Kingdom Hearts - Dark Road : Episode 8 The 7 Lights and 13 Darkness
-----------------------------
Last Episode
-----------------------------
ย้อนอดีตกันสักนิด หลังจากมังกรมาเลฟิเซนต์โจมตีโฮเดอร์ (Hoder) พี่สาวของบัลด์จนปางตาย แล้วยามิตนหนึ่งโผล่เข้ามาซ้ำจนถึงแก่ชีวิต บัลด์ที่เห็นเหตุการณ์ต่อหน้าก็ซึมเศร้า มาสเตอร์โอดินเลยให้ไปพักฟื้นจิตใจ แต่โกหกคนอื่น ๆ ว่าสั่งให้บัลด์ออกไปทำภารกิจอยู่
ในห้องพักนั้น บัลด์มีอาการป่วย ASD (Acute Stress Disorder) อย่างรุนแรง
วันแรก บัลด์นั่งเศร้าซึม คิดซ้ำวนเวียนเรื่องที่พี่หายไป
วันสอง บัลด์คิดซ้ำว่าทุกคนปกป้องพี่ไม่ได้ แล้วยังหายไปไม่กลับมา
วันที่สาม บัลด์เริ่มสงสัยว่าทุกคนหายไปจริงรึ
วันที่สี่ บัลด์สงสัยว่าทุกคนตายกันไปหมดแล้วรึเปล่า
วันที่ห้า บัลด์เริ่มโทษตัวเอง
วันที่หก บัลด์โทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนหายไป
วันที่เจ็ด บัลด์คิดว่าโลกที่ไม่มีพี่ ก็สมควรตกสู่ความมืด....
ถึงจุดที่กำลังคุกรุ่นได้ที่ ยามิก็ปรากฏตัวขึ้นบอกว่าถ้าสิ้นหวังกับโลกแล้วก็ชำระล้างมันซะสิ........ ทำให้แสงสว่างทั้ง 13 ตกสู่เงามืด.... ทำให้แสงสว่างหายไปสิ.... แล้วยามิตนนั้นก็เข้าสิงบัลด์
-----------------------------
หลังจากการเดินทางที่ให้ศิษย์คลาสโทไปตามหาศิษย์คลาสเอกที่หายไป คนที่กลับมารายงานตัวกับมาสเตอร์โอดินได้มีเพียง 2 คนคือเซอานอร์ทกับเอราคุส
โอดินบอกไม่ต้องโทษกัน เขาผิดเอง ความเสียสละของศิษย์ที่ตายไปแล้ว จะต้องไม่สูญเปล่า
ระหว่างคุยกันอยู่ ก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้น สกาลาแอดไคลัมถูกโจมตีด้วยพลังเวทย์ลึกลับ โอดินหยิบคีย์เบลดโนเนมไป โดยบอกว่าจะไปอพยพคนที่เหลือ ให้เอราคุสกับเซอานอร์ทอยู่ในห้องนี้ แล้วก็วิ่งไป
เซอานอร์ทเผยสมมติฐานที่ตัวเองคิดมาตลอดว่า หลังจากที่บัลด์สูญเสียพี่สาวไป คงอ่อนแอต่อความมืดและโดนความมืดครอบงำไปแล้ว ดังนั้นนี่อาจจะเป็นฝีมือของบัลด์ก็ได้ และโอดินคงคิดจะไปจัดการบัลด์คนเดียว
เอราคุสและเซอานอร์ทเลยตัดสินใจออกจากห้องเรียนตามไป จะไปขจัดความมืดในใจของบัลด์
ขณะที่วิ่งออกมา ทั้งสองก็เจอกับศิษย์คลาสเอกที่ยังรอดชีวิตอยู่ 3 คนและพึ่งโผล่มาพอดี เขาคือวิดาร์ วาลา วาลิ (Vidar Vala Vali) ซึ่งวิดาร์บอกว่าวิดาร์บอกว่าเขารู้ว่าความมืดเลือกจะใช้บัลด์เป็นร่างภาชนะ แต่เขาก็ไม่กล้าเอาชีวิต ตอนนี้บัลด์กำลังไปตามล่าเวียร์ (Vor) ศิษย์คลาสโทร่วมห้องของเซอานอร์ท ซึ่งอยู่ที่หอคอย
-----------------------------
เอราคุสเกรี้ยวกราดต่อพวกวิดาร์ว่าถ้าพวกแกปกป้องโฮเดอร์ได้แต่แรก บัลด์ก็ไม่เป็นแบบนี้ ป่านนี้เราก็ยังได้ฝึกวิชากันอยู่
เซอานอร์ทบอกว่าอย่าให้ความมืดครอบงำ เอราคุสบอกความมืดไม่ได้ครอบงำ แค่ความโกรธ
แล้วเอราคุสก็ฟาดกับวิดาร์ ทั้งหมดยกพวกตีกัน
ทุกคนไม่อยากเชื่อว่าบัลด์จะตกสู่ความมืดได้ เพราะงี้วิดาร์เลยอยากเรียก KH มาช่วยปัดเป่า
ทั้งหมดสู้กันพอหอมปากหอมคอ หลังจากนั้นต่างก็รุดหน้าไปยังหอคอย
-----------------------------
ที่หอคอย บัลด์ที่โดนยามิสิงอยู่ (ต่อไปจะเรียกบัลด์เฉย ๆ แล้วนะ) ก็บอกเวียร์ว่าเขาเป็นคนฆ่าพวกคลาสเอก โฮเดอร์ เฮมดัล เฮลกิ ซิกรุน (Hoder Heimdall Helgi Sigrun) เอง ส่วนพวกคลาสโทอย่างบรากิ อูล เฮอร์ม็อด (Bragi Urd Hermod) นี่ขนมกรุบเลย และเวียร์จะเป็นศพที่ 8
ขณะนั้นเองวิดาร์ วาลา วาลิ ก็โผล่มาช่วยเหลือเวียร์ได้ทันท่วงที ทั้งหมดช่วยกันรุมบัลด์... แต่ก็ไม่มีใครสู้บัลด์คนเดียวได้ บัลด์จึงสังหารเวียร์ วิดาร์ วาลา วาลิ ทิ้งทั้งหมด
พอเซอานอร์ทและเอราคุสตามมาถึง บัลด์บอกว่าเวทีพร้อมแล้ว นักแสดงครบแล้ว 13 จะต้องแสงสว่างต้องตกสู่ความมืดมิด แล้ว Kingdom Hearts ก็จะได้ปรากฏออกมา
เซอานอร์ทบอกว่าถ้าเรียก KH ออกมา จักรวาลก็ถูกชำระล้าง ความมืดอย่างแกก็จะหายไปด้วยสิ
บัลด์บอกแกไม่เข้าใจหรอก เมื่อจักรวาลถูกชำระล้างแล้วเริ่มต้นใหม่ ก็จะกำเนิดใหม่เป็นความมืดมิด เริ่มต้นจากความมืดมิดอยู่ดีไง
เอราคุสตกใจว่าอ่าว งั้นแผนของวิดาร์ที่อยากจะเรียก KH มาชำระล้างความมืด มันก็เป็นไปไม่ได้เลยสิ!?
บัลด์เฉลยแผนของเขาทั้งหมดให้ฟังว่า ก้าวแรกของเขาคือฆ่าโฮเดอร์ (Hoder) และทำให้วิดาร์ (Vidar) อยากล้างแค้น แต่พอวิดาร์รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร ก็จะไม่สามารถทำได้ (วิดาร์ไม่กล้าฆ่าบัลด์) แล้ววิดาร์ก็ต้องหันไปพึ่ง KH แทน, ก้าวต่อมาก็คือจัดการสังหารเฮมดัล (Heimdall) และคนอื่น ๆ เพื่อเป็นตัวกระตุ้นวิดาร์ แต่วิดาร์กลับยกเลิกแผนเรียก KH, ก็เลยต้องเดินก้าวที่สาม นั่นคือเช็คเมทลุยเอง ไม่มีแผน ไม่มีเกมแล้ว
-----------------------------
ถึงแม้บัลด์ที่โดนยามิสิง จะเก่งกาจจนฆ่าศิษย์ของโอดินไป 11 คนแล้วได้ แต่กลับพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับเซอานอร์ทและเอราคุส ที่มากันแค่ 2 คน
บัลด์ล้มลงไปกับพื้น จังหวะที่เซอานอร์ทจะเผด็จศึก บัลด์ก็ปล่อยบรรยากาศความมืด เป็นมิติที่มีบัลด์กับเซอานอร์ทเห็นกันแค่ 2 คนออกมา
ยามิที่สิงบัลด์อยู่ พยายามพูดปั่นเซอานอร์ทว่า เขาไม่ใช่ความมืดที่แท้จริง แล้วถามเซอานอร์ทว่านายคิดว่าตัวเองเป็นอะไร? สาบานได้มั้ยว่านายเองไม่ได้แปดเปื้อนความมืด? คิดว่าตนเองเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ รึไง? เราสองคนต่างก็เหมือนกัน เรายืนเคียงข้างแสงเพื่อให้กำเนิดเงามืด เหมือนที่ชั้นอยู่เคียงข้างพี่สาว แต่เมื่อแสงสว่างนั้นหายไป เราก็ไร้จุดหมายและถูกความอ้างว้างครอบงำ อยากจะเชื่อยังไงก็เชื่อ แต่ "ฉันไม่ใช่ยามิจากบรรพกาลอย่างที่แกสงสัย" ฉันคือความไม่รู้ที่แกหวาดกลัว เป็นความมืดที่เกิดมาจากพวกนายเองทุกคน บัลด์แค่อ่อนไหวกับจิตใจของคนอื่น เมื่อหัวใจที่อุทิศให้แสงสว่างของบัลด์รู้สึกถึงความมืดข้างใน ความมืดนั้นมันก็เติบโตขึ้นจนกลายเป็นยามิเฉพาะตัวของเขาเอง เขาเองก็มองเห็นสิ่งที่ซ่อนในใจนาย ความมืดมันเติบโตและกลายเป็นยามิของแต่ละคนเองได้ เพราะงั้นพวกเราทั้งหมด รวมถึงความมืดที่แท้จริงถึงเติบโตเพิ่มจำนวนขึ้นได้ตลอดมา (หมายความว่าทุกคนก็ให้กำเนิดยามิได้นั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่ยามิ 13 ตัวจากยุคโบราณ)
ขณะนั้นเองหัวใจของโฮเดอร์ที่ตายไปแล้ว และแอบซ่อนอยู่กับเซอานอร์ทก็ออกมา เหมือนที่ผีเลนออกมาจากชุดไอดอลของยูน่า มาปลอบชูอินยังไงยังงั้น (FFX-2)
โฮเดอร์พยายามบอกบัลด์ว่าโลกนี้มันไม่ได้เลวร้าย
แต่บัลด์รู้สึกมาตั้งแต่เด็กว่าเขาเซนซิทีฟ เขาสัมผัสความมืดในจิตใจคนอื่นได้ง่าย เลยอยากจะอยู่แค่แต่กับพี่ที่เป็นแสงสว่าง ทว่ายิ่งสัมผัสความมืด ก็ยิ่งจมดิ่ง จนเขามืดมนซะเอง พอเขาได้มาเจอพวกเอราคุสที่เป็นแสงสว่างล้วนเหมือนพี่ ก็เชื่อว่าคนเรามีสองแบบ คือพวกแสงสว่างแบบพี่+เอราคุส กับพวกคนแบบบัลด์เอง
ทันใดนั้น ก็มีโซ่ทองโผล่มาพันรอบตัวบัลด์ โซ่นั้นปล่อยออกมาจากคีย์เบลดโนเนมที่มาสเตอร์โอดินถืออยู่ในมือ โอดินรีบบอกให้ขจัดความมืดซะ
โฮเดอร์พยายามพุ่งเข้าไปจัดการบัลด์ แต่กลับโดนบัลด์ที่ถูกมัดอยู่แท้ ๆ เคาเตอร์สวนกลับมา จนสลายไป
บัลด์ที่โดนโซ่ทองมัดอยู่ ยังปั่นเซอานอร์ทต่อว่าเห็นยัง มีแค่คนแบบพวกมันกับคนแบบพวกเรา พอพวกเราค้นพบความแข็งแกร่งที่จะทำตามเป้าหมายตัวเอง พวกมันก็หาว่าพลังของเรามาจากความมืด หาว่าเพื่อนที่เสียไป เป็นเพียงบันไดสู่ความสำเร็จ ฉันเห็นตัวฉันในตัวนาย จงไปหาคำตอบให้กับโลกอันวิปริตนี้!!! (ก็คือปั่นทิ้งท้ายว่าให้ไปรีเซตจักรวาล อย่างที่ยามิตนนี้พยายามทำนั่นแหละ)
แล้วเซอานอร์ทก็เข้าไปฟาด เผด็จศึกให้บัลด์กับยามิสลายไป
โอดินบอกว่าในที่สุดก็เข้าใจความจริงของถ้อยคำเหล่านั้น ชะตากรรมช่างโหดร้ายจริง ๆ... (หมายถึงคำที่โอดินได้ยินจากมาสเตอร์ของตนมาอีกที)
-----------------------------
-----------------------------
หลังจากวันนั้นมาเซอานอร์ทขังตัวเองในห้อง ส่วนโอดินก็อมทุกข์ เอราคุสก็เอาแต่ร้องไห้ในห้องอยู่หลายคืน
1 เดือนต่อมา เซอานอร์ทกับเอราคุสที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน ก็มาเยี่ยมหลุมศพเพื่อน ๆ
เอราคุสเล่าให้ฟังว่าโอดินหยุดรับลูกศิษย์แล้ว และอยากให้พวกเราเตรียมสอบเป็นมาสเตอร์ จะได้มาแทนที่เขา ให้เขาได้วางมือเสียที โอดินจะไปจากสกาลาแอดไคลัม ไปหาดาวเล็ก ๆ ที่อบอุ่นอาศัยอยู่แทน
แล้วเอราคุสก็ชวนเซอานอร์ทไปโขกหมากรุกกันต่อ โดยอ้างว่าอยากเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์ เซอานอร์ทบอกว่าแต่เอราคุสเล่นหมากรุกมานานกว่านะ!! เอราคุสบอกก็ถือว่าเซอานอร์ทแก่กว่าไง เซอานอร์ทบอกว่าแก่กว่านิดเดียวเนี่ยนะะ!? เอราคุสบอก กูนับหมดแหละะ
หลังจากที่ทั้งสองจากไปแล้ว ชายชุดดำก็เดินเข้ามาที่สุสาน บอกว่า "คงไม่ใช่เขาแล้ว" (หมายถึงดูท่าเซอานอร์ท ไม่ใช่เด็กแห่งชะตากรรมผู้ถูกเลือกซะแล้ว)
-----------------------------
ชายชุดดำนึกย้อนอดีต กลับไปตอนที่พวกเซอานอร์ทมาถึงดาวอันเดอร์เวิล์ด แล้วบัลด์แยกมากับบรากิ 2 คน บัลด์บอกว่าความมืดที่นี่แน่นหนา ทำให้ใช้วิธีสู้ตามปกติไม่ได้
ประโยคนั้นทำให้บรากิรู้ตัว และบอกว่าเซอานอร์ทกำลังจะตามมา ถ้าเขาหายตัวไป แล้วบัลด์กลับไปคนเดียว เซอานอร์ทที่สงสัยว่าบัลด์โดนยามิสิงอยู่ ก็จะมั่นใจทันที
บัลด์จะฆ่าบรากิ แต่บรากิบอกว่า "ยังอยากเก็บร่างนี้ไว้นานกว่านี้สักหน่อย"
บัลด์ที่โดนยามิสิง จะฟาดบรากิ แต่กลับสู้บรากิไม่ได้เลยย บรากิถามว่าคิดว่าแกร่งพอจะโค่นเขาได้เหรอ? แต่ก็ไม่อยากขัดขวางหรอกนะ... งั้นเขายอมหายไปก็ได้
-----------------------------
กลับมาที่สุสาน ชายชุดดำบอกว่าโชคไม่ดีเลย "ยังไม่มีผู้ถูกเลือก แต่เซอานอร์ทก็น่าจะมีประโยชน์"
แล้วชายชุดดำก็เปิดหัวออกมา โดยมีหน้าบรากิ ที่บอกว่าถ้าโดนฝังแล้วจะเปิดหน้าได้ไงเนี่ยยย
**สรุปว่าชายชุดดำคนนี้ หรือบรากิ ก็คือลูซู ที่เปลี่ยนร่างไปเรื่อย ๆ จนมาสิงร่างนี้อยู่นั่นเอง**
-----------------------------
Epilogue
-----------------------------
ที่สกาลาแอดไคลัม ชายในชุดคลุมสีฟ้า รับเซอานอร์ทในวัยทารกมาจากผู้หญิงที่มีความเกี่ยวข้องกับสคูลด์ เขาพาเซอานอร์ทมาเลี้ยงที่เกาะแห่งชะตากรรม
เมื่อเซอานอร์ทอายุ 9 ขวบ ชายในชุดคลุมสีฟ้า (ต่อไปเรียกชายชรา) ก็เล่าว่าทวดของทวดของทวดของเซอานอร์ท เป็นผู้ใช้คีย์เบลดที่ยิ่งใหญ่ และเซอานอร์ทคือเด็กแห่งชะตากรรม ที่จะช่วยจักรวาลจากความมืด ต่อไปจะได้พบเจอผู้คนมากมาย สร้างตัวตนของตนเองขึ้นมา
แต่เซอานอร์ทงงว่า ที่นี่มีแค่พวกเราอยู่เท่านั้นนี่ จะไปเจอคนอื่นได้ไง?
ชายชราบอกสักวันเจ้าก็จะได้ออกไป
เซอานอร์ทบอกว่าเขาอยากอยู่ที่นี่ ความมืดจะได้หาเขาไม่เจอ
ชายชราบอกว่าเมื่อแข็งแกร่งพอก็ค่อยออกไปก็ได้
เซอานอร์ทบอกเขาจะได้ไปเจอแม่อีกครั้งได้สินะ แล้วก็อยากเจอพวกเด็ก ๆ ในฝันด้วย พวกนั้นดูสนิทสนมกันมาก นั่นคือการเป็นเพื่อนสินะ
เซอานอร์ทเล่าให้ชายชราฟังว่า เขาชอบฝันถึงกลุ่มเด็กที่สนิทกัน คนนึงผมหยักศกสีเงิน / คนนึงใส่หมวกดำชุดดำ / คนผอมโปร่งผมชมพู / เด็กผมบลอนด์พูดน้อย / ผู้หญิงที่ผมดำเหมือนแม่ /
และอีกคนนึงเหมือนชายชราเลย...
**ชายชราก็คือชาติภพที่ 2 ของตัวอวตารเราใน KH Union X นั่นเอง
ชายชรากอดเซอานอร์ทไว้แน่น และบอกว่าเซอานอร์ทสัมผัสถึงหัวใจคนอื่นได้ นี่แหละบุตรแห่งชะตากรรมจริง ๆ
ชายชราบอกว่าเขาได้พบเจออะไรมามากมายในสองชาติ ก่อนหน้านี้เคยเล่าให้เซอานอร์ทฟังไปบ้างแล้ว แต่ยังเหลือเรื่องเล่าอีกเยอะ คงถึงเวลาเล่าแล้ว
แล้วชายชราก็ก็เล่าเรื่อง ตำราพยากรณ์ที่ถูกมอบให้เพื่อนรัก (เบรน) แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ในตำราถูกเก็บเป็นความลับ จนกระทั่งในชาติภพที่สอง ชายชราถึงรู้ข้อความในตำราที่เขียนว่า "แสงสว่างแพ้พ่าย ความมืดจะมีชัย แต่แล้วบุตรแห่งชะตากรรม จะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์นั้น"
บุตรแห่งชะตากรรมนั้น จะมีความสามารถในการรู้สึก แบ่งปัน โอบกอดหัวใจคนอื่น และสื่อถึงกัน เด็กผู้นั้นจะมาจากเกาะแห่งชะตากรรม แต่มันอาจจะยังเร็วเกินไป ที่จะตัดสินว่าเด็กคนนั้นคือเซอานอร์ท (ชายชรายังเผื่อใจไว้บ้าง)
เมื่อถึงวันที่ชายชราจะสิ้นใจ เขากล่าวทิ้งท้ายไว้ว่าว่า "หมดเวลาของข้าแล้ว เจ้าจงออกไปจากเกาะแห่งชะตากรรม ไปพบเจอผู้คนมากมาย ความฝันวัยเด็กของเจ้า เป็นความทรงจำล้ำค่าของข้า เจ้ามองเห็นหัวใจของข้าได้ เมื่อออกเดินทาง ก็จะได้เชื่อมกับคนอื่น ๆ แต่หัวใจทุกดวง ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ความดีงาม บางดวงก็เป็นพิษ ทำให้กลัว โกรธ เจ็บปวด เศร้า รวมถึงความระทมทุกข์จากการสูญเสียคนที่รัก เจ้าจะถูกทดสอบด้วยความมืด ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็จะเดินหน้าต่อไป สู่แสงสว่างและมิตรภาพ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะเป็น Master of Light..."
"ข้าพูดอย่างเชื่อมั่น เพราะเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า คือเลือดของของเพื่อนรัก เอเฟเมร่า"
**จบด้วยการเฉลยว่า ทวดของทวดของทวดของเซอานอร์ท คือเอเฟเมร่า....
Post a Comment