏิทินทวีป
49 ปีก่อน
1 ประเทศบรรพบุรุษของ Crystalline Dominion ประกาศเอกราช
อิลชูตาลที่ยึดอำนาจของประเทศบรรพบุรุษของ Crystalline Dominion ได้ประกาศเอกราช การประกาศนี้ทำให้ยุติการส่งคริสตัลให้แต่ละประเทศ และประเทศกลายเป็นรัฐเอกราช
ปี 825 ของปฏิทินทวีป
48 ปีก่อน
1 เกิดความขัดแย้งรอบมาเธอร์คริสตัล Drake’s Tail
ด้วยการการผูกขาดมาเธอร์คริสตัล Drake’s Tail ใน Crystalline Dominion จึงเกิดสงครามขึ้น ประเทศบรรพบุรุษพ่ายแพ้ แล้ว Crystaline Dominion ก็ถูกปกครองร่วมกันโดยอาณาจักรเวลเดอร์มาร์ก จักรวรรดิซันเบรก และสาธารณรัฐดัลเมเคีย
ปี 829 ของปฏิทินทวีป
1 ซิดอลฟาส เทลามอน เกิด
ปี 833 ของปฏิทินทวีป
40 ปีก่อน
1 เกิดโศกนาฏกรรมที่หาดโฟน (フォーン)
หลังจากอิลชูตาลถูกเปิดโปงว่าเป็นคนจากอาณาจักรเหล็ก ก็เกิดการปราบปรามศาสนา Crystalline Orthrodox ขึ้น และมันทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในบางพื้นที่ สถานการณ์รุนแรงถึงขั้นเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แล้วสถานการณ์นี้ก็สงบลง หลังการอัตวินิบาตกรรมหมู่ศาสนิกชนที่หาดโฟน ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของ Crystal Road
ปี 835 ของปฏิทินทวีป
1 ฮิวโก คุปกา เกิด
ปี 840 ของปฏิทินทวีป
33 ปีก่อน
1 เกิดสงครามกลางเมืองในสาธารณรัฐดัลเมเคีย
ในสาธารณัฐดัลเมเคีย เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างฝั่งปฏิวัติ ซึ่งอยากคืนอิสระให้ Crystalline Dominion เพื่อจะฟื้นฟูอุตสาหกรรม การนำเข้าและส่งออก กับฝั่งอนุรักษ์นิยมที่อยากคงสภาพที่เป็นอยู่ ความขัดแย้งนำไปสู่สงครามกลางเมือง โดยฝั่งปฏิวัติได้รับการหนุนหลังจากอาณาจักรเวลเดอร์มาร์ก ส่วนฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้รับการหนุนหลังจากจักรวรรดิซันเบรก มันจึงกลายเป็นสงครามตัวแทนระหว่างสองประเทศที่แข็งแกร่ง
ปี 842 ของปฏิทินทวีป
31 ปีก่อน
1 ปิด Strait of Autha
สืบเนื่องจากสงครามกลางเมืองในสาธารณรัฐดัลเมเคีย อาณาจักรเวลเดอร์มาร์กได้ปิด Strait of Autha ซึ่งเป็นชายแดนระหว่างอาณาจักรซันเบรกและทวีปธุลี เหตุการณ์นี้นำไปสู่สงครามระหว่างสองประเทศ
ปี 843 ของปฏิทินทวีป
30 ปีก่อน
1 ราชอาณาจักรวาลูดก่อตั้งขึ้น
อาศัยประโยชน์จากสงครามกับจักรวรรดิซันเบรก บาร์นาบัส ธามร์ ได้รวบรวมชนเผ่าทั่วทั้งทวีปธุลีให้เป็นหนึ่ง และก่อตั้งราชอาณาจักรวาลูดขึ้น ในขณะเดียวกันอาณาจักรเวลเดอร์มาร์กก็ถูกทำลายลง
ปี 845 ของปฏิทินทวีป
28 ปีก่อน
1 Crystalline Dominion ได้เอกราชคืน
เพราะการล่มสลายของอาณาจักรเวลเดอร์มาร์กและการก่อตั้งราชอาณาจักรวาลูด จักรวรรดิซันเบรกและสาธารณรัฐดัลเมเคีย จึงได้ถอนกำลังทหารออกจาก Crystalline Dominion ทำให้ยุติการปกครองร่วมกันระหว่างไตรภาคี ในเวลาต่อมา นอกจากราชรัฐโรซาเรียแล้วผู้แทนของสี่ประเทศ ก็ได้ตกลงที่จะตั้งสภาร่วมกัน Crystalline Dominion ก็ได้รับเอกราชคืนมาอีกครั้ง
2 ไคลฟ์ รอสฟิลด์ เกิด
3 เบเนดิคตา ฮาร์มัน เกิด
ปี 848 ของปฏิทินทวีป
1 จิล วอร์ริค เกิด
—-----------------------------
จากยุคใหม่จวบจนปัจจุบัน
หน้า 720
—-----------------------------
ปี 849 ของปฏิทินทวีป
24 ปีก่อน
1 เกิดขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อขอแบ่งแยกดินแดน ในเมืองแคนเวอร์ (Kanver) สาธารณรัฐดัลเมเคีย
เกิดความเคลื่อนไหวเพื่อจะตีตัวออกห่างจากสงครามกลางเมืองในสาธารณรัฐดัลเมเคีย จนพัฒนาไปถึงจุดที่มีการจัดตั้งองค์กรปกครองกึ่งอิสระตนเองขึ้น นอกจากนี้ราชอาณาจักรวาลูด ยังให้การสนับสนุนทางการทหารแก่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนของแคนเวอร์ เพื่อหวังใช้เป็นฐานในการบุกเข้าสู่ทวีปวายุ จนนำไปสู่สงครามแบ่งแยกดินแดน
ปี 850 ของปฏิทินทวีป
23 ปีก่อน
1 พันธมิตรโรซาเลีย-ดัลเมเคีย ก่อตั้งขึ้น
เพื่อขัดขวางขบวนการแบ่งแยกดินแดนของแคนเวอร์ ดัลเมเคียจึงตกลงเป็นพันธมิตรกับราชรัฐโรซาเลีย เพื่อตรวจสอบมาเธอร์คริสตัล Drake’s Fang ของราชรัฐโรซาเลีย ร่วมมือด้านเทคนิคการชลประธานกับสาธารณรัฐดัลเมเคีย แลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางการทูต
2 โจชัว รอสฟิลด์ เกิด
3 ดิออน เลอซาจ เกิด
ปี 854 ของปฏิทินทวีป
19 ปีก่อน
1 ราชรัฐโรซาเลีย กำราบดินแดนทางตอนเหนือ
ดินแดนทางตอนเหนือซึ่งเสื่อมอำนาจลงเพราะการหายไปของมาธอร์คริสตัล Drake’s Eye และเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ถูกราชรัฐโรซาเลีย ยึดครอง ผู้นำของดินแดนทางตอนเหนือ ได้เสนอธิดาของเขา จิล วอร์ริค เป็นตัวประกัน เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะเชื่อฟังราชรัฐโรซาเลีย
ปี 857 ของปฏิทินทวีป
16 ปีก่อน
1 เมืองเสรีแคนเวอร์แยกตัวออกมาจากสาธารณรัฐดัลเมเคีย
เมื่อสงครามแบ่งแยกดินแดนทวีความรุนแรงขึ้น สาธารณรัฐดัลเมเคียได้ขอความช่วยเหลือทางการทหารจากชาติพันธมิตรโรซาเลีย กองกำลังพันธมิตรโรซาเลีย-ดัลเมเคียสามารถสู้ต้านทานกองทัพของราชอาณาจักรวาลูดได้ดี แต่ก็พ่ายแพ้ลงเนื่องจากบุคคลสำคัญของดัลเมเคียหลายคนหนีทัพ แคนเวอร์จึงแยกตัวออกมาจากสาธารณรัฐดัลเมเรีย และกลายเป็น “เมืองเสรีแคนเวอร์”
ปี 859 ของปฏิทินทวีป
14 ปีก่อน
1 พันธมิตรไตรภาคีก่อตั้งขึ้นบนทวีปวายุ
เนื่องจากการแยกตัวเป็นอิสระของเมืองเสรีแคนเวอร์ สามประเทศยักษ์ใหญ่ของทวีปวายุ สาธารณรัฐดัลเมเคีย จักรวรรดิซันเบรก และราชรัฐโรซาเลีย ซึ่งเกรงว่าการเคลื่อนไหวเพื่อแบ่งแยกดินแดนของแต่ละประเทศจะทวีความรุนแรงขึ้น จึงตกลงเป็นพันธมิตรทางการทหารกันเพื่อเป็นมาตรการป้องปราม นอกจากนี้ ในระหว่างพิธีก่อตั้งไตรภาคี อนาเบลล่า รอสฟิลด์ แห่งราชรัชโรซาเลีย และซิลเวสเตอร์ เลอซาจของจักรวรรดิซันเบรก ได้สมคบคิดกันอย่างลับ ๆ อันนำไปสู่สงครามมกลางเมืองในราชรัชโรซาเลียในภายหลัง
ปี 860 ของปฏิทินทวีป
13 ปีก่อน
1 สงครามกลางเมืองปะทุขึ้นในราชรัฐโรซาเลีย
อนาเบลล่าแห่งราชรัชโรซาเลีย ได้ร่วมมือกับจักรวรรดิซันเบรกเข้าโจมตีเอลวิน รอสฟิลด์ Archduke แห่งราชรัชโรซาเลีย ที่กำลังเสด็จไปยังฟินิกซ์เกทเพื่อภาวนาให้ได้รับชัยชนะ ผลลัพธ์เป็นที่พูดกันว่า Archduke เอลวินและโจชัว รอสฟิลด์ บุตรคนรองผู้เป็นโดมิแนนต์ของอสูรอัญเชิญฟินิกซ์ได้เสียชีวิตไปในเหตุการณ์ ส่วนบุตรคนโต ไคลฟ์ รอสฟิลด์ ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็หายตัวไป ในเหตุการณ์นี้ ความจริงที่ว่าเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นถูกปิดบังจากโลกภายนอก และถูกทำเหมือนว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
2 อาณาจักรเหล็กบุกราชรัฐโรซาเลีย
อาณาจักรเหล็กเข้ารุกรานราชรัฐโรซาเลียที่กำลังระส่ำระส่ายจากการสูญเสีย Archduke โรซาเลียโดนบุกอยู่ฝ่ายเดียว และถูกอาณาจักรเหล็กแย่งชิงผู้คนและทรัพยากรกลับไป
ปี 861 ของปฏิทินทวีป
12 ปีก่อน
1 จักรวรรดิซันเบรกกลืนราชรัชโรซาเลียเข้าเป็นแผ่นดินเดียวกัน
ในสภาพที่ถูกอาณาจักรเหล็กรุกราน ราชรัชโรซาเลียไร้ซึ่งผู้ปกครอง ก็ถูกกลืนกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิซันเบรก กลายเป็นดินแดนที่ต้องขอพึ่งพิง
ปี 862 ของปฏิทินทวีป
1 มิดาโดล เทลามอน เกิด
ปี 865 ของปฏิทินทวีป
8 ปีก่อน
1 สงครามทวีปอุบัติ
สงครามกลางเมืองภายในสาธารณรัฐดัลเมเคียที่เริ่มต้นในปี 840 และยืดเยื้อมายาวนานกว่า 25 ปี จบลงด้วยชัยชนะของฝั่งปฏิวัติ ส่วนฝั่งอนุรักษ์นิยมที่พ่ายแพ้ก็เรียกร้องให้อาณาจักรเหล็กบุกสาธารณรัฐดัลเมเคีย โดยรับปากว่าจะช่วยพิทักษ์ศาสนจักร Crystalline Orthrodox ขณะเดียวกันความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรเวลเดอร์มาร์กและจักรวรรดิซันเบรกที่อยู่เหนือดินแดน Strait of Autha และยืดเยื้อมา 23 ปีกระทั่งหลังจากอาณาจักรเวลเดอร์มาร์กกลายเป็นราชอาณาจักรวาลูด จักรวรรดิซันเบรกที่มีกองกำลังเข้มแข็งขึ้นหลังจากกลืนดินแดนของโรซาเรียเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ก็ชิง Strait of Autha คืนมาได้และบุกราชอาณาจักรวาลูดต่อทันที สาธารณรัฐดัลเมเคีย ที่กำลังถูกคุกคามจากอาณาจักรเหล็ก และราชอาณาจักรวาลูดที่กำลังโดนจักรวรรดิซันเบรกบุก ก็ได้ตกลงเป็นพันธมิตรดัลเมเคีย-วาลูดกัน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของกองทัพ ผลลัพธ์ที่ตามมา สาธารณรัฐดัลเมเคียที่มีกำลังเข้มแข็งขึ้นก็ขับไล่อาณาจักรเหล็กออกไปได้ ส่วนราชอาณาจักรวาลูด ก็หยุดยั้งการรุกรานของจักรวรรดิซันเบรกได้สำเร็จ
ปี 873 ของปฏิทินทวีป
เนื้อเรื่องหลักเริ่มต้น
1 การต่อสู้ที่ Nysa Defile เริ่มต้นขึ้น
อาณาจักรเหล็กได้รุกรานสาธารณรัฐดัลเมเคียอีกครั้ง ทั้งสองประเทศได้ปะทะกันที่ช่องเขา Nysa Defile ของสาธารณรัฐดัลเมเคีย สาธารณรัฐดัลเมเคียจึงขอความช่วยเหลือจากราชอาณาจักรวาลูดที่เป็นพันธมิตร แต่ก็ไม่ได้ความร่วมมือสักเท่าไหร่ ต่อมาก็ได้ส่งอสูรอัญเชิญของตนเอง ไตตัน เพื่อตอบโต้อสูรอัญเชิญ ศิวะ ของอาณาจักรเหล็ก ในการต่อสู้นี้ โดมิแนนต์ของอสูรอัญเชิญศิวะ ได้หายตัวไป พลังอำนาจของอาณาจักรเหล็กจึงลดลงอย่างมาก
ท้ายที่สุดแล้ว timeline เวอร์ชั่นแรกที่ผมเขียน ก็ไม่ได้ถูกต้อง 100%
ตอบลบแต่มันก็ถูกสัก 95% ซึ่งก็เป็นสัดส่วนที่น่าภูมิใจมาก ๆ
ที่พอจบเกมปุ๊บ ผมสามารถเรียบเรียงได้ขนาดนี้ด้วยตัวเองคนเดียว
.
อันที่จริง มันก็ผิดตั้งกะประโยคแล้วที่บอกว่า อัลเทม่ามาจากภพอื่นดาวอื่น ในช่วงนานแสนนานมาแล้ว - เพราะอัลติมาเนียระบุชัดว่า พวกมันเกิดขึ้นเมื่อ 5,000 ปีก่อน ในโลกยุคดึกดำบรรพ์
.
และพวกมันก็ไม่ได้เดินทางข้ามอวกาศ ข้ามมิติแต่อย่างใด มันก็อยู่ในดาวเรามาตลอดเนี่ยแหละ
.
และสุดท้าย ที่ผมคิดว่าเกมนี้ในทฤษฎี 3 โลก อัลติมาเนียก็เฉลยตบให้แล้วว่าทั้งหมดใช้ทฤษฎี 1 โลก
.
ที่ผิดอีกก็คือ ผมเขียนว่าอัลเทม่าทิ้งร่างเนื้อก่อนออกเดินทาง แต่ที่ถูกคือ มันทิ้งร่างเนื้อหลังมาถึงวาลิสเธีย
.
รวม ๆ แล้วจุดที่ผิดนั้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ คนที่เล่นไปแปลไปตลอด ก็คงไม่แปลกใจว่าทำไมผมเข้าใจแบบนั้น เพราะสคริปต์ในเกมมันก็เขียนเชิญชวนให้เข้าใจผิดแบบนั้นเอง
.
นอกนั้น พวกเรื่องในยุคถัดมาก็ไม่ได้ผิดอะไร อาจจะมีสลับลำดับเหตุการณ์หน่อย เพราะช่วงยุค the fallen ในเกมมันไม่ได้ลงเวลาชัดเจนนัก แต่ก็ประมาณนี้แหละ
.
😉 สุดท้าย ถึงไม่ได้ถูก 100% แต่ก็เรียกได้ว่า เป็นการเรียบเรียงที่ภูมิใจมากสุด ๆ ละ