บันทึกการเล่น FFXVI วันที่ 9
รังลับ
- โจชัวหวังว่าดิออน จะได้คำตอบให้ตัวเอง และเขาจะตามไปวาลูดกับไคลฟ์ด้วย
- Tarja บอกเอายาไปด้วย
- จิลบอกว่าต้องเดาไว้ก่อนว่า ทั้งทวีปมันไม่เป็นมิตร เราถูกพบเมื่อไหร่ก็จะถูกโถมทันที
- ไคลฟ์บอกต้องไปถามวิเวียนว่าเข้าทางไหนดี
- โจชัวบอกจะไปคุยกับฮาร์โปคาเตส ถามเรื่องอัลเทม่า จิลจะไปคุยกับคารอนเรื่องเสบียง
- Tarja เตือนเรื่องร่างกายของโจชัว ว่าใช้งานเกินตัวอีกไม่ได้แล้วนะ
- Tarja บอกว่า 5 ปีมานี้ ไคลฟ์ได้เห็นโลกมากกว่าที่เห็นมาทั้งชีวิต แต่กลับไม่ได้สนุกกับมันเลย
- ม็อคบอกเคยตกไปที่ก้นอ่าง Dzemekys จากด้านนอกคงงว่าน้ำมันตกไปไหน ทำไมตกเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม อะไรอยู่หลังน้ำตก ม็อคก็ลงไปหาคำตอบ แล้วได้คำตอบว่า ม็อคว่ายน้ำไม่ได้
- เควสต์ไปหา Spherical Echoes มาพัฒนาเตาหลอมยาน มันกันไฟขั้นสุดยอด ถ้าใส่ hood เข้าไป ก็จะยิ่งสะท้อนความร้อนไปมาได้
Martha’s Rest
- เควสต์ Dorys ไป Martha’s Rest ช่วยพวก Beares ถูกลับลอบข้ามแดน โดย Dorys ไปด้วยตัวคนเดียว
- ไปเจอแม่ค้าทาสที่เป็นโจทก์ของเรื่องนี้ เป็นนายเก่าของ Dorys ซึ่งคนทั่วไปจะเก่งบู๊ไม่ก็บุ๋น แต่ Dorys ได้ทั้งคู่ แล้ว Dorys ก็เสียใจกับสิ่งที่เคยทำไม่ดีในอดีต เธอไม่อยากเป็นนักฆ่าให้อีกแล้ว
- แล้วเราก็ปล่อยแม่ค้าทาสไป Dorys บอกว่าเค้าไม่มีเส้นกับพวกชั้นสูงแล้ว ไม่เป็นไรหรอก
- ได้ยินว่าแม่ค้าทาสโดนจับที่ซันเบรกไปแล้ว แม้ซันเบรกไม่ได้ชอบแบร์เรอร์ แต่ก็ไม่ได้จะยอมให้มีตลาดมืดได้
Dravozd
- เควสต์ หมู่บ้าน Dravozd โดน Akashic บุก August บอกว่าไม่ต้องบอก Blackthorne เพราะเดี๋ยวมันทำเรื่องบ้า ๆ แล้วรอเจอไคลฟ์ที่หมู่บ้านเลย
- Blackthorne จะตามมาด้วย Zoltan ก็ตะลึงว่าพวกนอกรีตฉาวโฉ่ที่สุดในปฐพีมาช่วย
- Blackthorne บอกว่านายของพวกเขาชื่อ Vulcan ทิ้งภาระในการเป็นผู้นำหมู่บ้านให้พวกเรา แต่เขารู้ว่าถ้าทำตามอุมคติของเขา หมู่บ้านก็อยู่ไม่รอด เขาเห็นแก่ตัว แต่ก็ทำสิ่งที่ต้องทำ
- Zoltan ก็ถ้าว่ายังไงเอ็งก็ต้องทำ ไม่ใช่ทิ้งหมู่บ้านไป
- Blackthorne ก็บอกว่าให้เขาทำ ก็อดตายทั้งหมู่บ้านพอดี
- ทุกคนบอกเลิกเถียงกันก่อนน แล้วไคลฟ์ไปช่วยไล่ Akashic ไม่ให้เข้าหมู่บ้านได้
- ไคลฟ์กลับมาบอกคงช่วยดีเลย์ไปได้ แต่ยังไงเขาก็แก้ภาวะ aetherflood ที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ มันก็เหมือนนับถอยหลังไม่กี่วันก่อนหมู่บ้านจะโดน aetherflood แล้ว
- แต่ Zoltan ก็บอกว่าที่นี่เป็นบ้านเขา พวกเขาไม่ไปไหน
- Zoltan ก็มาขอบคุณ ที่ Blackthorne โผล่มาในเวลาที่หมู่บ้านต้องการ 2 ครั้งแล้ว เขาอิจฉาที่ Blackthorne สร้างสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาได้ง่ายดาย การที่นายออกไปจากหมู่บ้าน ทำให้เขามีข้ออ้างอันสมบูรณ์แบบที่จะเกลียด หลังจากนั้นเขาคิดมาตลอดทุกวันว่าถ้านายอยู่หมู่บ้านนี้จะเป็นไงนะ แต่ก็อย่างที่นายพูดก่อนหน้านี้ถูกแล้ว หมู่บ้านนี้จะอดตายแน่นอน
- Blackthorne บอกว่าก็เห็นด้วยแล้วนี่ ในที่สุดนายก็เข้าใจ นายทำให้หมู่บ้านนี้อยู่รอดมาได้
- Zoltan บอกว่าพวกเขามั่งคั่ง เคยเป็นความภาคภูมิใจของดัลเมเคีย แต่ตอนนี้มีแต่ทำของขยะออกมา เพราะมันง่ายและกำไรงาม เขาไม่มีทางส่งลูกไปทำสงครามด้วยของแบบนี้แน่ เขาเลยอยากให้ Blackthorne กลับมา ทำให้ Dravozd เห็นว่า Blacksmith ที่แท้จริงเป็นยังไง
- Blackthorne บอกไปไม่ได้ มีคนฝากชีวิตไว้แล้ว แต่ก็มาเยี่ยมได้นะ
- Zoltan บอกว่ามึงก็กลายเป็นพวกนอกรีตไปแล้ว ไม่คิดเลยจะมาถึงวันนี้
- Zoltan จะให้วิธีตีดาบสุดยอด แต่ Blackthorne ทำคนเดียวไม่ได้ เลยให้ Zoltan มาที่รังลับด้วย แล้วขอให้เก็บความลับของรังลับไว้
- Zoltan กับ Blackthorne ช่วยกันตี Ragnarok ขึ้นมาให้
- แต่ก็ยังให้ material list สำหรับสร้างดาบที่ดีกว่า Ragnarok ขึ้นมาด้วย (Gotterdammerung)
- แล้วมันก็ไปดื่มด้วยกัน ไม่ใช่ดื่มให้ลืมอดีตแล้ว แต่เป็นดื่มฉลอง
Northreach
- เควสต์ Dame Isabelle จะโดน High Cardinal สั่งปิด The Veil (ซ่อง) เพราะจะย้ายมาอยู่แถว Northreach คนนี้เป็นรองแค่จักรพรรดิ เป็นผู้นำพฤษสภา (Council of Elders) แต่มันไม่มีสภาพวกนั้นแล้ว เขาเลยมีชื่อใหม่เป็น Duke of Oriflamme แล้วเขาต้องการเปลี่ยนที่นี่เป็นฐานทัพทางการทหาร เพื่อสร้าง New Sanbraque ดุ๊กให้นโยบายว่าทำแบบนี้แล้วกองทัพจะแข็งแกร่ง บ้านเมืองจะปลอดภัย
- Isabelle ก็พยายามหาทางล้มแผนแล้ว แต่เขาไม่ฟัง ส่วน Philippe ที่รักเธอและเป็นทหาร ก็คงใช้อิทธิพลช่วยไม่ได้
- ไคลฟ์อาสาจะไปคุยกับดุ๊กให้ เขาคิดว่าอาจจะเคยเจอคนนี้มาก่อนที่ Remembrace Ceremony
- Isabelle ให้เด็ก ๆ บริกรสาวเอาอาหารมาแจกคนอดอยาก
- ไคลฟ์ถามทำไมถึงมาเอาที่นี่เป็นฐานทัพล่ะ? ดุ๊กตอบเพราะเมืองนี้รอดปลอดภัยจากปัญหาช่วงหลัง มีการป้องกันที่ดี มีความพร้อมอยู่แล้ว ยิ่งกว่า Oriflamme และ Twinside เราจะมีฐานที่ต่อต้านพวก Thrall ได้
- แต่ไคลฟ์บอกว่าประมาทไป ถ้าพวก Thrall บุกมา เราก็ต้องให้ชาวเมืองช่วยกันป้องกันถึงเอาอยู่ แต่ถ้าเขาถูกกีดกันออกไปแล้ว…
- ดุ๊กบอกว่าการจะสร้างซันเบรกขึ้นมาใหม่ต้องมีรัฐบาลที่ดี มีผู้นำที่มีสิทธิขาด เหนือการโต้แย้ง มีการเก็บภาษา เพื่อจ่ายและเลี้ยงให้ทหาร แต่ไหงกลับมีทหารเที่ยวพูดว่าเขาแย่งชิงจากประชาชนและขับไล่ไปจากบ้านเกิด
- ไคลฟ์บอก คงเพราะพวกเขาไม่อยากสูญเสีย สิ่งที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดแล้วเท่านั้น
- มีผู้หญิงชื่อซาบีน (Sabine) เป็นลูกสาวของดุ๊ก มาด่าว่าชาวบ้านลำบากแทบไม่เหลืออะไรแล้ว ยังจะหว่านเมล็ดสร้างจักรวรรดิใหม่ลงดินเค็มอีก บอกหลายครั้งแล้วว่า การเอาจักรวรรดิมาก่อนประชาชน มันจะนำไปสู่การปฏิวัติ
- ดุ๊กบอกไม่มีจักรวรรดิ ก็ไม่มีประชาชน
- ซาบีนบอกจักรวรรดิแบบนั้น ก็จะเหลือแต่ขอทาน พระแม่กรีกอร์ ไม่ได้ประสงค์แบบนั้น
- ดุ๊กบอกอย่าโหนเจ้าาาาา
- ไคลฟ์บอกเดี๋ยวเขามาใหม่ทีหลัง แล้วก็มาคิดว่าการปฏิวัติเหรอ? คนอื่น ๆ จะคิดไงนะ
- ระหว่างนั้นได้ยินเสียงดุ๊กจะโกนว่าเธออย่าทำให้ชั้นขายหน้าาา
- ไคลฟ์ไปลองซาวเสียงชาวบ้าน ก็พบว่าทุกคนไม่อยากโดนไล่ที่ทั้งนั้น
- ลองไปถามทหาร ทหารก็เห็นด้วยนะ เพราะว่ามันจะทำให้ปกป้องครอบครัวของเขาได้
- ทหารคนที่สองบอกว่า การสร้างจักรวรรดิมันก็แบบนี้แหละ ทั้งหมดจะตอบแทนคืนประชาชนทีหลังเอง
- ไปถาม Philippe เขาก็สองจิตสองใจ แต่ก็คิดว่าต้องปกป้องผู้คนที่รัก ไม่ว่ายังไงก็ตาม
- Isabelle คิดว่าไม่รอดแหง แต่ก็หวังว่าจะได้ค่าชดเชย คุ้มกับที่ชาวบ้านโดนเวนคืนไป
- ไคลฟ์บอกดุ๊กอยากให้ฟังคำสั่ง มากกว่าที่เขาจะรับฟังความเห็น แล้วความคิดของผู้คนในเมือง ของทหาร มันก็ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อนาคตของพวกเขาอยู่กับ Isabell แล้วล่ะ
- Isabelle ขอบใจที่ไคลฟ์ช่วยพยายามคุยให้ แต่คงไม่สำเร็จแล้ว
- Philippe ไปลาออกจากกองทัพ แล้วเดินเข้ามาหา เพราะสิ่งสำคัญสำหรับเขา ไม่ใช่การฟังคำสั่งชนชั้นสูงอย่างเดียว แต่เป็นปกป้องสิ่งสำคัญ คือเมืองนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าพวก Thrall จะกลับมาเมื่อไหร่ แต่เราต้องเตรียมพร้อม ผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวกันไว้ แล้ว Philippe ก็ขอยืมเด็ก ๆ ไปเฝ้าระวังรอบเมือง
- Isabelle ก็จะดื้อดึง หาทางตื้อต่อไป
- ซาบีนบอกว่าเธอเป็นลูกสาวของดุ๊ก แล้วกำลังปั่นให้ชาวบ้านต่อต้านพ่อ
Martha’s Rest
- เควสต์เอาเมล็ดพันธุ์ผักกีซาลจากมาร์ธาไปส่งให้แบร์เรอร์ที่อยุ่ Eastpool ปลูกได้
- Akashic บุกมา แล้ว Wade บอกคนไม่พอ เขาจะเอาแบร์เรอร์ไปสู้ตายก็ไม่ได้
- ไคลฟ์บอกแบร์เรอร์ก็เป็นคน เขาก็อยากให้เมืองรอดกันทั้งนั้น ส่งแม่งไป make difference
- Wade เลยลองไปพูดจูงใจชาวบ้านแบร์เรอร์ดู
- ชาวบ้านนึกว่าทหารของ Wade จะส่งพวกเขาไปเป็นเหยื่อล่อ ส่งพวกเขาไปตายให้ตัวเองรอด
- มาร์ธามาบอกพวกกู ไคลฟ์ Wade สู้เพื่อพวกมึงมาเยอะแล้ว อยากจะเสียบ้านไปเหรอ แล้วนี่จะอยู่รับชะตากรรมรอวันตายอย่างที่เคยเป็น หรือว่าจะสู้แบบเสรีชนนนน
- ทหารยัดกระทะใส่มือมาร์ธา แล้วเธอเอามาชูขึ้นฟ้า
- แบร์เรอร์หญิงก็บอกว่าเอาดาบมา จะสู้แล้ววว แล้วทุกคนก็เอาด้วย
- ช่วยกันสู้ปกปกป้อง Eastpool
- Wade บอกถ้าเอลวินยังอยู่ ก็ต้องประสงค์แบบนี้อย่างแน่นอน
- Wade บอกเวลาท้อแท้ จะแพ้แล้ว จะนึกถึงแววตาของไคลฟ์ตอนไปสู้ Morbol ด้วยกันในภารกิจแรกเสมอ ทำให้เขาไม่ท้อถอย ว่าการเป็น Shield มันต้องเป็นยังไง
- ไคลฟ์บอก Wade เป็น Shield ที่แท้ทรูมาแต่แรกแล้ว
- มาร์ธา เล่าว่าวันแรกที่เจอซิด ตอนนั้นเธอเริ่มซื้อแบร์เรอร์มาดูแลแล้ว แล้วซิดก็มาตามหา ซิดนึกว่าเธอซื้อแบร์เรอร์มาล่า หรือทำเรื่องไม่ดี ส่วนเธอก็นึกว่าซิดเป็นหน่วยลาดตระเวณมาใหม่ แต่แล้วก็คุยกันเข้าใจ ซิดบอกว่าเธอทำผิด สิ่งที่เธอทำอาจช่วยบรรเทาความทุกข์ยาก แต่ยังไม่ได้ให้อิสรภาพ แบร์เรอร์ก็จะยังตายอย่างทาสอยู่ดี ตอนนั้นเะอก็หัวเสียไล่ซิดบอกให้ไปฟ้องทางการเลย แต่แล้วซิดกลับยิ้มหัวเราะ เธอก็ยิ้มหัวเราะด้วย วันนั้นเราทั้งคู่สัญญากัน วันใดที่คนหนึ่งต้องการ อีกคนจะยืนหยัดให้ความช่วยเหลือเสมอ เราต่างอยากให้แบร์เรอร์มีชีวิตที่ดีขึ้นเหมือนกัน เหมือนอย่างพ่อของไคลฟ์ เธอเกิดในช่วงที่เอลวินขึ้นเป็น Archduke และพอโตขึ้นก็เห็นเอลวินพยายามเปลี่ยนแปลงอะไรต่าง ๆ มากมาย
- ไคลฟ์บอก คนมาสานต่อรอยเท้า เลยต้องทำสิ่งที่พ่อกับซิดมุ่งหวังไว้ ให้สำเร็จ
- มาร์ธาบอกถึงเรายังทำไม่สำเร็จ ก็จะมีคนรุ่นหลังตามมาอีก
Boklad
- เควสต์ Theodore ดึงมังกร Akashic ที่บุกโจมตีหมู่บ้านไปสู้ที่อื่น แต่เขาสู้ไม่ได้แล้วกลายเป็น Akashic ไปด้วย แล้วคลุ้มคลั่ง
- แต่พอพี่สาวมา Theodore ที่คลุ้มคลั่งไปแล้ว ก็พยายามตั้งสติ แล้วบอกลา Eloise ก่อนที่จะปาดคอตัวเองตาย
- Eloise เล่าว่าพวกเราโตมาที่ Kanver ด้วยกัน ในตระกูลพ่อค้า เธอถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอดกิจการครอบครัว เพราะเธอเหมือนพ่อ สนใจเรื่องพาณิชย์ ส่วน Theodore สนใจการสู้รบ จนกระทั่งฤดูร้อนที่ 15 พลังของเขาถึงตื่นขึ้น ที่บ้านก็พยายามขับไล่เขาให้ทหารเก็บไป แต่เธอเก็บเขาไว้กับตัว
- ไคลฟ์บอก Theodore ชื่นชมที่เธอพยายามปลดปล่อยคนอื่นจากการเป็นทาส แต่เขาอยากให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น ปราศจากพันธะหน้าที่ อย่างที่เธอช่วยปลดปล่อยเขา
- Eloise บอกเธอคิดมาตลอดว่าถ้า Theodore ถูกพาตัวไป ชีวิตเธอคงสบายขึ้นมาก และได้อุทิศตัวเองให้ธุรกิจครอบครัวเต็มที่ แต่เธอไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจวันนั้น การได้อยู่กับน้องชาย มีความหมายยิ่งกว่าจารีต ยิ่งกว่าชื่อเสียง เพียงเห็นเขา มันก็เตือนใจให้นึกถึงคืนนั้น ที่เธอตัดสินใจ และไม่ว่าจะให้เลือกใหม่ยังไง เธอก็จะตัดสินใจแบบเดิม เขาไม่เคยเป็นภาระของเธอใด ๆ ทั้งนั้น
- ไคลฟ์บอกน้อง สำนึกบุญคุณเสมอที่ Eloise ช่วยเขาไว้ และอยากตอบแทน ด้วยการให้พี่ใช้ชีวิตอย่างที่พี่ปฏิเสธมาตลอด
- Eloise บอกว่าสิ่งที่เราต้องการมาตลอด ก็แค่การได้อยู่ด้วยกัน แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมาหน้าน้ำตก Dzemekys
- เธอก็จะทำ Crimson Caravan ต่อไป เพื่อช่วยคน นี่คือชีวิตที่เธอเลือกแล้ว
Tabor
- Cyril บอกจนตอนนี้นักโบราณคดีของพวกเขา ยังตระเวณโบราณสถานทั่วแผ่นดิน เพื่อหาร่องรอยอัลเทม่า พวก Thrall เหมือนจะปกปิดความลับไว้ แล้วอยากให้ไคลฟ์ไปฟังสิ่งที่ทีมสำรวจค้นพบดู
- ไปดูเจอกองทัพอมตะ ตายเต็มเลย
- พอชนะแล้วพวกคนที่ไม่ตายถึงออกมา แล้วให้ข้อมูลที่ได้มา
- พวกกองทัพอมตะ มันมีแต่คนที่เลือกว่าหลบก่อน ไม่ตายแน่ ๆ งานจะได้สำเร็จ ดีกว่าออกไปช่วยเพื่อน ซึ่งไคลฟ์ไม่เห็นด้วย
- เอาข้อมูลกลับมาให้ Cyril วิเคราะห์
- Cyril บอกว่านี่เป็นเรื่องที่คุยไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเขารับใช้ฟินิกซ์มาหลายยุค ความเห็นของคุณต่อวิธีการของเรา ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงมันได้ เราอยู่เพื่อรับใช้ฟินิกซ์คนเดียวเท่านั้น
- ไคลฟ์บอกงั้นขอแนะนำหน่อย ฟินิกซ์ก็ไม่ได้อยากให้ลูกน้องที่ภักดี พลีชีพ ด้วยเหตุผลห่วย ๆ ควรจัดให้มีการคุ้มกันหน่วยสำรวจ เพื่อที่พวกเขาจะได้มีชีวิตทำหน้าที่ต่อไปอีกหลายปีดีกว่า อย่าคิดแค่ว่าจะรับใช้ฟินิกซ์ยังไง แต่คิดบ้างว่าโจชัวอยากให้รับใช้เขาอย่างไร ด้วยเถิด เพื่อพวกเราทุกคน
- Cyril ก็เชื่อว่าไคลฟ์ในฐานะ First Shield น่าจะเข้าใจความคิดของโจชัวดี ก็หวังว่าจะได้ร่วมงานกันอีก
Dalimil Inn
- L’ubor โป๊ะแตก ที่จริงแล้วเป็นแบร์เรอร์แต่ปิดบังมาตลอด พอชาวบ้านรู้ว่าทาสนี้ปิดบังตัวเอง ก็ยี้ใส่
- ไคลฟ์พยายามบอกว่าจะเป็นแบร์เรอร์หรือไม่ ฝีมือในการตีดาบของ L’ubor ก็ของจริงและเลอค่ากับดัลเมเคีย
- แต่คนอื่นก็รู้สึกว่า L’ubor ที่โกหกมาตลอด ทำพวกเขาเป็นคนโง่ เชื่อใจไม่ได้
- ไคลฟ์ถามแล้วจะทำไง? ไล่ออกจากหมู่บ้าน? ปิดกิจการเขา?
- ชาวบ้านตอบ คนนอกอย่ายุ่ง
- แล้วคุยกันว่า L’ubor หมดสิทธิเป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว
- L’ubor บอก Ruzena คนแรกเคยบอกเขาว่า ดาบไม่เคยโกห ดาบสะท้อนตัวตนของ smith ที่สร้างมันขึ้นมา แต่แล้วเธอกลับถูกเอาชีวิตด้วยดาบที่เธอสร้างขึ้นมาเอง แต่เธอก็ซื่อตรงต่อตัวเองและสิ่งที่เธอเชื่อจนวาระสุดท้าย ดังนั้น เขาจะยอมรับบทบาทใหม่ คือวายร้ายแห่ง Dalimil เพื่อที่ทุกคนจะได้รวมใจกันมาต่อสู้ด้วย พวกเขาควรจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อต่อสู้กับภัยในภายภาคหน้า ส่วนตัวเขาเองจะไปหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง
- แต่เด็กสองคน (Drika กับ Rens) ที่ L’ubor ใช้เวทมนต์ช่วยไว้ ไม่อยากให้ L’ubor ไป ส่วน Viktor ก็ไม่เห็นด้วยกับแผนนี้
- พวกลูกศิษย์ก็งงว่าทำไม L’ubor ไม่เคยบอกพวกเขาเลย
รังลับ
- ข้อมูล Primogenesis เสริมว่าเวทย์ที่อัลเทม่าร่าย ไม่เพียงลดศักยภาพของคริสตัลและเวทย์มนต์ลง แต่ยังเต็มไปด้วย aetherflood เปลี่ยนคนและสัตว์ให้กลายเป็น Akashic ไร้เมตตา ไร้จิตใจ เพื่อจะลดทอนจิตของมนุษย์ลง ทำให้มนุษยชาติกลายเป็นทาสไร้วิญญาณ
- ข้อมูล Eikon บอกว่าเป็นการแบ่งพลังของอัลเทม่า เกิดเป็นร่างเนื้อโดยมนุษย์ มีผู้พิทักษ์ไฟ 2 ตัว ที่รวมเป็นร่างสมบูรณ์ได้ Eikon ของธาตุที่อ่อนแอกว่า ต้องสังเวยให้ Mythos เพื่อทดสอบและเสริมร่างภาชนะให้แข็งแกร่งขึ้น
- ข้อมูลพฤกษศาสตร์ใน Deadlands เดิมปลูกพืชไม่ได้ เลี้ยงสัตว์ไม่รอด หากปราศจากความพยายามและความฉลาดเฉีลยว แต่ใยรังของซิด Bohumil และ Martelle ค้นพบการปลูกพืชในดินของโซนดำ และคนอื่นก็สานต่อ legacy ในรังลับใหม่ ต่อมาเมื่อมีที่กรองน้ำของมิด ก็ทำให้น้ำดำ ถูกกรองให้มนุษย์เอามาบริโภคได้ และนำไปสู่การสร้างชลประทาน
- ข้อมูล Bonds of Consciouss หรือสายใยแห่งจิต ความรู้สึกที่ผูกพันมนุษย์กับคนที่ระกเขาและเขารัก ตราบที่สายใยยังแข็งแรง มนุษย์ก็ยิ่งถือมั่นในจิต อัลเทม่าเลยร่าย Primogenesis เพื่อทำลายสายใยแห่งจิต คนจะได้สูญเสียจิตและกลายเป็น Akashic ภาชนะของเขาก็จะได้สมบูรณ์
- Will จิต ซึ่งแบ่งแยกมนุษย์จากสัตว์ ถูกกำหนดโดยสติ ความรับรู้ เสรีภาพในการคิด แม้คนที่ปราศจากเสรีภาพอื่น แต่จิตก็จะแสวงหาเสรีภาพที่แท้จริง สำหรับอัลเทม่าแล้ว จิตของมนุษย์เป็นสิ่งที่กีดกันไม่ให้พวกเขาอยู่ในร่างที่เหมาะสม ร่างเทพ หรือ Akashic ที่รับสนองประสงค์ของเขา
- ไคลฟ์มาถามวิเวียนว่า จะไปเอายานขึ้นฝั่งมุมไหนดี ไม่อยากให้ไปถึงแล้วยานระเบิด วิเวียนบอกเรามีแต่ข้อมูลเก่า ตั้งแต่บาร์นาบัสขึ้นครองบัลลังค์ คนนอกก็เข้าพรมแดนวาลูดไม่ได้อีกเลย วิเวียนขอเวลาไปคิด
- วิเวียนบอกบาร์นาบัสมาจากทะเลตอนใต้ ขึ้นฝั่งที่วาลลูดมาตอนเด็ก แล้วก็รวบรวมชนเผ่าที่กระจัดกระจายในทวีปเป็นหนึ่ง ปลดปล่อยพวกเขาจาก Veldermarke ที่น่าเกรงขาม แล้วตั้งบัลลังค์บนซากอาณาจักรโบราณ ชัยชนะของเขา ตำนานโอดิน เป็นเรื่องเลื่องลือไปทั่วปฐพี นั่นคือเรื่องราวในปี 843 แล้วราชาก็ยังคงอยู่บนบัลลังค์แบบนั้นมาเกือบ 40 ปี แต่ก็ไม่ได้ทำสงครามนานจนคนงงว่าเขาไม่สนใจสงครามแล้วหรือ แต่แล้ว Einherjar ก็เข้าสู่สงคราม มีการส่ง Orcs ไปที่บริเวณ Drake’s Fang (ดัลเมเคีย) และ Akashic ทั่วเมือง Kanver ถ้าคำสั่งโจมตีมาจากบาร์นาบัส แปลว่าวาลูดสามารถคุม beastmen และสิ่งที่โดน aether ครอบงำได้ ดินแดนส่วนใหญ่ถูกโซนดำกินแล้ว ส่วนน้อยที่เหลือก็ได้รับการคุ้มกันเป็นอย่างดี แล้วยังมีกำแพงธรรมชาติอีก แต่ถ้าจะมีจุดขึ้นได้ ก็ไปหาดที่ไคลฟ์ไปเกยตื้นมานั่นแหละ
- ฮาร์โปคราเตส ถามว่าเคยได้ยินเรื่อง Circle of Malius มั้ย เป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดใน The Twins แม้ว่าความนิยมจะเสื่อมในทวีปพายุแล้ว แต่พวกหลักศาสนาต่าง ๆ ก็ยังฝังรากอยู่ในความเชื่อใหม่อย่างของ Crystalline Orthrodox (ที่อาณาจักรเหล็ก)
- โจชัวบอกเมื่อมีความเชื่อใหม่เกิดขึ้น ศาสสถานมักจะถูกทำลายหรือ repurpose ใหม่ แต่ถ้าไม่มีความเชื่อใหม่ วิหารโบราณพวกนั้นก็อาจยังคงอยู่ เขาเลยอยากตามไปที่วาลูดด้วย (เพราะเราไม่รู้ว่าความเชื่อหรือศาสนสถานของศาสนานั้น ในวาลูด เป็นไงบ้าง)
- ทั้งหมดนี้เพราะพงศาวดารของ Moss ที่โจชัวถือไว้ โจชัวก็บอกจะรักษามันด้วยชีวิต
- ฮาร์โปตราเตสบอกไว้เขาขอยืมพงศาสดารหน่อยนะ โจชัวบอก ส.บ.ม.ย.ห.
- ไคลฟ์มาสรุปว่า ขึ้นฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ แล้วเดินเท้าไป Drake’s Spine ยิ่งไปเยอะ ยิ่งโดนเจอง่าย ทำให้เคลื่อนขบวนช้า และใช้เสบียงเยอะ เขาจะไปกับโจชัวแค่สองคน แล้วให้ scout อยู่ริมน้ำเงียบ ๆ ถ้าเห็นท่าไม่ดี ก็กลับทวีปพายุเลย
- มิดบอกถ้าพวกเอ็งไม่กลับขึ้นฝั่ง ก็ไม่ไปไหน
- ไคลฟ์บอกให้จิลอยู่บนเรือ หยุดพวกทหารวาลูดและโจรสลัดที่พยายามขึ้นเรือ
- โยเตบอกว่าเป็นเกียรติสูงสุดที่ได้รับใช้โจชัว หน้าที่ของเธอคือช่วยหาข้อมูลอัลเทม่า และเรื่องของไคลฟ์ หลังจากรู้ว่าไคลฟ์ยังไม่ตาย โจชัวก็พยายามตามรอยไคลฟ์ และเพราะ acolyte ทำให้ทราบว่าไคลฟ์ใช้สมญานามซิด แต่ตอนนี้โจชัวขอให้เธออยู่ที่นี่ ช่วยปกป้องคนสำคัญของไคลฟ์และโจชัว เลยฝากไคลฟ์ดูแลโจชัวด้วย
- โยเตบอกว่าสุขภาพโจชัวแย่ลงทุกวัน แต่กลับพยายามปิดบังไว้ แปลที่อกยิ่งเจ็บขึ้นเรื่อย ๆ มันมี elixir ที่บรรเทาความเจ็บปวดของคำสาปได้ Stonawort แต่อาการของโจชัวร้ายแรง ยาที่เคยใช้ก็ไม่ได้ผลแล้ว แต่ Tarja มีส่วนผสมยาที่ได้ผลแรงกว่า อยากให้ไคลฟ์ช่วยไปหาให้หน่อย
- โยเตบอกไคลฟ์กับโจชัวเหมือนกัน คิดถึงคนอื่นมากกว่าความปลอดภัยของตัวเอง ก็ขอร้อง ไม่อยากให้ถวายตัวเองเพื่อคนอื่น เราสูญเสียไคลฟ์ไปไม่ได้
Shadow Coast
- โจชัวถามว่าเอา Eikon มาจากจิลแล้วเหรอ? ไคลฟ์บอกอื้อ เธอเข้าใจดี
- โจชัวต่อยไคลฟ์ แล้วบอกว่าเข้าใจว่าพี่ตัดสินใจช่วยโลกด้วยตัวคนเดียว และตายไปโดยปราศจากพลังของเธอ ทำไมถึงบังคับเธอแบบนั้น พี่ก็รู้ว่าเธอไม่มีทางปฏิเสธพี่ได้ แต่ผมกล้าที่จะปฏิเสธพี่ได้ จะผลักไสเราไม่ได้ เราต้องช่วยโลกด้วยกัน ไม่ใช่พี่คนเดียว
- ไคลฟ์บอกเขาคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว
- โจชัวถามว่าพี่เชื่อว่าวิธีนี้มันจะช่วยพวกเราได้จริงเหรอ
- ไคลฟ์บอกเออ
- โจชัวก็บอก งั้นก็ตามนั้น แต่จำไว้ว่า พี่ไม่ได้ตัวคนเดียว
- เจอหมู่บ้านร้าง Wolfdarr มีแต่ Akashic หวังว่าชาวบ้านจะอพยพออกทันไปก่อน
- เจอแต่ Akashic จนงงว่าทั้งทวีปธุลี ตกอยู่ในกำมืออัลเทม่าหมดแล้วเหรอ
- โจชัวบอกว่าฐานทัพข้างหน้า เก่าแก่เท่าฟินิกซ์เกท หรืออาจจะเก่ากว่า มันอาจจะมีความลับของอัลเทม่าอยู่ ถ้าจะไปกำจัดอัลเทม่า ก็ต้องรู้ก่อน
- Trial by Ice - The Hand of Rhea
- มาถึงหมู่บ้าน Eistla
- โอดินบอกว่านายของเขารออยู่ที่ Stonhyrr แต่จะให้ไปเข้าพบในสภาพนี้ไม่ได้ ต้องให้อยู่ในสภาพที่พรีเซนต์ได้
- มันสร้างกำแพงอาคม ที่นกบินผ่านไม่ได้ แล้วก็หนีไป
- เจอผู้หญิงท้องคนนึงรอดชีวิตในหมู่บ้านชื่อ Edda แล้ว Gav เอาน้ำให้กิน
- เธอเล่าว่าในวันที่ท้องฟ้าวิปริต ผู้เฒ่าบอกว่ามันคือ The Arche ผู้คนบ้าคลั่งทีละคน จิตใจโดน aether ครอบงำจนเหลือแค่เธอคนเดียว ไม่รู้จะหนียังไง
- Arche ถูกเล่าขานว่าเมื่อเราประพฤติผิด สวรรค์จะมืดมัว แล้วดินแดนจะสิ้นลม ทุกคนบ้าคลั่งแล้วออกไปหมด ไปยังหอคอยตะวันออก ไปยัง Reverie ไปกันหมด รวมถึงสามีเธอด้วย
- งงกันว่าทำไมเธอไม่เป็นไร ไคลฟ์คิดว่าอาจจะเพราะทารกในครรภ์ ป้องกันเธอจาก aether ได้ Gav คิดว่างั้นทารกก็เป็นแบร์เรอร์เหรอ?
- ด้านโจชัวที่อยู่ใน Gjallarhorn บอกว่าโครงสร้างเหมือนที่ฟินิกซ์เกทเลย เจอภาพจิตรกรรมฝาผนัง Mural ที่สมบูรณ์ ในพงศาวดารของ Moss เขียนว่ามีอิฟรีต การูด้า รามู ศิวะ ไตตัน บาฮามุท โอดิน รวมถึงลิเวียธานที่สูญหายไปด้วย แต่ไม่เห็นมีฟินิกซ์เลย แล้วโจชัวมองอัลเทม่าดี ๆ ก็นึกถึง Ifrit Risen แล้วก็กระอักเลือด
- ไคลฟ์ให้ Gav อยู่กับ Edda ถ้าไคลฟ์ไม่กลับมา ให้หนีไปกับโจชัวได้เลย
- Gav บอกอย่าตายล่ะ ชื่อซิดเหมาะกับนายมากกว่าฉัน
Reverie
- ข้อมูลบาร์นาบัส บอกว่า หลังจากเดินทางจากทวีปด้านนอกมาถึงวาลิสเธียในวัยหนุ่ม (วิเวียนบอกมาในวัยเด็ก) ก็รวบรวมคนล้มล้างอาณาจักรโบราณ Kingdom of Veldermarke ที่เคยปกครองทางตอนเหนือของทวีปธุลี แล้วตั้ง Kingdom of Waloed ขึ้นมาบนซาก
- Reverie เป็นหอตอยสูงจนเป็นปไปไม่ได้ ว่ากันว่าทะลวงถึงสวรรค์ ตั้งอยู่กลางวาลูด ชาวศาสนาเก่า Circle of Malius บนทวีปธุลี เชื่อว่ามันสร้างโดยเทพเจ้า ที่วันหนึ่งจะพิพากษาจากด้านบน เป็นที่ศักการะบูชามาช้านาน
- ไคลฟ์ไต่ขึ้นหอคอย และคิดว่าบาร์นาบัสคงอยู่บนยอด มองลงมาที่โลก
- ขึ้นไปด้านบนเรื่อย ๆ ฝนตก
- บาร์นาบัสบอก ดาบต้องฟันบ่อย ๆ จะได้คม พวกมนุษย์ก็คอรัปต์ตั้งแต่กำเนิดแล้ว แต่ไคลฟ์บอกไม่ใช่คอรัปต์ มันคือสิ่งที่เราเป็น ทุกการตัดสินใจ ไม่ว่าผิดหรือถูก ต่างก็เป็นเหตุผลที่เราต้องแบกรับต่อไป ไม่ใช่ในฐานะหุ่นเชิด แต่ในฐานะของมนุษย์
- บาร์นาบัสบอกว่าพระเจ้าเคยให้เวทมนต์เป็นของขวัญแก่มนุษย์ มนุษย์ใช้เวทมนต์สร้างอารยธรรม แต่เวลาผ่านไป มนุษย์หลงลืมความหมายที่แท้จริงของของขวัญ ก้าวออกจากการแบ่งปันความเจริญ แล้วก็กลายเป็นความโลถ ละทิ้ง Creator เพื่อดาบและเปลวไฟ แล้วความโง่นั้นก็นำพาโซนดำให้มาเยือน แต่ก็มีคนส่วนน้อย ที่ยังไม่ละสายตาจากสวรรค์ ภาวนาต่อพระเจ้าให้นำพาความเที่ยงธรรมกลับมา แล้วพระเจ้าก็ตอบสนอง “ประตูสวรรค์จะเปิดต่อหน้าผู้ที่คู่ควร ข้าจะอ้าแขนรับ aether และหลอมวิญญาณเข้ากับน้ำบริสุทธิ์ ข้าอุทิศตัวให้กับพระองค์”
- บาร์นาบัสบอกสวรรค์นั้นห่างไปอีกแค่ก้าวเดียว แค่ยอมทิ้งการละเมิดไว้เบื้องหลัง มีเพียงผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์เท่านั้น ที่จะได้ก้าวไปสู่โลกใบใหม่ ข้าจะช่วยพวกเรา แต่มันเริ่มต้นและจบลงที่ Mythos แกเป็นกุญแจ และฉันจะพิสูจน์ความศรัทธาอีกครั้ง
- ไคลฟ์บอกแกทิ้งอาณาจักรตัวเอง ทิ้งตัวเอง เพื่อรับใช้? แล้วชีวิตแบบนั้นมันยังไง สิ่งที่แกแสวงหาไม่ใช่ทางรอด ชีวิตคือการมีทางเลือกอยู่เสมอ หากปราศจากทางเลือกแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับตาย
- บาร์นาบัสบอกว่าโชว์ความแข็งแกร่งของจิตออกมา แต่ไคลฟ์บอกเขาจะโชว์ความอ่อนแอของแกให้เห็น
- ไคลฟ์บอกแก้แพ้ ตั้งแต่หันหลังให้พวกเราเองแล้ว เราไม่ได้อ่อนแอแบบที่พระเจ้าของแกเชื่อ
- อิฟรีตหักซันเท็ตสึเคน มาใช้ฟัน Sleipnir ขาดครึ่ง
- สู้ต่อ ไคลฟ์บอกจิตของเขาชนะ แต่บาร์นาบัสบอก ของพระเจ้าต่างหาก
- ไคลฟ์ฟันบาร์นาบัส ร่วง
- ไคลฟ์บอกแกก็มีจิตที่จะไขว่คว้าโลกใหม่ และให้ได้ยอมรับจากนาย ดันไปเชื่อในแฟนตาซี แต่แกคิดผิด โลกของเรามันใบใบเดียว ที่เราต้องปกป้อง แม้ว่ามันจะหมายถึงการฆ่าพระเจ้า
- บาร์นาบัสจับขาไคลฟ์ บอกว่าเขาพูดแล้วว่าจะทำให้อยู่ในสภาพพรีเซนต์ได้ แล้วมันก็ยัดส่งพลังโอดินให้ เราจะทำชะตากรรมให้เป็นจริง แบบที่ Mothercrystal ของพระองค์ได้ทำแล้ว จงเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า
- บาร์บานัสบอกรอคอยทางรอดมานาน เขากำลังจะกลับบ้านแล้ว แม่
- อัลเทม่าถามว่ารู้สึกยังไง ที่ดูดพลังศัตรูมา คมขึ้น ใกล้เคียงเทพมากขึ้น ยังไงแกก็เป็นภาชนะของพวกเรา ไม่ว่าจะมีจิตหรือไม่ มาสิเด็กผู้หลังทาง จะรออยู่ทางหลังมังกรตัวแรก ที่ซึ่งทุกอย่างจะยุติลง และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
- อาคมที่บาร์นาบัสร่ายไว้ไม่ให้ออกไปจากเขตกักได้ สลายไป
Ran’dellah
- ไบรอนกำลังหนีตายจากกองทัพ Akashic แต่ยังไม่วายดื่มน้ำก่อน
- ไบรอนถาม Eugen Havel (อดีตจอมพล) ว่าทำไมถึงซ่อนตัวทั้งที่ต้องสู้ยูจีนก็บอกว่าตั้งแต่เขาโดนริบยศ และอดเข้าสนามรบไงโว้ย แล้วนี่ orcs มากันเกินกว่า 2 แสนตัว จะเอาไรไปสู้ ที่เซ็นทรัลยังรอดอยู่ได้เพราะมีทหารกับแบร์เรอร์ ช่วยกันต้านไว้ ต้องมีศัตรูมาถึงหน้าบ้าน ถึงจะเป็นหนึ่งเดียวกัน
- Akashic เข้ามารุมแล้ว ไบรอนยังมาขอยืมกำลังพล ทั้งหมดได้เลยยิ่งดี ตอนนี้หลานกำลังแย่ และรับปากแล้วว่าจะไปช่วย
- ยูจีนบอกทหารเขามีอะไรต้องทำ มากกว่าไปตายเปล่า
- ดิออนและทัพดรากูนมาช่วย เขาบอกจะช่วยระดมพลดรากูนให้เท่าที่ทำได้ เขาติดหนี้ฟินิกซ์ไว้
- เทเรนซ์กำลังสั่งทหารให้รวบรวมศพ และกองไฟไปที่ลาน
- ดิออนให้เทเรนซ์ไปตามหาเด็กสาวขายยา เขาติดหนี้บุญคุณที่ต้องชดใช้ แล้วฝากถุงเขียวไปให้เธอ เทเรนซ์จะไม่อยากจากดิออนไป แต่ดิออนบอกว่าถ้าเขาจะได้รับการให้อภัยจากประชาชน ก็ต้องไขว่คว้ามาด้วยมือตัวเอง คนเดียวเท่านั้น
- แล้วดิออนก็ลาเทเรนซ์
Eistla
- โจชัวกลับมาหา Gav แล้ว
- ไคลฟ์กลับมารายงานว่าบาร์นาบัสตายแล้ว
- Edda ก็ร้องไห้ที่ตายกันหมดแล้ว
- ไคลฟ์ให้ Gav พา Edda กลับขึ้นเรือ ไปแจ้งสถานการณ์กับทุกคน
- ไคลฟ์บอกแผ่นดินนี้เต็มไปด้วย Akashic แล้วราชาก็เปลี่ยนตัวเองไปนานแล้ว แม้ว่าจะด้วยความเต็มใจ เพื่อรับใช้อัลเทม่าในการสร้างภาชนะอันสมบูรณ์แบบ เขาไม่ได้มองว่ามันเป็นการฆ่า แต่มองว่าเป็นความเมตตาด้วยซ้ำ วิธียุติความทรมานว่างั้น เขาอยากช่วยมนุษยชาติจริง ๆ อัลเทม่าเลยใช้ประโยชน์จากจุดนี้
- โจชัวบอกว่าเราคือร่างทรง นั่นคือชะตากรรมของเรา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราต้องยอมรับชะตา เพื่อสิทธิในการโต้แย้ง
- ไคลฟ์บอกบาร์นาบัสบอกว่า mothercrystal ก็เป็นของอัลเทม่า เรารู้ว่า mothercrystal มอบ aether ให้แผ่นดิน (bleed the land with aether) และเรารู้ว่ามันเป็นตัวเร่งการแพร่ของโซนดำ แต่ไม่เห็นเข้าใจว่าอัลเทม่าทำไปแล้วได้อะไร
- ส่วนโจชัวบอกว่าเขาค้นพบเรื่องของขวัญสำหรับอัลเทม่า เขาคิดว่าเป็นไคลฟ์คนเดียวมาตลอด แต่มันต้องการทั้งอิฟรีตและฟินิกซ์ แบบที่เราเป็นกันบนฟากฟ้าเหนือ Twinside ตอนที่สองไฟรวมกัน ภาชนะจึงสมบูรณ์ แต่ทำไมเขาถึงต้องการภาชนะ ก็ยังเป็นคำถาม แสดงว่าหากปราศจากร่างภาชนะแล้ว เขาจะทำอะไรบางอย่างไม่ได้ สิ่งที่ไม่มีร่างกายทำไม่ได้ สิ่งที่ต้องใช้ aether มหาศาลและร่างกายที่จะทานรับได้ โจชัวคิดว่าอัลเทม่าจะร่ายเวทย์ที่ยุติเวทย์ทั้งหมด เวทย์ที่ใช้เวลาสร้างหลายพันปี
- ไคลฟ์คิดว่า ซึ่งมันจะทำไม่ได้ ถ้าขาดพวกเรา และขาด mothercrystal ถ้าเราทำลายได้หมด ก็จะหยุดยั้งโซนดำและอัลเทม่าได้
- ปะ ไป Stonhyrr อย่าให้อัลเทม่ารอ
- เจอทหารวาลูดใกล้ตาย บอกว่าพวก orcs ที่เคยภักดี คงรับรู้การล่มสลายของวาลูด อยากให้ช่วยฆ่าเขาให้ตายที แล้วเอาแหวนไปที่หลุมศพพ่อแม่เขาด้วย เขาคือคนรักเดียวในชีวิต
Post a Comment