บทสัมภาษณ์ผู้กำกับร่วมจาก FFVII Remake Ultimania


----------------------------------------------------------
เสียงพากย์และการแสดงสีหน้าที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวละคร
----------------------------------------------------------

—ในปัจจุบันที่มีการเพิ่มเสียงพากย์และการแสดงทางสีหน้าลงไปในเกมด้วยแล้ว กระบวนการเขียนเรื่องให้ตัวละครจะแตกต่างไปจากออริจินอลยังไงบ้าง?

โทริยามะ : ใน Remake นี้ก็ต่างจากออริจินอล เพราะตัวละครสามารถแสดงอารมณ์ได้โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรออกมา และเมื่อผสมผสานกับการพากย์เสียงอันยอดเยี่ยม ก็ช่วยเพิ่มมิติและความสมจริงให้กับตัวละคร กรณีเช่น ตอนที่ทิฟาเข้าไปในห้องของคลาวด์ที่สลัมเขต 7 ตอนกลางคืน บทสนทนามันมีชีวิตชีวามากจนเซอร์ไพรส์เลยใช่มั้ยล่ะ? จากการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน เขาก็ค่อย ๆ จำเรื่องราวในอดีตของตัวเองได้ และมันก็เป็นซีนที่เขามีปฏิสัมพันธ์กับทิฟาอย่างอ่อนโยน ผมว่านอกจากบทเพลงและแอคติ้งแล้ว ความรู้สึกของตัวละครก็ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างแรงกล้าผ่านสิ่งเหล่านี้

—พูดถึงซีนระหว่างคลาวด์กับทิฟา ฉากใน Seventh Heaven ที่คลาวด์ยกแก้วแล้วพูด "Beautiful" (キレイだ) ทำให้ประทับใจมากเลย

โทริยามะ : คลาวด์พยายามจะวางตัวให้ดูเท่โดยไม่รู้ว่าที่จริงแล้วควรทำตัวยังไง ผู้เล่นอาจจะติดอิมเมจว่าคลาวด์เป็นที่เท่ โดยมีภาพจำมาจากตอนจบของเกมภาคออริจินอลที่เขาผ่านการเติบโตมาแล้ว หรือในฐานะ Guest Character จากภาค Spin-off ต่าง ๆ ทว่าเราอยากให้ Remake นี้มีคลาวด์ในแบบแคแรคเตอร์ดั้งเดิมตอนแรกสุด เพื่อให้เป็นแบบนั้น เราเลยตั้งใจจะสะท้อนความรู้สึกของคนหนุ่มที่พยายามจะวางตัวให้เท่โดยอาศัยจากความรู้ความเข้าใจ (หาใช่ประสบการณ์)

—ในช่วงเริ่ม Chapter 14 มีฉากในทุ่งดอกไม้ที่คุณจะได้พบกับคนใดคนหนึ่งระหว่างแอริธ ทิฟา แบร์เร็ต ซึ่งเหมือนกับซีนเดท (ที่โกลด์ซอเซอร์) ในภาคออริจินอลเลย

โทริยามะ : อีเวนต์เดทในโกลด์ซอเซอร์เป็นองค์ประกอบของ FFVII ที่จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ เราเลยพยายามจะสร้างประสบการณ์ที่คล้ายกันลงไปในภาค Remake ซึ่งการตัดสินใจตลอดทั้งเกมที่ผ่านมาของคุณจนถึงจุดนั้น จะส่งผลว่าคุณได้เจอซีนของแคแรคเตอร์ไหน

ฮามากุจิ : ระหว่างการพัฒนา ส่วนนั้นถูกเรียกว่า "อีเวนต์ตัดสิน" ซึ่งใน Remake นี้จะขึ้นอยู่กับปริมาณเควสต์ที่คุณเคลียร์ซึ่งจะไปเพิ่มแต้มความสัมพันธ์ให้กับคลาวด์ จำนวนแต้มที่ได้ท้ายที่สุดก็จะส่งผลว่าคุณได้เห็นฉากไหนใน "อีเวนต์ตัดสิน"

โทริยามะ : ซีนนี้ไม่ใช่ "ซีนเดท" (อย่างในโกลด์ซอเซอร์) ซะทีเดียว แต่เราอยากใส่ซีนาริโอแบบภาคออริจินอลที่แฟน ๆ คาดหวังจะได้เห็นลงไป ก็เลยสร้างซีนกับแอริธในแบบที่คุณไม่แน่ใจว่ากำลังอยู่ในความฝันหรือว่าความจริง แล้วเธอก็พูดประโยคเด็ดออกมา ส่วนในซีนาริโอกับทิฟา ที่จริงตอนแรกผมเขียนให้คลาวด์กำลังจะกอดเธอแต่ก็ชะงักลงในวินาทีสุดท้าย คุณโนจิมะก็บอกผมว่า "เขายังหนุ่มแน่นนี่ ก็น่าจะทำไปเลยไม่ใช่เหรอ?" ผมจึงเปลี่ยนให้เขากอดเธอเลย

ฮามากุจิ : ตอนที่ทำ Motion Capture ของซีนนั้น ตอนแรกก็ record กันแบบที่เขาไม่ได้กอดเธอลงไป ก็เลยต้องมาเปลี่ยน และถ่ายกันใหม่ด้วย


----------------------------------------------------------
ภาคถัดไปมีความท้าทายในการสร้างหนทางใหม่ในการนำเสนอโลกของ FFVII รออยู่
----------------------------------------------------------

—สำหรับคนที่ได้เล่น Remake แล้ว พวกเขาจะต้องสนใจภาคต่อไปมาก พวกคุณได้เริ่มทำภาคต่อไปแล้วรึยัง?

ฮามากุจิ : ตอนนี้พวกเราอยู่ในขั้นตอนวางแผน ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมนะ

โทริยามะ : ภาคแรกของ Remake มีศูนย์กลางอยู่ที่มิดการ์ซึ่งเป็นส่วนที่ผมรับผิดชอบอยู่แล้วในภาคออริจินอล ผมเลยรู้จักทุกซอกมุมดี แต่ภาคต่อไปจะเกิดเรื่องขึ้นในแอเรียที่ว่ากันตามตรงผมก็จำอะไรไม่ได้แล้ว ผมเลยต้องไปย้อนดูคลิปเกมเพลย์เป็นการทบทวน  อย่างเช่นว่า หลังตัวละครออกจากมิดการ์ พวกเขาไปโผล่ที่เมืองคาล์มได้ไงนะ?  (หัวเราะ)

—ภาค Remake ถ่ายทอดอิมเมจของ World Map จากภาคออริจินอลได้ยังไง?

ฮามากุจิ : ใช่ นั่นก็เป็นเรื่องนึงที่เราต้องพิจารณา สำหรับคอนเซปต์ของ Remake ภาคแรกนั้นคือการให้ผู้เล่นได้สัมผัสประสบการณ์ของอีเวนต์ในมิดการ์ และเราก็อยากให้ภาคต่อไปให้ผู้เล่นได้สัมผัสประสบการณ์โลกอันกว้างใหญ่ของ FFVII ทว่าถ้าเราจะสร้างโลกขนาดใหญ่ เราก็ต้องมาคิดกันว่าเราจะทำยังไงในขณะที่ต้องเล่าเรื่องสุดแสนดราม่าไปด้วย

—ท้ายที่สุดนี้ อยากให้บอกพวกเราหน่อยว่าตื่นเต้นกับภาคถัดไปยังไงบ้าง

เอ็นโดะ : อันนี้เป้าหมายส่วนตัวของผมนะ สำหรับภาคแรก ส่วนใหญ่ผมรับผิดชอบแต่ Battle System แต่ว่าสำหรับภาคต่อไป ผมอยากมีส่วนร่วมในการสร้างภาพรวมทั้งหมด และร่วมดีไซน์อะไรใหม่ออกมาให้ซีรีส์ Final Fantasy ในเกมที่ขับเคลื่อนไปด้วยเนื้อเรื่องแบบนี้ ผมก็อยากท้าทายตัวเองด้วยการสร้างองค์ประกอบด้านเกมเพลย์ให้ดีขึ้น

ฮามากุจิ : ใน FFVII Remake เราสามารถใช้เทคโนโลยีล่าสุดในการสร้างโลกของมิดการ์และเนื้อเรื่องของมันได้ ซึ่งผมคิดว่าก็ได้ถ่ายทอดไปยังแฟน ๆ อย่างเหมาะสมแล้ว ทว่าหากเราเพียงแค่ทำแบบเดียวกันกับภาคต่อไป มันก็จะไม่มีความรู้สึกแปลกใหม่หรือเซอร์ไพรส์ มันอาจจะยากนะ แต่ผมก็อยากใส่สิ่งที่แตกต่างออกไปลงไปในภาคถัดไป เพื่อให้มันแตกต่างไปจากภาคแรก

โทริยามะ : แม้ว่าภาคแรกจะเกิดเรื่องแค่ภายในมิดการ์ แต่ก็ยังมีเนื้อหาขนาดใหญ่ ผมก็หวั่นอยู่บ้างว่าเราจะสร้างโลกอันกว้างใหญ่ในเกมภาคถัดไปได้ยังไง เราสามารถปลุกเสกมิดการ์ขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด แต่ใครจะรู้ ผมรู้สึกว่าในภาคต่อไป เราอาจจะใช้เทคนิคที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงในการสร้างโลกของ FFVII ขึ้นมา ไม่ว่ามันจะออกมาหน้าตายังไง ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะตั้งตารอภาคต่อไปกัน!!

ไม่มีความคิดเห็น