Riku's Story เรื่องราวจากหนังสือ KH Series Character Files
ตัดตอนจากหนังสือ Kingdom Hearts Series Character Files ซึ่วางจำหน่ายวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2020 (หลัง DLC Re: Mind ออกเดือนนึง)
ดูรายละเอียดหนังสือได้ที่ https://store.jp.square-enix.com/item/9784757564930.html
--------------------------------
Riku's Story
"My Childhood Friend"
ที่จริงแล้ว โซระ... ฉันอิจฉานาย
ขณะนั่งลงบนหาดแห่งความมืดเคียงข้างโซระ ฉันก็นึกสงสัยขึ้นมาว่าตัวเองเริ่มรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
ตั้งแต่ตอนที่โซระกลายเป็นผู้ใช้คีย์เบลดรึเปล่านะ?
หรือว่าย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่พวกเราเป็นเด็ก ๆ บนเกาะ?
สำหรับฉันแล้วคงไม่แปลกเลยที่จะคิดว่าตัวเองเหนือกว่าโซระ ยิ่งกว่านั้นตอนที่เราเป็นเด็ก การโตกว่า 1 ปีก็นับว่าเป็นช่องว่างที่ต่างกันมากแล้ว ฉันเลยรับบทเป็นพี่ชายที่พาโซระไปไหนมาไหนด้วยกันทุกที่ แต่แล้วมันแปรเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ?
เรากำจัดเซมุนัส แต่โลกนี้ยังคงเต็มไปด้วยความมืด ไม่ว่าจะโค่นฮาร์ทเลสลงไปมากเท่าไหร่ มันก็ยังคงปรากฏตัวคืบคลานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่เรี่ยวแรงกำลังจะหมดลง ฉันล้มทรุด
“ริคุ!”
โซระเข้ามาช่วยฉันไว้
“โซระ... ฉันคงไม่....”
จะหายใจยังลำบาก ฉันคิดว่าตัวเองคงเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว! มันยังไม่จบ ยังไม่จบ”
โซระดึงแขนของฉันไปพาดบนไหล่ของเขา แล้วประคองฉันขึ้นมา ในช่วงเข้าตาจนแบบนี้ โซระคือคนที่ไม่เคยยอมแพ้
“พูดแบบนั้นได้ไง? ต่อให้ยังเดินต่อไปได้... แต่ดูสิว่าพวกเราอยู่ที่ไหน”
ฉันคิดว่านั่นเป็นการประเมินสถานการณ์อย่างใจเย็นแล้ว แต่โซระกลับยิ้มแล้วมองตรงไปยังเส้นทางด้านหน้า
“โอ่ยยย ไม่เอาน่า ริคุ นายไปอ้อยอิ่งอยู่ในความมืดนานเกิ๊น พยายามมองโลกในแง่ดีบ้างสิ!”
แล้วโซระก็ออกเดิน ฉันเกาะโซระแล้วปล่อยให้ขาที่หนักอึ้งลากตามไป ฉันเดินไม่ไหวแล้ว... ไม่อยากเดินอีกต่อไปแล้ว
“โซระ?”
“หืม?” โซระตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
สถานการณ์แบบนี้ยังจะส่งยิ้มให้อีก? ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากยอมตามเขา ฉันเงยหน้าขึ้น มองให้ไกลเกินกว่าความมืดเบื้องหน้าไป อย่างที่โซระทำ
“นายนำทางเลย”
“จัดไป”
ฉันพยักหน้าให้โซระ แล้วเขาก็ลากฉันเดินไปข้างหน้า
ฉันไม่รู้ว่าความมืดนี้จะทอดยาวไปถึงไหน ฉันเคยเดินบนเส้นทางแห่งความมืดมาทุกรูปแบบ แต่นี่คงเป็นครั้งแรกที่ได้เดินบนเส้นทางที่มองไม่เห็นทางออก แต่กระนั้น โซระก็ไม่ท้อถอย
“รู้มั้ย...”
โซระเปรยตามามองฉันอีกครั้ง พอได้เห็นสีหน้าของเขา ฉันถึงรู้ว่าเขาเองก็กระเสือกกระสนอยู่เหมือนกัน นั่นจึงทำให้ฉันยิ่งปวดใจ แต่แล้วฉันก็ตัดสินใจที่จะสารภาพอะไรบางอย่างที่ไม่เคยพูดออกมาให้โซระฟัง – ประมาณว่าสำนึกผิด
“ฉันคิดว่าฉันเจ๋งกว่านายมาโดยตลอด”
“จริงเหรอ?”
โซระไม่ได้มีปฏิกิริยาในแบบที่ฉันคิดไว้เลย ราวกับเขาจะบอกว่าเขาไม่ได้สนใจในเรื่องที่ฉันพูดออกไปด้วยซ้ำ
“นายบ้ารึเปล่า?” ฉันพูดแหย่โซระ ทำให้เขาหยุดเดิน
“ไม่นี่ ฉันก็คิดว่านายเหนือกว่าฉันในทุก ๆ ทางเหมือนกัน”
อ่า ทุกคนก็คิดแบบนี้รึเปล่านะ? ถึงฉันจะโตกว่าโซระนิดหน่อย แต่ก็ยังรู้สึกภูมิใจที่เขาพูดแบบนี้ออกมา
แล้วโซระก็เงยหน้าขึ้น มองตรงไปข้างหน้า
“ริคุ ดูสิ นั่นแสงอะไรน่ะ?”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองตาม
ไกลออกไป ฉันเห็นประกายแสงจาง ๆ เราจึงรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย พยายามเดินไปหาแสงนั้น
ทว่ามันไม่ใช่ทางออก มันเป็นแค่แสงที่ล่องลอยอยู่บนฟ้าราวกับดวงจันทร์ ประกายจาง ๆ อยู่เหนือหาดแห่งความมืด
ในที่แห่งนี้เราได้ยินเสียงของคลื่นเหมือนกับตอนที่อยู่บนเกาะ - บ้านของพวกเรา แต่เราไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นเลย มันปกคลุมไว้ด้วยความเงียบอย่างสมบูรณ์
“สุดทางแล้วเหรอ?”
“อื้อ”
โซระพยักหน้าตอบคำถามของฉันอย่างเรียบ ๆ
“ปล่อยได้ละ ฉันเดินไหว” ฉันบอกเขา โซระจึงปล่อยแขนฉันออกจากไหล่ของเขา แล้วยืนขึ้นมา
โซระก้าวไปทางชายหาด ฉันก็จับจ้องมองด้านหลังของเขา ฉันไม่เห็นทางออกเลย แต่ทั้งที่มองเห็นแค่ด้านหลัง ฉันก็รู้ว่าโซระเหนื่อยล้ามากแล้ว
“รู้เปล่า... บางทีฉันเองก็อาจจะเสียท่าให้ความมืดแล้วเหมือนกัน” โซระพึมพำ
โซระคงจะกำลังยอมแพ้ที่จะออกไปจากที่นี่ ตอนนั้นเองฉันก็รู้สึกเวียนหัว เข่าทรุดลงบนทราย แล้วก็ล้มไปข้างหน้า
ฉันขยับตัวไม่ได้แล้ว
“ริคุ!”
โซระวิ่งเข้ามาช่วยดึงฉันขึ้น
“โลกนี้มันเหมาะกับฉันที่สุดแล้ว ถ้านี่คือสภาพความเป็นจริงของโลก... บางที ฉันก็ควรจะจางหายกลับสู่ความมืดมิด”
“ริคุ...”
“หากโลกนั้นประกอบด้วยแสงสว่างและความมืด... เราก็จะเป็นความมืด”
โซระนั่งลงข้าง ๆ ฉัน แล้วเหยียดขาออกไป
“อื้อ อีกฟากหนึ่ง... โลกแห่งแสงสว่างปลอดภัยดีแล้ว ไคริ ราชา และคนอื่น ๆ ก็อยู่ที่นั่น”
“ฉันหมายถึงแบบนั้นแหละ นี่โซระ... ช่วยฉันหน่อยสิ? ฉันอยากลงไปที่ผิวน้ำ”
โซระพยักหน้าอีกครั้ง แล้วดึงแขนฉันไปพาดบนไหล่ ยืนขึ้นพาฉันเดินไปทางทะเลอย่างช้า ๆ สภาพขาฉันตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากกิ่งไม้แล้ว
“อย่างน้อยเสียงของคลื่นก็เหมือนกัน” ฉันบ่นพึมพำไม่ได้สติ
มันคงไม่เลวร้ายนักหากเราจะพบจุดจบในสถานที่ซึ่งทำให้เรารำลึกถึงบ้าน ว่าแล้วฉันก็พูดเรื่องที่คาไว้ต่อ
“ที่ก่อนหน้านี้พูดว่า... ฉันคิดว่าตัวเองเจ๋งกว่านาย...”
“หืมม?” โซระตอบทั้งที่ตายังจ้องมองไปยังโพ้นทะเล
“ที่จริงแล้ว โซระ... ฉันอิจฉานาย”
แล้วโซระก็หันมามองที่ฉัน
“ทำไมอ่ะ?”
ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเปิดปากพูดออกมา
นี่เป็นการสารภาพผิด
ฉันตกสู่ความมืดก็เพราะฉันอิจฉาโซระ
แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของโซระ ฉันมันอ่อนแอเอง
“ฉันแค่อยากใช้ชีวิตอย่างนาย ปล่อยตัวเองไปตามหัวใจ”
“อืม เหรอ ฉันก็มีปัญหาคล้าย ๆ กัน” โซระตอบกลับมาขณะที่จ้องมองไปยังเส้นขอบฟ้า
“ยังไงล่ะ?” ฉันถามโซระ ที่กำลังยิ้มมุมปาก
“ก็... อยากจะเป็นเหมือนนายไง”
“เอาสิ”
ฟังแล้วแอบเศร้าอยู่หน่อย แต่ฉันก็พยายามตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสดใสเท่าที่จะทำไหว
“อืม แต่การเป็นฉันนะ ก็มีข้อดีอย่างนึง... เป็นสิ่งที่นายไม่มีวันลอกเลียนได้”
“จริงเหรอ? อะไรอ่ะ?”
“ก็มีนายเป็นเพื่อนไง”
โซระตะลึงไปชั่วขณะนึง ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“งั้นฉันว่า... เป็นตัวฉันแบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันเองก็มีบางอย่างที่นายไม่มีวันเลียนแบบได้เหมือนกัน” โซระตอบด้วยรอยยิ้ม ขณะที่มองออกไปยังเส้นขอบฟ้า มองดวงจันทร์ที่ส่องแสงจาง ๆ อยู่บนฟ้าไกล – ในโลกที่เราจะพบจุดจบ
เราต่างมีเรื่องที่อีกฝ่ายไม่สามารถทำได้ หัวใจของเราต่างเอ่อล้นไปด้วยความสุขในชั่วขณะนั้น
ฉันดีใจที่มีโซระเป็นเพื่อน
“แสงสว่าง”
ดวงตาของฉันหรี่แคบลงตามสัญชาตญาณเมื่อได้เห็นแสงสว่าง ที่เป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ ซึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเรา
“ประตูสู่แสงสว่าง... เราไปกันเถอะ!”
โซระยืนขึ้นแล้วยื่นมือมาที่ฉัน
“อื้อ” ฉันตอบพร้อมก้าวเดินออกไปกับโซระ
https://keijitranslates.tumblr.com/post/610890682047053824/my-childhood-friend-riku-character-file
Post a Comment