ถึงตัวฉันในปี 2005
ช่วงนี้เห็นลูกสาว/หลานสาว (19) ออกจากบ้านไปเดทกับแฟนติด ๆ กันทุกวัน โดยเจ้าตัวบอกว่าก็ไปตามห้างที่คนน้อย ๆ แล้วก็อยู่แบบระมัดระวัง ไม่เข้าไปในฝูงชน เพื่อความปลอดภัยจากโควิด
แวบนึง ผมก็มานั่งน้อยเนื้อต่ำใจ ว่าตัวผมในช่วงเวลาเดียวกัน ไม่ค่อยจะมีเงินสักเท่าไหร่ ไอ้เรื่องที่จะไปเที่ยวกับเพื่อน ไปห้างติด ๆ กันทุกวันนี่ไม่ต้องคิด หนังในโรงก็ไม่ได้ดู จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องโหนรถเมล์อย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีตัวเลือกอื่น เงินเบี้ยเลี้ยงในแต่ละวันก็แค่พอกินข้าวกลางวันข้างทางมื้อเดียว นอกนั้นหากจะทำอะไร ก็ต้องอาศัยเก็บเงินหลาย ๆ วันแล้วค่อยไปทำ.... ต่างจากหลานตอนนี้ที่มีเบี้ยเลี้ยงพอที่จะไปเที่ยวทุกวันได้ แล้วด้วยความเป็นผู้หญิง เลยต้องมีคนไปรับขากลับด้วยตลอด ทำให้เดินทางสะดวกสบาย
พอนึกย้อนกลับไปว่า แล้วตัวผมในวัยเดียวกันนี้ วันที่เดียวกันนี้ กำลังทำอะไรอยู่นะ....? มันกำลังมีความสุขอยู่รึเปล่า?
ความทรงจำที่ผมขุดขึ้นมาจากก้นสมองได้คือ
- 14 ก.ย. 2005 กำลังอุ๊ยตายว้ายกรี๊ดกับ Final Fantasy VII -Advent Children-... หลังจากนั้นกระแส AC ก็ลากยาวต่อเนื่องมาหลายเดือน มีการผลิตซับนรกออกมาเรื่อย ๆ แล้วด้วยความที่โลกใน ค.ศ. นั้นหมุนช้ากว่าปัจจุบัน ทำให้อะไรที่เป็นกระแส ก็ลากยาวไปได้นานกว่าทุกวันนี้ คอมมูฯ เกมทั้งหมด ยังไงก็ต้องมีกระทู้ AC ให้ได้คุยกันยาวไปเรื่อย ๆ
- 22 ธ.ค. 2005 Kingdom Hearts II วางจำหน่าย ใช่แล้ว!! ดังนั้นตัวผมในวัยเดียวกับหลานนั้น กำลังพยายามศึกษาและทำทุกอย่างใน KH II ให้สมบูรณ์อยู่นี่นา!? แล้วใน ค.ศ. นั้น ยังไม่มีคำว่า Achivement หรือถ้วยแพลตฯ ทำให้การเล่นเกมของคนจำนวนมาก ไม่ได้มุ่งแต่จะเอาแพลตฯ และไม่ได้สิ้นสุดลงที่การแพลตฯ คนที่ชื่นชอบก็จะเล่นค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ในเกมไปเรื่อย ๆ และด้วยความที่ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดอยู่ตรงไหน ก็ต้องแวะเวียนเข้ากระทู้ มาหาความรู้ใหม่เพิ่มเติมกันไปเรื่อย ๆ
- 26 ม.ค. 2006 Dirge of Cerberus -Final Fantasy VII- ตอนนั้นผมจบเป็นคนแรกของทั้ง All-final, Gcon, Gamer-gate ยังจำได้เลยถึงอาการสติแตก ที่ตอนจบแล้วมนุษย์ปีกซ้าย เจนซิส โผล่มารับร่างของไวส์ แล้วบอกว่ายังเร็วไปที่จะหลับ มาช่วยกันเปิดม่านบทสุดท้ายด้วยกันก่อน น้องชายยยยย - ถึงเกมจะกากถุยยังไง แต่นี่เป็นเกมแรกในประวัติศาสตร์เลย ที่ทำให้ผมเริ่มมีนิสัย "เล่นไป แปลบทสนทนาทั้งหมดของเกมลงสมุดไปด้วย" ก่อนจะพัฒนาเป็นเล่นไป พิมพ์ลง notepad ไปในเวลาต่อมา
-16 มี.ค. 2006 Final Fantasy XII - ไม่ต้องพูดอะไรให้ลึกซึ้งงงงง นั่งทำทุกอย่างอยู่เดือนนึง แล้วได้พิมพ์ไกด์ 53 หน้า (มั้ง) ขึ้นมาเองด้วย
พอทบทวนคิดได้แบบนี้แล้ว ผมก็รู้สึกว่าถึงแม้จะไม่ได้มีเงินอะไรมาก แต่ชีวิตวัยนั้นของผม ก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไรไปเลย...
เว้ากันซื่อ ๆ เด็กในยุคนั้น ถึงจะไม่ได้มีเงินอะไรมาก แต่เราต่างก็สามารถเอาเงินจำนวนน้อยที่มี ไปซื้อแผ่นก๊อบ PS2 มาเล่น ใช้ชีวิตในช่วงปิดเทอม ใช้วันเวลาต่าง ๆ ไปกับการเล่นเกมหน้าจอทีวี แล้วก็มาเปิดคอมฯ เล่นอินเตอร์เน็ต คุยกับเพื่อนผ่านระบบ Webboard ในยุคที่อารยธรรม Webboard กำลังปะทุความเจริญขึ้นมาได้
ถึงจะไม่ได้พบเจอกันกับเพื่อน แต่ผมในปี 2005 ก็ได้เล่น MSN แล้วพูดกับเพื่อนว่าเราโชคดีแค่ไหนที่พวกเรานั้น สามารถกด call คุยเสียง ส่ง Emoticon งี่เง่า ๆ ที่ใช้ photoshop สร้างขึ้นมาเอง ผ่าน MSN และพิมพ์แชทกันได้อย่างเสรีแล้ว ในขณะที่ยุคก่อนหน้านั้นยังต้องใช้เพจเจอร์ เขียนจดหมาย โทรศัพท์บ้าน หรือย้อนไปอีกในยุคที่พ่อแม่เราหนุ่มสาว พวกเขาไม่อาจจินตนาการถึงสิ่งเหล่านี้ได้เลยด้วยซ้ำ
แล้วแม่ก็บอกว่า ถ้ามึงคิดว่าตอนวัยรุ่นมึงไม่มีเงิน แล้วไม่มีโอกาสไปไหนมาไหน ไม่มีโอกาสทำอะไร.... ขอให้มึงจินตนาการบ้างว่า ย้อนไป 60 ปีก่อน ในยุคที่พ่อแม่เป็นหนุ่มสาว พวกเขายิ่งลำบากกว่าผมอีกเท่าไร
ผมก็เลยมาถึงข้อสรุปว่า ชีวิตวัยนั้นของผมผมไม่ได้ขาดหายอะไรไปเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ผมกลับได้รับการเติมเต็มด้วย Square Enix, เติมเต็มด้วยอารยธรรมวินนิ่งฯ ของ Konami ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ มากมายจากการดูแลหลาย Webboard ได้แสวงหา และเลือกเฟ้นเพื่อนใหม่ในชีวิตด้วยตนเอง
ผมโชคดีมากมายแล้วจริง ๆ
อ่าว ไหงแม่งมาถึงข้อสรุปแบบนี้ได้วะะะ งงตัวเองงง
Post a Comment