บันทึกการเล่น SaGa Frontier Remastered วันที่แปด เนื้อเรื่อง Asellus
เนื้อเรื่อง SaGa Frontier ที่ผมเล่นเป็นคนที่ 6 อเซลลัส เด็กสาวชาวดาวชไรค์
วันหนึ่งป้าให้อเซลลัส ปั่นจักรยานเอาหนังสือไปส่งที่บ้าน ดร.โอโคโนงิ ผู้เป็นพ่อของเรด
ขากลับ อเซลลัสเจอขบวนรถม้าของจ้าวแห่งมิสติก ออร์ลูจน์ (Orlouge) ที่กำลังซิ่งไล่ล่าเจ้าหญิงเรย์ที่หนีไป ชนเข้าให้
อเซลลัสปางตาย ออร์ลูจน์เลยพาไปรักษาที่ดินแดนฟาซินาทูรู แดนแห่งมิสติก แล้วทำการถ่ายเลือดของออร์ลูจน์เข้าไปให้
12 ปีผ่านไป อเซลลัสฟื้นขึ้นมา กลางเป็นคนที่มีเลือดสีม่วง คือเลือดมนุษย์สีแดง ผสมกับเลือดมิสติกสีน้ำเงิน
ออร์ลูจน์ ฝากให้เจ้าหญิงกุหลาบขาว เจ้าหญิงคนที่ 46 ของฟาซินาทูรู เป็นคนสอนเรื่องธรรมเนียมของชาวมิสติกให้อเซลลัส และให้อิลดอน ฝึกสอนการใช้พลังของมิสติกให้
แต่แล้วอเซลลัสก็ฟ้าวโลด หนีออกจากฟาซิทาทูรู เพื่อกลับบ้านเกิดที่ชไรค์ โดยที่เจ้าหญิงหิมะขาวขอตามไปดูแลด้วย
พออเซลลัสกลับไปถึงบ้าน ก็รีบเข้าไปทักทายป้า ทว่าป้าของอเซลลัสตกใจที่เธอไม่แก่ขึ้นเลย แถมยังกลายเป็นผมสีเขียว ป้าคิดว่านี่ต้องเป็นมิสติกปลอมตัวมาเป็นอเซลลัสเพื่อหลอกป้าแน่ ๆ ก็อเซลลัสน่ะตายไปตั้ง 12 ปีแล้ว ว่าแล้วก็ป้าก็วิ่งออกจากบ้านไป ท่ามกลางความผิดหวัง โลกทั้งใบพังทลายของอเซลลัส...
อีกฝั่งหนึ่ง ทางออร์ลูจน์ จ้าวแห่งมิสติกก็ไม่พอใจ เขาเองก็อยากปล่อยดูว่าอเซลลัสจะทำอะไรต่อไป แต่เขายอมให้เจ้าหญิงกุหลาบขาว หนึ่งในฮาเรมของเขา ออกไปจากฟาซินาทูรูอีกคนไม่ได้
ว่าแล้วออร์ลูจน์ก็ส่งลูกสมุนคนแล้วคนเล่า มาใช้กำลังตามพวกอเซลลัสกลับไป
แต่กลายเป็นว่าลูกสมุนเหล่านั้น เจอกลุมพันธมิตร Fontier.... เก็น เอมิเลีย ลูท เฟยหลง ธันเดอร์ แอนนี ฯลฯ กระทืบยับกลับไปไม่มีชิ้นดี
จนออร์ลูจน์ต้องให้เจ้าหญิงไลออน เจ้าหญิงลำดับที่ 44 ของฟาซินาทูรู ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งและกล้าหาญที่สุด มาสู้กับพวกอเซลลัสด้วย
แต่ไม่วาย ไลออนเจอลูทจับทุ่ม DSC ปลิวหายไปอีก
ไลออนที่พ่ายแพ้ ก็บอกว่าเธอเข้าใจความคิดของพวกอเซลลัส เธอเองก็เคยคิดแบบเดียวกัน (อยากมีอิสรภาพ)
จากนั้นอิลดอน มิสติกที่ออร์ลูจน์เคยฝากให้เป็นผู้ฝึกสอนวิชาให้อเซลลัส ก็ตามมาช่วยและเตือนว่าเซียโต้ (Ciato) มือขวาของออาร์ลูจน์กำลังจะมาตามอเซลลัสกลับไป
หลังจากนั้นเซียโต้ ก็มาสู้อีกคน แต่ก็โดนตบยับกลับไปอีกเช่นเคย แล้วเซียโต้ก็หายไปเลย โดยอิลดอนบอกว่านั่นคือจุดจบของมิสติก เมื่อเผชิญกับจิตตานุภาพ (Willpower) ที่ของมิสติกที่สูงกว่า ก็จะทำให้มิสติกที่อ่อนชั้นกว่าหายไปได้ ทุกคนกลัวเกรงออร์ลูจน์ก็เพราะออร์ลูจน์ทำให้ทุกคนหายไปได้นั่นเอง
เมื่อลูกสมุนทั้งหมด ไม่มีใครตามอเซลลัสกับเจ้าหญิงกุหลาบขาวกลับไปได้เลยสักคน ออร์ลูจน์จึงใช้เวทมนต์สร้างมิติมืด (Dark Labyrinth) ขึ้นมากักขังอเซลลัสและพวก
ในมิติมืดนั้นเป็นเขาวงกต ที่ทุกคนไม่มีทางออกไปได้ เว้นแต่จะมีใครคนหนึ่งยอมเสียสละ ขังตัวเองไว้ในนั้นหนึ่งคน
ซึ่งในมิติมืดนั้นเอง พวกอเซลลัสก็เจอกับมอนสเตอร์ตัวหนึ่งชื่อ Turnip ที่โดนทิ้งไว้เฝ้ามิติมืด
แต่แล้วกลายเป็นว่าเจ้าหญิงกุหลาบขาว ยอมกักขังตัวเองอยู่ในมิติมืดนั้นแทน แล้วส่งทุกคนออกมาสู่โลกภายนอก พร้อมบอกให้อเซลลัส จงใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ
Turnip ที่ได้หลุดพ้นจากมิติมืดออกมาด้วย ก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณพวกอเซลลัส จึงขอติดตามไปด้วย อีกทั้งซอสม่ายังตามมาช่วยอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
---------------------------------------------------
[เนื้อเรื่องที่ถูกตัดทิ้งไปในปี 1997 แต่ใส่กลับเข้ามาใหม่]
1) ซอสม่าจะบอกว่าที่ศูนย์วิจัยชีวภาพในดาวชไรค์ มีการจับมิสติกชั้นต่ำมาทดลอง อยากให้อเซลลัสลองไปดู
พอไปถึง อเซลลัสจะเจอนาชีร่า (Nasheera) แนะนำตัวว่าเธอเป็นหัวหน้าศูนย์แห่งนี้ เราทำการทดลองเรื่องปริศนาของชีวิต และเธอจะขอตรวจสอบพลังชีวิตของอเซลลัสหน่อย พอตรวจดูก็พบว่าอเซลลัสมีพลังเยอะมาก จนเชื่อว่าต้องเป็นมิสติกระดับสูงสุดแน่
แล้วนาชีน่าก็พาไปดูว่า เธอจับพวกมิสติกมาขังเพื่อสูบพลังชีวิตไปเก็บไว้ อีกทั้งในชั้นใต้ดิน ก็มีการขังมนุษย์ไว้ เพื่อสูบพลังชีวิตมนุษย์ไปซัพพอร์ทหล่อเลี้ยงให้มิสติกเหล่านั้นอีกทอด
อเซลลัสก็จะโวยว่าทำแบบนี้กับชีวิตคนอื่นได้ไง แต่นาชีน่าอธิบายว่ามนุษย์เหล่านี้ ได้ยอมขายชีวิตตนเองเพื่อแลกกับเงินก้อนโต ก่อนเซ็นสัญญากันพวกเขาได้อ่านคำอธิบายหมดแล้ว แต่ก็ยอมตกลงรับงงานนะ
ถึงแม้จะดูโหดร้าย แต่การทดลองเหล่านี้คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ มันคือการทดลองเพื่อหาทางทำให้มนุษย์มีชีวิตที่เป็นอมตะ (ดึงพลังจากมิสติกมาเก็บไว้ แล้วหาทางมอบให้แก่มนุษย์) ซึ่งเธอจะไม่ทำให้ชีวิตของพวกมนุษย์ทดลองต้องสูญเปล่า เธอจะทำให้สำเร็จให้ได้
นอกจากนี้ หัวหน้าของชาวมิสติก (น่าจะหมายถึงออร์ลูจน์) ยังบอกนาชีร่าเองว่า จะจับพวกมิสติกชั้นต่ำไปทำการทดลองเท่าไหร่ก็ได้ เขาไม่ว่า
ถึงตรงนี้ถ้าอเซลลัสไม่พอใจ นาชีร่าก็จะขอให้อเซลลัสช่วยเข้ารับการทดลองแทนสิ คนและมิสติกพวกนั้นก็จะได้ไม่ต้องทำ
ถ้าอเซลลัสตกลง นาชีร่าจะพาอเซลลัสไปเข้าแคปซูลทดลอง เพื่อสูบพลังของอเซลลัสไป ในแคปซูลนี้พวกมนุษย์จะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าเป็นมิสติกจะรู้สึกเจ็บ ซึ่งอเซลลัสพออยู่ในแคปซูลก็เจ็บปวดมาก
อเซลลัสโดนสูบพลังบางส่วนไป แล้วนาชีร่าก็เอาพลังนั้นสร้างเป็นกุหลาบยักษ์ออกมา แล้วมันก็กลายเป็นกุหลาบสีม่วง เหมือนสีเลือดของอเซลลัส
แต่แล้วอเซลลัสก็พังแคปซูลออกมา แล้วบอกว่านาชีร่าทำให้คนมากมายต้องเจ็บปวดและอยู่ในอันตราย เพียงเพื่อจะสร้างกุหลาบแค่นี้เนี่ยนะะะะะ (นาชีร่าก็บอกว่าจะกุหลาบหรือคน มันก็สิ่งมีชีวิตเหมือนกันโว้ยยย)
แล้วอเซลลัสก็ไล่ปลดปล่อยคนกับมิสติกที่ถูกทดลองอยู่ ให้หนีไป.... ส่วนนาชีร่าก็ปล่อย Earth Dragon สุดโฉดมาสู้กับเรา ซึ่งเราก็ต้องปราบแล้วหนีไปจากศูนย์วิจิยนี้ให้ได้
2) ซอสม่าบอกว่าที่คูรอง มีหมอที่ทำการรักษาโรคแปลก ๆ ทั้งหลายอยู่ อเซลลัสเลยลองตามหาดูแล้วพบ ดร.นูซาคาน แล้วขอให้เขารักษาเธอให้
ดร. ก็สาธิตการผสมสีให้ดู โดยเอาสีแดงเทลงใส่สีน้ำเงิน กลายเป็นสีม่วง แล้วบอกว่าการผสมสีมันง่าย แต่การจะแยกกลับให้เป็นสีน้ำเงินกับแดงมันยาก ถึงโอดครวญไปก็ไม่ได้อะไร เขาอยากให้ยอมรับชะตากรรม
อเซลลัสถามด๊อกเตอร์ว่า แล้วการที่เธอได้รับเลือดมิสติกมา มันทำให้เธอเปลี่ยนไปรึเปล่า? ดร. ตอบว่าเขาก็ไม่รู้ แต่ก็น่าจะมีผลแหละ
ดร. บอกว่าเขามาอยู่ที่นี่ก็เพื่อศึกษาวิจัยโรคแปลก ๆ ส่วนอเซลลัสก็บอกว่าคนที่ (จิต) ป่วยแถวนี้ ก็มีแต่ ดร. เนี่ยแหละ
แล้ว ดร. ก็มองว่าอเซลลัสน่าจะเป็นกรณีศึกษาที่ดี จึงขอตามติดชีวิตไปด้วย
3) ซอสม่าบอกอเซลลัสว่าเฟอร์โด เป็นมิสติกชั้นต่ำที่คิดค้นวิธีโค่นมิสติกชั้นสูง ดังนั้นถ้าอเซลลัสอยากช่วยเจ้าหญิงกุหลาบขาว รวมถึงกลับเป็นมนุษย์ด้วย อเซลลัสก็ต้องโค่นออร์ลูจน์ให้ได้ ดังนั้นก็น่าจะไปศึกษาดูว่าเฟอร์โดมันคิดค้นวิธีอะไรขึ้นมา
พออเซลลัสไปที่บ้านของเฟอร์โด ก็เจอเฟอร์โดรอต้อนรับอยู่ แล้วเขาก็ชวนเข้าไปดูบ้านของเขา เฉพาะอเซลลัสคนเดียว
ในบ้านนั่น มีรูปปั้นหินของทุกสรรพสิ่งอยู่เต็มไปหมด แต่แท้จริงแล้ว มันโดนสาปให้กลายเป็นหินไว้
พอตามไปถึงห้องทำงานของเฟอร์โดด้านในสุด เขาก็เผยว่า วิชาของเขาคือการสาปให้ทุกสรรพสิ่งกลายเป็นหิน ไอ้รูปปั้นหินทั้งหมดในปรากฏ มันก็คือสิ่งมีชีวิตทั้งนั้นแหละ ซึ่งอเซลลัสเห็นแล้วก็โกรธ เฟอร์โดเองรู้ว่าอเซลลัสมีเลือดของออร์ลูจน์อยู่ ก็อยากลองวิชาว่ามันจะใช้ได้ผลกับอเซลลัสรึเปล่า
อเซลลัสก็ดวลตัวต่อตัวกับเฟอร์โด ซึ่งมันจะชอบสาบให้เป็นหิน กับใช้ Glass Shiled วิชาสะท้อนท่า Melee
พอชนะแล้ว ซอสม่าก็พึ่งตามมช่วย แล้วบอกว่าพวกชั้นต่ำริอาจมาลองดีกับของจริง ก็กลับบ้านเก่าไปแบบนี้แหละ
---------------------------------------------------
จากนั้นซอสม่าก็แนะนำให้นั่งยานกลับไปยิงดินแดนฟาซินาทูรู พอไปถึงอเซลลัสก็ทราบว่าจีน่า สาวชาวบ้านร้านตัดเย็บเสื้อผ้าโดนจับไปขังไว้ในปราสาท อเซลลัสต้องไปช่วยออกมา
ในปราสาทนั้น นอกจากช่วยจีน่าแล้ว อเซลลัสยังต้องต่อสู้กับลูกสมุนมากมาย ต้องปราบผีเซียโต้ ไลออนอีกครั้ง และเผชิญหน้ากับผีราสตาบัน
ถ้าเลือกจะจบแบบมนุษย์ - อเซลลัสเผชิญหน้ากับราสตาบัน แล้วรู้ว่าราสตาบันอยากให้เธอโค่นล้มออร์ลูจน์เพื่อประโยชน์ของราสตาบันเอง ซึ่งราสตาบันก็ยอมรับว่าใช่ และขอให้อเซลลัสขึ้นเป็นประมุขคนใหม่แห่งฟาซินาทูรู แต่อเซลลัสปฏิเสธว่าไม่ เธอจะปราบออร์ลูจน์เพื่อตัวเองแล้วกลับเป็นมนุษย์ ราสตาบันเลยเย้ยว่าเขาคงประเมินสติปัญญาของอเซลลัสสูงเกินไป งั้นเขาจะกำจัดอเซลลัสและออร์ลูจน์เอง
ถ้าเลือกจะจบแบบลูกครึ่งมิสติก - ทั้งสองไม่ต้องสู้กัน
จนสุดท้ายอเซลลัสก็เข้าไปถึงตัวออร์ลูจน์ที่รออยู่
ตรงนี้จะมีบทสนทนา 3 แบบ แล้วแต่ว่าเราเลือกจบแบบไหน ถ้าเป็นแบบยอมรับชะตากรรมที่จะเป็นลูกครึ่งมิสติก อเซลลัสก็จะบอกว่าเธอโดนมนุษย์รังเกียจ โดนเหล่ามิสติกถากถาง แต่เธอก็จะมุ้ฟอรยอมรับ
ออร์ลูจน์ก็ผิดหวังว่าเขาอุตส่าห์ช่วยชีวิตอเซลลัสมา แต่อเซลลัสกลับไม่เห็นคุณค่า ทั้งที่อเซลลัสมีพลังความมืดที่จะครองทั้งจักรวาลได้แต่กลับไม่ทำ นั่นคือความผิดพลาดของเขาจริง ๆ
เข้าสู่การต่อสู้ตัดสินกับออร์ลูจน์
---------------------------------------------------
ฉากจบเกมมี 3 แบบ
A) แบบลูกครึ่งมิสติก (Canon Ending) จีน่าในวัยชราเล่าเรื่องของอเซลลัสให้ลูกหลานฟัง แล้วอเซลลัส อิลดอน ซอสม่า เจ้าหญิงกุหลาบขาวก็มาเยี่ยม
จีน่าบอกว่าอิลดอนเปลี่ยนไปมาก กลายเป็นคนอ่อนโยนขึ้นเยอะ และจีน่าก็ขอให้อเซลลัสมาเยี่ยมปีละครั้งจนกว่าเธอจะแก่ตาย
B) จบแบบมนุษย์ เป็นเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปนาน อเซลลัสตายไปแล้ว แต่เธอได้จากไปอย่างมีความสุข แล้วภาพก็ย้อนชีวิตเธอหลังกลับเป็นมนุษย์ ได้เลี้ยงหมา เที่ยวเล่นกับเพื่อน แต่งงาน มีลูกสองคน ใช้ชีวิตจนแก่ และจากไปอย่างมีความสุข
มิสติกทั้งหลายกล่าวขานถึงเธอในแบบที่แตกต่างกันไป ซอสม่าบอกว่าอเซลลัสคือคนที่กล้าทิ้งชีวิตอมตะ เรย์บอกว่าคือดอกไม้ที่งดงามที่สุดก่อนจะร่วงโรย เมซาร์ธิมบอกว่าเหมือนไฟที่สว่างวาบก่อนจะลับหายไป
ท้ายที่สุดแล้ว อเซลลัสก็ได้จากไปในฐานะของมนุษย์ พร้อมกับรอยยิ้มของเธอ
C) จบแบบมิสติกเต็มตัว อเซลลัสขึ้นครองราชเป็นประมุขคนใหม่ของฟาซินาทูรู แล้วสั่งให้ทำให้พวกเจ้าหญิงรุ่นก่อนที่เป็นฮาเรมของออร์ลูจน์ หลับไม่ตื่นอีกเลย แล้วเธอก็ทำให้จีน่ากลายเป็นเจ้าหญิงคนแรกในยุคสมัยของเธอ
***เหมือนในเรื่องมีประเด็นที่ราสตาบัน ไปท้าทายสู้กับเซียโต้แล้วแพ้ แต่เกมกลับขึ้นว่าเป็นแผนของราสตาบัน แล้วตอนหลังราสตาบันยังไปจับจีน่ามาขังไว้ที่ปราสาท ทำให้อิลดอนงงมากว่าทำไปทำไม...
เมื่อประกอบกับการที่ราสตาบันพูดกับอเซลลัสว่า เวลาของฟาซินาทูรูหยุดเดินมานานแล้ว และอเซลลัสคือคนที่จะมา reset เวลานั้น
ผมเลยมองว่าราสตาบัน ทำทุกอย่างเพื่อเค้นให้อเซลลัส ต้องมาเผชิญหน้ากับออร์ลูจน์ แล้วโค่นล้มยุคสมัยของออร์ลูจน์นะ
Q&A จาก The Essence of SaGa Frontier
---------------------------------------------------
- ในวัยเด็ก อเซลลัสทำงานอยู่ที่ร้านหนังสือของป้าในดาวชไรค์ ระหว่างที่เธอปั่นจักรยานกลับจากการส่งหนังสือที่บ้าน ดร.โอโคโนงิ ก็โดนขบวนรถม้าของออร์ลูจน์ชนเข้าให้ ฉากนี้ถูกตัดออกไป
- Turnip ไปทำให้ออร์ลูจน์โกรธ เลยโดนขังอยู่ในมิติมืด
- เดิมวางเนื้อเรื่องให้อเซลลัสสามารถหนีออกจากฟาซินาทูรูได้หลายวิธี อีกวิธีคือการโดดลงเตาเผา แล้วจะออกไปยัง Mosperiberg โดยคุเรไน ที่เป็นคนดูแลเตาเผา เป็นผู้บอกเรื่องนี้แก่อเซลลัส (เนื้อเรื่องนี้เอากลับมาใน Ver.2021)
- โกซารุส ใช้ความเพียรพยายามหนักในการสร้างผลงานที่ดีออกมา ทว่าในสังคมของมิสติกนั้นไม่ให้ค่ากับความพยายามและการเรียนรู้ เรียกว่าพวกมิสติกให้ค่ากับ "พรสวรรค์โดยกำเนิด" ส่วน "พรแสวง" ที่มาจากการทุ่มเทแรงกายใจของโกซารุสนั้น ไม่มีใครให้ค่า
- เจ้าหญิงในฮาเรมของออร์ลูจน์มีด้วยกัน 100 คน โดยเรย์ไม่มีหมายเลข ส่วนเจ้าหญิงคนสุดท้ายหมายเลข 99 นอกจากนี้เฉพาะไลออน (44) และกุหลาบขาว (46) เท่านี้ที่มีการตั้งชื่อไว้
- มิสติกนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวรักใคร่แก่กัน แล้วก็ไม่ได้ผูกสัมพันธ์แบบเพื่อน แต่อิลดอนกับราสตาบันก็ยังไปด้วยกันได้ดี ทีมงานไม่ได้เขียนพล็อตว่าสองคนนี้มีอดีตอะไรกันมา เชิญจิ้นกันเองตามสะดวก
- เวลานากาจิมะเจออเซลลัส เขาจะอึ้ง แล้วบอกว่ามันทำให้เขานึกถึงลูกสาวของตนเอง? ....แท้จริงแล้วสองคนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ผู้ชายในวัยเดียวกับนากาจิมะ พอเจอเด็กสาว ก็จะชอบพูดประโยคทำนองนั้นออกมาแหละ
- ภาพมิสติก 3 คนที่ปรากฏในศึกสุดท้ายตอนสู้กับออร์ลูจน์ พวกเธอไม่ใช้เจ้าหญิง แต่เป็นภาพสัญลักษณ์แทนคุณสมบัติ 3 ประการที่มิสติกเชิดชู นั่นคือ "ทำให้ผู้อื่นหลงสเน่ห์ในความงาม" "ทำให้ผู้อื่นยำเกรงด้วยความหวาดกลัว" และ "จงทรนงไม่ยอมจำนนต่อผู้ใด"
- เดิมวางแผนให้หลังจากเจ้าหญิงกุหลาบขาวออกจากปาร์ตี้ไปแล้ว ซอสม่าจะพาอเซลลัสไปหามนุษย์และมิสติกหลายคน เพื่อให้เธอได้เรียนรู้และตัดสินใจได้ว่าจะใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์ มิสติก หรืออย่างไรต่อไป ในโลกนี้มีมนุษย์ที่โหดร้ายแบบนาชีร่า, ยารุโตะ (ผบ. Trinity คนก่อนหน้ามอนโด) แล้วก็มี ดร.นูซาคานที่อยู่ร่วมกับสังคมมนุษย์ได้ การกระทำทั้งหมดของอเซลลัสก็จะส่งผลกับฉากจบ แต่เหตุการณ์เหล่านี้ก็ถูกตัดทิ้งไป (แล้วใส่กลับมาใน Ver.2021) เนื่องจากข้อจำกัดของเวลาในการพัฒนา ส่วนระบบ Multi-Ending นั้นก็ถูกลดความซับซ้อนลงอย่างที่เห็นในตัวเกมฉบับที่เสร็จแล้ว
หนีออกจากดินแดนฟาซินาทูรู แบบโดนปล่องไฟทำไงครับ
ตอบลบ