ย่อสั้นบทสัมภาษณ์ทีมงาน SQ ของ Polygon ในปี 2017
ได้แวะไปอ่าน บทสัมภาษณ์ 35 ทีมงาน Square Enix ของ Polygon เมื่อต้นปี 2017 ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงชีวิตที่ผมไม่ว่างเลย เลยไม่สามารถแปลหรือย่อยบทสัมภาษณ์ที่ยาวขนาดนั้นได้ (ตอนนี้ก็ยังไม่แปล แต่ไว้จะมาแปล ขอเอาไปต่อคิวก่อน)
เท่าที่ไถอ่านในส้วมไปคร่าว ๆ มีหลายส่วนที่ตลก น่าสนใจ เช่น
- โทโมยูคิ ทาเคจิซัง (ประธาน SQ 1996- ก.พ. 2001) บอกว่าปีงบประมาณ 2000 มันขาดทุน เพราะเอาเงินไปทำ FF The Spirtis Within ประกอบกับไปดีเลย์ FFX ให้มาออกในปีงบประมาณ 2001 แต่อย่างไรบริษัทก็ติดตัวแดง เขาเลยขอลงจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และซากากุจิซัง ก็บอกเขาว่าขอร่วมรับผิดชอบด้วย เลยลาออกตามด้วย
- ฮิโรโนบุ ซากากุจิคว้าไมค์ตอบต่อว่า ที่จริงแล้วสาเหตุที่เขาลาออก มันมีหลายประการ (หัวเราะ) แต่กล่าวโดยย่อคือ พอเขาขึ้นเป็นรองประธานบริหารแล้ว มันมีแต่งานบริหาร ถ้ากฎหมายแรงงานเปลี่ยน ก็ต้องไปอบรมแล้วกลับมาเปลี่ยนนโยบายบริษัท วัน ๆ มีแต่ตรวจแก้อนุมัติเอกสารกองเท่าภูเขา ทั้งที่เขาอยากทำงานสร้างสิ่งต่าง ๆ เขายินดีกับตำแหน่งที่ตัวเองอยู่ แต่รู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นตัวเอง เลยลาออก
- โนะบอก ใน SQ มันแบ่งเจนฯ กันชัดเจน เจนฯ ซากากุจิ, เจนฯ คิตาเสะ, เจนฯ ของเขา เราก็ไม่ค่อยได้คุยกับเจนฯ ที่โตกว่า เขาคงเป็นคนท้าย ๆ ที่รู้เรื่องซากากุจิลาออกเลย วันนั้นบรรยากาศออฟฟิศอึมครึมมาก
- คาสึยูคิ ฮาชิโมโตะ (อดีตรองประธาน SQ USA) บอกว่าเขาลาออกตามซากากุจิไปด้วย เขารู้ว่าบริษัทเปลี่ยนแปลงไปมาก
- โนะบอก หยั่งกับสามก๊กเลยที่พอกษัตริย์ตาย ก็เกิด civil war กันภายใน
- โยอิจิ วาดะ (อดีตประธาน SQ ธ.ค. 2001 - มิ.ย. 2013) บอกว่าเขาเล็งเห็นว่าหลังปี 2000 วงการจะเติบโตขึ้น ดังนั้นเป้าหมายของบริษัทหลังปี 2000 ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม ปกติเกมซีรีส์นึง ตัวเอกทุกภาคจะเป็นคนเดิม แต่ของ FF ตัวเอกแม่งเปลี่ยนทุกภาค เขาเลยคิดว่าควรสร้าง Sub Series ขึ้นมา เลยเกิดเป็น Compilation of FFVII และ FFX-2
- ลุงโนบุโอะ อุเอมัตสึ บอกว่าส่วนตัวแล้ว เขาอยากให้แต่ละภาคในซีรีส์เกิดจากความปราณีตขั้นสุด เขาไม่อยากให้มี Spin-off หรือภาคต่อ แต่ก็เข้าใจมุมมองของบริษัท ในแง่ยอดขาย ในแง่การเงิน
- วาดะซัง ตอบว่าจริงอยู่ว่าที่เขาตัดสินใจเช่นนั้น ก็เพราะเหตุผลด้านการเงิน แต่นั่นก็เพราะตอนเขาเข้าบริษัทใน เม.ย. 2000 SQ แม่งก็สุ่มเสี่ยงจะล้มละลายอยู่แล้ว ทว่าจังหวะก่อนที่จะควบรวมกิจการกับ Enix ในปี 2003 FFX-2 จากนโยบายของเขา ก็พลิกให้บริษัทกลับมามีกำไรพุ่งสูงที่สุด ในประวัติศาสตร์ของ SQ ได้ไง แล้วคือบางทีผู้เล่นก็รีเควสต์ อยากรู้ว่าตัวละครมีที่มาอย่างไร และจะเกิดอะไรขึ้นหลังจบเกมต่อไป การทำ FFX-2 มันก็คือการตอบสนองต่อรีเควสต์นั้น และเขาก็ให้ทีมงานชุดเดิม ทำภาค Spin-off ดังนั้นในทุก ๆ Compilation of FFVII เขาถึงให้โนมุระและคิตาเสะทำ หากไม่ใช่สองคนนี้ มันก็จะไม่ใช่ FFVII
- โนะบอก ตั้งแต่ตอนเปิดโปรเจคท์ ก็วางแผนกันว่าจะทำ Spin-off 4 ภาคนะ แล้วก็ประกาศไปว่าจะมี 4 ภาค เพราะถ้ามากกว่านั้น มันก็จะล้นไป
- ซากากุจิบอก ส่วนตัวแล้วเขาไม่ชอบเกม Remake เลย ตอนยังอยู่ใน SQ เขาต่อต้านการ Remake มาตลอด ถ้าจะ Remake สู้เอาพลังไปคิดทำโปรเจคท์ใหม่ ๆ ดีกว่า ..... แต่พอเวลาผ่านไปนาน เทคโนโลยี CG มันไปไกลเกินกว่าที่เขาในอดีตจะคาดคิดได้ เราก็ได้แต่ตื่นเต้นกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ก็จะคอยดู FFVII Remake ทั้งในฐานะบิดา และในฐานะผู้เล่น
- โนะบอกว่าทีมงานคุยเรื่อง FFVII Remake กันมานานแสนนาน แต่เขาก็งานชุกตลอดจนไม่สามารถทำได้ จนกระทั่งช่วงนี้ (2017) ตารางงานเขาพอจะมีช่องว่างให้ทำได้ เราเลยตัดสินใจจะทำ และต้องทำในช่วงที่ทีมงานออริจินอล ยังอยู่กันเนี่ยแหละ เราไม่อยากส่งไม้ต่อให้คนเจนฯ ถัดไปที่ไม่รู้จักภาคออริจินอลเป็นคน Remake
- โยชิโนริ คิตาเสะบอกเราไม่ได้ทำงานด้วยกันมานานแล้วใช่มั้ย?
- โนะบอก ก็ตั้งแต่ FFXIII ป่ะ?
- คิตาเสะ บอกตอน FFXIII ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนั้น ตอน FFVII เราเป็นทีมเดียวกัน ตอน FFVIII โนะนำแบทเทิลและไอเดียเกี่ยวกับตัวละคร หลังจากนั้นโนะไปดีไซน์ตัวละครให้โปรเจคท์มากมาย แต่เกมสุดท้ายที่เราได้ทำงานใกล้ชิดกันจริง ๆ คือ FFVII
- โนะถาม แล้วได้กลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้งแล้วยังไงล่ะ?
- คิตาเสะตอบ จำไม่ได้ว่านายเป็นคนที่จุกจิกขนาดนี้ (หัวเราะ) เป็นคนที่รายละเอียดจุกจิกเยอะมาก แล้วก็ทำงานไปจนถึงเด๊ดไลน์วันสุดท้าย... หรือทะลุเด๊ดไลน์ออกไป
- โนะตอบ มันจะเลทก็เพราะเบื้องบนไม่อนุมัติสักทีต่างหาก!
- คิตาเสะตอบ หรออ? จำไม่เห็นได้ว่ามีเรื่องแบบนั้นด้วย (หัวเราะ)
Post a Comment