บทแปลบันทึกของแอสโตสฉบับสำคัญ FF Origin

บันทึกแอสโตสฉบับที่ 9 คริสตัลแห่งความมืด ลูกที่ 5

สาวน้อยผู้เคยมาเหยียบดินแดนแห่งนี้เมื่อนานมาแล้ว เธอช่ำชองทั้งเพลงดาบและเวทมนต์ แถมยังมีหัวใจอันบริสุทธิ์ เธอไม่ปรารถนาสิ่งใดนอกจากการได้เห็นความสงบสุขและรุ่งเรืองของทุกสิ่ง หากเป็นสถานที่และช่วงเวลาอื่น บางทีชะตาของเธออาจจะเป็นสุขยิ่งกว่านี้ ทว่าเธอรับรู้ถึงแก่แท้อันเน่าเฟะที่ทำลายโลก และเลือกที่จะตกสู่ความมืด ด้วยความหวังว่าเธอจะช่วยนำพาผู้คนไปสู่แสงสว่างได้


ฉันเห็นศักยภาพในตัวเธอ จึงมอบคริสตัลแห่งความมืดให้เป็นของขวัญพร้อมกับความจริงบางอย่าง ใช่แล้ว ฉันใช้เธอ แต่ก็เพื่อจุดประสงค์ที่ดี คริสตัลนั้นทำให้เธอเกิดใหม่ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า และที่สำคัญกว่านั้น เป็นการวางหมากที่สี่ หมากตัวสุดท้ายลงไปบนกระดาน ซึ่งวันหนึ่งจะนำพาเพื่อนรักของฉันไปสู่บทสรุปอันจำเป็น




บันทึกแอสโตสฉบับที่ 25

คริสตัลแห่งความมืด ลูกที่ 6


เมื่อผู้ครอบครองคริสตัลแห่งความมืดที่มีเจตจำนงค์อันแรงกล้าหลอมรวมเข้ากับอารมณ์อันดำมืดของโลกนี้; จะเกิดการวัดดวงขึ้นว่าเขาจะสามารถต้านทานการกลายร่างเป็นปิศาจได้หรือไม่ ฉันเองก็สงสัยอยากจะเรียนรู้คำตอบของคำถามนี้ ว่าเธอจะสามารถต้านทานกระบวนการนี้ได้รึเปล่านะ จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นปริศนาอยู่แต่ดูท่าเธอก็คงจะไม่ทนทุกข์ทรมานจนเข้าร่วมกับความมืดได้ แต่ถึงอย่างนั้น เพื่อจะไปสู่อนาคตที่เพื่อนรักดิ้นรนตามหา เหตุการณ์นั้นก็จำเป็นจะต้องเกิดขึ้น เธอคือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายของภาพ และเธออาจเป็นคนที่เข้มแข็งทื่สุดในหมู่พวกเขา


บันทึกแอสโตสฉบับที่ 26

เจ้าหญิงเซร่าห์ I


เซร่าห์นั้นก็เหมือนกับคริสตัล ฉันไม่ได้พูดพล่อย ๆ แต่พูดอย่างความเชื่อมั่น เธอเป็นที่รัก เทิดทูนบูชา และความหวังดั่งคริสตัล เธอดึงดูดแสงสว่างเหมือนกับที่แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ 


แต่เธอเองก็ถือครอบคริสตัลแห่งความมืดอยู่เช่นกัน ความมืดอันเกิดจากการแปรปรวนของความเป็นจริง ก็ถูกดึงดูดเข้าหาเธอด้วย หมายความว่าตัวเธอนั้นเป็นดั่งการประสานอย่างกลมกลืนระหว่างธาตุ-ผู้ที่สามารถธำรงสมดุลระหว่างแสงสว่างและความมืดอันหาได้ยากยิ่ง


บันทึกแอสโตสฉบับที่ 27

เจ้าหญิงเซร่าห์ II


เมื่อสมดุลที่ประสานกันในตัวเธอพังทลายลง-พูดง่าย ๆ เมื่อความมืดจากคริสตัลของเธอ หรือแสงสว่างในตัวเธอ หายไปในฉับพลัน ก็จะเกิดการเปลี่ยนขั้วอย่างรุนแรง - 特異点/Singularity/เอกภาวะ ที่จะบิดเบือนโครงสร้างของโลกก็จะปรากฏขึ้น ความมืดทั้งหมดในคอร์เนเลียจะไปรวมกันที่เธอ และเมื่อมันรวมเข้ากับแสงสว่างของเธอ มันจะไม่ได้เจ๊าแล้วสลายกันไป แต่การบรรจบกันนั้นจะนำไปสู่การถือกำเนิดของเคออส นี่คือบทสรุปที่เพื่อนรักต้องตามหา มันอาจเจ็บปวดแต่เป็นสิ่งที่เขาจะต้องอดทนแบกรับ เธอจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายที่เขาเองก็ลืมไปแล้ว และการได้เห็นเธอปลอดภัย ก็คือกุญแจสำหรับทุกสรรพสิ่ง



บันทึกแอสโตสฉบับที่ 28

เจ้าหญิงเซร่าห์ III


ณ ใจกลางของ 特異点/Singularity/เอกภาวะ นั้นเขาจะถือกำเนิดขึ้นใหม่ แต่เพียงการเกิดใหม่นั้นยังไม่พอ-เขาต้องยอมรับความมืดอันโกลาหลของ 特異点/Singularity/เอกภาวะ เข้าสู่วิญญาณของเขา


ในหลักการเดียวกับที่ปิศาจเกิดขึ้นมา มันคือการหลอมรวมความสะเทือนใจ สิ้นหวัง จนแปรเปลี่ยนความมืดมนจาก 特異点/Singularity/เอกภาวะ ให้กลายเป็นความมืดที่แท้จริง นี่คงเป็นหลักฐานว่าไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ความมืดก็จะติดตามเขาไป ดึงดูดเข้ากับความสิ้นหวังครั้งใหญ่ของเขา ความมืดที่ถูกอัดฉีดเข้าสู่โลก และความมืดที่ก่อเกิดขึ้นที่นี่เอง ที่จะนำพาเขาไปสู่บทสรุปอันจำเป็นตามอุบายของพวกเรา ที่เหลือก็แค่ให้เขาใช้อุปกรณ์วาร์ปที่ฉันเตรียมไว้ เพื่อส่งเขา และเงามืดทั้งหมดไปสู่มิติกระเป๋าของเจ้าพวกนั้น


แผนของพวกเราจะล้มเหลว หากเราไม่สามารถแย่งชิงพลังในการรีเซตโลกมาจากพวกมันได้ ใช่มั้ย แจ็ค?



บันทึกแอสโตสฉบับที่ 29

แจ็ค I


ความกระหายอยากที่อยู่ในใจของเหล่า Stranger นั้น เป็นสิ่งที่ชาวลูเฟนใส่เอาไว้ แรงขับดันที่อยากทำลายเคออสจะเป็นเสาหลักที่ชี้นำพวกเขา ด้วยการนี้ ปริมาณความมืดโดยรวมของโลกก็จะลดน้อยลง นั่นคือเหตุผลในการต่อสู้ของเขาจนถึงตอนนี้


แต่เมื่อเคออสในร่างปัจจุบันทั้งหมดถูกกำจัดสิ้นหมดแล้ว เขาจะเป็นยังไงกันนะ? เมื่อไหร่เขาถึงจะค้นพบว่าความเกี่ยวข้องระหว่างเขากับชาวลูเฟน? เหตุผลที่เขาจะสู้ต่อไปคืออะไร?


หากเขาไม่อาจนึกเป้าหมายสุดท้ายของตัวเองไม่ออก ฉันก็จำเป็นต้องเป็นผู้นำทาง… แม้ตัวฉันเองจะหวังจากใจจริงว่าเขาจะสามารถนึกภารกิจที่แท้จริงของตนเองออกได้ โดยไม่ต้องให้ฉันแทรกแซง




บันทึกแอสโตสฉบับที่ 30

แจ็ค II


มีนิทานอันเป็นที่รู้จักกันดี เรื่องราวของวีรบุรุษที่ถือครองพลังแห่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์มาขจัดความมืดอันชั่วร้าย ผู้คนยกย่องเขาเป็นดั่งผู้กอบกู้ แซ่ซ้องสรรเสริญซึ่งเกียรติยศ และเรียกขานด้วยนามอันสูงส่ง : นักรบแห่งแสง


แน่นอน ทั้งหมดเป็นแค่เรื่องไร้สาระ นิทานที่ปรุงแต่งขึ้นโดยไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ที่ยึดติดกับแฟนซาซีโง่ ๆ อย่างปิดหูปิดตาไม่มองความเป็นจริง ฉันเห็นเรื่องนี้ถูกเล่าขานมาหลายพันรอบจนเบื่อ แต่คนมากมายก็ลุ่มหลงไปกับความหวังอย่างบ้าคลั่ง เมื่อความคาดหวังอันเป็นไปไม่ได้นั้น ไม่เกิดขึ้นจริง พวกเขาก็จมสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวัง สิ่งที่ตามมาก็คือการประณามหยามเหยียด ความเกลียดชัง การทรยศหักหลัง นั่นแหละคือธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์ใช่มั้ยล่ะ?


แต่ทั้งที่เป็นแบบนี้ เพื่อนรักก็ยังปรารถนาที่จะปกป้องโลกใบนี้ ไม่สิ… นั่นเป็นความเข้าใจผิด ความอยู่รอดเป็นเพียงแค่ผลพลอยได้เท่านั้น เขาไม่ได้ทำเพื่ออุดมคติอันสูงส่งอะไรหรอก ไม่เลย, แรงขับดันอันบริสุทธิ์ของเขา: ความเกลียดและความโกรธ


บันทึกแอสโตสฉบับที่ 31

แจ็ค III


โลกนี้เป็นเพียงสนามเด็กเล่นของชาวลูเฟน; เป็นห้องทดลองให้พวกเขาได้ทดลองเรื่องแสงสว่างและความมืด โดยมีสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเป็นหนูทดลอง เมื่อแจ็ครู้ความจริงนี้ ก็เต็มไปด้วยความโกรธจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดใด ๆ ออกมาได้ เขาเป็นคนใสซื่อ และตอนนี้ความบริสุทธิ์นั้นก็ผลักดันให้เขาต่อต้านนายของตนเอง โดยไม่ว่าการขัดขืนนั้นจะเปล่าประโยชน์สักเพียงไร บางทีนิสัยส่วนนี้ของเขาก็อาจเป็นสิ่งที่พวกลูเฟนฝังไว้ในตัวเขาเหมือนกันก็เป็นได้ แต่ฉันก็อยากจะเชื่อว่า หัวใจนี้คือสิ่งที่แจ็คกำหนดเอง และฉันจะขอมอบศรัทธาให้


คนที่วางอุบายขึ้นมาก็คือแจ็ค และต่อให้เขาลืมแผนไป ต่อให้เขาลืมฉัน แต่ฉันก็ยินดีเสี่ยงชีวิตเพื่อพาเขาไปสู่เส้นทางที่ถุกต้อง เราจะสะบั้นโลกของพวกเราจากชะตากรรมอันอยุติธรรม และส่งมันเข้าสู่จักวาลอันเวิ้งว้าง ที่ซึ่งมันจะได้เป็นนายของชะตากรรมตัวเองในท้ายที่สุด นั่นคือสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ฉันพอจะทำได้ เพื่อเป็นการขอบคุณเขาและพรรคพวก ที่ยอมรับฉันเป็นพวกพ้องคนหนึ่ง



บันทึกแอสโตสฉบับที่ 32

นักรบแห่งแสง


เดิมทีแล้วสิ่งที่เรียกว่าเคออสนั้นไม่ได้มีตัวตนอยู่บนโลก อันที่จริงนั้น มันจะเกิดขึ้นได้เมื่อเงื่อนไขหลายอย่างบรรจบครบ: ความมืดมิดที่เกิดจากความผิดเพี้ยน, จิตวิญญาณของนักรบ, อารมณ์อันพลุ่งพล่าน, และทั้งหมดนั้นรวมเข้ากับคริสตัลแห่งความมืดอย่างมิอาจแยกจากกันได้ ด้วยวิธีนี้เท่านั้น เคออสถึงจะปรากฏขึ้นมาแย่งชิงพลังจากคริสตัลได้


ว่ากันตามเหตุผลแล้ว นักรบแห่งแสงในเทพนิยาย ก็อาจจะไม่ได้มีตัวตนอยู่บนโลกนี้แต่แรกเช่นกัน แต่จำเป็นต้องอาศัยตัวกระตุ้นจากภายนอก นี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น แต่ฉันเชื่อว่าด้วยแสงสว่างของคริสตัลอันอุดมสมบูรณ์, สื่อกลางอันเหมาะสม–คริสตัลแห่งความมืดก็น่าเหมาะที่สุดแล้ว และจิตวิญญาณของนักรบ–ไม่สิ ฉันไม่ควรมาเสียเวลากับเรื่องขี้ประติ๋วนี้แล้ว ยังไงซะคำตอบนั้นก็ชัดเจนสำหรับฉันแล้ว เหล่าวีรบุรุษที่จะสามารถปลดปล่อยคอร์เนเลียจากเงื้อมมืออันชั่วร้ายของพวกลูเฟนได้ มีแค่แจ็ค โซเฟีย เนออน แอช และเจด เท่านั้น โดยไม่ต้องสงสัยอะไรอีกแล้ว


บันทึกแอสโตสฉบับที่ 36

ในเรื่องของเผ่าพันธุ์


ผู้คนมากมายต่างเกิดจากการทดลองทางชีวภาพของชาวลูเฟน ตัวอย่างเช่น ชาวดวาร์ฟ แข็งแกร่ง ยืดหยุ่น ปรับตัวให้สามารถเอาตัวรอดในสภาพพื้นที่ซึ่งไม่เอื้ออำนวยให้อาศัยอยู่ได้ ชาวลูเฟนสร้างดวาร์ฟขึ้นด้วยความพยายามที่จะปรับมนุษย์ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอันหลากหลาย แล้วอย่าให้ฉันต้องพูดถึงเอลฟ์ เผ่าพันธุ์อันเป็นผลลัพธ์จากการกลายพันธุ์ ที่พวกลูเฟนพยายามดัดแปลงยีนส์อย่างสนุกสนานให้มีอายุยืนยาวขึ้น


สิ่งที่ฉันกำลังจะสื่อคือ สำหรับชาวลูเฟนแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดของเราเป็นเพียงแค่หนูทดลอง ฉันว่า “อนาคตอันรุ่งเรือง” ที่พวกนั้นแสวงหา จำเป็นต้องสังเคราะห์สิ่งมีชีวิตเทียมขึ้นมามากมาย



บันทึกแอสโตสฉบับที่ 37

เกี่ยวกับผู้แต่ง (แอสโตส)


ฉันเป็นยูนิตลาดตระเวณชีวภาพ แล้วก็เหมือนผู้คนอื่น ๆ มากมายในคอร์เนเลีย ที่เป็นผลิตจากการดัดแปลง biogenetic ตามใจชอบของชาวลูเฟนเช่นกัน


โดยเนื้อแท้แล้ว ฉันเป็นเอลฟ์พื้นบ้านที่ถูก “เก็บมา” และดัดแปลงให้เป็นอย่างที่ฉันเป็นในทุกวันนี้ ไม่อยากจะคุย ได้ยินมาว่าดีไซน์ของฉันค่อนข้างเฉียบอยู่ ตัวฉันเองก็ถูกสร้างมาให้เฝ้าวัดปริมาณความมืด พร้อมกับเก็บสะสมข้อมูลเข้าเมโมรีไปเรื่อย ๆ เหมือนกับคริสตัลแห่งความมืด ต่อให้ฉันตายไป ความทรงจำเหล่านั้นก็จะถูกส่งต่อไปให้กับร่างภาชนะใหม่ที่เกิดจากเทคโนโลยีชั่วร้ายของชาวลูเฟน


ความทรงจำของฝันร้ายที่ไม่มีวันสิ้นสุดนี้ ทำให้ฉันจำรายละเอียดของโศกนาฏกรรมทั้งหมด ที่ได้เห็นคนที่ฉันแคร์ ต้องไปตายแล้วตายอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อที่จะช่วยเพื่อน และช่วยตัวฉันเอง ฉันจะชักนำพวกเขาไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง



บันทึกแอสโตสฉบับที่ 38

เคออส


พรรณาถึงเคออสให้ฟังหน่อยได้มั้ย? อสูรร้ายแห่งความมืดและน่าสยดสยองในตำนาน จะมีรูปร่างยังไงกันนะ? พอลองเงี่ยฟังข่าวลือตามท้องถนน ก็ได้ยินรูปร่างสารพันมากมายดั่งดวงดาวบนท้องฟ้า แต่กระนั้น ทุกลักษณะที่ว่ามาก็มีจุดร่วมเหมือนกันอย่างหนึ่ง: มันปรากฏในรูปร่างของมอนสเตอร์ อมนุษย์ และน่ากลัวจนมิอาจมอง


เมื่อความเกรี้ยวกราดและสิ้นหวังครอบงำอารมณ์ เคออสก็จะก่อตัวเป็นรูปร่าง เมื่อการแปลงร่างสมบูรณ์แล้ว เพื่อนรักจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนกันนะ? มันอาจเป็นกายวิภาคแห่งความหวาดกลัวในสายตาของชาวลูเฟน แต่แน่นอน สำหรับเหล่าผู้สมรู้ร่วมคิดและตัวฉันเอง นั่นคือประกายแสงสุดท้ายแห่งความหวัง


บันทึกแอสโตสฉบับที่ 39

จดหมายถึงแจ็ค I


ชาวลูเฟนพูดถึง “อนาคตอันรุ่งเรือง” อย่างเทิดทูน แต่นั่นเป็นอนาคตสำหรับใครกันแน่? น่าเจ็บปวดจริงที่ทุกชีวิตในคอร์เนเลีย ไม่มีที่ยืนในยูโทเปียของพวกมันหรอก ด้วยเหตุนี้ การกระทำอันโหดร้ายของพวกมัน จึงสมเหตุสมผลสมผล-ในแง่ของการธำรงไว้ซึ่งสมดุล


เพราะฉะนั้นฉันจึงพยายามช่วยให้แผนดิ้นรนของนายสำเร็จ ชิ้นส่วนทั้งหมดได้ถูกวางเข้าที่ ฟันเฟืองเริ่มหมุนออกไปแล้ว จงไปยังหัวใจของวิหารเคออส แล้วปิดฉากมันลง



บันทึกแอสโตสฉบับที่ 40

จดหมายถึงแจ็ค II


ณ ที่ไกลแสนไกลมีสถานที่ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นอีกมิติหนึ่ง ณ ที่แห่งนั้นชาวลูเฟนได้สร้างสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “สถานี” ขึ้นมาสนองความต้องการ สถานีนั้นเปรียบเป็นดั่งบ้านของ Stranger และในทำนองเดียวกัน ก็เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของฉัน


ชาวลูเฟนได้คอยสังเกตการณ์ และควบคุมชะตากรรมของโลกจากสถานีต่าง ๆ พวกเขาปรับจูนสมดุลของแสงสว่างและความมืดด้วยเหตุผลอันเย็นชา แล้วยังครอบครองพลังในการรีเซตความเป็นอยู่ของสรรพสิ่งตามความจำเป็น


นานมาแล้ว นายเคยบอกฉันว่า นายอยากจะตัดขาดชาวลูเฟนให้ไปจากโลกของเรา และอยากจะชิงพลังในการรีเซตโลกมาจากเงื้อมมือของพวกมัน เพื่อการนั้น นายวางแผน แล้วพูดมายาวเหยียดว่าฉันมีบทบาทในแผนนั้นยังไงบ้าง


เล่าประวัติมาพอแล้ว ข้อความนี้เป็นดั่งการนำทางครั้งสุดท้ายของฉัน ก่อนที่นายจะวาร์ปไปหาพวกลูเฟน จงกลายเป็นเคออส แล้วปลดปล่อยพวกเราจากโซ่ตรวนของพวกที่อยากจะเล่นเป็นพระเจ้า


ไม่มีความคิดเห็น