ประวัติชินระ จากปากคาสึชิเงะ โนจิมะ
วันที่ 5 ต.ค. 2023 ที่ผ่านมา คุณคาสึชิเงะ โนจิมะ ผู้เขียนสคริปต์ Final Fantasy VII มีไลฟ์เรื่องประวัติบริษัทชินระ ในช่องของ Square Enix เอง โดยมีเนื้อหาโดยย่อดังนี้
โนจิมะบอกว่าตอนเขาเข้าร่วมทีม การพัฒนา FFVII ออริจินอล ก็เริ่มตั้งแต่ปีก่อนหน้านั้นแล้ว คนที่เสร็จจาก FFVI แล้วไม่ได้ถูกโยกไปช่วยทำ Chrono Trigger ก็มาปูทางให้ VII ต่อ มันเลยมีการสร้าง setting ไว้เยอะแล้ว
ดังนั้นมันยากที่จะโดดเข้าไปเขียนซีนาริโอของโลกและตัวละคร ที่มีการสร้างไปบ้างแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่โนจิมะ ต้องรับความท้าทายแบบนั้น การเข้ารับโปรเจคท์กลางทาง
คิตาเสะบอกว่า FFVII เป็นการเดินทาง ออกจากสไตล์ “โลกแฟนตาซียุโรปกลาง อัศวินและเวทมนต์” ทีมงานคิดว่า genre นั้นมันอิ่มตัวแล้ว เลยตัดสินใจปรับไปสู่โลกที่ ทันสมัย หรือล้ำยุค แทนดีกว่า
ความท้าทายคือ จะเปลี่ยนองค์ประกอบแฟนตาซีเดิม ๆ อย่างปราสาท, อาณาจักร, มังกร ไปเป็นยุคปัจจุบันหรืออนาคตอันใกล้ได้ยังไง ไอเดียนึงที่เกิดขึ้นคือ เราสร้างบริษัทยักษ์ใหญ่เป็นวายร้าย แล้วชินระ ก็เกิดขึ้นเป็นผลตามมาของการเปลี่ยนแนวแบบนั้น
ในช่วงต้นของการระดมความคิด ซากากุจิได้เสนอไอเดียคร่าว ๆ มากมายเกี่ยวกับ setting ของโลก ไอเดียหนึ่งคือ ให้เรื่องราวเกิดในมหานครอย่างเมือง นิวยอร์ก ที่ทำสำนักงานนักสืบ ฟีลหนังฆาตกรรม
คอนเซปต์นั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่กับมิดการ์ แต่พอคิดถึงว่าจะเอาองค์ประกอบ job มาใส่เข้าไปยังไง ก็มานั่งคิดว่าเมืองจะองค์กรปราบปรามอาชญากรรมยังไงนะ
แล้วก็กลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่กลายมาเป็นชินระ แต่เอาจริง ทีมงานตอนนั้นยังหนุ่ม ๆ กัน ก็ไม่รู้ภาพที่ชัดเจนว่าองค์กรยักษ์ใหญ่เขาเป็นยังไง ก็มีแต่ภาพ Square เองในหัวเนี่ยแหละ ตอนนั้น Square ก็มีประธาน ที่วุ่นวายกับธุรกิจและการบริหาร และรองประธานที่ยังลงมาลุยงานเองอย่างซากากุจิ ในแง่นี้ รองประธานก็เป็นคนที่ลงมือมาออกหน้า เป็นหน้าตาของบริษัท ฟีลนั้นก็สะท้อนสู่ประธานชินระและรูฟัส (เทียบว่าบทบาทของรูฟัส ก็เหมือนกับซากากุจิ)
โนจิมะบอกว่า ตอนที่เขาเข้าร่วมทีม สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือเดโมที่พวกคลาวด์ ลอบเข้าเตาปฏิกรณ์มาโค แบร์เร็ตก็กำลังเกรี้ยวกราด ก็ให้ความรู้สึกแปลกใหม่กับโนจิมะ
หลังจากตัดสินใจว่าจะมีชินระแล้ว ก็คิดจะใส่องค์ประกอบแฟนตาซีของ FF เดิมมาอย่างโจโคโบะ World Map ฯลฯ ที่ต้องหาทางใส่ลงไปให้ได้
คิตาเสะบอกว่า เรื่องราวการที่โนจิมะมาลงเรือ Square นี่ ค่อนข้างลึกลับ จากมุมของคิตาเสะ จู่ ๆ วันนึงโนจิมะก็โผล่มา หลังจากที่โนจิมะพึ่งเสร็จจากการเขียนซีนาริโอของ Glory of Heracles III
คิตาเสะชอบลีลาการสร้างปริศนาแล้วคลี่คลายลงของโนจิมะ เขาเองก็อยากให้ได้แบบนั้นกับ FFVII ที่ผู้เล่นจะได้คลี่คลายปริศนา และทุกอย่างลงตัวพอใจในท้ายที่สุด
คิตาเสะรู้สึกว่าโนจิมะเป็นคนเก่ง เลยเดาไว้ก่อนว่าน่าจะทำงานด้วยยาก แต่กลายเป็นว่าโนจิมะเป็นคนใจดิ ทำงานง่าย
โนจิมะบอกว่า คนที่สัมภาษณ์เขาเข้างาน ก็คือคิตาเสะและซากากุจิเองนะ ตอนนั้นเขาก็คิดว่าสงสัยน่าจะได้ไปทำ Chrono Trigger แต่กลายเป็นว่า ได้ไปทำ Bahamut Lagoon แถมถูกตั้งเป็นผู้กำกับเลยอีกต่างหาก
โนจิมะจำได้ว่า หลังจากพัฒนา Bahamut Lagoon ที่กินเวลาประมาณปีนึงเสร็จ เขาควรจะได้ไปพักร้อนพิเศษ แต่พอไปพักร้อนได้ไม่นาน FFVII ก็กลับมาพัฒนา เขาก็ถูกเรียกให้เข้าไปทำด้วย เขารู้ว่านี่เป็นเรื่องที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้
คุณอิจิคาวะบอกว่าความใจดีและความยืดหยุ่นของโนจิมะ ทำให้คนอื่นทำงานด้วยง่าย
คุณโนจิมะ หันมาพูดเรื่องยุคแรกเริ่มของบริษัทชินระ ก่อนจะกลายเป็นองค์กรมหาอำนาจ ช่วงที่เพรสซิเดนท์ยังหนุ่ม โลกใบนี้มีสงครามเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ บริษัทชินระก็เลยเป็น subcontract จัดหาอาวุธให้สู้กันโครมคราม ก็ทำกันจนเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีนวัตกรรม พอประสบความสำเร็จ กำไรก็บานฉ่ำ ชินระก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพรสซิเดนท์ก็ค่อย ๆ ขยายบริษัท
คุณอิจิคาวะทักว่า ไอ้ยุคแรกของชินระ ที่มีตัวเอกเป็นประธานชินระที่ยังหนุ่มแน่นและเป็นคนดี น่าจะเอามาทำเป็นละครย้อนยุค ได้สนุกเลย
โนจิมะกล่าวต่อว่า แม้ตอนนี้เพรสซิดเดนท์จะเป็นคนเลว แต่เขาก็เป็นวิศวกรชั้นยอด ที่ค้นพบวิธีการแปรรูปไลฟ์สตรีมเป็นแหล่งพลังงาน ใน timeline ของเกมนี้ โลกได้ผลัดเปลี่ยนจากการใช้ถ่านหินมาใช้มาโค คล้ายกับที่โลกของเรา เปลี่ยนจากการใช้ถ่านหินมาเป็นน้ำมัน
การสร้างแหล่งพลังงานใหม่ขึ้นมาได้ ทำให้ชินระมีชื่อเสียงอย่างมาก แต่แล้วก็เกิดปัญหาขึ้นกับบริษัทแม่ของชินระ ที่มองว่าเทคโนโลยีใหม่นี้ เป็นภัยอันใหญ่หลวง แล้วก็ลามไปพาดพิงเรื่องที่ชินระเป็นผู้จัดหาอาวุธ
แม้ว่าเพรสซิดเดนท์ ตอนแรกจะเป็นวิศวกรใจบริสุทธิ์ที่อิ่มใจกับการสร้างผลงานขึ้นมา แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาต้องปกป้องบริษัทของตัวเองไปเรื่อย ๆ สภาวะนั้นเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นคนสุดโต่งที่ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชินระ
คุณอิจิคาวะทักว่า เพรสซิเดนท์ เปรียบเหมือนโทโยโทมิ ฮิเดโยชิเลย ไดเมียวที่เริ่มต้นจากการเป็นคนถ่อมตน จิตใจดี แล้วกลายมาเป็นหนึ่งในคนที่ทรงอำนาจและเหี้ยมโหดที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
โนจิมะบอกว่าตอนสร้างเกม ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนไป เขาชอบแอบไปดูว่าคนอื่นกำลังทำอะไรอยู่ บางครั้งก็เห็นสิ่งที่มันตะหงิด ๆ เช่น เห็นคนสร้างพืช สร้างต้นไม้ วางบนสถานที่อื่นนอกโบสถ์หรือสวนบ้านแอริธ โนจิมะก็จะไปฟ้องคิตาเสะ
โนจิมะพูดติตลกว่า บางทีเพรสซิดเดนท์อาจจะดูดซับมาโคมากไป ทำให้กลายเป็นวายร้าย
โนจิมะบอกว่าเพรสซิเดนท์ มีความเชื่อโรแมนติกเกี่ยวกับต้นกำเนิดพลังงานมาโคและความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นตำนานของชนเผ่ายุคโบราณ โนจิมะเทียบว่ามันก็เหมือนกับการที่ Heinrich Schliemann (นักธุรกิจชาวเยอรมัน ผู้บุกเบิกด้านโบราณคดี) เชื่อในเรื่องซากโบราณของกรุงทรอย หรืออย่างตำนานขุมทรัพย์โทคุกาวะ
โนจิมะบอกว่า เขาต้องพยายามสร้างให้ชินระดูเหมือนวายร้ายจริง ๆ ไม่งั้นถ้าให้เราไปโค่นพนักงานบริษัทที่ไม่ได้เลวสุดขั้วจริง ๆ มันคงดูไม่เหมาะเท่าไหร่ ในบริษัทยักษ์ใหญ่ ใช่ว่าทุกคนจะเป็นคนเลว ดังนั้นเขาต้องเซ็ตสมดุลของแง่มุมทางศีลธรรมอันซับซ้อนของมนุษย์ให้ดี
ทีนี้ การจะสร้างชินระให้เป็นศัตรูที่น่าสนใจ จะเขียนให้แค่ว่ามันมีภูมิหลังเรื่องการผลิตยุทโธปกรณ์ และผลิตอาวุธ มังคงไม่พอ เขาต้องหาทางใส่เรื่องมอนสเตอร์อะไรแบบนั้นลงไปด้วย
ในการแต่งตัวละครฝั่งชินระขึ้นมา รูฟัสเกิดขึ้นมาเป็นคนแรก ๆ รวมถึงหมาของเขา ทีมงานอยากให้มีตัวร้ายที่หนุ่ม เท่ ให้ฟีลคู่แข่งกับพวกตัวเอก ซึ่งเป็นสิ่งที่เพรสซิเดนท์ที่แก่กว่าทำไม่ได้ แต่การสร้างตัวละครที่เท่เกินไป ก็มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นตัวตลกโดยไม่ได้ตั้งใจ รูฟัสเองมันก็ให้ความรู้สึกฮา ๆ ในแง่นั้น
ส่วนการสร้างผู้อำนวยการแต่ละฝ่ายของชินระ เริ่มต้นจากการที่เขาได้ภาพมาก่อน แล้วก็ทราบว่าแต่ละตัว จะได้มี Boss Fight สั้น ๆ เขาเลยต้องหาทางทำให้ตัวละครเหล่านี้เป็นที่น่าจดใจในเวลาอันสั้น เลยใส่เสียงหัวเราะแปลก ๆ ให้แต่ละคน ทั้งเคี้ยฮ่ะฮ่ะ, ก๊าฮ่ะฮ่า, ฮู๊วววหุหุ
ในชินระยุคแรก ไฮเด้กเกอร์ก็ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงใน Private Military Company แห่งหนึ่ง แต่เขาเห็นว่าบริษัทเขาสนใจแต่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เขาก็หมดความศรัทธาแล้วลาออกมา จากนั้นเขาก็ได้รู้จักกับเพรสซิดเดนท์ และประทับใจในสปิริตอันแรงกล้า
ส่วนพัลเมอร์ ก็เป็นเพื่อนของเพรสซิเดนท์ ที่คอยรับใช้ด้วยดี เป็นคนประจบประแจงที่มาสร้างสีสันได้
ส่วนกลุ่ม Turks อย่างเรโนและรู๊ด มีทั้งคนที่ถูกแมวมองเฟ้นหามา และคนที่เข้ามาด้วยคอนเนคชั่น พวก Turks ไม่ค่อยปฏิเสธคนที่อยากเข้าร่วมทีม แถมบางทียังฝืนใจ เอาคนที่ไม่ได้คิดอยากจะเป็นมาเป็น และปรับจูนให้เข้ากับพวก Turks เอง เมื่อมีสมาชิกใหม่เข้าร่วม สมาชิกใหม่ก็จะได้รับการฝึกฝน ถ้าผ่านการฝึกได้ ก็จะได้ทำงานของ Turks จริง เงินเดือนของ Turks นั้นค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเงินเดือนมาตรฐานของชินระ แต่ก็แลกมาด้วยการต้องรับโทรศัพท์ตลอดเวลา ไม่เว้นวันหยุด
โนจิมะบอกว่า ตอนที่เขาเข้าร่วมทีม คุณโนมุระก็สร้างตัวละครไว้เยอะแล้ว น่าจะมีตัวละครหลักครบ ยกเว้นแต่วินเซนต์ คุณโนจิมะต้องดูคอนเซปต์อาร์ต แล้วแกะลายมือของโนมุระเพื่ออ่านว่าแต่ละตัวเป็นคนยังไง
แล้วก็พูดเรื่องความยากลำบากในการสร้างตึกชินระ ให้เป็นทั้งสำนักงานและดันเจี้ยนไปพร้อมกัน ต้องมานั่งคิดว่าแต่ละชั้นเป็นยังไง พวกเขาก็เอาห้องพักใน Square เป็นต้นแบบของแต่ละชั้น แล้วก็ต้องมาระดมความคิดเพื่อออกแบบชั้นที่เหลือกัน
โนจิมะบอกว่าทั้งเพรสซิเดนท์และรูฟัส มีสถานที่พักอาศัยในตึกชินระอยู่ด้วยจริง ๆ ไม่ต่างจากจักรพรรดิที่อาศัยในพระราชวัง ทว่าเพรสซิเดนท์ก็มีอีหนูอยู่เยอะแยะ เลยต้องมีบ้านพักอยู่นอกมิดการ์ด้วย
โนจิมะบอกว่าแซ็คเป็นตัวละครที่เกิดขึ้นช่วงท้าย ๆ แล้ว ซึ่งเมื่อเขียนเรื่องไปเรื่อย ๆ ก็จำเป็นต้องสร้างขึ้นมา เขาก็อธิบายให้โนมุระฟังว่าเขาต้องการตัวละครแบบไหน แล้วโนมุระก็วาดแซ็คขึ้นมาให้
โนจิมะบอกว่าแต่ก่อนเป็นแฟน Dragon Quest และทำงานอยู่กับเกมที่ตัวเอกไม่ต้องพูด แต่กับ FFVII เขาต้องสร้างตัวละครใหม่แบบคลาวด์ ซึ่งเขาก็รู้ว่าการสร้างตัวละครเอกที่พูดมากเกินไป มันจะทำให้ผู้เล่นไม่อินกับการ role play เป็นตัวละครนั้น ๆ ดังนั้นเขาเลยสร้างคลาวด์ให้ทั้งเท่ และพูดไม่เยอะ
โนจิมะเล่าว่ามานานมาแล้วก่อนหน้าสงครามวูไถ ประเทศราโดร์เคยร่วมมือกับชินระสู้ศึกสงคราม แล้วก็ได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธต่าง ๆ แต่เมื่อสงครามจบลง ชาวราโดร์ที่ศึกษาเรื่องดวงดาววิทยา ก็คัดค้านการที่ชินระใช้ไลฟ์สตรีมเป็นแหล่งพลังงาน พวกเขาเลยขัดแย้งกับชินระ
โนจิมะบอกว่า SOLDIER ประเภท Action Type ผ่านการดัดแปลงทางชีวภาพมาด้วยเซลล์เจโนว่า เพื่อปลดล็อคความสามารถของร่างกาย ขณะที่ Passive Type คือพวกที่ไม่ได้ถูกฉีดเซลล์เจโนว่ าและพึ่งพาความสามารถตามโดยกำเนิดของมนุษย์เท่านั้น
Post a Comment