Master Xehanort's Story เรื่องราวจากหนังสือ KH Series Character Files


ตัดตอนจากหนังสือ Kingdom Hearts Series Character Files ซึ่งวางจำหน่ายวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2020 (หลัง DLC Re: Mind ออกเดือนนึง)

ดูรายละเอียดหนังสือได้ที่ https://store.jp.square-enix.com/item/9784757564930.html

--------------------------------

Master Xehanort’s Story
"My Dear Old Friend"

โลกนี้ช่างเล็กเกินไป

ไม่มีอะไรนอกจากทะเลสีฟ้า ท้องฟ้าสีคราม หาดทรายสีขาว ฉันจึงอยากไปจากโลก

ฉันออกเดินทางจากบ้านเกิดเพราะการชี้นำจากอนาคต

ระหว่างการเดินทาง ฉันได้สัมผัสกับความมืดหลายต่อหลายครั้ง แต่หากสามารถควบคุมมันได้ ความมืดก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องหวาดกลัว ฉันคิดแบบนั้น

ฉันได้ใช้เวลาไปกับการฝึกฝน จนมีเพื่อน

ชื่อของเขาคือเอราคุส ผู้ใช้คีย์เบลดคนพิเศษ ที่สืบสายเลือดมาจากมาสเตอร์ฯ รุ่นแรก ๆ จากยุคปรัมปรา เขาได้รับความคาดหวังตั้งแต่เกิดว่าวันหนึ่งเขาจะใช้คีย์เบลด ด้วยโลกทัศน์ที่แตกต่างจากฉันโดยสิ้นเชิง ฉันไม่อยากไล่ตามเขา แต่อยากจะจะเป็นคนเดินเคียงข้างไหล่ชนไหล่กับเขา

เรามักจะคุยเรื่องสากกะเบือยันเรือรบกันระหว่างเล่นหมากกระดาน 

บางครั้งเราก็คุยเรื่องการฝึกวิชา บางครั้งก็คุยกันเรื่องเป้าหมายที่พวกเราจะฟันฝ่าไปให้ถึง

"เคยได้ยินเรื่องสงครามคีย์เบลดเมื่อครั้งโบราณรึเปล่า?"

ฉันรุกเข้าไปกินหมากตัวหนึ่งของเอราคุส

"เหอ? เคยอยู่แล้วสิ"

เอราคุสเดินเข้ามากินหมากของฉันกลับ

"นานมาแล้ว ผู้ใช้คีย์เบลดได้ทำสงครามแก่งแย่งช่วงชิงแสงสว่างกัน"

ฉันเดินหมากอีกตัว เขาเดินหมากตัวอีกตัว แล้วเกมก็วนลูป ผลัดกันไปมา

"อือ นั่นเรื่องโปรดของมาสเตอร์เลยนี่"

"สงสัยเหลือเกินว่าหลังจากพวกนั้นทำให้ Kingdom Hearts ปรากฏขึ้นมาแล้ว พวกเขาวางแผนจะทำอะไรกันต่อ" ฉันพูดกับเอราคุส ถึงคำถามที่ค้างคาใจฉันมาโดยตลอด

"ใครจะไปรู้? ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมถึงมีคนอุตริก่อสงครามขึ้นมา" เขาตอบกลับมา มันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ แต่การที่สงครามจะเกิดขึ้นได้นั้นก็ต้องมีคนก่อมันขึ้นมา ด้วยเหตุผล

ฉันมีอีกคำถามหนึ่งจะถามเขา "แล้ว... นายรู้จัก Lost Master มั้ย"

"ใครเหรอ?" เอราคุสถามกลับด้วยท่าทีเหมือนไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน-หรือไม่ก็แกล้งได้เนียนมาก

"ก็พวกคนที่เป็นคนก่อสงครามคีย์เบลดไง"

"ไม่เห็นเคยได้ยินเลย ไปฟังมาจากไหนล่ะ? เขาตอบกลับมาโดยสายตาที่จับจ้องไปยังกระดาน ดูท่าทางครุ่นคิดอะไรอยู่

"ไม่ก้อ..." ฉันพูดต่อ "พวกคนที่เป็นต้นเหตุของสงคราม" ใช่แล้ว สงครามคีย์เบลดเกิดขึ้นก็เพื่อผลประโยชน์ของ Lost Master" ด้วยความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นในใจ ทำให้ฉันพูดออกไป "เลิกปลอมได้แล้ว"

"ปลอม?"

"ในดินแดนนั้นความมืดจะมีชัยและแสงสว่างจะสญสิ้นไป ว่าที่คีย์เบลดมาสเตอร์ย่อมจะรู้อยู่แล้ว"

"ถ้านายพูดแบบนั้น" เอราคุสยักไหล่

"ดวงตาที่เพ่งพิศมองเห็นชะตากรรมของโลก อนาคต... ที่ได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว"

ฉันมองไปยังคีย์เบลดที่แขวนอยู่บนกำแพง มันคือคีย์เบลดพิเศษ เล่มที่เก่าแก่ที่สุด ที่ส่งต่อกันมาระหว่างคีย์เบลดมาสเตอร์หลายยุคสมัย

หลังจากนั้น ฉันออกเดินทางไปยังโลกต่าง ๆ ตัวคนเดียว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสอบเป็นมาสเตอร์ ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายระหว่างการเดินทาง

หลายทศวรรษต่อมา... เราต่างพบว่าตัวเองอยู่บนเส้นทางที่แตกต่างกัน

"เดี๋ยวก่อน เซอานอร์ท" เขาพูดหยุดฉันไว้ ตอนนี้เราต่างมีอายุมากขึ้นด้วยกันทั้งคู่แล้ว

"การที่เราถูกกีดกันไม่ให้รู้เรื่องพวกนั้นมันมีเหตุผลอยู่ นายจะตามหา χ-blade ไปทำไม? นายจะปกคลุมโลกทั้งหมดด้วยความมืด ทำให้ทุกอย่างคืนสู่ความว่างเปล่างั้นเหรอ!?"

เราต่างเป็นคีย์เบลดมาสเตอร์แล้ว และเขาก็เป็นผู้พิทักษ์ดินแดนแห่งนั้น การปกป้องมันก็เป็นหน้าที่ของคีย์เบลดมาสเตอร์: รักษาสมดุลระหว่างแสงสว่างและความมืดและมิให้แผ่นดินที่เป็นกลางนี้ถูกก้าวล่วง โดยใช้กลไกที่บรรพชนได้ประดิษฐ์เอาไว้ ซึ่งก็ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน แต่เป็นเขา คีย์เบลดมาสเตอร์ที่เหมาะสมที่สุดที่จะปกป้องดินแดนแห่งนี้

"แต่ตำนานก็กล่าวไว้ว่าครั้งหนึ่งความมืดก็ได้เคยปกคลุมโลกมาแล้ว" ฉันพูดกับเอราคุสที่เดินตามมา "เราแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสงครามคีย์เบลด-รู้แค่ว่ามันเป็นจุดเริ่มต้น ท่ามกลางวิกฤตนั้นก็ได้พบแสงสว่างอันล้ำค่า มันเป็นตำนานที่น่าสงสัย-และควรค่าแก่การค้นหา เขาว่าความพินาศจะนำมาซึ่งการเริ่มต้นใหม่ แล้วหากมีสงครามคีย์เบลดเกิดขึ้นมาอีกจะเป็นยังไง? เมื่อความมืดปกคลุม เราจะพบแสงสว่างอันล้ำค่าที่ตำนานพูดถึงรึเปล่า? ฉันต้องหาคำตอบให้ได้" แล้วก็หันไปบอกเอราคุส "จะต้องสร้าง χ-blade เพื่อปลดล็อคประตูสู่สงครามคีย์เบลดให้ได้!"

นั่นคือคำตอบที่ฉันพบในบั้นปลายของการเดินทางที่แสนยาวนาน

"งี่เง่า... นายยอมเสี่ยงเอาความอยากรู้อยากเห็นของตนเองไปแลกกับหายนะเนี่ยนะ? เซอานอร์ท ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ จะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้น!"

เขาอาจจะถูกก็ได้ แต่โลกนี้ไม่ได้มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว คอนเซปต์ที่ว่าคำตอบที่ถูกต้องมีเพียงหนึ่งนั้นมันเป็นแค่มายา

"นายเข้าใจผิดหมดเลยอีกแล้ว เอราคุส" ฉันพูดต่อ "ความมืดเป็นแค่จุดเริ่มต้น แต่ไม่ใช่จุดจบ ในจุดกำเนิดนั้น เราทุกคนต่างออกจากความมืดมาสู่โลกแห่งแสงสว่างไม่ใช่รึไง?"

"ก็แค่ข้ออ้างสวยหรู!"

แสงสว่างส่องประกายได้ก็เพราะมีความมืด และความมืดดำรงอยู่ได้ก็เพราะมีแสงสว่าง ฉันหันหลังกลับให้เอราคุสอีกครั้งและเริ่มเดินจากไป

"ถ้าห้ามกันด้วยคำพูดไม่ได้ งั้นก็ต้องทำแบบนี้"

เอราคุสเรียกคีย์เบลดออกมาและพุ่งเข้าหาฉัน ฉันจึงหันกลับไปและซัดคลื่นพลังใส่หน้าเขา จนเกิดรอยแผลบนหน้า เล่นเสียท่าง่ายซะขนาดนี้-ฉันชักไม่แน่ใจว่ายังควรนับเขาเป็นเพื่อนอีกต่อไปรึเปล่า

เขาตัวสั่นกำหน้าของตัวเอง "พลังนั้น... ความมืดกลืนกินนายแล้วเหรอ เซอานอร์ท?"

"ไม่ใช่เรื่องของแก"

ฉันหันหลังให้เอราคุส และทิ้งดินแดนนั้นไว้เบื้องหลัง

ฉันยืนอยู่บนหาดทรายของดาวบ้านเกิด เมื่อพระอาทิตย์ลับหายไปจากเกาะ ก็ได้ยินแต่เสียงร้องของคลื่นทะเล นานมาแล้วฉันได้ไปจากโลกใบนี้ แต่ตอนนี้ได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งในอ้อมแขน ทำไมฉันถึงเลือกที่นี่นะ ตัวเองก็ยังอยากรู้? คงเพราะฉันอยากให้เด็กคนนี้-คนที่ไม่ได้อยากให้หัวใจตัวเองแปดเปื้อนความมืด คนที่ตอนนี้หัวใจได้แตกสลาย-อย่างน้อยก็ได้หลับอย่างเป็นสุข บางทีเสี้ยวเศษของความรักที่มีต่อบ้านเกิด ยังคงหลงเหลืออยู่ในใจของฉัน

ทว่าเด็กหนุ่มที่ฉันหลงคิดว่าจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกครั้งตั้งแต่ตอนกลับมาถึงเกาะนี้-เวนตุส-ก็ได้ชูคีย์เบลดขึ้นฟ้า สวนทางกับข้อสันนิษฐานของฉัน หัวใจของเขาไม่ได้แตกสลายไป

ตอนนี้หัวใจของเขาไม่มีความมืดอยู่แล้ว ความมืดนั้นได้กลายเป็นของเด็กอีกคนหนึ่ง งั้นก็หมายความว่าฉันมีเด็กที่มีหัวใจแห่งแสงบริสุทธิ์และเด็กที่มีหัวใจอันมืดบริสุทธิ์อยู่ในกำมือ อย่างที่ใครสักคนเคยสอนฉันไว้เป๊ะ

แสงสว่างในตัวเวนตุสยังคงหลับใหลอยู่ แต่เพื่อจะปลุกมันขึ้นมา ก็ต้องพาเขาเข้าไปใกล้ที่ ๆ เปี่ยมล้นด้วยแสงสว่าง เพื่อนเก่าของฉัน คงเป็นคำตอบอันสมบูรณ์แบบ

ฉันจะไปเยี่ยมเขาสักหน่อย

ทุกอย่างที่ฉันทำลงไป ก็เพื่อ χ-blade และเพื่อที่จะได้เห็นสิ่งที่จะตามมาหลังสงครามคีย์เบลด ด้วยตาของตนเอง

ไม่มีความคิดเห็น