บันทึกการเล่น FFXVI วันที่ 9.5
ใน FF ยุคหลัง มันก็สอนให้ไม่จำเป็นต้องยอมรับชะตากรรม ให้รู้จักคิดเอง แล้วตัดสินใจเอง ถ้าไม่เห็นด้วยก็จับพระเจ้าไปปิ้งย่างแม่ง
เรียกว่ามันก็เป็นชุดคอนเซปต์ ที่ได้รับความนิยมและใช้กันแพร่หลายมากมายาวนาน ร่วม 20 ปีได้ มันก็ฟังดูสุนทรีย์ เสรีชน หล่อหลอมการสร้างสังคมไปในทางประชาธิปไตยดี
meanswhile... ตอน FFXV
- ก้มหน้ายอมรับชะตา ทุกคนมีหน้าที่ ต้อง fulfill destiny, duty
- ทวยเทพเตรียมชะตาที่ดีให้แล้ว จงทำมัน
- เล่าอดีตอาร์ดีน สั้นจิ๊ดเดียวแค่ท้าย Chapter 13 แล้วมันเล่าไม่รู้เรื่อง ทำให้คนฟังแล้วตีความต่างกันไปมากมาย สุดท้ายคือไม่รู้เรื่อง.... ไปรู้เรื่องจริง ๆ เอาตอน Episode Ardyn
- หมายว่า ณ จุดนี้ FFXV มันมีปัญหาเรื่องเล่ามูลเหตุของตัวร้ายไม่แข็งแรงพอ คือจะแค้นอะไรก็เล่าไม่เคลียร์ในทีแรก ไม่เข้าใจ แล้วยังบอกให้เราไป fulfill destiny ปราบมัน ทั้งที่ยังไม่เข้าใจมันเลย.....
- มันเลยเต็มไปด้วยความ งงงงงงง ซึ่ง ณ จุดนี้ คือผมไม่ถูกจริตกับประเด็นดังกล่าว, FF มันต้องสอนให้ต่อต้านชะตากรรมสิวะ
- ปลายปี 2017 หลังออก DLC Ignis มาแล้ว ทีมงานก็ทำ survey ความเห็นผู้เล่นต่อ แล้วก็มีทั้งคนที่อยากได้ Super Bad Ending และ Happy Ending
- ทีมงานเลยแต่ง Alternate Reality ขึ้นมาใหม่ นั่นคือเรื่องราวใน Episode Luna และ Noctis ที่เหลือเป็นเพียงนิยายไป (ปัญหาคือ คนจำนวนมากไปเข้าใจผิดว่า เนื้อเรื่องพวกนี้ถูกเขียนขึ้นมาแต่แรก และเป็นฉากจบที่แท้จริง ทั้งที่เนื้อเรื่องเหล่านี้มันถูกแต่งขึ้นมาทีหลัง และเป็น Alternate Reality เท่านั้น มันไม่ใช่ฉากจบจริง) โดยไปใส่สีให้บาฮามุทดูร้ายสุดขั้ว ชั่วสุดใจ มีแผนจะทำลายล้างโลก จนพวกน็อคติสและอีก 5 เทพต้องช่วยกันหยุดไว้ แล้วน็อคติสก็ให้อภัยอาร์ดีน ร่วมสู้กับอาร์ดีนแล้ว
- กลายเป็นว่า Alternate Reality มันกลับไปแต่งตามฟีดแบ็คของแฟน ๆ ซึ่งคือการกลับสู่ขนบเนื้อเรื่องของ FF
นับเป็นบุญที่ FFXVI มันแต่งตามขนบ FF แต่แรก (ต่อต้านชะตากรรม เผาพระเจ้าแม่ง เจตจำนงค์อิสระ ประชาธิปไตย) ซึ่งพอเราเห็นบทที่ถ่ายทอดแนวคิดเหล่านี้ ส่วนตัวผมรู้สึกถูกจริต และสุนทรีย์กว่าบทที่บอกให้มนุษย์ก้มหน้าทำหน้าที่ของตัวเองเป็นไหน ๆ
Post a Comment