การอยู่กับหลักฐานแห่งความรักที่มิอาจตอบสนองกลับไปได้


เมื่อวันก่อนเล่าให้น้อง ๆ ฟังว่า ตอนที่ผมเล่น KH1 จบสมัย ม.ปลาย เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว พี่สาวผมบังเอิญเดินเข้ามาในห้อง และมานั่งดูฉากจบไปพร้อมกันด้วย

อันที่จริงพี่สาวผมทั้งวันนั้นและวันนี้ ก็ไม่ได้รู้เรื่อง Kingdom Hearts ...เธออาจจะเคยเห็นผมเล่นผ่าน ๆ ตา แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร

จนวันที่ผมเล่น KH 1 ออริจินอล จบเกมรอบแรก... พี่สาวผมก็บังเอิญเดินเข้ามาในห้องผมพอดี แล้วเห็นจังหวะกำลังชุลมุนกับบอสใหญ่มัน ๆ เหมือนมันกำลังจะจบแล้ว พี่สาวที่ว่างอยู่ ก็เลยนั่งดู แล้วก็อยู่ลากยาวยันฉากจบไปด้วย

จวบจนกระทั่งฉากจบดำเนินมาถึงตอนที่ไคริกลับไปยังถ้ำลับในเกาะแห่งชะตากรรม และได้เห็นภาพขูดผนังถ้ำ ที่โซระวาดให้ตัวเองป้อนผลมะเฟือง (aka. เปาปู) ให้กับไคริ ซึ่งไคริที่เห็นก็ถึงกับหลั่งน้ำตา ทรุดลง และเอามือลูบลงไปยังภาพสลักนั้น

ผมดูแล้วก็หน่วงอยู่ในอกอย่างบอกไม่ถูก แต่พอหันไปมองหน้าพี่สาว พี่สาวก็เริ่มมีน้ำซึมออกมา

โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องราวความเป็นมา หรือความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง 2 ตัวละครนี้มาก่อน แค่เพียงได้เห็นภาพวาดสลักที่ชายคนนึงมอบอะไรสักอย่างให้หญิงอีกคน ก็เกินพอที่จะสื่อได้ว่าเขามีความรู้สึกให้กันอย่างไร มันคือการบอกรักในแบบฉบับของโซระและไคริเพียงสองคน การบอกรักที่ไม่ต้องใช้คำพูด ไม่ต้องใช้ภาษากาย และไม่เหมือนใคร...

เมื่อพึ่งได้ยืนยันรับรู้ว่าครั้งหนึ่ง เคยมีใครสักคนที่ห่วงหาอาทรเรามากแค่ไหน ทว่าเขาคนนั้นกลับไม่ได้อยู่อีกต่อไปแล้ว เราได้แต่เห็นและอยู่กับหลักฐานที่บ่งบอกถึงความรักนั้น โดยที่เราไม่อาจตอบสนองความรู้สึก หรือแม้จะสื่อสารใด ๆ เพื่อตอบกลับไปสู่เขาได้

มันทั้ง Emotional, Deep และเศร้า

เป็นซีนสั้น ๆ ที่ไม่มีคำพูดใด ๆ แต่มีพลังมหาศาลที่จะทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องราวความเป็นมาของ Kingdom Hearts มาก่อน แต่อ่อนโยนพอจะมีหัวใจที่สามารถสัมผัสได้ถึงความรักของมนุษย์ หวั่นไหว... และน้ำตาซึมตามไคริไปด้วยได้

ก็เป็นหนึ่งในซีนที่กำกับได้เด็ดดวงที่สุดในซีรีส์ ในระดับเดียบกับฉากเอาคีย์เบลดจ้วงตัวเองของโซระ, ฉาก Blank Points ของ BBS, ฉาก Union X ของ 3

ไม่มีความคิดเห็น