อธิบายเนื้อเรื่อง KH3D ตอนที่ 10 โลกที่ไม่เคยมีอยู่จริง (ริคุ) : 2 + ชะตากรรมและความบังเอิญ
(เขียนขึ้นเมื่อ 26/02/2013)
โลกที่ไม่เคยมีอยู่จริง (ความจริง)
ริคุ (ร่างความฝัน - ดรีมอีทเตอร์:สปิริต)
- หลังปราบอันเซมได้ ริคุร่างความฝันก็ออกจากความมืด
ออกจากความฝัน กลับมาสู่โลกแห่งความจริง (บทจะออก ก็ให้ออกกันง่ายๆ
เลยเว้ย) แต่บนหลังของริคุก็ยังคงมีสัญลักษณ์ของสปิริตอยู่
เป็นการบ่งบอกว่าริคุคนนี้ ก็ยังเป็นริคุร่างความฝัน
เป็นความฝันที่หลุดออกมาสู่โลกแห่งความจริง
- ริคุเข้าใจว่าตัวเองออกจากความฝันได้แล้ว (แม้ตัวจริงจะยังไม่ได้ตื่นขึ้น) เขาทบทวนว่าโซระและเขาถูกแยกจากกันตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง
เพราะอันเซม เพราะแผนที่เซอานอร์ทวางไว้ (เอาจริงๆ เรื่องแยกจากกันนี่
จะไปโทษเซอานอร์ทก็ไม่ได้
เพราะริคุต่างหากที่เป็นห่วงโซระจนทะลึ่งไดฟ์เข้าไปในความฝันของโซระเองโดยไม่รู้ตัว
โดยนี่ไม่ใช่ฝีมือของเซอานอร์ท) ริคุเข้าใจว่าพวกเขาได้พลัดออกจากเส้นทางของการทดสอบความเป็นมาสเตอร์มาไกล
แล้วริคุก็ตัดสินใจจะออกตามหาโซระ เขาต้องอยู่แถวๆ นี้แน่
- ริคุเดินทางมาถึงทางขาด
เขารู้สึกว่าแม้เขาจะกลับมาสู่โลกแห่งความจริงแล้ว
แต่เขายังมีพลังของดรีมอีทเตอร์อยู่
พูดให้ชัดคือเขายังคงอยู่ในสถานะดรีมอีทเตอร์ของโซระ และเขาที่เป็นความฝันของโซระ
ก็สามารถออกจากความฝันมาสู่ความจริงได้ แต่นั่นก็แปลว่าโซระยังไม่ได้ตื่นขึ้นมา
- ขณะที่ริคุกำลังสงสัยว่าโซระอยู่ที่ไหน เขาก็เห็นวันดาเนียนกลิ้งอยู่ที่ระเบียงทางเดินของปราการลอยฟ้า
เขาเข้าใจว่าเจ้าวันดาเนียนคงต้องการบอกเขาว่าโซระอยู่ที่นั่น
ขณะที่ริคุสงสัยว่าเขาจะบินข้ามทางขาดไปสู่ปราการลอยฟ้าเพื่อไปหาโซระได้ยังไง? เจ้าค้างคาวโควโมริซึ่งเป็นดรีมอีทเตอร์เหมือนกันก็ออกมาสู่โลกแห่งความจริงและร่วมมือกับวันดาเนียน
สร้างสะพานแสงเชื่อมระหว่างทางขาดกับปราการลอยฟ้า
ทำให้ริคุสามารถข้ามไปยังปราการได้
- เมื่อเข้ามาถึงปราการลอยฟ้า
ริคุก็มาถึงห้องๆ หนึ่งที่ล้อมรอบไปด้วยสีขาว และมีบัลลังค์ 13 ที่อยู่รอบห้อง เขาเมียงมองไปที่บัลลังค์หนึ่งก็เห็นโซระ
ริคุจึงวิ่งเข้าไปหา แต่ทันใดนั้นเซอานอร์ทหนุ่มก็โผล่ขึ้นมาขัดขวางริคุไว้
มันบอกว่าห้ามแตะต้องภาชนะใหม่ของมัน
- เซอานอร์ทหนุ่มอธิบายว่าเดิมทีแล้ว
พวกเขาตั้งใจจะเอาริคุเป็นภาชนะ แต่ริคุกลับพัฒนาตนเองให้ต้านทานความมืดได้
พวกเขาจึงใช้วิธีเดียวกับคีย์เบลดคือเปลี่ยนมาเลือกตัวเลือกลำดับถัดมา
ซึ่งก็คือร็อคซัส ทว่าร็อคซัสกลับตื่นรู้มากเกินไป ถึงได้กลับไปรวมกับโซระ
เป้าหมายที่แท้จริงของจูซังคิคังก็คือการแบ่งหัวใจของเซอานอร์ทเข้าสู่ภาชนะทั้งสิบสาม
โซระทำให้พวกเขารู้ว่าสมาชิกชุดเดิมไม่ได้เหมาะสมกับงานไปซะทุกคน
พวกเขาจึงสร้างกลุ่มขึ้นใหม่ และตอนนี้ภาชนะที่สิบสาม โซระ
ก็อยู่ในกำมือพวกเขาแล้ว
- แล้วพวกจูซังคิคังชุดใหม่ก็ทยอยปรากฏตัวขึ้นบนบัลลังค์ทีละคน
ท่ามกลางความตื่นตระหนกของริคุ
เซอานอร์ทหนุ่มอธิบายต่อไปว่าตัวเขาคือเซอานอร์ทจากอดีตที่อยู่ไกลโพ้นที่สุด
ทว่าตัวเขาในอนาคตได้มอบงานให้เขาไปหาร่างแยกของเขาในดาวต่างๆ
แล้วพาทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้ ในการข้ามกาลเวลานั้นมีข้อจำกัดบางอย่างอยู่
หนึ่ง ต้องสละร่างทิ้งไปก่อน สอง ต้องมีตัวเรารออยู่ที่จุดหมายปลายทาง
และเมื่อไปถึงแล้ว เราก็ได้แต่เคลื่อนไปข้างหน้าตามกฎของเวลา (คือต้องปล่อยตัวไหลไปตามกระแสเวลาที่เดินหน้าไปเรื่อยๆ
จะใช้ชีวิตแบบเดินสวนกระแสเวลาไม่ได้) และเราไม่สามารถแก้ไขเหตุการณ์ที่ถูกลิขิตให้เกิดขึ้นได้
- ในไม่ช้าตัวเขาจากยุคที่เป็นอนาคตมากที่สุดก็จะมาถึง
แล้วเวลาสำหรับพวกเขาก็จะกลับคืนมา
จากนั้นเมื่อเสร็จงานแล้วเขาก็จะกลับไปใช้ชีวิตในยุคของเขา ตามชะตากรรมที่ลิขิตมา
เขาคนนั้นรับรองได้ (ชี้ไปทางบัลลังค์สูงสุดที่มาสเตอร์เซอานอร์ทกำลังจะปรากฏตัวขึ้น)
- ทันใดนั้นมิคกี้ที่พึ่งมาถึงพอดีก็พุ่งลงมาจากฟ้า
แล้วใช้เวทย์ Stopza หยุดเวลาทั่วบริเวณนั้นไว้
ซึ่งพวกจูซังคิดังทุกคนโดนเข้าไปหมด (เซอานอร์ทหนุ่มค้างกลางอากาศในท่ากระเด็น) แต่เวทย์นี้กลับไม่ส่งผลต่อริคุ (อาจเพราะผู้ใช้เวทย์นี้อาจกำหนดได้ว่าจะไม่ให้เวทย์มีผลกับใคร
หรืออาจเป็นเพราะริคุเป็นแค่ความฝัน เวทย์กาลเวลาจึงใช้ไม่ได้ผล) มิคกี้บอกว่าดีใจที่เขาไม่ได้มาช้าเกินไป
รีบพาตัวโซระหนีกันเถอะ! เดี๋ยวเวทย์ก็หมดฤทธิ์แล้ว!
- แต่แล้วในขณะที่เวลาหยุดอยู่นั้น
มิคกี้กลับถูกอัดเข้าจากด้านหลังจนปลิว
ริคุหันไปเห็นมองตัวการที่ซัดมิคกี้จากด้านหลัง
ปรากฏว่าเป็นเซอานอร์ทหนุ่มที่เมื่อกี้หยุดนิ่งไปแล้ว
คราวนี้เซอานอร์ทหนุ่มตะคอกมาด้วยเสียงที่ดุดันว่า "บอกว่าห้ามแตะต้อง!" จากท่าทีที่นิ่งเฉยเย็นชา กลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
มิคกี้ที่เห็นดังนั้นก็อุทาน "ไม่จริงน่ะ!
หรือว่านายก็คือ...." จากนั้นเซอานอร์ทหนุ่มก็เรียกคีย์เบลดขึ้นมา
ดวงตาของเซอานอร์ทหนุ่มเปล่งแสงสีเหลืองพร้อมเสียงตะคอกขู่ "จงหายไปซะ"
*อธิบายเพิ่ม : ที่เซอานอร์ทหนุ่มมีวิธีการพูดที่เปลี่ยนไป
ก็เพราะมาสเตอร์เซอานอร์ทได้มาถึงยุคนี้แล้ว
แต่ขยับร่างไม่ได้เพราะโดนเวทย์ของมิคกี้หยุดไว้
มาสเตอร์เซอานอร์ทจึงย้ายจิตของตนเองมาเข้าครอบงำเซอานอร์ทหนุ่ม
เซอานอร์ทหนุ่มจึงสามารถเรียกคีย์เบลดออกมาได้
ซึ่งคีย์เบลดที่เรียกออกมานี้ก็แตกต่างไปจากคีย์เบลดของมาสเตอร์เซอานอร์ท
แต่ก็มีส่วนที่คล้ายกันอยู่
ต้องบอกว่าเป็นคีย์เบลดเฉพาะที่จะใช้ได้เมื่อมาสเตอร์เซอานอร์ทย้ายจิตมาครอบงำเซอานอร์ทหนุ่มเท่านั้น
จากเหตุการณ์นี้ทำให้สรุปได้ว่า
ความสามารถในการใช้คีย์เบลดมันขึ้นอยู่กับจิตด้วย ถ้าจิตย้ายไปสิงใคร คนนั้นก็จะใช้คีย์เบลดได้, และรูปร่างของคีย์เบลดที่ปรากฏขึ้น
ก็มีความสัมพันธ์กับร่างของผู้ใช้ด้วย
พอมาสเตอร์เซอานอร์ทเรียกคีย์เบลดของตนเองขึ้นมาด้วยร่างของเซอานอร์ทหนุ่ม
คีย์เบลดถึงเปลี่ยนรูปร่างไป
(คล้ายกรณีที่ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปตามหัวใจที่สวมเข้าใส่
พอเทอร์ร่าโดนมาสเตอร์เซอานอร์ทย้ายหัวใจเข้าไปสิง หน้าตาถึงเปลี่ยนไป
กรณีของร็อคซัส-หากภายหลังยืนยันได้แล้วว่ามีหัวใจของเวนอยู่ด้วย
ก็จะใช้เป็นตัวอย่างได้เช่นกัน)
ส่วนที่เวทย์หยุดเวลาไม่มีผลกับเซอานอร์ทคนนี้
คุณโนมุระบอกว่าเป็นพลังในการควบคุมกาลเวลาของมาสเตอร์เซอานอร์ทที่ส่งจิตไปครอบงำ
: อ้างอิง
- ห้องทั้งห้องแปรเปลี่ยนเป็นสถานที่ๆ
อยู่เหนือมิติและกาลเวลาปกติ ทั้งสองเข้าห้ำหั่นต่อสู้กัน
แต่พอเซอานอร์ทหนุ่มจะแพ้ เขาก็จะหยุดเวลา
แล้วเรียกนาฬิกาเรือนยักษ์ที่ใช้ในการย้อนเวลาขึ้นมาหมุนถอยหลัง
นั่นหมายความว่าเซอานอร์ทต้องใช้เวลาสักพักนึงถึงจะย้อนเวลาได้
ไม่ใช่นึกจะย้อนก็ย้อนได้ตามใจชอบ แต่ถึงกระนั้น... ริคุที่น่าจะถูกหยุดเวลาไปแล้ว
กลับสามารถขยับได้เพราะตอนนี้เขาเป็นดรีมอีทเตอร์ เขาคือริคุในร่างความฝัน
ความฝันที่อยู่นอกความเป็นจริงแต่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงได้ (ถึงหยุดเวลาในความเป็นจริง
ก็ไม่มีผลกับความฝันอย่างริคุ... เป็นมุกที่ชั่วร้ายมาก)
- ในห้วงเวลาที่ถูกหยุดไว้
ริคุจะพยายามทำลายนาฬิกาย้อนเวลา ส่วนเซอานอร์ทหนุ่มก็จะขวางไว้
หากริคุทำลายไม่ทัน เวลาก็จะถูกย้อนกลับไปก่อนเริ่มต่อสู้ใหม่
แต่หากทำลายทันเซอานอร์ทหนุ่มก็จะแพ้แล้วการต่อสู้จะจบลง (เข้าใจว่าถึงจะเป็นความฝัน
ยังไงความฝันก็ต้องไหลไปตามกระแสเวลา ถ้าเวลาเดินหน้าหรือถอยหลัง
ความฝันก็ต้องเคลื่อนไปตามนั้น แต่ถ้าเวลาหยุดลง
ความฝันจะไม่ได้รับผลกระทบให้หยุดลงไปด้วย)
- หลังปราบเซอานอร์ทหนุ่มได้แล้ว
ริคุจะออกจากสถานที่ๆ อยู่เหนือมิติและกาลเวลาปกติที่โดนเซอานอร์ทหนุ่มลากเข้าไป
และกลับมาสู่ความเป็นจริงได้ มิคกี้เข้ามาถามความปลอดภัยของริคุ จากนั้นเวทย์หยุดเวลาของมิคกี้ก็หมดฤทธิ์ลงพอดี
แล้วมิคกี้ก็หันไปเห็นมาสเตอร์เซอานอร์ทที่มาถึงบัลลังค์สูงสุดแล้ว
- มาสเตอร์เซอานอร์ทเผยว่าเรื่องทั้งหมดได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
ตัวเขาอีก 12 คนจะมารวมตัวกันต้อนรับเขาที่นี่ในวันนี้ "วันที่เขากลับมาเป็นคนสมบูรณ์อีกครั้ง" (แต่ไหงไม่กลายเป็นเทอร์ร่านอร์ท?
หรือว่าหัวใจของเทอร์ร่ากับเอราคุสแยกออกไปแล้ว?) นี่เป็นอนาคตที่อยู่เหนือไปจากความคาดเดาของเขา
ในอดีตกาล ผู้คนเชื่อว่าแสงสว่างเป็นพรจากดินแดนที่มองไม่เห็นซึ่งเรียกว่า Kingdom
Hearts แล้ว Kingdom Hearts ก็ได้รับการปกป้องโดย
X-blade นักรบมากมายได้ต่อสู้เพื่อแย่งชิงแสงสว่างนั้น
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามคีย์เบลด การปะทะอย่างรุนแรงได้ทำให้ X-blade
แตกกระจายเป็น 20 ส่วน คือแสงสว่าง 7 ส่วนและความมืด 13 ส่วน แล้ว Kingdom Hearts ที่แท้จริงก็ถูกความมืดมิดกลืนกินเข้าไป ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาอีก
ครั้งหนึ่งเขาเคยนำแสงสว่างและความมืดบริสุทธิ์มาสร้าง X-blade (เล่มจำลองที่เกิดจากการแยกแสงสว่างและความมืดในหัวใจของเวนตุสออกจากกัน) แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
เขายอมรับว่าตัวเองกระหายอยากได้มันมากเกินไป จนทำให้หลงใช้วิธีที่ผิด
เขายอมรับว่าตัวเขาเองบุ่มบ่ามไป
- มิคกี้พยายามต่อว่ามาสเตอร์เซอานอร์ทว่า
เป็นความผิดของมาสเตอร์เซอานอร์ท ที่ทำให้ชะตากรรมของเพื่อนทั้งสาม (อควอ เวนตุส เทอร์ร่า) ต้องเปลี่ยนไป
แต่เซอานอร์ทเถียงว่าชะตากรรมเป็นสิ่งที่ไม่เปิดโอกาสให้กับความบังเอิญ (จะบอกว่าถ้าเพื่อนทั้งสามมีชะตากรรมที่จะได้อยู่ดีมีสุขจริง
มาสเตอร์เซอานอร์ทก็คงจะเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ ที่เทอร์ร่าโดนยึดร่าง
เวนหลับไม่ตื่น อควอตกสู่ความมืด นั่นต่างหากที่เป็นชะตากรรมของพวกเขา) มาสเตอร์เซอานอร์ทก็เพียงชักนำพวกเขาไปยังที่ๆ
เหมาะสม ทั้งเด็กหนุ่มผู้เสียคนซึ่งกลายเป็น X-blade ที่ล้มเหลว ทั้งมาสเตอร์ผู้ถูกชี้นำไปในทางที่ผิดซึ่งเสียสละตนเองเพื่อเพื่อน
และไอ้หนุ่มไม่เอาถ่านที่กลายเป็นภาชนะใหม่ของเขา
*อธิบายเพิ่ม : มาสเตอร์เซอานอร์ทประชดว่าที่อควอถูกเอราคุสสอนให้ยึดมั่นในแสงสว่างอย่างเดียวเป็นแนวคิดที่ผิด
เพราะเซอานอร์ทเชื่อในแนวคิดที่ต้องรักษาแสงสว่างและความมืดให้สมดุลกัน
- ถึงตรงนี้มิคกี้ก็เอะใจได้ว่า
เขาไม่น่าพลาดมาถึงตอนนี้เลย
เขาน่าจะคิดถึงเรื่องนี้ได้ตั้งแต่ที่มาเลฟีเซนต์รวบรวมหัวใจของเจ้าหญิงทั้ง 7
แล้ว
*อธิบายเพิ่ม : ตอนที่มาเลฟิเซนต์รวบรวมหัวใจของเจ้าหญิงทั้ง
7 สุดท้ายหัวใจเหล่านั้นก็มาอยู่กำมือของเซอานอร์ทร่างฮาร์ทเลส
ซึ่งพอหัวใจทั้ง 7 มาอยู่ด้วยกัน
คีย์เบลดที่เกิดจากหัวใจของเจ้าหญิงทั้ง 7 ก็จะปรากฏขึ้น
พร้อมกับประตูสู่ Kingdom Hearts ที่เกิดจากการรวมตัวของหัวใจจากดวงดาวทุกดวง
ในขณะที่ฮาร์ทเลสของเซอานอร์ทรวบรวมหัวใจของเจ้าหญิงทั้ง 7 เซมุนัสก็สร้างกลุ่มจูซังคิคัง 13
คนขึ้นมา มองตามสายตาของผู้เล่น รวมทั้งสายตาของพวกตัวเอก
เราก็ย่อมคิดว่าที่เซอานอร์ทร่างฮาร์ทเลสทำไปเพราะหวังคีย์เบลดแห่งหัวใจและ KH,
ส่วนเซมุนัสก็หวังแค่จะได้ลูกน้องมาช่วยสร้าง KH อีกอันนึง ใครจะไปคิดว่าการกระทำของทั้ง 2 จะมีเป้าหมายซ่อนอยู่เบื้องหลังอีกชั้นนึง
ซึ่งเป้าหมายนั้นจะบรรลุได้ก็ด้วยความร่วมมือของเซอานอร์ทร่างฮาร์ทเลสและเซมุนัส
- มาสเตอร์เซอานอร์ทเผยว่า
ทั้งหมดเป็นแผนของเขาเอง เขาใช้ให้นางแม่มดตามหาแสงบริสุทธิ์ทั้ง 7 ให้ แล้วเขาก็เตรียมหาภาชนะที่จะใส่ความมืดบริสุทธิ์ทั้ง 13 ลงไป ถึงแม้โซระ เด็กหนุ่มโง่เง่าธรรมดาจะหยุดแผนของเขาไว้ได้
แต่เขาก็ยังไม่ได้ละทิ้งเป้าหมายที่จะรวบรวม ผู้พิทักษ์แสงทั้ง 7 และผู้แสวงหาความมืดทั้ง 13
- มิคกี้เริ่มนับคน... เขา ริคุ และโซระ รวมกับเทอร์ร่า
อควอ เวน มันก็ได้แค่ 6 งั้นคนที่เจ็ดก็คงจะเป็น... (ตอนนั้นคงกำลังนึกถึงลีอา) ว่าแล้วมิคกี้ก็เก็ตว่าความมืดทั้ง
13 ก็คือพวกจูซังคิคังน่ะเอง
- มาสเตอร์เซอานอร์ทบอกว่าตอนนี้โซระและเทอร์ร่าอยู่กับฝั่งเขา
ดังนั้นเท่ากับฝ่ายมิคกี้คนขาดไป 3 คน แต่ไม่ต้องห่วง
ชะตากรรมได้ลิขิตให้ชิ้นส่วนทั้งหมด (7/13) ปรากฏขึ้นอยู่แล้ว
แล้วการปะทะกันก็จะนำมาซึ่งของขวัญที่เขาแสวงหา ซึ่งก็คือ X-blade
- ว่าแล้วมาสเตอร์เซอานอร์ทก็ลุกขึ้นยืนแล้วเรียกคีย์เบลดขึ้นมา
ตอนนี้ภาชนะทั้ง 13 อยู่พร้อมแล้ว เขาก็จะแบ่งหัวใจของเขาเข้าไปยังภาชนะชิ้นสุดท้ายซึ่งก็คือโซระ
แบบเดียวกับที่ชิ้นอื่นๆ มีหัวใจของเขาอยู่แล้ว
- มิคกี้กับริคุจะรีบเข้าไปช่วยโซระ
แต่ก็ถูกเซมุนัสและอันเซมตัวปลอมขัดขวางไว้
ขณะที่มาสเตอร์เซอานอร์ทแบ่งหัวใจตัวเองออกมาแล้วส่งเข้าไปหาโซระ
ลีอาก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วเอาจักราของเขาขวางไว้ได้ทัน
- ลีอาปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทียียวน
เขาบอกว่าเขาสัญญาไว้แล้วว่าไม่ว่าเพื่อนจะหนีไปสักกี่ครั้ง
ยังไงก็จะไปตามตัวเพื่อนกลับมา (เพื่อนในที่นี้ก็คือร็อคซัสที่อยู่ในตัวโซระ ซึ่งลีอาต้องการจะช่วย) หาว่าเขามาผิดเวลาหรือไง
แล้วก็หันไปล้อมาสเตอร์เซอานอร์ทว่าเขียนสคริปต์มาดี (หมายถึงเขียนมาจนถึงตอนที่ตัวเองกลับมาเป็นคนได้) แต่ลืมเขียนภาคต่อแน่ะ!
- แต่แล้วมาสเตอร์เซอานอร์ทก็ยิ้ม
แล้วบังคับให้ร่างหนึ่งของเขา ซึ่งก็คือไอซะที่ถูกหัวใจของเซอานอร์ทครอบงำเข้าไป
พุ่งเข้าไปจู่โจมใส่ลีอา ลีอารีบหลบมาได้และบอกให้ทุกคนรีบไปจากที่นี่กันดีกว่า
แล้วจังหวะนั้นโดนัลด์กับกู๊ฟฟี่ที่ใช้ เอ่อ... อ่า... ผมลืมชื่อมันไปแล้ว
ไอ้ที่เป็นสะเก็ดดวงดาวของมิคกี้ ซึ่งใช้ในการท่องผ่านบาร์เรียเข้าไปในดาวต่างๆ
ได้แบบมึนๆ ก็ใช้ไอ้นั่นแหละเดินทางมาสมทบที่จุดเกิดเหตุพอดี
- ถึงตรงนี้เซอานอร์ทก็บอกว่าเวลาของพวกเขาหมดลงแล้ว
แม้แสงสว่างและความมืดจะยังรวมตัวกันได้ไม่ครบ แต่พวกเขาจะกลับมาใหม่
เพราะการรวมตัวของ 7/13 นั้นใกล้เข้ามาแล้ว
ไว้มาสะสางกันในสถานที่แห่งชะตากรรม
แล้วแสงสว่างของมิคกี้และความมืดของเขาจะได้เผชิญหน้ากัน เมื่อมาสเตอร์เซอานอร์ทกับพวกหายไปแล้ว
มิคกี้กับสหายจึงเดินทางกลับหอคอยปริศนาของเยนซิดด้วย
----------------------------------------------------------------
ชะตากรรมและความบังเอิญ
ในซีรีส์นี้มีคีย์เวิร์ดสำคัญคำหนึ่งที่ใช้มาตั้งแต่ภาคแรก
นั่นคือคำว่า "ชะตากรรม" โดยตัวเกมนั้นได้กำหนดให้เหตุการณ์บางอย่างถูกชะตากรรมกำหนด (ลิขิต)
ไว้ล่วงหน้าแล้ว ยังไงเหตุการณ์นั้นๆ ก็ต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และไม่มีทางที่ "ความบังเอิญ" จะเข้าไปขัดขวางชะตากรรมได้
ตอนที่ภาค Birth by Sleep ออกมา
คุณโนมุระได้บอกไว้ว่า ในภาคนี้จะแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นใน Kingdom Hearts Iนั้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แต่เป็นเรื่องของพรหมลิขิต ที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว เช่น
การที่ริคุถูกคีย์เบลดเลือกเป็นคนแรก ก็เพราะเขาคือผู้สืบทอดของเทอร์ร่า, การที่โซระถูกคีย์เบลดกำหนดให้เป็นตัวสำรองของริคุ
ก็เพราะโซระมีหัวใจของเวน, การที่ไคริใช้คีย์เบลดได้
ก็เพราะเธอเคยผ่านพิธีสืบทอดคีย์เบลดจากอควอมาก่อน, แอ็คเซลถูกชะตากับร็อคซัส
ก็เพราะลีอารู้จักกับเวนมาตั้งแต่แรกแล้ว, การที่ไคริและโซระซึ่งอยู่คนละดาวกันแต่มาพบกันได้
ก็เพราะอควอได้ร่ายมนต์ใส่สร้อยคอของไคริไว้
ให้ไคริได้รับการปกป้องโดยผู้พิทักษ์แห่งแสง
พออันเซมตัวปลอมรู้สึกถึงพลังประหลาดจากไคริ
เขาซึ่งไม่รู้ว่าไคริเป็นหนึ่งในเจ้าหญิงทั้งเจ็ดหรือไม่
ก็ส่งไคริไปยังเกาะแห่งชะตากรรมด้วยความเชื่อว่าไคริกับผู้ใช้คีย์เบลดจะดึงดูดเข้าหากันเอง
ฯลฯ : อ้างอิง
พูดไปแล้วก็นึกถึงเกมหรือการ์ตูนเรื่องอื่นๆ
ที่ดำเนินเนื้อเรื่องเป็น Loop เช่น
Final Fantasy Type-0 และ Evangelion โดยเรื่องราวในแต่ละ
Loop ของเกมการ์ตูนพวกนี้จะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันออกไป
แต่กลับมีแกนหลักของเรื่องราวที่เหมือนกันในทุก Loop กล่าวคือมีเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอนในทุก
Loop ซึ่งเราอาจกล่าวได้ว่านั่นคือชะตากรรมของเรื่องราวในเกมการ์ตูนเหล่านั้น
ไม่ว่าชะตากรรมจะมีอยู่จริงหรือไม่
ทว่าแนวคิดเรื่องชะตากรรม พรหมลิขิต ก็เป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในวรรณกรรม ศาสนา
และความเชื่อของผู้คนรอบโลก
นั่นเป็นสิ่งที่สะท้อนว่าแนวคิดเรื่องชะตากรรมนี้ได้รับการยอมรับมากขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม
ส่วนตัวแล้วผมไม่ใคร่ให้ความสนใจกับเรื่องชะตากรรมมากนัก และผมปฏิเสธความคิดที่ว่าความบังเอิญไปขัดขวางชะตากรรมไม่ได้
ผมมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันก็ดำเนินไปตามเหตุและผล ในเมื่อเรารู้ว่า A นำไปสู่ B ....ดังนั้นถ้าเราอยากได้ B เราก็ต้องทำให้เกิด A
ก่อน หลักมันก็มีแค่นั้น ในทางกลับกันถ้าเราไม่อยากให้เกิด B
เราก็หลีกเลี่ยงป้องกันไม่ให้มันเกิด A มันก็จบ
แม้แนวคิดเรื่องชะตากรรมจะเป็นที่แพร่หลาย แต่ก็ยังมีเกมการ์ตูน
งานวรรณกรรมอีกหลายชิ้นที่แฝงแนวคิดว่า "มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้" ขอเพียงมีความหวัง และมีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมนั้น
สุดท้ายแล้ว
ใครจะเชื่อแนวคิดไหน ก็เป็นเรื่องของวิจารณญาณของแต่ละบุคคลไป
ซึ่งผมมองว่าไม่ว่าชะตากรรมจะมีอยู่จริงหรือไม่ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ....
เรื่องที่สำคัญจริงๆ คือ หากเราอยากมีชีวิตที่ดี เราก็ใช้ชีวิตให้ดี
หากเราอยากมีชีวิตที่แย่ เราก็ทำตัวให้เหลวแหลก... ทำดีก็เกิดความดี ทำชั่วก็เกิดความชั่ว
นั่นต่างหากคือหลักที่เป็นของจริงยิ่งแท้
อนาคตจะเป็นอย่างไร
ก็อยู่ที่เราทำตัวเราเองครับ
Post a Comment