สนทนาประสาไฟนอลฯ 7 [37]
"ดวงดาวกำลังอยู่ในวิกฤต"
"วิกฤตที่อยู่เหนือพลังของมนุษย์และกาลเวลา"
"ว่ากันว่า เมื่อเวลานั้นได้มาถึง เราต้องค้นหา 'โฮลี่' "
คลาวด์ถามขึ้นอย่างสงสัยว่ามันคืออะไรกันฟะ
"โฮลี่... สุดยอดเวทมนต์ขาว"
"เวทย์ที่อาจยืนหยัดต้านทานเมเทโอได้"
"บางทีมันอาจจะเป็นความหวังสุดท้ายที่ช่วยพวกเราจากเมเทโอ"
"หากวิญญาณที่แสวงหาโฮลี่ได้ไปถึงดวงดาว มันก็จะปรากฏขึ้น"
บูเก้นหัวเราะ ก่อนจะกล่าวต่อ
"เมเทโอ เวพ่อน ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะหายไป"
บูเก้นที่ลอยอยู่ จู่ ๆ ก็ทรุดตัวลงมา ก่อนจะกล่าวต่อ
"บางที อาจรวมถึงพวกเราด้วย"
คลาวด์ฉงนว่ามันต้องรวมถึงพวกเราด้วยเหรอ?
"ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของดวงดาว"
"สิ่งใดที่ดีที่สุดสำหรับดวงดาว สิ่งใดที่เลวร้ายสำหรับดวงดาว"
"สิ่งที่เลวร้ายทั้งหมดจะหายไป เท่านั้นแหละ"
ลุงแกหัวเราะอีกครั้ง
"ข้าอยากรู้จริงว่ามนุษย์เราอยู่ข้างไหน?"
คลาวด์ก้มหน้าคิดพักนึง ก่อนเงยหน้าถามว่าเราจะตามหาโฮลี่ได้ยังไง? บูเก้นตอบว่าคุยกับดวงดาว รับมาเทเรียขาว ซึ่งจะเชื่อมระหว่างดวงดาวกับมนุษย์ แล้วก็คุยกับดวงดาว (ทำไมต้องคุย 2 รอบด้วยฟะ!?)
"หากคำภาวนาของพวกเราส่งถึงดวงดาว มาเทเรียขาวก็จะเปล่งแสงสีเขียวจาง ๆ ออกมา"
คลาวด์ได้ยินก็ก้มหน้า บอกว่า "จบสิ้นแล้ว"
เขาเงยหน้าขึ้น กางแขนออก บอกทุกคน "แอริธมีมาเทเรียขาวอยู่... แต่ตอนที่เธอตาย มันก็ตกจากแท่นบูขาไป"
เขาก้มหน้าลง สายหัว แล้วพูดซ้ำอีกครั้งว่า "นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไม... มันถึงจบสิ้นแล้ว"
ถึงตรงนี้บูเก้นจะบินไปมา หัวเราะ โฮ่ โฮ่ โฮ่ รัวไม่หยุด ก่อนจะบอกให้คลาวด์ดูอักขระโบราณในที่แห่งนี้ คลาวด์เลยถามว่าอ่านออกด้วยเหรอ? แต่บูเก้นเชิดหน้าตอบอย่างมั่นใจกลับมาว่า "ไม่ออกเลยสักกะนิด" จนคลาวด์ท้วงว่านี่ไม่ใช่เวลามาตลก...
บูเก้นบอกว่าเขาอาจจะชรา แต่สายตาของเขาไม่ได้แย่ซะทีเดียว อยากให้มาดูสิ่งที่อยู่ใต้ข้อความนี้ใกล้ ๆ
คลาวด์เข้าไปดู แล้วเห็นว่ามีข้อความที่เขียนไว้ด้วยชอล์กว่า "กุญแจ" "ในกล่องดนตรี"
บูเก้นเดาว่ามันอาจจะเป็นข้อความที่เขียนโดยนักวิทยาศาสตร์ที่เคยมายังที่แห่งนี้ เขาคนนั้นคงใช้พลังทั้งหมดทุ่มเทกับการตีความอักขระเหล่านั้น กุญแจที่ว่า อาจจะเกี่ยวข้องกับปริศนา ซึ่งเกี่ยวข้องกับแอริธ... ที่นี่มีกล่องดนตรีอยู่ เราจะต้องใส่กุญแจเข้าไป
ถึงตรงนี้ถ้าเรามีกุญแจของชนเผ่ายุคโบราณ ก็จะส่งให้บูเก้นโดยอัตโนมัติ บูเก้นบอกว่าเขาจะเอากุญแจไปใส่ให้เอง
พอบูเก้นเสียบกุญแจลงกล่องดนตรีไปแล้ว ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงกับที่แห่งนี้ขึ้น จู่ ๆ ก็มีน้ำตกลงมาบนแท่นบูชา บูเก้นจึงบินกลับมาบอกให้เราเข้าไปข้างใน ความหวังอาจจะอยู่ข้างในนั้น
ทุกคนเดินเข้าไป แล้วบุเก้นก็บอกขึ้นว่าน้ำตกนี่เป็นแค่ฉากสำหรับการฉายภาพเท่านั้น
สิ่งที่พวกคลาวด์เห็น ก็คือภาพจังหวะการตายของแอริธ ที่มาเทเรียขาวตกลงไปในน้ำ สู่ก้นบึ้งของบ่อน้ำ ในสภาพที่มันเปล่งแสงสีเขียวออกมาแล้ว
คลาวด์มองด้วยความตกตะลึง เขากางแขนออก แล้วเข้าใจได้ว่าแอริธ ได้ภาวนาถึงโฮลี่ไว้แล้ว
เขานึกถึงคำพูดที่แอริธพูดไว้ตอนที่เธอออกจากกลุ่มไปได้ เธอบอกว่าเธอเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถหยุดเซฟิรอธได้ เธอรู้ความลับนั้น
"นั่นก็คือโฮลี่..."
"นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงมีมาเทเรียขาว"
"แอริธรู้เรื่องของที่แห่งนี้..."
"และรู้ว่าตัวเองต้องทำอย่างไร"
"แอริธได้ทิ้งควมหวังอันยิ่งใหญ่ไว้ให้ แต่ก็แลกมาด้วยชีวิตของเธอ..."
"อนาคตของเธอ"
"ขอโทษนะ... แอริธ"
"ฉันควรจะคิดให้ออกไวกว่านี้"
"...เธอจากไปโดยไม่ได้พูดอะไร..."
"มันกะทันหันมาก ฉันเลยคิดไม่ทัน..."
"ฉะนั้นฉันจึงเสียเวลาอยู่นานกว่าจะคิดได้"
"แต่ แอริธ... ฉันเข้าใจแล้ว"
"แต่ แอริธ... ฉันเข้าใจแล้ว"
"แอริธ..."
"ฉัน จะจัดการที่เหลือเอง"
"ฉัน จะจัดการที่เหลือเอง"
ซิดจะแย้งถึงว่า ไม่ใช่แค่แกว้อยย !@#$%^!! แต่เป็นพวกเรา! พวกเรา!
วินเซนต์ก็บอกว่าความหวังที่เธอทิ้งไว้ให้ จะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น
คลาวด์หันหน้ามา ยิ้มรับทุกคน แล้วกางแขนออก มองขึ้นไปบนฟ้า
"ขอบใจนะ... แอริธ"
"เสียงของแอริธได้ไปถึงดวงดาวแล้ว จากที่เห็นมาเทเรียขาวเปล่งแสงออกมา"
"แต่... แล้วโฮลี่ล่ะ? ทำไมโฮลี่ยังไม่เคลื่อนไหว?"
คลาวด์ก้มหน้าลง ส่ายหัวอีกครั้ง "ทำไมนะ?"
บูเก้นจึงตอบแทนให้ว่า เพราะอะไรบางอย่างขัดขวางมันอยู่ คลาวด์ฟังแล้วจึงเข้าใจดีว่าหมอนั่นแน่ หมอนั่นคือคน ๆ เดียวที่ทำแบบนั้นได้
"...เซฟิรอธ แกอยู่ที่ไหน?"
ถึงตรงนี้ จบเรื่องแล้วทุกคนจึงเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่แล้วโทรศัพท์ของคลาวด์ก็ดังขึ้น เคทซิธ (รีฟ) โทรมาพูดแบบกระซิบกระซาบว่าจำเรื่องที่ปืนใหญ่ของจูน่อนหายไปได้มั้ย? (ตอนแย่งฮิวจ์มาเทเรียที่จูน่อน คลาวด์จะรู้สึกว่าอะไรบางอย่างมันหายไป) รูฟัสย้ายมันไปเอง รูฟัสจะใช้มันทำลายเซฟิรอธ ปืนใหญ่นั้นใช้พลังงานจากฮิวจ์มาเทเรีย แต่ฮิวจ์มาเทเรียถูกใช้ในแผนยิงจรวดไปแล้ว (แต่จริง ๆ คือโดนคลาวด์ยึดไปแล้ว) ตอนนี้ปืนใหญ่ใช้ไม่ได้แล้ว (เพราะไม่มีฮิวจ์มาเทเรีย) รูฟัสเลยสั่งย้าย สู่สถานที่ ๆ มาโครวมตัวกัน
อีกด้านนึง รูฟัสกำลังสั่งให้รีฟปรับค่าการส่งพลังจากเตาปฏิกรณ์ (output) สกาเล็ตบอกว่าให้เปิดมันเต็มที่ แล้วทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยความเร็วสูงสุด ไฮเด็กเกอร์ก็บอกว่า แค่นี้ก็จะทันเวลาแน่นอน!
ไฮเด็กเกอร์กล่าวต่อว่าความคิดว่าเมเทโอจะหายไปหากเรากำจัดเซฟิรอธได้ เป็นความคิดที่ผิดโดยสิ้นเชิง (ก่อนหน้านี้ พวกเอ็งคิดแบบนั้นจริงเหรอ =A=? ถ้าคิดแบบนั้นจริงก็ต้องมุ่งเน้นไปที่การเชือดเซฟิรอธมากกว่าการไประเบิดเมเทโอสิ)
สกาเล็ตจะทวงขึ้นมาว่า เป็นไอเดียของเธอเลยนะ ที่จะให้ยิงปืนใหญ่ด้วยกระสุนจากพลังงานมาโค (ไอเดียถล่มเมเทโอด้วยจรวดบรรทุกฮิวจ์มาเทเรีย สองคนนี้ก็ช่วยกันพรีเซนต์)
รูฟัสสงสัยว่ากระสุนจะพุ่งไปถึงพรมแดนทางเหนือจริงเหรอ? ซึ่งสกาเล็กก็หัวเราะแล้วตอบว่าแน่นอน! แต่อย่าเรียกมันว่าปืนใหญ่พลังงานมาโค แต่ให้เรียกอาวุธใหม่ (แค่เปลี่ยนจากที่ใช้พลังฮิวจ์มาเทเรียที่เป็นมาโคเข้มข้นตกผลึก มาใช้พลังจากมาโคโดยตรง) นี้ว่า... The Sister Ray
สลับกลับมาทางพวกคลาวด์ ขณะที่กำลังจะกลับขึ้นไฮวินด์... แผ่นดินก็สั่นไหวขึ้นอย่างรุนแรง
จู่ ๆ ไดมอนด์เวพ่อน มันก็ผุดขึ้นมาจากกลางมหาสมุทรซะอย่างงั้น
ทุกคนกลับขึ้นมาบนไฮวินด์แล้ว มีสัญญาณประหลาดออกมาจากตัวเคทซิธ เจ้าตัวบอกว่าระบบควบคุมรวน ท่าไม่ดีแล้ว เวพ่อนผุดขึ้นมาจากทะเล กำลังมุ่งหน้าตรงมายังมิดการ์
คลาวด์ถามว่าอาวุธใหม่ของชินระ ก็น่าจะหยุดเวพ่อนได้จริงมั้ย?
เคทซิธตอบไม่รู้เหมือนกันว่าจะพร้อมยิงทันมั้ย? แบร์เร็ตจึงรีบโวยวายขึ้นว่าแล้วมาร์ลีนจะเป็นยังไง? แต่เคทซิธรีบตอบว่าไม่ต้องห่วง มาร์ลีนกับแม่แอริธอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว (ให้อพยพไปเมืองคาล์มอ่ะดิ
)
แบร์เร็ตได้ยินก็เกาหัว ดูโล่งอก แล้วก็เดินจากไปทันที (นี่เอ็งไม่สนใจคนอื่น ๆ ในเมืองมิดการ์เลยเหรอ!?)
เคทซิธรีบเดินตามไปถามว่าเกาหัวอะไรกันฟะ! แค่มาร์ลีนปลอดภัย คนอื่นจะเป็นไงก็ช่างอย่างงั้นเหรอ?
เคทซิธก้มหัวลงก่อนจะพูดต่อว่าเขาคันปากที่จะถามแบบนั้นมาพักนึงแล้ว....
"ตอนที่แกระเบิดเตาเขต 1 แกคิดว่ามีคนเสียชีวิตกันขนาดไหน?"
แบร์เร็ตส่ายหน้า ก่อนตอบกลับมา
".. เพื่อชีวิตของดวงดาว ก็ต้องมีคนตายกันเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง"
"เล็กน้อย? หมายความว่าไงวะ 'เล็กน้อย'?"
"สิ่งที่มันเล็กน้อยสำหรับแก คือทุกสิ่งทุกอย่างของคนที่ตายไปแล้ว..."
เคทซิธหันกลับมาพูดต่อ
"ปกป้องดวงดาว โถ! ฟังดูโก้เก๋ซะเหลือเกิน!"
"จะไม่มีใครขวางนายได้ นายจึงคิดว่าจะทำอะไรก็ได้แบบนั้นใช่มั้ย?"
"จะไม่มีใครขวางนายได้ นายจึงคิดว่าจะทำอะไรก็ได้แบบนั้นใช่มั้ย?"
ถึงตรงนี้แบร์เร็ตจึงหันมาตอบโต้บ้างว่าเขาไม่อยากได้ยินประโยคแบบนั้นจากใครก็ตามในชินระ
คลาวด์รีบตะโกนขวางว่าให้ทั้งสองคนพอได้แล้ว ส่วนทิฟาก็บอกเคทซิธว่าแบร์เร็ตรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป สิ่งที่พวกเธอทำในมิดการ์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด พวกเธอไม่มีวันลืมได้ลง
ทิฟาเดินเข้าไปปลอดเคทซิธ แล้วบอกว่าที่เคทซิธ (สื่อถึงรีฟ) ออกจากบริษัทไม่ได้ ก็เพราะเป็นห่วงชาวมิดการ์ใช่มั้ยล่ะ?
ขณะที่แบร์เร็ตกับเคทซิธยังมองหน้ากันไม่ติด ต่างคนต่างหันไปคนละทาง ทิฟาเดินไปกระซิบบอกคลาวด์ให้ทำอะไรสักอย่าง คลาวด์จึงตะโกนสั่งว่าต้องไปกันแล้ว เราจะกำจัดเวพ่อนกันเอง!
ซิดได้ยินก็เกาหัวบ้าง แล้วถามว่าเรามีโอกาสชนะมอนสเตอร์ยักษ์แบบนั้นจริง ๆ เหรอ?
คลาวด์บอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่มีเหตุผลที่เราจะปล่อยมันไปเฉย ๆ เราจะมุ่งหน้าสู่มิดการ์และสู้กับมัน
ระหว่างเดินทาง ทิฟาจะบอกว่าไม่ว่าคลาวด์จะชอบหรือเกลียดมัน คลาวด์ก็ไม่สามารถออกไปจากมิดการ์ (น่าจะหมายถึงลืมมิดการ์ ทิ้งมิดการ์) ได้ใช่มั้ยล่ะ?
เคทซิธก็บอกว่าเขารู้ว่าคลาวด์ไม่อาจให้อภัยชินระได้ แต่ชาวมิดการ์ไม่ได้ทำอะไรผิด
ซิดบอกว่าเขานึกถึงการทดลองยิงจรวดที่ตกลงไปในสลัมเมืองมิดการ์เมื่อนานมาแล้ว เขาโล่งใจมากตอนที่ได้ยินว่ามันไม่ระเบิดออกมา
พวกคลาวด์พากันขับไฮวินด์ไปดักหน้าเมืองมิดการ์ พอไดมอนด์เวพ่อนบุกมาถึง พวกเขาก็พากันเข้าไปต่อสู้ขัดขวาง แต่ขณะที่ไดมอนด์เวพ่อนกำลังได้เปรียบ จู่ ๆ มันก็หันหน้าไปทางอื่น คลาวด์บอกว่ามันสัมผัสได้ถึงจิตสังหาร (ที่มาจากเมืองมิดการ์)
ภายในตึกชินระ ไฮเด็กเกอร์และสกาเล็ตแจ้งว่าซิสเตอร์เรย์พร้อมยิงแล้ว รูฟัสจึงสั่งให้ยิงได้เลย เตาพลังงานทั้งหมดจึงส่งมาโคสู่ปืนใหญ่ แล้วยิงออกไป ซึ่งพลังของมันรุนแรงจนทำให้บานกระจกในสำนักงานใหญ่ชินระดีดตัวแล้วแตกออกทั้งหมด (รูฟัสเสยผมอย่างไม่หยี่ระ)
ด้านไดมอนด์เวพ่อนที่รับรู้ถึงจิตสังหารได้ ก็ยิงบีมจากหัวไหล่ไปทางด้านเมืองมิดการ์เช่นกัน กระสุนปืนใหญ่พลังงานมาโค กับกระสุนบีมของไดมอนด์เวพ่อนจึงพุ่งสวนทางกัน
ผลของการต่อสู้ ไดมอนด์เวพ่อนพุงเป็นรูแล้วกระเด็นไปตามแรงส่งของปืนใหญ่ ตายคาที่ และกระสุนปืนใหญ่ยังพุ่งไปทำลายบาร์เรียร์ของหลุมทางเหนืออันเป็นที่กบดานของเซฟิรอธ
แต่ขณะเดียวกันกระสุนบีมของไดมอนด์เวพ่อน ก็พุ่งเข้าถล่มเมืองมิดการ์ โดยเฉพาะตึกชินระ ห้องที่รูฟัสอยู่ด้วยพอดิบพอดี.... (มันรับรู้ได้ถึงจิตสังหารของรูฟัสเลยเหรอเนี่ย?)
ถึงตรงนี้แล้ว คลาวด์จะบอกว่าเราน่าจะไปสำรวจสภาพหลุมทางเหนือที่เซฟิรอธอยู่แล้ว
แบร์เร็ตบอกว่าตอนที่อวาแลนซ์พึ่งก่อตั้ง พวกเขาโดนปิดใบปลิว (ประกาศจับ) ไปทั่วทุกที่ แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะไปสู้กับเซฟิรอธ คิดแล้วมันก็นานจริง ๆ
วินเซนต์จะส่งสัยว่าการฆ่าเซฟิรอธ ฆ่าลูกของคนที่เขารัก... นี่เขากำลังจะก่อบาปครั้งใหม่ขึ้นอีกรึเปล่า? หรือการอยู่เฉย ๆ จะเป็นการไถ่บาปที่ดีกว่า?
ยุฟฟี่จะฝากบอกนักบินด้วยว่า ถ้าขับนิ่ม ๆ ดี ๆ เธอจะให้ลายเซ็น
พอไฮวินด์บินไปถึงหลุมทางเหนือ คลาวด์จะเห็นว่าบาร์เรียร์หายไปแล้ว และถามซิดว่าเราจะลงจอดได้มั้ย?
แต่แล้วเคทซิธจะตะโกนขึ้นบอกให้รอแป๊ปนึง เจ้าตัวซึ่งรับสัญญาณมาจากรีฟกำลังเจอเรื่องเร่งด่วน
ตัดมาทางด้านรีฟที่อยู่ในห้องประชุมสำนักงานใหญ่ชินระ ไฮเด็กเกอร์บอกเขาว่าติดต่อรูฟัสไม่ได้ ส่วนสกาเล็ตบอกว่า output จากเตาปฏิกรณ์มันส่งไปยังปืนใหญ่ไม่มีหยุด ทั้งที่จริง ๆ มันต้อง cooldown 3 ชั่วโมง ดังนั้นให้รีฟรีบไปปิดการส่งพลังงานเดี๋ยวนี้
รีฟบอกว่าตอนนี้เขาควบคุมมันไม่ได้ เขายกโทรศัพท์ขึ้นและได้รับการติดต่อจากลูกน้องว่าใครบางคนไปสับสวิตซ์โยกการควบคุมปริมาณ output ไปสู่การควบคุมด้วย mainframe
รีฟรีบโทรติดต่อไปยัง mainframe ภาพตัดไปที่นั่น
ที่ mainframe โฮโจกำลังเพ้อจะส่งพลังงานมาโคทั้งหมดไปให้เซฟิรอธ รีฟที่โทรมาก็สั่งให้โฮโจหยุดเดี๋ยวนี้ ทั้งปืนใหญ่และมิดการ์จะตกอยู่ในอันตราย แต่โฮโจบอกว่าถึงจะเสียไปสัก 1-2 มิดการ์ก็เล็กน้อย
โฮโจจะเพ้อต่อว่าขอให้เซฟิรอธแสดงให้เขาดู จงก้าวข้ามเหนือพลังของวิทยาศาสตร์... เมื่อเทียบกับเซฟิรอธแล้ว วิทยาศาสตร์ก็ไร้ซึ่งพลังอำนาจไปเลย เขาไม่อยากที่จะยอมรับเรื่องนี้ แต่จะยอมก็ได้ หากเซฟิรอธแสดงให้เขาเห็น
กลับมาทางฝั่งพวกคลาวด์ แบร์เร็ตจะบอกให้เคทซิธทำอะไรสักอย่าง แต่เคทซิธบอกว่าเขาจนหนทางแล้ว โฮโจตัดสินใจทำเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเอง
คลาวด์จะถามย้ำว่าหยุดเตามาโคไม่ให้ส่งพลังไม่ได้เลยเหรอ? เคทซิธบอกว่าไม่ได้จริง ๆ ซิดก็บอกว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว นายไม่ควรจะหักหลังพวกเรานะ เคทซิธเลยยิ่งเสียใจที่ทุกคนไม่เชื่อในคำพูดเขา
ซิดบอกว่าเขาไม่ได้หมายความแบบนั้น
"ฉันไม่ได้ประณามชินระ"
"ถ้าแกเป็นลูกผู้ชาย... ไม่สิ ถ้าแกเป็นมนุษย์"
"แกจะต้องช่วยดวงดาว!"
"แกไม่แคร์รึไง?"
"ถ้าแกเป็นลูกผู้ชาย... ไม่สิ ถ้าแกเป็นมนุษย์"
"แกจะต้องช่วยดวงดาว!"
"แกไม่แคร์รึไง?"
เคทซิธก็ยังยืนยันว่าไม่ได้ ถ้าปิดเตาไปเลยมันจะพินาศกันหมด ที่จริงแค่จะปิดวาล์วน่ะมันง่าย แต่ที่เตาปฏิกรณ์จะมีเส้นทางส่งพลังงานจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน เมื่อเปิดทางส่งพลังงานออกมาแล้ว ก็ไม่สามารถปิดได้จนกว่ามันจะระเบิดออกมาหมด และเราก็ไม่มีวิธีหยุดการพุ่งของพลังงาน การระเบิดครั้งนี้จะรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่เตาเขต 1 ระเบิด ฉะนั้นเราจะต้องกลับไปยังมิดการ์ก่อน
คลาวด์ตอบรับว่าใช่ ต้องหยุดโฮโจก่อน
กลับมาที่รีฟ เขาจะบอกไฮเด็กเกอร์ว่าพวกคลาวด์กำลังจะมา เราจะต้องหลีกทางให้พวกเขา แต่ไฮเด็กเกอร์บอกว่าเดี๋ยวกองกำลังรักษาความสงบ (กองกำลังใต้บังคับบัญชาของรีฟเอง) จะจัดการศัตรูให้เอง ตอนนี้ประธานรูฟัสตายแล้ว ดังนั้น เขาจะควบคุมทุกอย่างเอง
ด้านสกาเล็กก็บอกว่าเธอจะไปเอาอาวุธใหม่ (พราวด์คลอด) ออกมาใช้ จากนั้นทั้งสองที่คิดยึดอำนาจแทนที่ประธานรูฟัส ก็เรียกทหารให้มาจับตัวรีฟไป
ถึงกระนั้น คลาวด์ก็ยืนยันว่าเขาจะกลับไปยังมิดการ์ แบร์เร็ตเสริมว่าเขาเป็นหนี้คนทั้งหมดในเมืองมิดการ์ หนี้ที่เขาไม่มีวันชดใช้ได้หมด
ซิดบอกว่าบินไปบินกลับแบบนี้มันโหดเหมือนกัน (ไปกลับมิดการ์-หลุมทางเหนือ) กระทั่งเทพธิดาบิกินีของเขายังต้องหอบ (หมายถึงลายสาวบิกินีที่เพนท์ให้ไฮวินด์)
วินเซนต์ก็บอกว่าโฮโจมันไร้พรสวรรค์ทางวิทยาศาสตร์ เทียบกับอัจฉริยภาพของ ดร.กัสต์ไม่ได้สักนิด ที่ลุเครเซียเลือกมัน ก็เพราะอยากปกป้องมัน ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว แต่ทว่า...
Post a Comment