บันทึกการเล่น FFXVI วันที่ 10


Drake’s Spine

  • ข้อมูล Stonhyrr เป็นเมืองหลวงของวาลูด ตั้งอยู่บนหาด Frigg’s Calm อ่าวทางด้านเหนือของทวีปธุลี Mothrcrystal Drake’s Spine อยู่ที่นอกชายฝั่ง
  • เจอเบฮีมอธยิงเมเทโอใส่ โจชัวกางบาร์เรียร์ป้องกันแต่เอาไม่อยู่ ไคลฟ์ช่วยรับด้วย แล้วช่วยกันสู้



  • เจอกองทัพมหาศาล ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่หมด
  • โจชัวบอกให้เก็บพลังไว้ ไม่งั้นไม่เหลือไว้ทำลาย mothercrystal
  • ระหว่างเข้าตาจน เรือ Enterprise ก็แหกกำแพงมา แล้ว Gav จิล ดิออน ก็ลงมาช่วย
  • ดิออนบอกไคลฟ์ว่าไบรอนฝากบอกว่าให้ทำตามหัวใจ พ่อต้องการเท่านั้นแหละ
  • เพลง prologue ตอนพวกนี้มาช่วย
  • จิลยังใช้เวทย์น้ำแข็งได้เฉย ทั้งที่เบเนดิคต้าโดนดูดพลังไปก็ใช้ไม่ได้แล้ว
  • อัลเทม่าสูบไคลฟ์โจชัวหายไป ทอร์กัลตามเข้าไปทัน
  • Gav จิล ดิออน ต้องต้านศัตรูไว้ ไม่ให้ตามไปได้


The Interdimensional Rift

  • อัลเทม่าบอกว่าพวกเจ้าอยู่ช่องว่างระหว่างโลก สะท้อนบาปของมนุษย์ และพวกเจ้าก็จะได้รู้ทั้งหมด ว่าชะตากรรมที่เหมาะสมกับบ้านพวกเจ้าเป็นเช่นกัน
  • อัลเทเม่าเล่าว่า ตอนที่โลกพึ่งเริ่มต้น มีเวทมนต์เกิดขึ้น นำพาความเจริญให้ชีวิต แต่มันมีราคาที่ต้องจ่ายหนัก ขอบฟ้ากลายเป็นสีดำดั่งค่ำคืน (เกิดโซนดำ) แม้จะพยายามยับยั้งการแพร่กระจาย แต่ก็ไม่อาจทำได้ เราเลยต้องหนี และอดทน ทนจนกว่าจะค้นพบทางรอด
  • โจชัวสงสัย ถ้าเวทมนต์คือจุดเริ่มต้นของโซนดำ แล้ว Mothercrystal ล่ะ?

  • อัลเทม่าเล่าต่อว่า การจะรอดนั้น ก่อนอื่นต้องมีดินแดนที่ยังไม่แปดเปื้อนก่อน การเดินทางแห่งประวัติการณ์รอคอยเราอยู่ การเดินทางไกลเกินกว่าขีดจำกัดของร่างเนื้อจะไปถึง เราถึงสละร่างเนื้อ จึงถอดเหลือแต่วิญญาณ แล้วเราก็พบสวรรค์ใหม่ ดินแดนที่บริสุทธิ์ดุจหิมะ นั่นคือวาลิสเธีย งานที่แท้จริงจึงเริ่ม เพื่อขัดขวางความมืดที่ยังคืบคลานตามหลังเรามา แล้วเราก็ได้ทางออก เมื่อโรคร้ายแพร่กระจ่ายทั่วทุกอวัยวะ ทางเดียวที่จะหนีไปจากชะตากรรมนี้ ก็คือการเริ่มต้นใหม่
  • ไคลฟ์เข้าใจว่านั่นคือโลกใหม่ที่บาร์นาบัสพูดถึง สวรรค์ที่ปราศจากโซนดำ ที่ซึ่งพระเจ้ารอคอยอยู่ ถ้าเรายอมสละจิตของตนเอง ทิ้งทุกอย่างที่รักไป มนุษยชาติก็จะไปอยู่กับพระเจ้าได้ อัลเทม่าเลยอยากให้พวกเราทำตามบาร์นาบัส
  • อัลเทม่าเล่าต่อ การสร้างโลกใหม่ ไม่เพียงต้องมีพลัง แต่ต้องมีรากฐาน (constitution) ที่แข็งแรงพอที่จะแบกรับ การให้ได้มาซึ่งพลังนั้นง่ายมาก วาลิสเธียที่ยังไม่เกิดโซนดำนั้นอุดมไปด้วย aether เราแค่วางเพชรประดับมงกุฎให้ก็จะได้มันมา (เปรียบเปรยถึงการวาง mothercrystal ลงไปบนแผ่นดิน) แต่การให้ได้รากฐานนั้น จำเป็นต้องมีความสร้างสรรค์ เราจึงหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งมนุษยชาติลงไป เราหว่านพวกเจ้าลงไป Mythos เพื่อที่วันหนึ่งจะเบ่งบานขึ้นมา พอเห็นว่าอนาคตเป็นที่แน่นอนแล้ว เราคิดที่จะหลับใหล ทว่านั่นคือความผิดพลาดร้ายแรง ตอนที่เราหลับใหล มนุษย์นั้นได้ก่อบาปที่ร้ายแรงที่สุด มนุษย์ได้ตื่นขึ้นมา โดดเดี่ยวในโลกที่ไม่มีพระเจ้า เขามืดบอด ดิ้นรนแสวงหาการชี้นำ พอไม่พบแสงสว่าง เขาก็หาทางจุดขึ้นมาเอง และจากความผิดพลาดหนึ่งเดียวนั้น ก็ได้กระตุ้นให้จิตของมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นมา พอตื่นรู้ ก็สำรวจตัวเอง และพบความปรารถนาที่ยิ่งกว่านั้น นั่นคือสิ่งที่มีแต่เวทมนต์เท่านั้นจะให้ได้ สงครามจึงเกิดขึ้น มนุษย์ฆ่าพี่น้องกันเอง แย่งชิงทรัพยากรที่ลดลงเรื่อย ๆ แล้วแผ่นดินก็ร่ำไห้เป็นสีดำ
  • โจชัวบอกว่าเขาโทษพวกเราว่ะ 

  • ไคลฟ์บอกว่าอัลเทม่าไม่ได้ตาบอด แต่มันไม่ยอมรับความจริง ว่าเราก็เหมือนกับมัน
  • อัลเทม่าบอกว่าความโลภของมนุษย์ ทำให้วาลิสเธียเข้าสู่หายนะ แต่แกจะช่วยวาลิสเธียได้ นั่นคือหน้าที่ที่แกเกิดมาต้องทำ เราถึงเลี้ยงแก ปั้นแก ดุจดั่งแม่ของแก และตอนนี้ที่แกโตเต็มที่แล้ว ก็ถึงเวลาที่แกต้องรับใช้หน้าที่ของแก
  • ไคลฟ์บอก เพื่อแก้ไขความผิดพลาดของแกเนี่ยนะ? คนผิดก็คือแก พวกเรามีจิตขึ้นมาได้ ก็เพราะแกทอดทิ้งพวกเราไปไง แล้วจะให้เราทิ้งจิตไปเนี่ยนะ? เพื่อจะได้ไปอยู่ในสวรรค์ใหม่ของแก?
  • อัลเทม่าบอกว่าคิดว่าแกมีค่าพอที่จะอยู่เหรอ? มนุษยชาติไม่มีที่ยืนในโลกของพวกเรา มันยากเกินไปที่จะเข้าใจรึ? (แต่บาร์นาบัสมันเข้าใจว่า ถ้ายอมทิ้งจิตให้เป็นภาชนะบริสุทธิ์ ก็จะไปสู่โลกใหม่กับพระเจ้าได้) เราแค่จำเป็นต้องมี Mythos ในยามที่จะโบกมือลาภพนี้ไป จะไม่มีใครตามมาได้ จะไม่มีใครหลงเหลือ….. นี่คือโลกของเรา เมื่อเดินแดนถือกำเนิดใหม่โดยสมบูรณ์ แปลว่ามนุษยชาติได้บรรลุเป้าหมายแล้ว แล้วทำไมต้องปล่อยให้สิ่งที่กวนใจ ทรมานเราต่อไปด้วย?
  • ไคลฟ์บอก ก็เพราะแผ่นดินไม่ใช่ของแก แต่เป็นของเราทุกคน
  • อัลเทม่าบอกว่านั่นคือสิ่งที่แกเข้าใจผิด พวกแกไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย นอกจากจิตอันล้ำค่าของตัวเอง
  • อัลเทม่าบอกเบื่อกับความดื้อด้านแล้ว นายคนนี้ จะไม่ทนคนไม่เชื่อฟัง
  • ไคลฟ์บอกเราต่างเจ็บปวด ต่อสู้กันเพื่อความอยู่รอด โลกนี้มันอาจเป็นความผิดพลาด มันอาจจะชำรุด แต่มันคือทุกสิ่งทุกอย่างของเรา และถ้าเราอยู่ร่วมกันไม่ได้ งั้นก็มีแค่ทางออกเดียว…. คือแกต้องออกไป!!
  • โจชัวบอกแกอาจจะสร้างเราขึ้นมา แต่ถึงเวลาแล้วที่เราจะมีชีวิตของเราเอง นี่ไม่ใช่โลกของแกอีกต่อไป
  • พี่น้องพูดพร้อมกัน “นี่มันโลกของพวกเรา”
  • เริ่มการต่อสู้ อัลเทม่าก็จะบอกให้ยอมเป็นภาชนะให้มัน

  • พอชนะ มันกลับบอกว่ารอชั่วเวลานี้มาหลายยุคสมัย การดิ้นรนทำให้แกแข็งแกร่ง แต่วิญญาณกลับเต็มไปด้วยบาปหนา การอภัยโทษใกล้เข้ามาแล้ว กลับใจเสียแล้วทุกคนจะได้รับการให้อภัย 
  • ไคลฟ์จะโดนสะกดเข้าสู่คุกแห่งจิต เพื่อกล่อมให้ท้อถอยและยอมสละจิตตัวเอง ทว่าโจชัวสามารถส่งเสียงเข้ามาได้


  • อัลเทม่ายังงว่ากระทั่งส่งมาที่นี่ จิตของภาชนะก็ยังไม่ดับลง ฟินิกซ์เองก็ไม่น่าเข้ามาได้แท้ ๆ เว้นแต่มันจะอยู่กับ Mythos มาโดยตลอด เครื่องหมายของฟินิกซ์แผดเผาลงในใจเขา และพลังแห่งจิตได้ทำให้มันสำแดงออกมา พลังแห่งการสร้าง จิตของพวกมันมีศักยภาพขนาดนี้เลยรึ?
  • ไคลฟ์และโจชัว รวมกันเป็น Ifrit Risen และโจมตีอัลเทม่า มันบอกว่านี่ไม่ใช่เพียงวิวัฒนาการแล้ว แต่นี่เป็นกลายพันธุ์เป็น Logos ออกมา

  • mothercrystal ของวาลูดแตกกระจาย โจชัวพยายามปลุกไคลฟ์ขึ้นมา
  • อัลเทม่าบอกว่า สิ่งประดิษฐ์ของเขา หลงไปจากทางที่วางไว้อีกแล้ว ยะโสโอหัง ติดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า รับเอา Logos เอาไว้ แต่เราจะทำให้ความโอหังนี้จบลง ใน hall of Origins พลังที่แท้จริงของเราจะยิ่งปลุกเร้าขึ้น แล้วเจ้าก็จะสมบูรณ์ ในไม่ช้า Mythos ก็จะค้นพบ แกยังแทบไม่รู้จักความทรมานเลย


Twinside

  • อัลเทม่าวาร์ปมาบนยอด ไม่เหลือคริสตัลแล้ว เพลงใหม่ก็จะบรรเลงขึ้น เสียงคอรัสดังขึ้นเป็นลำดับ สู่การเข้าสู่บทสุดท้าย ทำให้ผู้ที่หลับใหลมานาน ตื่นขึ้น กลับสู่จุดกำเนิด
  • Twinside ลอยขึ้นฟ้า กลายเป็นคริสตัลยักษ์


Drake’s Spine

  • พวกจิลเห็น Twinside ลอยขึ้นฟ้าไปทั้งเมืองเลย
  • โจชัวกลับไคลฟ์วาร์ปกลับมา
  • ช่วยกันสู้กับ Akashic แล้วไคลฟ์จะโกนบอกมิด ออกเรือออ ทุกคนกลับเรือ
  • ดิออนบอกเดี๋ยวตามไป แล้วาสู้ต้านไว้ให้ แล้วโดดขึ้นเรือคนสุดท้าย


รังลับ

  • โจชัวกำลังงว่ากลับสู่ออริจินอะไรฟะ
  • ข้อมูลอัลเทม่า เป็นเผ่าพันธุ์โบราณ สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า การที่พวกมันสร้างเวทมนต์ขึ้นมา ทำให้เกิดการแพร่กระจายของโซนดำ ชนส่วนน้อยของเผ่าพันธุ์ที่เหลือรอด ก็หนีมายังดินแดนที่ยังไม่เน่าเสีย ซึ่งก็คือ Valisthea เพื่อจะสร้างโลกใหม่ เพื่อการนั้น พวกเขาจึงสร้าง Mothercrystal เพื่อเก็บเกี่ยว aether มหาศาล และหว่านเมล็ดพันธุ์ของมนุษยชาติ เพื่อที่วันหนึ่งจะผลิตร่างภาชนะที่แข็งแกร่งพอจะรองรับ (aether มหาศาล) ได้แต่การที่วันหนึ่งมนุษย์ได้บังเกิดจิตของตนเองขึ้นมา เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงมาก่อน

  • ไคลฟ์มาเล่าให้ทุกคนฟังว่าเกิดอะไรขึ้น คริสตัลบนฟ้าเป็นฝีมืออัลเทม่า เรียกมันว่าออริจิน
  • วิเวียนบอกเรียกอะไรไม่สำคัญ แต่มันทำบ้านเกิดเธอหายไปจากแผนที่ 
  • ไบรอนบอกการล่มสลายของ Dominion เกิดไวมาก กองทัพของอดัลเมเคียก็คงคุมสถานการณ์ใน Ran’dellah ไม่อยู่ Kanver ก็ลุกเป็นไฟ ส่วนจักรวรรดิ
  • Gav บอกเพื่อน ๆ ร้องหาความช่วยเหลือ เขาส่ง cursebreaker ไปแล้ว แต่ยังไงก็คนไม่พอ
  • Tarja บอกคนทั่วแผ่นดิน ป่วยมากขึ้นทุก ๆ วัน
  • จิลสงสัยว่า mothercrystal นี้มันเหมือนอันอื่น ๆ ที่สูบ aether ไปจากแผ่นดินรึเปล่านะ
  • โยเตบอกเพราะงี้เอง ตั้งแต่มีคริสตัล โซนดำเลยยิ่งแพร่กระจายไวขึ้น
  • โจชัวเสริมว่า aether มันเลยขึ้นมาจากดิน ทำให้คนที่ไม่สามารถรับพลังงานได้เป็นบ้า เกิด Arche บนฟ้า เกิด aetherflood ด้านล่าง ส่วนเราที่อยู่ตรงกลางก็เฉาและสิ้นหวัง
  • ไคลฟ์บอกไม่เป็นไร มันบอกพลังมันจะยิ่งปลุกเร้าที่ halls of Origin เราต้องหยุดมัน เข้าไปที่คริสตัล
  • มิดถามว่าจะไปยังไง มันอยู่บนฟ้า แล้ว Enterprise ก็บินไม่ได้ 
  • Otto บอกทำหัวโล่ง ๆ เดี๋ยวก็พบคำตอบ ออกไปสูดอากาศบ้างไคลฟ์
  • แยกย้ายกันก่อน
  • ฮาร์โปคราเตสบอกว่าโจชัวค้นพบเรื่องอัลเทม่า, Circle of Malius (ศาสนาเก่า) เลอค่าดั่งตัว Moss ผู้ยิ่งใหญ่เลย ถ้าเขาเลือกเอาดีทางด้านนี้ วันหนึ่งจะกลายเป็นนักประวัติศาสตร์
  • คนในยานแซวว่า ถัดจากฟ้าวิปริต คริสตัลโผล่ ต่อไปพระแม่กรีกอร์จะจุติเลยมั้ยย


ข้อมูล แม่บาร์นาบัส

หนึ่งในทายาทของ Children of Dzemeks ที่รอดชีวิตเพียงไม่กี่คน (แปลว่าเป็นลูกหลานของผู้รอดชีวิตที่เดิมเคยอาศัยที่หลุมนั้น?) ซึ่งหนีไปจากวาลิสเธีย ลี้ภัยไปทวีปด้านนอก แล้วกลับมาในหลายยุคต่อมา เธอและกลุ่มของเธอเป็นผู้เคร่งศาสนาของ Circle of Malius ซึ่งเธอนำมาปลูกฝังลูกต่อ คำสอนและความทรงจำนั้นเป็นสิ่งล้ำค่าของบาร์นาบัสมาจนถึงทุกวันนี้ ทว่าความเชื่อนั้นก็นำหายนะมาสู่เธอ เธอถูกฆ่าในการโจมตีของสาวกลัทธิคู่แข่ง

ข้อมูล Moss

ตอนฮาร์โปคราเตสยังเด็ก Moss มาเยี่ยมหมู่บ้านของเขาซึ่งอยู่ในทวีปด้านนอก บางทีอาจเห็นแววว่าที่นักวิชาการตัวน้อย Moss เลยเอาฮาร์โปคราเตสไปดูแล ทว่าเวลาของพวกเขาก็มาถึงจุดสิ้นสุด ในวันที่ทั้งตัว Moss และตำราหายไปหมด ไม่เหลืออะไรนอกจากกระดาษแผ่นนึงที่เขียนว่า “แสวงหาความรู้” ฮาร์โปคราเตสในวัยเยาว์ จึงจำคำนี้ขึ้นใจ

ข้อมูล Dzemekys Fall

หลุมกลมในหาดดัลเมเคีย ที่ซึ่ง mothercrystal Dzemekys เคยตั้งอยู่ ในยุคของ The Fallen มนุษย์หวังเคลมพลังของเทพเจ้า เลยไปล้อมคริสตัล พยายามหาทางเข้าไปในหัวใจที่อุดมด้วย aether แต่แทนที่เทพเจ้าจะป้องกันการโจมตี เขา (เทพเจ้า) กลับตอบโต้ด้วยการทำลาย Mothercrystal และหัวใจของมัน หลุมยักษ์ได้เกิดขึ้นเป็นสิ่งเตือนใจถึงความโอหังของมนุษย์

ข้อมูล The Continent

ดินแดนขนาดใหญ่ไกลจากชายฝั่งวาลิสเธีย นอกจากพ่อค้าใจกล้าแล้ว มีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่กล้าไป-กลับ ด้วยเหตุนี้ ผู้คนและประเพณีของดินแดนดังกล่าวเลยเป็นปริศนา ตำนานเล่าขานว่า The Fallen ที่เหลือรอด ได้หนีไปจาก The Twins ในตอนที่อารยธรรมล่มสลาย แต่กระทั่งชาวหนอนหนังสือ ก็ยากจะอธิบายว่าพวกเขาเป็นไงบ้างในช่วงเวลาสหัสวรรษที่ผ่านมา

ข้อมูล Drake’s Horn

เป็น Mothercrystal ทางตอนใต้ของทวีปธุลี ดินแดนที่ตอนนี้เป็นโซนดำไปแล้ว การล่มสลายของ Drake’s horn ทำให้เหลือ Drake’s spine เพียงก้อนเดียวในทวีปนั้น และนำไปสู่การแย่งชิง aether นับทศวรรษ หลังจากเสียเลือดเนื้อกันมามาก ก็เป็นชาติ Veldermarke ที่สามารถปราบปรามชนเผ่ามากมายที่สู้รบกันในทวีปธุลี แล้วก่อตั้งอาณาจักรรอบดินแดนที่ทุกวันนี้คือ Stonhyrr (ซึ่งบาร์นาบัสมาจากทวีปด้านนอก แล้วก็มาตั้งอาณาจักรบนซากเมืองเดิมของ Veldermarke อยู่ดี)

ข้อมูล The War of the Magi

หนึ่งในความขัดแย้งมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงใกล้หมดยุคของ The Fallen ที่ซึ่งมนุษย์ใช้กองทัพเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยเวทมนต์ทรงพลัง (ก็มาโดวอาเมอร์นั่นแหละ) ต่อสู้เพื่อแย่ง Mothercrystal แต่กลับเป็นการเร่งให้สูบ aether ไปจากแผ่นดิน ทำให้เกิดโซนดำ กว่าจะหยุดสู้กันและกลับมาสันติสุข แผลที่เกิดกับทั้งมนุษย์ชาติและแผ่นดิน ก็ลึกเกินจะเยียวยา อารยธรรมเริ่มล่าถอย ค่อย ๆ เข้าสู่ความมืดมิดอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ เวลาผ่านไป ความรู้นับพันปีที่ใช้สร้าง Magitek ขึ้นมาก็หายไป และสูญหายไปจากประวัติศาสตร์

ข้อมูล Circle of Malius

ศาสนาโบราณ ความเชื่อของพวกเขามีต้นกำเนิดจากภาพจิตกรรมที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้คนที่อาศัยใกล้ Mothercrystal Dzemekys ณ จุดหนึ่งเคยเป็นที่ศรัทธาทั่ววาลิสเธีย แต่ด้วยเวลาผ่านไป ความจำที่เลือนหายของพิธีกรรมโบราณ มันก็ค่อย ๆ ล้มตายไป

ข้อมูล Echoes

ปกติพบใกล้โบราณสถาน เคยเห็นแต่ปกป้องโบราณสถาน แต่หลัง Primogenesis มันก็ออกมาจากโบราณสถาน แล้วไปทั่ววาลิสเธีย แม้เป็นที่สันนิษฐานว่ามันเป็นฝีมือของอารยธรรม the Fallen แต่ที่จริงแล้วมันเป็นทาสรับใข้ของอัลเทม่า สร้างโดยอัลเทม่าในอดีตกาล พออัลเทม่าตื่นขึ้น มันเลยถูกชี้นำโดยจิตของเขา

ข้อมูลบาร์นาบัส

เชื้อสายของชนเผ่าที่มาจากทวีปทางใต้ (แม่มันเดิมก็อยู่ในวาลิสเธีย แต่ลี้ภัยออกไป) เดินทางข้ามทะเลมายังวาลิสเธีย เคร่งในศาสนาโบราณ Circle of Malius แล้วได้รับมอบหมายจากพระเจ้าของเขา อัลเทม่า ช่วยทำภาชนะให้สมบูรณ์ เลยเอา Mythos ไปทดสอบ แล้วตัดสินว่าควรค่า และมอบพลังให้กับไคลฟ์ก่อนสิ้นใจ

ข้อมูล New World

สวรรค์ที่อัลเทม่าจะสร้าง ปราศจากโซนดำที่เคยเกือบทำให้เผ่าพันธุ์เขาสูญพันธุ์ แม้บาร์นาบัสจะเชื่อว่าเขาและผู้ศรัทธา (จิตบริสุทธิ์) จะได้อนุญาตให้เข้าสู่ดินแดนของเทพ แต่เขาเข้าใจผิด มีเพียงอัลเทม่าและญาติเท่านั้นที่จะได้อยู่ในสวรรค์ใหม่ สวรรค์ที่ไม่มีทั้งโซนดำและมนุษย์

ข้อมูล Valisthea

อัลเทม่าเป็นคนวาง Mothercrystal ไว้ทั่วทุกมุมภพ ด้วยหวังจะเก็บเกี่ยว aether ที่เขาต้องการ

ข้อมูล Ifrit Risen

ร่างกายคล้ายอัลเทม่า ตามที่เห็นในภาพจิตรกรรมโบราณของ Circle of Malius นี่คือร่างสุดท้าย ร่างแท้จริงของภาชนะที่อัลเทม่าต้องการเพื่อสร้างโลกใหม่หรือ?

ข้อมูล Logos

ขณะที่อัลเทม่า ใช้คำว่า Mythos เรียกภาชนะที่เขารอคอยมานาน ที่เขาจะถ่ายวิญญาณลงไป และร่ายเวทย์สุดยอด ทว่า Logos ใช้เรียกร่างที่หมิ่นพระเจ้า ภาชนะที่มีจิตของคนอื่นอยู่แล้ว ทำให้มันเป็นพระเจ้าจอมปลอม (false god)

ข้อมูล Infernal Eikon

ร่างที่อัลเทม่าทิ้งไป ทำให้นึกถึง Ifrit ดูมันไม่สมบูรณ์ ขาดปีกที่เกิดตอนที่ไคลฟ์และโจชัวรวมพลังอิฟรีตและฟินิกซ์กัน

ข้อมูล Mothercrystal

อัลเทม่าวางไว้เพื่อสะสม aether จนมากพอที่จะร่ายเวทย์สุดยอด สำหรับการสร้างโลกใหม่

ข้อมูล The Founder

ไม่กี่ปีหลังจากเกิดเหตุ Sin of Dzemekys ผู้รอดชีวิตจากการถล่มลงมา ไม่อยากทำให้สวรรค์โกรธ เลยร่อนเร่ไปทั่วแดน ไม่ใช้เวทมนต์ แล้วหลบซ่อนในเงามืด อยู่แบบนั้นหลายทศวรรษ แต่ชายคนหนึ่งเบื่อหน่ายชีวิตแบบนั้น เลยบอกลาเพื่อน แล้วไปปีนเนิน รวบรวมเศษหินอิฐ มาสร้างที่กำบังชั่วคราวค้างคืน เช้าวันต่อมา ไปเอาหินมาเพิ่ม ต่อโครงสร้าง จนกลายเป็นเพิง แล้วพยายามต่อหลายวัน หลายสัปดาห์ จนกลายเป็นบ้าน ตอนแรกคนผ่านไปมาก็รังเกียจ มองว่าเขาโอหัง แต่พอที่ดินเขาโตขึ้น จากอาคารเดียวกลายเป็น 2 3 …คนผ่านไปมาก็ต้องชะงัก แล้วก็มีคนเข้าร่วมเขาที่เนินนั้น ช่วยกันสร้างชีวิตใหม่ ชะตากรรมใหม่ พวกเขาไม่ใช้เวทมนต์ เครื่องจักร ไม่มีพรวิเศษ ใช้แต่มือ หลัง และความมุ่งมั่น ของกันและกัน แล้วบ้านก็กลายเป็นหมู่บ้าน หมู่บ้านกลายเป็นเมือง เมืองกลายเป็นประเทศ คนเราต่างต้องตายในสักวัน แต่คนที่เหลือจะสืบสานมรดกและต่อยอดต่อไป แม้ชื่อของเขาจะถูกลืมไปแล้ว แต่จิตวิญญาณของเขายังคงอยู่ในหัวใจของชาวโรซาเรียทุกคน


  • โจชัวบอกต่อให้อัลเทม่าล้มเหลว โลกที่รอเราอยู่จะเป็นยังไง แห้งเหี่ยว ไร้เทพ อิสรภาพที่เราได้มาใหม่ก็เป็นโซ่ตรวนเราเอง
  • ไคลฟ์บอก โซ่มันตัดได้เสมอ ขอแค่มีใจจะทำ มันอาจไม่ง่าย อาจใช้เวลาหลายยุคสมัย หลายศตวรรษแห่งความทุกข์ทรมาน ที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วม แต่มันจะเกิดขึ้น และเมื่อมันสำเร็จ มันก็คือโลกของเรา ที่รอเราอยู่
  • โคลฟ์บอก ก่อนอื่นต้องไปคริสตัลนั่นก่อน
  • โจชัวบอกเขามีปีก
  • ไคลฟ์บอก แกแทบยืนไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่าอะไรรออยู่บนฟ้า 
  • โจชัวบอกเขาคือฟินิกซ์ อย่าลืมสิ เราจะทำด้วยกัน
  • ไคลฟ์บอก เออยอม แต่ทำเท่าที่จำเป็นเท่านั้นนะ ยังไงเขาก็เป็น Shield สาบานของโจชัว
  • ดิออนเดินมาบอก กูก็มีปีก อย่าลืมว่าจะไปสู้กับพระเจ้า จะปล่อยให้ล้าก่อนการต่อสู้เริ่มได้ไง แล้วโจชัวบอกว่าร่างทรงที่เสียพลังให้นายไปแล้ว ยังสามารถแปลงร่างได้ถูกมั้ย? 
  • ไคลฟ์บอกใช่ แต่ Eikon เหล่านั้นจะไม่ยอมถูกสะกดอยู่ใต้จิตของร่างทรงแล้ว
  • ดิออนบอกว่างั้นเขาต้องเก่งขึ้น เพื่อจะช่วยให้ทั้งสองคนเก็บแรงไว้สู้ได้ 
  • โจชัวบอกไม่ต้อง ไคลฟ์บอกเดี๋ยวก็สูญเสียทุกอย่างที่เหลือหรอก
  • ดิออนบอก ชีวิตเขาจบที่ Dominion ไปแล้ว ไม่เหลือความกลัวแล้ว นอกจากนี้ เขาอยากไปคุยกับอัลเทม่า มันมีเรื่องต้องตอบเขา
  • โจชัวบอกเขาเป็นหนี้ดิออนแล้ว ดิออนบอกไว้จบแล้วค่อยคุยเรื่องหนี้กัน
  • ไคลฟ์แอบพูดกับโจชัวว่า ดิออนพูดเหมือนคนที่รู้ว่าจะไม่ได้กลับมาแล้ว โจชัวบอกแต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเอาตามนั้นด้วย ใช่มั้ยไคลฟ์
  • จิลมาภาวนาต่อดวงดาว ต่อ Metia
  • ไคลฟ์เชื่อว่าจิลเข้าใจเขา และถอยไม่ได้แล้ว มันจะจบไม่ว่าจะยังไง แต่เขาสัญญาแล้วว่าจะกลับมาชมจันทร์ด้วยกัน
  • จิลบอกเธอจะรอคอย
  • จิลให้ผ้าเช็ดหน้าสี velvet มา เธอเย็บให้ แล้วบอกว่าตอนเด็ก ๆ แม่บอกว่าสาว ๆ ที่ศาลจะถอดริบบิ้นคาดผม ให้อัศวินก่อนจะออกรบ เธอยังคาดอยู่ เลยทำนี่ให้ไคลฟ์แทน สีแดงเป็นสีของแพสชั่น ไฟในหัวใจ ร้อนแรงและสว่างไสว เชื่อมโยงเธอกับน้อง เธอกับเพื่อน เธอกับฉัน และขอให้เธอกลับมาหาฉัน ฉันจะรออยู่ที่ตรงนี้  I’ll always be here
  • เธอบอกยังเตรียมใจไม่พร้อมเลย
  • ไคลฟ์บอก งั้นก็ร้องไห้ ตะโกน กรีดร้อง หัวเราะออกมา ไม่ว่าจะรู้สึกยังไง ความรู้สึกทำให้เราเป็นเรา เป็นสิ่งที่ดีกว่าอัลเทม่า
  • จิลขอบุคณ แต่เธอสาบานไว้นานแล้วว่า มีแต่ดวงดาวเท่านั้นที่จะเห็นเธอร้องไห้ ตอนนี้ขอเก็บน้ำตาไว้ จนกว่าเมฆหมอกจะพ้นผ่าน สวรรค์กลับมา
  • วิเวียนขอให้กลับมาอย่างปลอดภัย เธอจะได้เล่าขานประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของโลกนี้ จากพยานฮีโร่ที่ต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงมัน


[เควสต์ ทอร์กัลผิดปกติอีกแล้ว]

  • ไคลฟ์สงสัยว่ากำไลข้อเท้าทอร์กัลมาจากไหน 
  • คารอนบอกว่าซิดใส่ให้ ตอนวันที่พามันกลับมา ซิดเห็นว่ามันชอบแทะขาตัวเอง (gnaw) เลยเอาเหล็กสวม มันจะได้ไม่ทำ แล้วมันก็คงปวดใจที่สูญเสียนายไปตั้งแต่ตอนมันยังเด็ก แถมยังเป็นหมาป่าน้ำแข็งที่แยกจาก Eikon (จิล) ซิดมักบอกมันว่า “ถ้าอยากให้เอาเหล็กออก ก็หาสิ่งที่ต้องการให้พบ” คารอนคิดว่าสิ่งที่มันตามหาก็คือไคลฟ์ ไคลฟก์ขอโทษและจะถอดเหล็กออกให้
  • แต่ทอร์กัลทำเสียงขู่ฟ่อ มันก็คิดถึงซิดเหมือนกัน 
  • ทอร์กัลขอให้พาที่จอดเรือนอก Port Isolde
  • ไคลฟ์บอกว่ามันเล็กกว่าที่จำได้เยอะเลย


  • ไปเจอบ้านไม้ที่เป็นรังลับเก่าของไคลฟ์กับทอร์กัล การมาแอบที่นี่ทำให้ลืมภาระต่าง ๆ ความเป็นเจ้าชาย โล่ ลูกที่แม่ควรจะรักไปได้ แล้วก็เจอดาบกับเกราะของโรซาเรียที่ไคลฟ์เคยใช้ ดาบฝึกซ้อมก็เจอ ทอร์กัลตามหาไคลฟ์มาตลอด แล้วพอเจอเบาะแสก็เอามาเก็บไว้
  • ไคลฟ์ขอบคุณที่ไม่เคยยอมแพ้ ไม่เคยลืมเขา
  • มาเนินเขาดูโรซาเรียด้วยกัน
  • ไคลฟ์บอกคนเรามักพูดถึงการทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง แต่หากไม่มีอดีต เราก็ไม่มีวันนี้ และไม่อาจไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นได้


[เควสต์ ปิดฉาก L’ubor]

  • L’ubor จะไปจาก Dalimil แล้ว เขาไม่อยากทิ้งเด็กสองคนไว้ ไม่งั้นชาวเมืองก็เกลียดเด็กที่เป็นพวกเขาอีก เลยอยากให้พาเด็กไปรังลับ
  • Lord Ferda แจ้งว่าเกิด Flood ที่ Velkroy ทำให้ฝูงโจรกลายเป็น Akashic
  • L’ubor คิดว่าต้องอพยพคนด่วน
  • ให้ไคลฟ์บอก Konrad และ Natalie ให้อพยพคน แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ นึกว่า L’ubor โกหก ถ้าหมอนั่นไม่โดนเปิดโปง ก็กลายเป็นผู้นำพวกเขาไปแล้ว 
  • ชาวบ้านคิดว่า L’ubor โกหกเพื่อยึดเมืองนี้ไว้เอง แล้วเอาหินปาใส่
  • แต่เด็กสองคนเข้าไปขวาง แล้วโดนปาหินใส่ไปด้วย
  • เด็กถามว่า L’ubor เขาไปทำอะไรให้ เขามีแต่ช่วยแก้ปัญหาโง่ ๆ ของพวกคุณให้ ก็เห็นอยู่ว่าเขาทำเพื่อเมืองนี้ ไอ้มีดที่ Konrad ใช้ก็ฝีมือเขา คนซ่อมโต๊ะของ Natalie ก็คือเขา คนทำให้ถนนสะอาดเพื่อที่บู๊ททุกคนจะได้ไม่สกปรกก็เขา พวกคุณไม่เคยขอบคุณเลยด้วยซ้ำ แต่เขาไม่เคยบ่น เขาไม่เคยหยุดยิ้ม
  • Konrad กับ Natalie บอกจะไม่หนี จะสู้กับ Akashic
  • L’ubor สั่งการแบ่งหน้าที่คน และขอให้ไคลฟ์ไปที ่Ceratina จุดต้นตอ Flood
  • คนไปรวมตัวที่โรงอาบน้ำ
  • พอไคลฟ์กลับมา ทุกคนกำจัด Akashic ที่บุกเมืองได้แล้ว
  • Konrad กับ Natalie ก็ขอโทษ L’ubor และอยากให้อยู่เมืองนี้ต่อไป
  • L’ubor ขอ 2 อย่างคือ อย่างแรกให้ทหารยามและพ่อค้ายอมรับการเป็นผู้นำของเขา จะได้ไม่ฉิบหาย จะได้รวมพลังเป็นหนึ่งได้เหมือนวันนี้ อย่างที่สอง การทารุณแบร์เรอร์ต้องไม่เกิดขึ้นใน Dalimil นี้อีก แบร์เรอร์ทุกคนในเมืองมีสิทธิเท่าประชาชนคนนึง จะไม่ถูกตัดสินใจเป็นอะไร แต่ดูว่าเขาเป็นใคร
  • L’ubor มาบอกไคลฟ์ว่าไม่นานนี้ยังเก็บของจะไปจากหมู่บ้านอยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นผู้ใหญ่บ้านไปแล้ว


[เควสต์ Cyril]

  • มีคนไปสำรวจเรื่องลัทธิที่ปรากฏขึ้นในทวีปธุลี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มันอาจเกี่ยวข้องกับ Circle of Malice ถ้าเข้าใจความเชื่อของพวกเขา ก็อาจเข้าใจความเชื่อเดิมของ Circle มากขึ้น
  • Cyril ส่ง Third Chair ที่เก่งศิลปะการต่อสู้และการเอาตัวรอดไป แต่ดันขาดการติดต่อ
  • นกฮูกตัวสุดท้ายที่ส่งมา บอกว่ามาจาก Mikkelburg
  • ไปถึง คนที่นี่ปกติดี ไม่กลายเป็น Akashic
  • ผู้เฒ่าบอกคนพวกนี้มาฟังเสียง เพื่อสละวิญญาณให้น้ำบริสุทธิ์ และมอบให้กับอัลเทม่า
  • ชาวบ้านภาวนาให้ได้เกิดใหม่ในอ้อมแขนของพระองค์ ปลดปล่อยเราจากภพมนุษย์

  • ไคลฟ์ถามถึงนักเดินทาง ผู้เฒ่าบอกอยู่บ้านเขาด้านหลัง
  • ในบ้านมีพงศาวดารของ Myrkavr เป็นรวมเรื่องเล่าของ Lord Njournhard แห่ง Veldermarke มีทั้งเรื่องชนเผ่าที่ร่ายเวทย์ต้องห้าม Executors ที่สังหารคนนอกรีตเหล่านี้ กฎเริ่มต้นมาจาก Crystal Dominion คนออกกฎนั้นตั้งใจปกป้องมนุษยชาติ และทำให้เลิกใช้เวทย์ต้องห้าม ในทุกที่ ๆ มีการลือว่ามีการใช้เวทย์นั้นขึ้นมา เมื่อทำสำเร็จ พวกเขาก็หายไปจากประวัติศาสตร์
  • เจอ Third Chair ขอโทษที่ขาดการติดต่อ เขาบอกว่ายิ่งเรียนรู้ลัทธิใหม่ เขายิ่งสั่นคลอน พวกเขาอุทิศตัวให้อัลเทม่าแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ภาวนาให้ตัวเองปลดเปลื้องจากจิตอกุศล แล้วเกิดใหม่ใต้แสงของพระอง์ และรับใช้ต่อไป
  • ตัวเขาเองอยากเห็นคนพวกนี้ปลอดภัย และฝันเป็นจริง ฝันนั้นคือการทิ้งจิตของตัวเอง กลายเป็น Akashic และพวกเขาเชื่อว่ามันคือทางรอดชีวิต
  • เกิด aetherflood ไคลฟ์ออกไปดู เจอพวก echoes และ Titus ออกมาไล่ฆ่าชาวบ้าน
  • Third Chair มาปกป้องชาวบ้านจนตัวตาย เขาก็อยากให้พวกลัทธิได้ fulfill ในแบบของตัวเอง แบบที่เขาเข้ากองทัพอมตะแล้วก็มีหน้าที่มาให้ fulfill โดยก่อนตายจะมอบสิ่งที่เขาค้นพบ ฝากให้ Cyril
  • ชาวบ้านก็กลายเป็น akashic กันหมด และเชื่อว่าตัวเองรอดแล้ว (แน่นอนว่ามันคือคำลวง แบบที่บาร์นาบัสเข้าใจผิด อัลเทม่าไม่ยอมให้มนุษย์ไปอยู่ด้วย)
  • ไคลฟ์เล่าเรื่องให้ Cyril ฟัง แล้ว Cyril บอกว่าสิทธิในการเลือกว่าจะตายอย่างไร มันก็ต้องเคารพ เท่ากับสิทธิในการเลือกว่าจะมีชีวิตอย่างไร
  • ไคลฟ์บอกซิดคงเห็นด้วย
  • Cyril ก็คิดว่ามันไม่สำคัญว่าคนอื่นจะมองแล้วตัดสินเราอย่างไร สำคัญแค่การตัดสินใจของเราเอง ก็เหมือนพวกเราที่ใช้ชีวิตเพื่อความเชื่อของเรา 
  • ไคลฟ์บอกแต่ Third Chair ไม่ได้ตายเพื่อความเชื่อของกองทัพอมตะเองนะ แต่ไปตายเพื่อช่วยคนอื่น
  • Cyril บอกเรากองทัพอมตะไม่ใช่ทาส แต่เป็นข้ารับใช้ที่เต็มใจเอง แล้วนั่นคือเจตจำนงค์ของ Third Chair เอง
  • ไคลฟ์จะขอทราบชื่อจริงของ Third Chair ในฐานะคนที่ตายเพื่อตระกูลของเขา Cyril บอกขอไปค้น Book of Martyrs แป๊ป


[เควสต์ ไปทดสอบ Scout]

  • Ember อยากเป็น scout
  • เขาเป็นแบร์เรอร์ที่ Gav เคยไปช่วยมา และแสดงให้เห็นว่าคนธรรมดา แค่มีเซนส์ ทำอะไรได้บ้าง
  • การทดสอบคือ ไปเอา logbook สิ่งที่ทหารซันเบรกเห็นมา
  • ไคลฟ์บอกว่าความเก่งของ Gav ไม่ใช่ว่าทำได้ทุกอย่าง แต่รู้ขีดจำกัดของตัวเอง (ว่าต้องเผ่นแล้ว)
  • ไคลฟ์ตามไป ช่วยกำจัดศัตรูแทน Ember ที่ยืนขาตายกลัวอยู่ แล้วบอกให้ Ember หนีไป
  • ปรากฏว่ามันไปขโมย logbook ออกมาได้แล้วแต่ไคลฟ์กำจัดศัตรู


[เควสต์ไบรอน]

  • ร่วมมือกับยูจีน อดีตจอมพลดัลเมเคีย และ Quinten ทำให้ภพนี้เสถียร ทำให้ผู้มีอำนาจ ทั้งนายพล รัฐบุรุษ ขุนนาง มาเซ็นข้อตกลงไตรภาคีกัน
  • ออกเรือไปเซ็นกันที่ Port Isolde
  • ไบรอนบอกโลกต้องการ Sir Crandell (พระเอกในเรื่องวรรณกรรมที่เบียวกัน) และไม่มีใครเป็นได้ดีไปกว่าไคลฟ์ อยากให้เก็บสนธิสัญญานี้ไว้ เป็นหลักฐานถึงความศรัทธาในตัวไคลฟ์
  • เป็นสนธิสัญญาลงนามโดยผู้แทนโรซาเรีย ดัลเมเคีย ซันเบรก เป็นจุดเริ่มต้นยุคใหม่
  • ในข้อตกลงนั้น ไบรอนจะดูแลเรื่องเสบียง ยูจีนดูแลเรื่องกำลังพล Quinten ดูแลเรื่องการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น