ความประทับใจจาก Subasekai ตอนที่ 11
เนกุ : เป็นความผิดฉันเอง ค่าเข้าร่วมเกมของฉันก็คือเธอ ชิกิ
ชิกิ : เอ๊ะ.... เอ๋~~~~~~~~~
ฉันกลายเป็นค่าเข้าร่วมเหรอออ
งั้นก็หมายความว่าาาา...
ทำไมล่ะะะะะะะะะะะ
บีท : ก็แปลว่าเธอกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของหมอนี่ไปแล้ว
เนกุ : ขอโทษนะ ฉันแค่... อยากให้ชิกิมีชีวิตอีกครั้ง ฉันอยากจะเห็นชิกิพูดคุย หัวเราะ ไปกับเพื่อนของเธอในชิบุยะ
ชิกิ : เนกุ เธอเปลี่ยนไปนะ...
เนกุ : ก็เพราะชิกิไงล่ะ
ชิกิ : เอ๋~~~~~~ (ยกตุ๊กตาขึ้นมาปิดหน้า)
------------------------------
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก~~~~~~~😂🤣 ไอ้การบอกรักที่ไม่ต้องมีคำว่ารักเนี่ย เป็นมุกหากิน ที่ใช้ยังไงก็ยังก๊าวใจจริง ๆ
จู๋ ๆ ผมก็คิดขึ้นมาว่า "โชกะ" ในภาคชิน ก็คือชิกิ ที่โดนทำอะไรสักอย่างแล้วกลายเป็นยมทูตโดยไม่เต็มใจ แล้วเนกุเองก็จะต้องมาช่วย
พอไปดูในปก Artwork ก็เห็นว่าเนกุน่ะ ยืนอยู่ข้างหลังโชกะ พอดี ❤
เนกุ : มีอุดมคติเดียวกัน? เรื่องแบบนั้นน่ะ...
เมกุมิ : ทำได้สิ!! ตราบที่ฉันยังมีเข็มกลัด Red Skull อยู่
เนกุ : แกคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดเหรอ!?
"ชิบุยะที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันก็ดีอยู่แล้ว!!"
----------------------------------------------------
ฉากที่เมกุมิเปิดเผยเป้าหมายของตัวเองในตอนท้ายของ Subarashiki Kono Sekai เป็นอะไรที่ถูกจริต และตราตรึงใจผมมากจริง ๆ นับตั้งแต่ปี 2007
เรื่องมันเริ่มมาจาก Composer (ยมราช) เห็นว่าโลกมิตินี้มันเน่าเหม็น และควรทำลายทิ้ง ก่อนที่ความชั่วร้ายนั้นจะลามไปติดภพภูมิอื่น
แต่เมกุมิ Conductor ที่มีตำแหน่งรองจาก Composer นั้น รักโลกมาก และไม่อยากให้โลกถูกทำลาย จึงขอโอกาสจาก Composer เพื่อจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้
เมกุมิคิดว่าหนทางแห่งความสุขสงบ คือการทำให้มนุษย์ทุกคนคิดแบบเดียวกัน ทำแบบเดียวกัน เป็นแบบเดียวกัน ละทิ้งอัตภาพความแตกต่างไป แล้วกลายเป็นสิ่งที่เหมือน ๆ กันทั้งหมด
เพื่อจะทำแบบนั้น เมกุมิจึงหาทางส่งต่อและเผยแพร่เข็มกลัด Red Skull ไปในหมู่มนุษย์ ใช้มันเป็นสื่อกลางในการรับพลังจิตของเขา ใครที่ติดเข็มกลัดนั้น ก็จะถูกเมกุมิควบคุมให้กลายเป็นตุ๊กตาที่สูญเสียตัวตน และ Paste ความนึกคิดแบบเดียวกันลงไป
เป็นวิธีเผด็จการทางความคิด เลือกความสงบ จบที่วิธีของเมกุมิจริง ๆ
ซึ่งมันก็คงสร้างโลกที่สงบได้... หากแต่นั่น มันก็คือโลกที่ทุกคนเป็นดั่งตุ๊กตา ไม่ใช่โลกของมนุษย์
ในขณะที่เนกุซึ่งรังเกียจมนุษย์ ปฏิเสธการเชื่อมโยงกับผู้คนนั้น กลับเติบโตขึ้น จนถึงขั้นบอกว่าโลกที่เป็นอยู่แบบนี้ (2007) มันก็ดีอยู่แล้ว
ถึงคนเราจะต่างกัน บางครั้งอาจจะทะเลาะเบาะแว้งฆ่าฟันทำสงครามแตกหักและล่มสลาย
แต่เพราะความแตกต่าง เมื่อเราได้แลกเปลี่ยนกัน มันก็นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง ก่อเกิดสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ ที่ทำให้โลกมันก้าวไปข้างหน้าได้....
ในเวอร์ชั่นเกม (2007) กับเวอร์ชั่นแอนิเม (2021) แม้สคริปต์จะต่างกันไปบ้าง แต่ใจความตรงนี้ก็ยังเหมือนกัน
แอนิเมชันตอนหน้าเรื่องราวก็จะจบลงแล้ว จะคอยดูว่า Epilogue จะเผยให้เราเห็นเรื่องราวฝั่งโจชัวแค่ไหน แล้วเราจะได้เห็นบทบาทของชิกิต่อหรือไม่
Post a Comment