สรุปง่าย ๆ ประวัติโคตรบอสใน Final Fantasy XII


เหตุเกิดในยุคโบราณ

นานแสนนานมาแล้วจนไม่มีการระบุเลขปีปฏิทิน เหล่าโอควิเลียได้สร้างอสูรมายาขึ้นมาจำนวนหนึ่ง อสูรเหล่านี้มีคำเรียกอีกแบบในตัวเกมเวอร์ชั่นอังกฤษว่า Scion

อสูรมายาถูกสร้างขึ้นมาให้มีพละกำลังและสติปัญญามาก แถมยังมีการแบ่งว่าใครเป็นด้านสว่างและด้านมืด ในเกมไม่ได้ระบุไว้แน่ชัดว่าโอควิเลียสร้างอสูรมายาขึ้นมาทั้งหมดกี่ตน แต่ที่ถูกกล่าวถึงในเกมมีด้วยกัน 24 ตน แบ่งเป็นอสูรประจำ 11 ราศี ราศีละ 2 ตน (ด้านสว่างและด้านมืด) อสูรราศีกันย์ 1 ตน และอสูรราศีโอฟิวกัสอีก 1 ตน ซึ่ง 2 ตนหลังไม่มีการระบุว่าเป็นด้านสว่างหรือด้านมืด

หลังจากที่โอควิเลียได้สร้างอสูรมายาขึ้นมาแล้ว ก็มอบหมายหน้าที่ให้กับพวกมันแตกต่างกันไป (พล็อตฟัลซิพัลส์และฟัลซิลินด์เซย์ สร้างฟัลซิลูกกระจ๊อกขึ้นมาบนโลก ก็แนวเดียวกันเลย) อสูรมายาแต่ละตนก็ทำงานของมันไปตามปกติ

กระทั่งวันหนึ่งอสูรมายาในนามเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์อัลเทม่า ก็โดนความมืดครอบงำ เธอเชื่อว่าตนเองมีพลังอำนาจสูงส่งกว่าโอควิเลีย เลยไปชักชวนอสูรมายาด้านมืดตนอื่น ๆ จำนวน 11 ตน ลุกฮือก่อกบฎต่อสู้กับโอควิเลียเพื่ออิสรภาพ เกิดเป็นสงครามอันยาวนานระหว่างอสูรกับโอควิเลีย ซึ่งในท้ายที่สุดฝ่ายอสูรมายาก็แพ้พ่ายไป พวกเขาทุกคนถูกลงโทษด้วยการจับผนึกวิญญาณและร่างเนื้อไว้ในตราเวทย์อาคม จะออกมาตราเวทย์อาคมได้ก็ต่อเมื่อถูกใครสักคนอัญเชิญออกมาเท่านั้น

อสูรมายาด้านมืดแต่ละตน มีปูมหลังและเหตุผลที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจทรยศโอควิเลีย และไปเข้าร่วมทีมกบฎกับเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์อัลเทม่า ดังนี้

===========================
พวกทำหน้าที่บนโลกมนุษย์
===========================

เอ็กโซดัส (Exodus) - อสูรที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นตนแรก มีชีวิตมายาวนานกว่าอสูรทั้งปวง ถูกสร้างขึ้นมาให้เฝ้ามองโลกและตัดสินคุณค่าของสรรพสิ่ง แต่นานวันเข้า ความรู้สึกยึดถือที่เอ็กโซดัส มีต่อโลกก็ค่อย ๆ ลดน้อยลงจนหมดสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่า แล้วเอ็กโซดัส ก็พาลอยากให้โลกนี้กลับคืนสู่ความว่างเปล่าด้วยเช่นกัน จึงไปเข้าร่วมสงครามต่อต้านโอควิเลีย

ฮัชมาล (Hashmal) – อสูรที่ถูกสร้างมาให้ควบคุมและบังคับใช้กฎแก่โลกมนุษย์ ทำให้สังคมมนุษย์เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ทำงานไป ๆ มา ๆ ฮัชมาล ก็พาลอยากให้ทุกสรรพสิ่งอยู่ในความเป็นระบบระเบียบ ก็เลยไปร่วมมือกับอัลเทม่าต่อสู้กับโอควิเลีย ถวายชีวิตสู้หลายพันปี สุดท้ายฮัชมาลก็พลังหมดก๊อกและแพ้ไป

เคออส (Chaos) - อสูรผู้พิทักษ์คริสตัลศักดิ์สิทธิ์ของโอควิเลียในยุคโบราณ แต่ตอนมาเยือนโลกมนุษย์ เคออสตกอยู่ในวังวนของความสับสนอลหม่าน เคออสตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย เวียนว่ายไปนับครั้งไม่ถ้วน ติดอยู่ในวัฏสงสารอันไม่สิ้นสุด จนเกิดเป็นความโกรธแค้นต่อโอควิเลียที่สร้างเขาให้เกิดมาแล้วติดอยู่ในวัฏสงสาร จึงไปเปิดศึกกับโอควิเลีย ปกติแล้วเคออสมักจะนั่งสมาธิอยู่บนแท่นเพื่อขัดเกลาจิตใจ จนกว่าจะถึงวันที่จิตใจของเขาเปี่ยมไปด้วยเหตุผลและว่างเปล่า (หมายถึงตรัสรู้ในสิ่งต่าง ๆ และทำจิตใจให้ว่างเปล่าได้สำเร็จ)

เซโรมุส (Zeromus) – อสูรผู้เชิดชูกฎระเบียบและประณามอาชญากรรม เซโรมุสเกลียดชังและคอยประณามพวกแหกกฎ แต่นานวันเข้า ความรู้สึกที่จะธำรงรักษากฎก็ลดน้อยลง สวนทางกลับความรู้สึกชิงชังประณามที่มีแต่เพิ่มมากขึ้น ว่าแล้วเซโรมุสก็สาปแช่งหวังให้โอควิเลียตายไป โดนความมืดครอบงำไปอีกราย

คิวคูเลน (Cúchulainn) – อสูรที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อขจัดมลทินให้หมดสิ้นไปจากโลก โดยให้คิวคูเลนกลืนกินมลทินเข้าไปเองซะ แต่แกดันเขมือบมลทินมากไปจนวิปลาส โอควิเลียเองก็คาดไม่ถึงว่าจะกลายมาเป็นแบบนี้ จากอสูรผู้เลอโฉมเลยกลายเป็นตัวโสโครกมูมมาม แล้วคิวคูเลนก็หันไปต่อกรกับโอควิเลียบ้าง

เบเลียส (Belias) – อสูรที่ถูกสร้างมาให้ทำหน้าที่ยามเฝ้าทางเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของโอควิเลีย แต่แล้วเบเลียสกลับไม่พอใจบทบาทที่โอควิเลียมอบให้ เบเลียสเห็นว่าสิ่งที่โอควิเลียทำนั้นมันผิด เลยไปร่วมมือกับอัลเทม่า

===========================
พวกทำหน้าที่ในยมโลก
===========================

มาเทอุส (Mateus) – อสูรผู้ปกครองและปกป้องยมโลก อยู่มาวันนึงเจ้าตัวก็โดนความโลภครอบงำ ความมืดกลืนกินหัวใจ กลายเป็นปิศาจที่ชั่วร้าย แต่ด้วยความขี้ขลาดของมาเทอุส เจ้าตัวเลยไปผนึกร่างของตนเข้ากับร่างของเทพธิดาน้ำแข็ง ใช้เธอเป็นโล่เนื้อนับแต่นั้นมา แล้วก็ไปสู้กับโอควิเลียทั้งสภาพนั้น

อดราเมเลช (Adrammelech) - จักรพรรดิแห่งอสูร ถูกสร้างมาเพื่อปราบปิศาจในยมโลก แต่ด้วยพลังสุดแกร่งและภาพลักษณ์อันน่ากลัวของอดราเมเลช มันดึงดูดให้พวกปิศาจหันมาเป็นพวกกับเขา จนอดราเมเลชค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป กระทั่งวันหนึ่งเขาก็คิดกบฎต่อโอควิเลีย ว่าแล้วอดราเมเลชก็นำฝูงปิศาจเข้าต่อสู้กับโอควิเลีย

ซัลเอร่า (Zalera) – อสูรที่ถูกสร้างมาให้พิพากษาผู้ตาย ทำงานไป ๆ มา ๆ วิญญาณของซัลเอร่าก็ต้องสาปจากความแค้นของผู้ที่ชิงชังต่อสวรรค์ ว่าแล้วซัลเอร่าก็ไปจับชาแมนสาวที่เป็นข้ารับใช้ของโอควิเลียมาเป็นเชลย แล้วซัลเอร่าก็ไปสู้โอควิเลียทั้งอย่างนั้น แต่ขนาดพ่ายแพ้ต่อโอควิเลียแล้ว ซัลเอร่าก็ยังกอดแม่สาวชาแมนไม่ปล่อยจนถึงทุกวันนี้

เชมฮาไซ (Shemhazai) – อสูรที่ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์และควบคุมวิญญาณร่อนเร่ในยมโลก แต่แล้วตอนอัลเทม่าก่อกบฎ จู่ ๆ เชมฮาไซก็เข้าไปกระซิบบอกจุดอ่อนที่พวกโอควิเลียปิดบังไว้ให้อัลเทม่าฟังโดยไม่มีสาเหตุ จากนั้นเชมฮาไซก็ฝืนคำสั่งโอควิเลีย ลงไปที่โลกมนุษย์ ไปสอนมนุษย์ถึงความชั่วและการทำลายล้าง เชมฮาไซเลยโดนโอควิเลียเก็บไป

ฟามฟรีท (Famfrit) - อสูรที่ถูกสร้างขึ้นมาในรูปเมฆหมอกแห่งความมืด ฟามฟรีทถูกพวกโอควิเลียที่สร้างตนเองมาแท้ ๆ เกลียดชัง จึงเข้าร่วมสงครามต่อต้านโอควิเลีย หลังจากพ่ายแพ้ ฟามฟรีทก็ถูกผนึกไว้ในชุดเกราะไร้แสง

อัลเทม่า (Ultima) – อสูรผู้เป็นผลงานชิ้นเอกของโอควิเลีย หัวโจกของแผนการกบฎ เดิมอัลเทม่าถูกสร้างมาเพื่อนำพาวิญญาณขึ้นสู่สรวงสวรรค์และพาไปเกิดใหม่ แต่แล้วอัลเทม่าก็แปดเปื้อนความชั่วร้ายจนนำไปสู่ความคิดที่จะก่อกบฎต่อโอควิเลีย หลังจากอัลเทม่าแพ้พ่าย เธอก็ไม่เหลือแสงสว่างในจิตใจอีกเลย

===========================
ตัวพิเศษ
===========================

โซดิอาร์ค (Zodiark) - อสูรมายาที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาอสูรทั้งปวง โซดิอาร์คเก่งจนโอควิเลียหวาดกลัวว่าเมื่อโซดิอาร์คโตขึ้นจะมีพลังอำนาจมากจนเป็นภัยต่อโอควิเลียได้ โอควิเลียจึงจับโซดิอาร์คผนึกให้อยู่ในร่างเด็กไว้ตลอด โดยโซดิอาร์คถูกสร้างมาให้ทำหน้าที่ดูแลภาพรวมกฎของทุกสรรพสิ่ง และคอยพิพากษาผู้อื่นในนามของโอควิเลีย ตอนที่อัลเทม่าก่อการกบฎ โซดิอาร์คไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วย

หลังจาก 12 อสูรมายาแพ้พ่ายต่อโอควิเลียแล้ว พวกมันก็ถูกโอควิเลียนำไปผนึกแล้วทิ้งไว้ในที่ ๆ มีมิสต์หนาแน่น หรือจับวางเป็นยามไว้เฝ้าตามสถานที่ต่าง ๆ ที่มีความหมายพิเศษสำหรับโอควิเลีย 

มาเทอุส ถูกวางเป็นยามเฝ้าวิหารมิเลียม สถานที่เก็บดาบจอมราชันย์

เชมฮาไซ กลายเป็นยามเฝ้าทางเข้าไปพบโอควิเลียในคริสตัลยักษ์

ฮัชมาล เป็นยามเฝ้าประภาคารฟารอสที่เก็บรังไหมสุริยะ

เบเลียส ภายหลังได้เจอกับจอมราชันย์เรธวอลล์ แล้วก็สาบานว่าจะปกป้องสุสานของกษัตริย์ผู้นี้ไปชั่วนิรันดร์

อัลเทม่า โดนจองจำอยู่ในคริสตัลยักษ์ เป็นที่ ๆ โอควิเลียจับตาดูได้ง่าย

อสูรมายาที่พวกอาเช่อัญเชิญออกมาใช้ได้มีด้วยกัน 13 ตน โดยเป็นพวกที่เคยก่อกบฎต่อโอควิเลีย 12 ตน ส่วนโซดิอาร์ค ไม่ได้กบฏ แต่ก็มีพลังมากเกินไปจนโดนโอควิเลียพันธนาการไว้


ในโลกของ Final Fantasy XII พึ่งมีการค้นพบศิลาจารึกจากยุคโบราณอันใหม่ ซึ่งในศิลาจารึกนั้นสลักถึงเรื่องราวระหว่างพระเจ้ากับมังกรตนหนึ่ง เลคลุส (Lecluse) ซึ่งเป็นอรรถกถาจารย์ (นักแกะความอักษรโบราณ) เชื่อว่าสิ่งที่เขาเห็นอยู่นี้น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกเขียนเสริมเติมแต่งให้เว่อร์เกินจริงเหมือนกับนิทานปรัมปรา ทว่าเขากลับสังหรณ์ใจว่าในข้อความเหล่านี้ มันมีมูลความจริงแฝงอยู่เหมือนกัน

ว่าแล้วเลคลุสก็ทำการถอดความศิลาจารึกดังกล่าว ออกมาเป็นความได้ว่า

ในยุคโบราณ พระเจ้าได้สร้างมังกรขึ้นมาให้แข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นมาก่อน จนมังกรเองก็หลงคิดว่าตัวมันเองแข็งแกร่งกว่าพระเจ้าที่สร้างมันขึ้นมา

วันหนึ่งมังกรก็ไปพูดกับพระเจ้าว่า "ข้าแข็งแกร่งกว่าท่าน"

พระเจ้าเลยยิ้มตอบ แล้วก็ชวนเล่นเกมกันว่าใครจะแข็งแกร่งกว่า นั่นคือจุดเริ่มต้นของเกมมังกร

มังกรกับพระเจ้า ตกลงกันว่าจะทำการทดสอบกัน 3 อย่างเพื่อหาว่าใครคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด

ตาที่ 1 - พระเจ้าท้าว่าเห็นภูเขาลูกนั้นมั้ย? ไปยกภูเขามาวางตรงนี้ให้หน่อยสิ?

มังกรตอบกลับว่าง่ายดั่งยกยอดหญ้า ว่าแล้วมันก็ไปยกภูเขา แบกมากองแทบเท้าพระเจ้า

ทีนี้มังกรก็บอกพระเจ้าว่า "ตาท่านแล้ว" แต่พระเจ้ากลับบอกว่า "ไม่ ข้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะเคลื่อนภูเขาได้"

ดังนั้น มังกรเลยชนะในตาแรก 

ตาที่ 2 - พระเจ้าท้าว่าโน่นคือหินที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เจ้าทลายมันได้มั้ย?

มังกรตอบว่าง่ายดั่งนกกระจอกเจาะแอปเปิ้ลหาหนอน ว่าแล้วมันก็ทะลวงหินก้อนนั้นเป็นรูกลวง

แล้วมังกรก็บอกพระเจ้าว่า "อ่ะ ตาท่านแล้ว" แต่พระเจ้ากลับบอกว่า "ไม่ ข้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะทลายหินเช่นนั้นได้"

ด้วยเหตุนี้ มังกรเลยชนะในตาที่ 2

ตาที่ 3 - พระเจ้าท้าว่าเห็นวงแหวนเวทย์นั่นมั้ย? เจ้าผ่านมันเข้าไปได้รึเปล่า?

มังกรตอบว่าง่ายดั่งจิ้งจอกกระโจนเข้าโพรงกระต่าย ว่าแล้วมังกรก็ทะยานเข้าหาวงแหวนแคบ ๆ ... เอ่อ แต่ผ่านเข้าไปได้แค่หัว ส่วนถัดจากคอลงไปมันติดวงแหวนอยู่

"ท่าน.... หลอก.... ข้า...." มังกรครวญ

"ก็ข้าฉลาดกว่าเจ้า" พระเจ้าแสยะยิ้มตอบ

พระเจ้าชนะในบททดสอบสุดท้าย และผลจากการติดวงแหวนอาคมที่คอนั้น ทำให้มังกรกลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอกว่าพระเจ้าในทุก ๆ ด้าน

------------------------------------------------

จากนิทานเรื่องนี้ คำถามที่ตามมาคือ มังกรที่โดนพระเจ้าหลอกคือใคร?

คน เอ้ย มังกร ตัวที่ดูน่าสงสัยที่สุดคงหนีไม่พ้นมังกรมาร มาจินริว (Hell Wyrm)

เรื่องนี้พลิกดูหนังสืออัลติมาเนียโอเมก้าหน้า 208 แล้ว มีการให้ข้อมูลไว้ว่านิทานมังกรกับพระเจ้า (ใส่รูปประกอบเป็นเจ้ามาจินริว) เป็นหนึ่งในนิทานปรัมปราเล่าขานในอิวาลิซ ซึ่งเพียงแวบแรกที่เราเห็นบุคลิกมังกรที่ดูป่าเถื่อนดุร้าย ก็ย่อมเข้าใจได้ว่ามันจะพ่ายแพ้ให้กับผู้ที่ฉลาดกว่าตามธรรมเนียมของนิทานจำพวกนี้ ทว่าเลคลุสคิดว่าในนิทานเรื่องนี้มีความจริงบางอย่างแฝงอยู่

ความจริงที่ว่าคือ ในการที่พระเจ้าจะริบพลังจากมังกรได้ ก็ต้องทำให้มันถูกผนึกด้วยวงแหวนเวทย์

ด้วยเหตุนี้มอนสเตอร์จำพวกมังกรร้ายในเกม จึงมีวงแหวนอยู่ที่คอ ซึ่งก็ไม่ได้ระบุตัวไหนเป็นพิเศษ เพราะมันโดนสวมวงแหวนกันถ้วนหน้า

นอกจากนี้ยังมีนักวิจัยบางส่วนในโลกอิวาลิซเชื่อว่าการที่มังกรในทุกวันนี้มีวงแหวนอยู่ที่คอ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าพระเจ้ามีอยู่จริง

ผมอ่านแล้วก็ไม่รู้นะว่าพระเจ้าในที่นี้คือโอควิเลียตนหนึ่ง หรือพระเจ้าจริง ๆ ที่มีหนึ่งเดียวและอยู่สูงกว่าโอควิเลียขึ้นไปอีก ปล่อยให้ตีความกันเอง

ทีนี้ในเอกสารประวัติของมาจินริวเอง เขียนว่ามาจินริวถูกเรียกขานว่าเป็นราชาแห่งนรกในตำนาน มันสามารถทะยานข้ามไปมาระหว่างโลกมนุษย์และยมโลกได้อย่างอิสระ ก่อความพินาศไปทั่วจนเหล่าเทพเจ้าต้องขัดขวาง พระเจ้ายึดพลังในการบินของมันไป และส่งมันสู่ก้นบึ้งอเวจี

หลังตกสู่ก้นนรกแล้ว มาจินริวพยายามกางปีกบินไปสู้กับพระเจ้าอีกครั้ง แต่ด้วยอาคมแสงที่พระเจ้าสาปใส่มันไว้ ทำให้มันบินไม่ได้ มันเลยนอนหลับยาวข้ามหลายยุคหลายสมัย กบดานอยู่ในเส้นทางแห่งความมืด รอคอยวันเวลาที่จะได้กลับมาผงาดอีกครั้ง

จากการที่อัลติมาเนียโอเมก้าใช้รูปประกอบนิทานเรื่องนี้เป็นมาจินริว เนื้อหาที่ว่าพระเจ้าริบพลังจากมังกรตนนั้น ส่วนในประวัติของมาจินริวก็บอกว่ามันโดนพระเจ้ายึดพลังในการบินไป ทั้งหมดมันสอดคล้องกัน จนผมว่าคิดเป็นทางอื่นไม่ได้แล้ว

มังกรที่โดนพระเจ้าหลอก ก็คือมาจินริวเนี่ยแหละ และผลจากครั้งนั้น ทำให้พระเจ้าตัดสินใจจับมังกรปิศาจตนอื่น ๆ ทั้งหมดสวมวงแหวนเพื่อริบพลังไปด้วยนั่นเอง


จากเอกสารในเกม Final Fantasy XII ที่เกริ่นถึงถึงประวัติของยัสมัทแบบคร่าว ๆ ได้กล่าวว่าผู้สร้าง (ไม่ระบุว่าเป็นพระเจ้าหรือโอควิเลีย) ได้สร้างยัสมัทขึ้นมาให้เป็นเทพมังกรผู้อยู่เหนือมังกรทั้งมวลบนโลก ตำนานกล่าวว่ามันเป็นจิตวิญญาณผู้พิทักษ์ดาบศักดิ์สิทธิ์ แต่แม้จะเป็นเทพมังกร ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของมันก็ทำให้มันบ้าคลั่งจนกระทั่งกลายมาเป็นภ้ยต่อผู้ที่สร้างมันขึ้นมาเอง

ถัดมาจากข้อมูลที่มองบลังซ์เล่าให้วานฟัง แม้ผู้สร้างจะสร้างยัสมัทให้เป็นเทพมังกร แต่ในสายตาสิ่งมีชีวิตบนโลกแล้ว ยัสมัทคือมังกรที่ชั่วร้ายที่สุด

มองบลังซ์เล่าให้ฟังว่าวันหนึ่งยัสมัทได้ปรากฏตัวขึ้น อาจารย์ของพวกเขาได้ต่อสู้กับยัสมัทอย่างสุดความสามารถ ซัดกันดุเดือดเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และอาจารย์เกือบจะเอาชนะมันได้อยู่แล้ว (มองบลังซ์บอกว่าเป็น คหสต. ของเขา) ทว่าท้ายที่สุดกลับมีเพียงยัสมัทเท่านั้นที่ยังยืน 4 ขาตระหง่านอยู่ได้

หลังขจัดอาจารย์ของมองบลังซ์ได้แล้ว ยัสมัทก็หายตัวไป ไม่เคยมีใครพบเห็นมันอีก

ด้วยเหตุที่อาจารย์ของพี่น้องมองบลังซ์ถูกยัสมัทปลิดชีพมาก่อน มองบลังซ์จึงเฝ้ารอวันที่จะแก้แค้นมัน เขาก่อตั้งกลุ่มแคลนเซนทูริโอ (Centurio) ขึ้นมาด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถปลุกปั้นฮันเตอร์ที่กล้าหาญพอจะไปเผชิญหน้าและเอาชนะยัสมัทได้ และเมื่อมองบลังซ์เห็นว่าพวกวานสามารถพิชิตมอนสเตอร์ระดับ 7 เกือบทั้งหมดและมังกรปิศาจมาจินริวได้แล้ว เขาก็ตัดสินใจจะเอ่ยปากขอร้องพวกวานให้ช่วยล้างแค้นให้กับอาจารย์ของเขาด้วย...

หลังจากที่พวกวานตามหาและกำจัดยัสมัทที่สังเวียนใกล้ประภาคารสุดขอบโลกได้แล้ว พอกลับมายังบ้านแคลน พี่น้องมองบลังซ์ทั้ง 6 คนจะออกมาต้อนรับและบอกว่าหลังจากเสียอาจารย์ไป พวกเขาก็แยกย้ายกันออกตามหาใครสักคนที่จะเอาชนะยัสมัทได้ ก็ไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกเลยจนกระทั่งวันนี้

มองบลังซ์ : ในที่สุดนายของเราก็จะได้ไปสู่สุขคติเสียที คุโปะ เราจะไม่มีวันลืมพระคุณของนาย ขอขอบคุณอีกครั้ง ฉันมีบางอย่างที่จะมอบให้นาย ของเล็กน้อยแทนความยินดีอันเปี่ยมล้นของฉัน โปรดรับมันไว้พร้อมกับคำขอบคุณของฉันด้วย คุโปะ

(ได้รับเงิน 30,000 กิล พร้อมกับ Godslayer’s Badge)

แม้ว่าจะไม่มียัสมัทอีกต่อไปแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าแคลนแห่งนี้จะต้องปิดตัวลง ขณะที่พี่น้องของมองบลังซ์ก็แยกย้ายกลับไปทำธุรกิจของตน มองบลังซ์เองก็จะทำหน้าที่หัวหน้าแคลนต่อไป ดังนั้นไม่ว่าเมื่อไหร่ที่พวกวานกลับมาเยี่ยมบ้านแคลนแห่งนี้อีกครั้ง แคลนเซนทูริโอก็พร้อมยินดีต้อนรับเสมอ

มองบลังซ์จะบอกว่าเขาไม่มีงานให้วานทำอีกแล้ว พวกวานได้กำจัดเป้าหมายทั้งหมดที่มี! คุณคือฮันเตอร์ที่เก่งที่สุดเท่าที่อิวาลิซเคยมีมาอย่างไม่ต้องสงสัย และทำให้มองบลังซ์ผู้นำแคลนอันดับหนึ่งบนผืนแผ่นดินอิวาลิซภาคภูมิใจมาก

Godslayer’s Badge - เหรียญรางวัลสำหรับการกำจัดสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ มหาเทพมังกร “ยัสมัท” สัญลักษณ์ของอัศวินที่แท้จริงแห่งอิวาลิซ

-----------------------------------------

ช่วงแรกที่เกมออกมาและยังไม่มีการเปิดเผยพลังชีวิตที่แท้จริงของยัสมัทออกมา ผู้เล่นชาวญี่ปุ่นคุยกันว่าพลังชีวิตของมันน่าจะมีประมาณ 100 ล้าน แล้วตัวเลขนั่้นก็แพร่กระจายไปทั่วโลกมาจนถึงสยามแลนด์ด้วย ตัวเลข 100 ล้านนั้นถือเป็นตำนานบทหนึ่งในช่วงเวลานั้น ซึ่งก็ทำเอาอกสั่นขวัญแขวนกันไปหมด แต่ที่จริงแล้วพลังชีวิตของมันคือ 50,112,254

ทั้งนี้ในหนังสืออัลติมาเนียโอเมก้า ได้ลงวิธีปราบมันภายใน 50 นาทีเอาไว้ (แบบยังไม่กดเร่งสปีด 4 เท่า) โดยใช้บาชกับบัลเธียร์เป็น DPS ร่วมกัน (เนื่องจาก 2 คนนี้มี MP และพลังเวทย์ต่ำกว่าคนที่เหลือ) ปล่อยให้อยู่ในสภาพคริติคอลตลอดเวลาเพื่อจะได้โจมตีรุนแรงและต่อเนื่อง โดยสวมใส่ชุด Brave Suit และอาวุธที่ทำคอมโบได้สูงอย่างดาบมาซามุเนะ ส่วนหัวหน้ากลุ่มก็ร่าย Dispel, Reverse, Decoy, Bubble, Arise, Berserk, Haste ยาว ๆ ไป

ปัจจุบันยัสมัทไม่ใช่บอสที่มีพลังชีวิตสูงสุดของซีรีส์อีกต่อไปแล้ว เนื่องจาก Aeronite (アイロネート) ร่างสุดยอดใน Hard Mode ของ Lightning Returns -Final Fantasy XIII- มีพลังชีวิตอยู่ที่ 57,750,000 ทว่าการต่อสู้กับ Aeronite นั้นง่ายและสั้นกว่าตำนานอย่างยัสมัทเยอะ


ในโลก Final Fantasy XII ได้มีนักโบราณคดีคนหนึ่งที่ชื่อฟาร์ริสเตอร์ ได้แปลบันทึกประจำวันของนักประดิษฐ์อาวุธในสมัยโบราณเอาไว้ โดยฟาร์ริสเตอร์นี่ก็มี คหสต. ว่าไอ้บันทึกประจำวันนี่จริง ๆ แล้วน่าจะเป็นแค่นิยายมากกว่า

เรื่องมันมีอยู่ว่า วันหนึ่งนักประดิษฐ์ได้รับคำขอจากลูกค้าว่าอยากให้ช่วยประดิษฐ์อะไรก็ได้ที่สามารถเอาไปล้ม .....!@#$%^&.... สิ่งที่ลูกค้าเองก็เรียกไม่ถูกให้หน่อย ทีนี้ด้วยความติสต์ของนักประดิษฐ์คนนั้น เขาก็คิดว่าจะสร้างมันขึ้นมาให้เก๋ ๆ เอาแบบเห็นแล้วชวนโลภขึ้นมาได้

นั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาคิดว่า จะสร้างสิ่งอาวุธชิ้นใหม่นี้ขึ้นมาในรูปของซีรีส์ "กล่องสมบัติ"

หลังจากประดิษฐ์กล่องสมบัติรุ่นต้นแบบเสร็จแล้ว เขาก็ส่งมอบให้แก่ลูกค้า แต่เจ้ารุ่นต้นแบบนั่นก็โดนเป้าหมายของลูกค้ากระทืบเละไม่มีชิ้นดี ลูกค้าเลยกลับมาต่อว่านักประดิษฐ์และเผยว่าเขาต้องการอาวุธที่จะไปต่อกรกับมังกรที่แข็งแกร่งสุด ๆ ได้ ลูกค้ายินดีจะจ่ายเงินลงทุนเพิ่มเติมให้เพื่อให้ไปประดิษฐ์อาวุธชิ้นใหม่ให้ดีกว่าเดิม แต่นักประดิษฐ์ก็ลังเลอ้ำอึ้ง และคืนเงินกลับไปก่อน

เวลาหมุนผ่านไปหลายเดือน เข้าสู่ฤดูร้อน นักประดิษฐ์สุดติสต์ยังแค้นเจ้ามังกรปริศนานั่นไม่หาย เขาเฝ้าคิดมาตลอดว่าทำยังไงถึงจะเอาชนะมังกรตนนั้นได้ จนในที่สุดก็คิดถึงคอนเซปต์ที่ว่าต้องสร้างอาวุธที่ "เรียนรู้" และ "เติบโต" ได้ เพื่อให้มันตรวจสอบศัตรูและวิเคราะห์หนทางในการเอาชนะศัตรูขึ้นมา

แต่การคิดแบบนั้นยังไม่ติสต์พอครับ นักประดิษฐ์เลยคิดว่าจะสร้างอาวุธซีรีส์นี้ให้มัน "ขยายพันธุ์" ได้ เขาจะสร้าง "ตัวแม่" ขึ้นมาก่อน จากนั้นให้ตัวแม่ขยายพันธุ์ไปจนได้ลูกหลานที่เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ออกมา...

ว่าแล้วเจ้า "มิมิคควีน" เลยถือกำเนิดขึ้นมาในฐานะอาวุธที่สามารถขยายพันธุ์ออกลูกหลานได้ โดยมีตัวมันเองเท่านั้นที่ออกลูกได้วันละร้อยกว่าตัว แต่ตัวลูกของมัน ไม่สามารถขยายพันธุ์ต่อไปได้ (หมายความว่าถ้ามิมิคควีนตาย เผ่าพันธุ์มันก็จะเพิ่มจำนวนไม่ได้อีก)

มิมิคควีนคลอดลูกหลานออกมาเต็มห้องทดลองของนักประดิษฐ์ แล้วเขาก็ติดกล้องสอดแนมลงไปในตัวพวกมัน ส่งพวกมันไปสู้กับมังกรปริศนา

จากกล้องสอดแนม นักประดิษฐ์จึงได้ดูการต่อสู้ระหว่างลูกหลานของมิมิคควีน vs มังกรปริศนา นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรูปร่างของมังกรยักษ์ตนนั้น โดยลูกหลานของมิมิคเก่งจริง ทว่ามังกรปริศนานั้นเหนือกว่า!

ด้วยความติสต์อีกแล้วครับ นักประดิษฐ์ก็ตัวสั่นระริก แล้วคิดว่ารอก่อนเถอะ...

อีกไม่นาน เผ่าพันธุ์ของมิมิคควีน จะลองผิดลองถูก เรียนรู้ เติบโต พัฒนาจนเอาเจ้ามังกรนั้นได้อย่างแน่นอน....

คล้อยคลังผ่านไปไม่นาน.... นักประดิษฐ์ก็โดนลูกค้าต่อว่า ๆ นายสร้างอาวุธที่พอจวนจะแพ้แล้วก็สับตีนหนีได้ยังไง!?

นักประดิษฐ์พยายามอธิบายว่าการไปลองสู้ เรียนรู้แพทเทิร์น พอจะแพ้แล้วก็หนี เป็นเรื่องจำเป็นต่อการเรียนรู้เพื่อที่จะเอาชนะมังกรปริศนานั้น....

ลูกค้าได้ยินแล้ว ก็พึ่งเข้าใจว่าไอ้นักประดิษฐ์นี่มันบ้าแน่นอน... เลยโกรธเป็นฟืนไฟ จากไป

ส่วนนักประดิษฐ์เอง เจอลูกค้าระเบิดอารมณ์ใส่ก็ขมขื่นใจ แล้วตัดสินใจถอนตัวจากงานนี้ ไม่วิเคราะห์แผนการต่อละ

แต่เขาก็รู้ว่าตราบใดที่มิมิคควีนยังมีชีวิตอยู่ โอกาสที่จะเอาชนะมังกรปริศนาตนนั้นได้ ก็จะยังคงมีอยู่เสมอ

ผ่านไปไม่กี่วัน นักประดิษฐ์พึ่งสังเกตเห็นว่าเจ้า Mark XII ลูกหลานตัวหนึ่งของมิมิคควีนได้หายตัวไป กล้องสอดแนมและเครื่องส่งสัญญาณที่ติดตัวมันก็พังไปในการต่อสู้แล้ว เขาเชื่อว่า Mark XII คงจะออกเดินทางไปกบดานในที่ ๆ มีมิสท์หนาแน่น เพื่อจะช่วยให้มันเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และหวังว่ามันจะโชคดีมีชัยในสักวันหนึ่ง

ทั้งนี้เอกสารในเกมอีกฉบับหนึ่ง ระบุว่า Mark XII เป็นอาวุธจากอารยธรรมโบราณซึ่งสามารถเดินทางข้ามช่องแยกมิติได้ กลไกและอาวุธที่ติดตั้งบนร่างกายมันนั้นล้ำกว่าเทคโนโลยีในยุค FFXII เยอะ และยังสามารถวิวัฒนาการได้ดั่งสิ่งมีชีวิต มันใช้พลังงานจากการดูดมิสท์ในอากาศเข้ามาควบแน่นและกรองเก็บเป็นพลังงานให้ตนเอง

-------------------------------------

ในหนังสืออัลติมาเนียโอเมก้า หน้า 207 ได้อธิบายถึงบันทึกของนักประดิษฐ์ว่า เป็นเรื่องการพัฒนาอาวุธเพื่อพิชิตมังกร ซึ่งอาวุธนั้นเป็นเครื่องจักรที่สามารถเติบโตได้ดั่งสิ่งมีชีวิต ด้วยการสูบมิสท์เข้าไป

จากที่บันทึกเรียกอาวุธชิ้นนั้นว่า XII ทำให้คิดได้ว่ามันน่าจะเป็น Omega Mk.XII

กล่าวอีกนัยหนึ่ง Omega Mk.XII มันยังเอาชนะมังกรตนนั้นไม่ได้ จึงเข้าไปซ่อนตัวในที่ ๆ มิสท์หนาแน่น ซึ่งก็คือครัสตัลกรันเด้ และเติบโตขึ้นเพื่อให้ทัดเทียมกับมังกรตนนั้น มังยังคงเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยความตั้งใจว่าวันหนึ่งจะไปแก้มือใหม่

และจากการที่ Omega Mk.XII จะเริ่มเคลื่อนไหวทันทีที่ยัสมัทปรากฏตัวขึ้นมา จึงสรุปได้ว่าเป้าหมายในการเติบโตหรือศัตรูชั่วฟ้าดินสลายของ Omega Mk.XII ก็คือยัสมัทนั่นเอง

(ใน FFwikia เขียนว่ามังกรปริศนาเป็นได้ทั้งมาจินริว ยัสมัท และชินริว แต่อัลติมาเนียโอเมก้าสรุปให้แล้วว่าเป็นยัสมัทนั่นแหละ)

-------------------------------------

Omega Mk.XII มีพลังชีวิต 10,370,699 ในตัวเกมเวอร์ชั่นญี่ปุ่น แต่มีการปรับเหลือ 1,037,069 ในตัวเกมเวอร์ชั่นยุโรป อเมริกา และอินเตอร์ฯ แต่ก็ได้เพิ่มความสามารถใหม่ให้มันคือ ทำให้ผู้ที่ถูกมันโจมตีติดสภาวะ Berserk ไปด้วย

ทั้งนี้ Omega Mk.XII คือศัตรูตัวเดียวใน FFXII ที่มีเลเวลสูงถึง 99 และมีพลังโจมตี พลังป้องกัน สูงที่สุดในเกม

ไม่มีความคิดเห็น