FFXVI ชูจุดเด่นเรื่องเนื้อหาการเมือง การผลักดันเพื่อขับเคลื่อนสังคม

มานั่งคิดดู ในขณะที่ FFXVI ชูจุดเด่นเรื่องเนื้อหาการเมือง การผลักดันเพื่อขับเคลื่อนสังคมในประเด็นต่าง ๆ อย่างข้นคลั่ก ไม่ว่าทั้ง

#SpoilerAlert #SpoilerAlert

- เลิกทาส เคารพคุณค่าในความเป็นมนุษย์ (เอลวิน+ซิด)

- สร้างโรงบาล สร้างมหาวิทยาลัย เพื่อบูรณาการสังคม (เอลวิน)

- เปลี่ยนคนจากการใช้ตรรกะแบบ Mythos เป็น Logos (ซิด)

- สนับสนุนการ Euthanasia และมองว่ามันคือความเมตตาแล้ว (ทาร์ยา)

- มอง LGBTQ+ เป็นธรรมชาติส่วนนึงของสังคม (เทอร์เรนซ์)

- วิทยาการและค่านิยม คือสิ่งที่มนุษย์ควรส่งมอบต่อกันไป ถึงทำไม่สำเร็จในชั่วชีวิตเราก็ไม่เป็นไร แต่เราจะได้ส่งมอบมันต่อให้เจนฯ ใหม่ (มิด+ซิด+เอลวิน)

- ล้มเจ้า ล้มบัลลังค์อันไม่ชอบธรรม อย่าฝืนทำตามคำสั่งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ถูกต้อง (ดิออน)

- มองว่าประวัติศาสตร์ที่เรารู้ผ่านระบบการศึกษา เป็นของที่ถูกผู้มีอำนาจเติมแต่ง หากอยากรู้ความจริงต้องไปแสวงหาเอาเอง แต่ก็จะอยู่ยาก จนถูกจ้องเอาชีวิต และต้องลี้ภัยไปต่างแดน.... วิถีชีวิตของอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยนั้นโดดเดี่ยว แต่ถ้าเลือกจะเดินในเส้นทางนี้แล้ว ก็จงภูมิใจเถิด ปลายทางของการค้นหานั้นมันคุ้มค่ายิ่งแท้ (ผมพูดถึงจารย์วิเวียนจริง ๆ นะะะะะะะะะะะ 🤣)


คงเพราะมันเป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาในปี 2015-2016 แหละ มันเลยมีความร่วมสมัยสูง รู้ว่าควรเล่าอะไรลงไปให้สังคมฟัง


แล้ว FFVII R Trilogy ชูประเด็นอะไร....


Multiverse....... ???? 😅


เข้าใจว่าก็พล็อตของ FFVII มันเก่าแล้ว มันก็แต่งเพื่อสร้างความบันเทิงในยุคปี 1997 พอถึงตอนนี้ก็ตกยุคไปแล้ว ถึงรีเมคใหม่ และพยายามใส่ Plot Device ที่กำลังฮิตกันอย่าง Multiverse ลงไป แต่มันก็เป็นวิธีเพื่อเพิ่มความหวือหวาลงไปในเรื่องเท่านั้น แต่ไม้ได้ช่วยผลักดันสังคมเท่าไหร่

มองอีกแง่นึง ก็ถือว่า FFXVI ทำได้ดีในการพยายามผลักดันประเด็นเหล่านั้น และเขียนพล็อตที่ร่วมสมัยขึ้นมาให้ได้

ไม่มีความคิดเห็น