สยามชาติกับการเปลี่ยนผ่านค่านิยมจากเถื่อนไปแท้
นอนป่วย ฟื้นมาตอนตี 3 ไถมือถือไปแป๊ปนึง แล้วก็เห็นเพจนึง แคปภาพมาเขียนถึง The Last of Us.... แต่ภาพมันติดลายน้ำที่ทำให้รู้ว่าภาพถูกแคปมาจากเว็บดูหนังเถื่อน เพจนั้นก็เลยโดนทัวร์ลง ว่าไปจ่ายเงินดูของถูกลิขสิทธิ์เถอะ คนดูเถื่อนไม่มีสิทธิวิจารณ์หนัง ฯลฯ
ในความรู้สึกโดยรวม ผมค่อนข้าง "เห็นใจ" เจ้าของเพจในเคสนี้
ว่าแล้วก็ไล่เรียงความคิดว่าทำไมตัวเองรู้สึกแบบนั้น แล้วก็อยากเขียนบันทึกความทรงจำไว้
-----------------------------
[ยุค 90s]
-----------------------------
- ผมเป็นคนเจนฯ Y ที่โตมาในช่วงยุค 90s ซึ่งสยามประเทศตอนนั้น ทุกอย่างเต็มไปด้วยของเถื่อน แผ่นเกมเถื่อน เทปผี ซีดีเถื่อน หัวโปร SFC และแผ่นก๊อป PS1 โดยค่านิยมของคนในชาติยุคนั้น (ซึ่งประกอบด้วยชาวเจนฯ Baby Boomer, X, Y ยังไม่มีชาว Z เกิดมา) คือของเถื่อนก็ดูได้เหมือนกัน เกมก็เล่นจบได้เหมือนกัน คนซื้อของแท้คือคนโง่ฟุ่มเฟือย คนใช้ของเถื่อนเป็น 99% ของสังคม ต่อให้เราอยากเก็บเงินค่าขนมซื้อของแท้ ก็จะโดนผู้ปกครองกระซวกไส้แล้วจับไปปรับทัศนคติว่าเป็นคนเลวระยำตำบอนได้
- ขนาดเครื่องแฟมิคอมในยุคนั้น ที่ขายในไทย มันยังเป็นเครื่องเถื่อนที่ก๊อปปี้ Nintendo มาทำเลย มันก็ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง
*** พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พึ่งเริ่มใช้ในไทยปี 1994 แต่กว่าที่แนวคิดใน พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ จะเริ่มแพร่หลายเป็นที่ยอมรับ มันก็ต้องล่วงเลยไปกว่านั้นหลายปี ***
- อย่างไรก็ตาม ตัวผมกลับโดนนิตยสาร MEGA และพี่สุภาพ (นามปากกาคนตอบจดหมายทางบ้าน) ล้างสมองตั้งแต่ประถม ว่าการซื้อของก๊อป ใช้ของเถื่อน มันไม่ได้สนับสนุน และไม่อาจทำให้อุตสาหกรรมเติบโตไม่ได้ เมื่อมีกำลังทรัพย์ และเติบโตขึ้นแล้ว ก็ช่วยอุดหนุนของแท้ ตามที่ไหวด้วย ---- ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้น ให้ผมไปทะเลาะกับเพื่อนแบบ 1 vs 400 (ทั้งชั้นเรียน) ว่าการใช้ของแท้คือสิ่งที่ถูกต้อง แต่เพื่อนอีก 400 ซึ่งถูกสังคมและพ่อแม่หล่อหลอมมา ก็จะบอกว่าใช้ก๊อปแหละถูกแล้ว
-----------------------------
[Y2K]
-----------------------------
- เขยิบมาในยุค 2000 ซึ่งเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ช่วง PS2 PSP NDS PS3.... ผมเริ่มเก็บเงินค่าขนม 3-6 เดือน เพื่อซื้อแผ่นแท้อิมพอร์ทจากญี่ปุ่นในราคาแผ่นละ 3,000+ ขึ้นไป เรียกว่าเป็นราคาที่แพงกว่าแผ่นโซนเอเชียสมัยนี้เกือบเท่าตัว แถมด้วยความที่ยังเป็นวัยเรียน ทำให้ต้องใช้ความอดทนและวินัยอย่างสูงในการเก็บเงินอย่างเป็นระบบ แต่ก็เป็นเรื่องที่ทำได้มาแล้ว....
- ทว่าสังคมในสมัยนั้น (ก่อนจะถึงยุค PS3) ซึ่งชาวเจนฯ Z พึ่งเกิดมาเป็นเด็กเล็กและยังไม่มีปากเสียงในสังคม ก็ยังเต็มไปด้วยค่านิยมในการใช้ของเถื่อน ตัวผมเองเก็บเงินซื้อแผ่นแท้มาเล่นได้แล้ว เริ่มจาก FFX เป็นแผ่นแรก ช่วงแรกก็นิยมใส่แผ่นแท้เล่นนะ แต่ไป ๆ มา ๆ พอเปิด ๆ ปิด ๆ จนกล่องเยิน สึกหรอ เสียความสวยงามไป.... ถึงจุดนึงผมตกผลึกได้ว่า เราไม่แกะซีลแผ่นแท้ดีกว่า คือเราก็ซื้อแผ่นแท้เกม PS2 PSP NDS มานั่นแหละ เกมที่คลั่งก็อาจจะซื้อทั้งเวอร์ชั่น JP NA ด้วยซ้ำ แต่ก็มักเล่นจาก ROM และแผ่นก๊อปแทน เพราะสำหรับ PSP แล้วมันโหลด ROM-ISO ไวกว่า, สำหรับ NDS ก็ผมอยากเก็บเซฟเป็นดิจิทัลไฟล์ไว้มากกว่าเก็บในตลับ และโดยรวมแล้วผมไม่อยากแกะซีลแผ่นแท้
*** บางทีในสังคมก็จะมีการเข้าใจผิดว่า คนเล่น ROM ISO หรือใช้แผ่นก๊อป คือคนที่ไม่ซื้อของแท้ และถูกฟันธงว่าเป็นฝั่งมืดไปเลย.... ทว่าในความเป็นจริง ตัวผมและเพื่อนรอบตัว เราก็ซื้อแท้ แต่สะดวกจะเล่นจากเถื่อนมากกว่า.... >>>> นั่นหมายความว่า ถึงเราเห็นใครเล่นเถื่อน หรือแคปภาพจากเถื่อนมา ก็ไม่อาจสรุปได้ทันทีว่าเขาไม่ซื้อแท้ ***
- ยุคนี้เริ่มเกิดการทะเลาะในสังคม โดยคนเล่นแผ่นแท้กับแผ่นก็อป ก็เริ่มเหยียดกัน แล้วก็มีการ์ดเด็ดที่มักจะหยิบมาถามกันประจำว่า "ที่บ้านใช้วินโดว์แท้รึเปลา? ถ้าไม่ได้แท้ก็ไม่มีสิทธิพูด?"
-----------------------------
[2010s ยุคปฏิวัติ]
-----------------------------
- ต่อมาในยุค 2010s เป็นต้นมา.... ค่านิยมของสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก กลายเป็นว่าคนเล่นแผ่นแท้เยอะขึ้นอย่างมาก และมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน จากเหตุปัจจัยหลายอย่าง ที่ผมนึกได้เช่น
a) PS3 มันสร้างระบบป้องกันไว้เป็นอย่างดี กว่าจะโดนแฮ็คให้เล่นเถื่อนได้ก็ช่วงปลายเจนฯ แล้ว ทำให้คนไทยที่ตามเล่นเกม PS3 เป็นหลัก ถูกบังคับให้เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อ ไปโดยปริยาย | อีกทั้ง PSP ก็มีบางช่วงที่แฮ็คเกอร์แฮ็คตามไม่ทัน อย่างเช่นช่วงที่ KH Birth by Sleep ออกมา ทำให้หลายคนถูกบังคับให้ต้องไปเล่นแท้
b) ชาวเจนฯ Y เข้าสู่วัยทำงานแล้ว ทำให้มีกำลังทรัพย์มากขึ้น สามารถซื้อแผ่นแท้ได้ง่ายขึ้น
c) กำเนิดสิ่งที่เรียกว่า "แผ่นเอเชีย" ในราคา 1,000-2,000 บาท... ซึ่งแม่งถูกกว่าแผ่นญี่ปุ่นอิมพอร์ตที่ตรูซื้อในวัยมัธยมอี๊กกก - ถัดจากการทำตลาดของ Game Freak ทาง Sony ก็เริ่มทำตลาดโดยมี Authorized Dealer เกิดขึ้นในประเทศไทย
d) สังคมมันเปลี่ยนผ่าน ชาว Baby Boomer ที่ชินกับค่านิยมเก่าล้มหายตายจากไปมากขึ้น ชาวเจนฯ Z ที่เกิดขึ้นมาใหม่ และได้รับการหล่อหลอมจากคนเจนฯ Y ที่ซื้อแท้ได้แล้ว ก็โตมาบนค่านิยมของการซื้อแผ่นแท้เลย คนรุ่นอัลฟ่าเบต้า ที่เกิดมาแล้วและจะมีปากเสียงในโซเชียลยุคต่อไป ก็จะเติบโตไปตามทิศทางนั้น
- การทะเลาะกันระหว่างฝ่ายที่จะให้ซื้อแท้อย่างเดียว กับฝ่ายที่เชียร์ของเถื่อน ก็ยังคงมีต่อไปเรื่อย ๆ และก็คงจะมีต่อไป ตราบที่ยังมีมนุษย์ ก็ยังมีความขัดแย้งเกิดขึ้นเรื่อยไป
- อันนี้ความเชื่อส่วนตัว ผมยังเชื่อว่าไม่มีใครในสยามประเทศที่ใช้แท้ทุกอย่างได้ 100% คือมันต้องมีใช้ของละเมิดลิขสิทธิ์กันสักจุดแหละ ไม่ว่าจะวินโดว์ปลอม กระเป๋าแบรนด์เนมปลอม ดูหนังจากเว็บเถื่อนบ้าง ดู AV เถื่อนบ้าง (ทั้งที่ AV มันก็เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ของญี่ปุ่น และไทยซึ่งเป็นภาคีอนุสัญญา TRIPS จะต้องให้ความคุ้มครองเช่นกัน) บางส่วนก็ยังเล่น PS3 แปลงเถื่อน, 3DS แปลงเถื่อน ฯลฯ
กลับมาที่เคส The Last of Us ทิ้งท้าย สาเหตุที่ผมเห็นใจเพราะ
1. จากประสบการณ์ด้านบน ก็รู้กันอยู่ว่ามันไม่มีใครในสยามชาติใช้แท้ทุกอย่างอยู่แล้ว เลยไม่มีประโยชน์ที่จะไปแซะคนอื่นในเรื่องนี้ - เต็มที่ก็แซวหยิกแกมหยอก ให้พอเขิน ๆ ก็พอแล้ว
2. คนที่เล่นเกมจาก ROM-ISO ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ซื้อแผ่นแท้มาเก็บฉันใด, คนที่แคปภาพติดลายน้ำเว็บเถื่อนมา ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ได้สมัคร HBO GO ของแท้ไว้
ตัวผมเองที่บ้าน มีคุณลุง Baby Boomer ที่สมัครบริการหนัง ทุกยี่ห้อไว้แหละ และเขาก็แชร์ไอดีให้ใช้ทั้งครอบครัวได้ แต่จะใช้ก็ต้องแจ้งเขาและคอย logout ออกด้วย ตอนผมดู ผมก็ดูจากไอดีของลุง... ทว่าถ้าผมจะแคปภาพจากหนังมาคุย ผมก็คงไป google หามั่ว ๆ หรืออาจไปหยิบจากเว็บเถื่อนมาเหมือนกัน ทว่านั่นก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่ได้สมัครของแท้ไว้ไง
3. ผมเคยมีประสบการณ์ ID และ password ทั้งหมดที่อยู่ใน google smart lock รวมถึงข้อมูลบัตรเครดิตด้วย ถูกแฮ็คไป โดยบัตรเครดิตนี่โดนถึง 2 รอบ แล้วเงินก็รั่วไหล (แบบคดีหมอลิลลี่เมื่อเร็ว ๆ นี้) กว่าจะอุทธรณ์เพื่อให้ได้เงินกลับมา มันประสาทแดกและเหนื่อยมาก
หลังจากวันนั้นมา ผมเลยเปลี่ยน password ทั้งหมดของตัวเองใหม่ ให้แต่ละเว็บไม่ซ้ำกัน และมีการคอยเปลี่ยนอย่างเป็นระบบ กรณีบัตรเครดิตเองผมก็ lock ผ่าน app ไว้ไม่ให้ใช้งานได้ พอจะใช้ทีก็ค่อยไปปลด lock ใน app ที.... และผมถือคติว่า "จะไม่ผูกข้อมูลบัตรเครดิตไว้กับอะไรอีกก็ตาม"
ซึ่งการถือคตินี้ มันทำให้ใช้ชีวิตลำบากมากขึ้นเยอะเลย แต่ก็ต้องทำเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ดังนั้น ผมเลยไม่เคยปาดาวให้ใครใน facebook, ไม่เคยส่งเงิน ส่ง superchat ใน youtube, พวกบริการที่ไม่ได้จำเป็นกับชีวิตและมันต้องตัดเงินผ่านบัตร ผมก็ไม่สมัครทั้งหมด, ถ้าจะสนับสนุนอะไรใคร เราก็สนับสนุนในช่องทางอื่น ๆ ได้เยอะแยะ ฯลฯ
4. ดังนั้น มันก็เลยมีล้านเหตุผลที่คน ๆ นึงอาจจะไปหยิบภาพติดลายน้ำของเว็บเถื่อนมาลง, มีล้านเหตุผลที่เขาจะไม่ได้ใช้ของถูกลิขสิทธิ์ในจุดหนึ่ง แต่ก็ใช้ของถูกลิขสิทธิ์ในอีกหลาย ๆ จุด
ผมเลยไม่เห็นเหตุผล ที่เราควร suggest กันแบบ aggressive แต่อย่างใด.... คนเราควรแนะนำกันแบบ positive แบบวิธีที่พี่สุภาพ ณ MEGA เคยล้างสมองผมไว้ตั้งแต่วัยประถมนั้นมากกว่า
การแนะนำกันแบบ positive นั้น แม้มันไม่ได้ช่วยให้คนเมนต์รู้สึกว่าตนได้สำเร็จความใคร่ทางศีลธรรม แต่ผมว่ามันก็ถนอมความรู้สึกของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และน่าจะให้ผลลัพธ์ในการเปลี่ยนแปลงผู้อื่น ได้ดีกว่าวิธีแบบ aggressive
เป็นกำลังใจ ให้คนที่ใช้ชีวิตอยู่เพื่อส่งพลังบวกให้คนอื่น ๆ ในแต่ละวันนะ
Post a Comment