สรุปอัพเดทของ Final Fantasy XV ประจำวันที่ 6 สิงหาคม 2015 จากงาน Gamescom 2015
สรุปอัพเดทของ Final Fantasy XV ประจำวันที่ 6 สิงหาคม 2015 จากงาน Gamescom 2015
The Kingdom of Lucis and the Empire of Niflheim –
the long-standing war between these two nations was soon to end.
A few days before the armistice's signing ceremony, Lucis's Prince Noctis set out from the kingdom's capital, together with his friends.
The Prince's marriage to Lady Lunafreya of the imperial province of Tenebrae would be testament to this [dawn of] peace.
Alas, on the very day of the signing ceremony, Niflheim betrayed Lucis and launched an assault against the kingdom.
Radio coverage [of the events transpiring in the kingdom continued day and night]. Lucis's crystal, symbol of the kingdom, has fallen into Niflheim hands, and Noctis's father King Regis, Lunafreya, and Noctis himself have been, regrettably, found dead.
In a single night, [Noctis's] once peaceful hometown [had been thrown into chaos], and all that remained for Noctis were his 3 friends and his father's beloved car. In the midst of all of these conflicting reports, that [was the only thing he could be sure of] (literally: that was the only absolute reality)...
1. เนื้อเรื่องอินโทรของ FFXV เวอร์ชั่นที่แปลจากสคริปต์ต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น มาเป็นภาษาอังกฤษตรง ๆ
The Kingdom of Lucis and the Empire of Niflheim –
the long-standing war between these two nations was soon to end.
A few days before the armistice's signing ceremony, Lucis's Prince Noctis set out from the kingdom's capital, together with his friends.
The Prince's marriage to Lady Lunafreya of the imperial province of Tenebrae would be testament to this [dawn of] peace.
Alas, on the very day of the signing ceremony, Niflheim betrayed Lucis and launched an assault against the kingdom.
Radio coverage [of the events transpiring in the kingdom continued day and night]. Lucis's crystal, symbol of the kingdom, has fallen into Niflheim hands, and Noctis's father King Regis, Lunafreya, and Noctis himself have been, regrettably, found dead.
In a single night, [Noctis's] once peaceful hometown [had been thrown into chaos], and all that remained for Noctis were his 3 friends and his father's beloved car. In the midst of all of these conflicting reports, that [was the only thing he could be sure of] (literally: that was the only absolute reality)...
2. เกมตัวเต็ม จะมีแค่ภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น (หมายถึงเหมือนภาคก่อน ๆ ที่ทำแค่เสียงพากย์ 2 ภาษานี้) แต่หลังจากวางจำหน่ายแล้ว ก็อาจจะเพิ่มเสียงพากย์ภาษาอื่นลงไปเป็น DLC (แบบเดียวกับ LRFFXIII เวอร์ชั่นอเมริกา ที่แจก DLC เสียงพากย์ญี่ปุ่นฟรีในช่วงแรก) และเมื่อวางจำหน่ายเกมนี้ให้กับเครื่องอื่นในอนาคต (น่าจะหมายถึง PC) ก็อยากจะเพิ่มเสียงพากย์ภาษาอื่นลงไปอีกเช่นกัน
ทั้งนี้คุณทาบาตะบอกว่า การทำให้เกมรองรับเสียงพากย์หลายภาษา มันก็ต้องใช้เวลาและทุนเพิ่ม (จึงอาจเอาไว้ทีหลัง)
และเจ้าตัวบอกว่าก่อนจะคิดถึงการทำเสียงพากย์ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ ทีมงานอยากแปลสคริปต์ของเกมให้ได้หลากหลายภาษากว่านี้ก่อน ที่ผ่านมาเคยแปลกันแต่เป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน อิตาลี รวม 5 ภาษา (สงสัยแกลืมภาษาจีนกับเกาหลีไปแล้ว) ซึ่งยังน้อยมากเมื่อเทียบกับเกมของบริษัทอื่น จึงจะให้ความสำคัญกับการแปลสคริปต์หลากภาษาเพื่อให้เข้าถึงผู้เล่นได้เยอะขึ้นก่อน
3. ระหว่างงานเมื่อวาน สตาฟฟ์บนเวทีบอกว่าลิเวียธาน จะถูกอัญเชิญออกมาโดยตัวละครหญิง
พอมีคนไปถามคุณทาบาตะว่า คนที่เรียกลิเวียธานคือนักรบมังกรหญิงคนนั้นหรือเปล่า คุณทาบาตะบอกว่าเป็นคนอื่น
4. ทาบาตะบอกว่า FFVII Remake ไม่ได้สร้างด้วย Luminous Engine
- http://www.novacrystallis.com/2015/08/gc-2015-final-fantasy-vii-remake-wont-run-on-luminous-engine/
5. ทาบาตะเผยว่าตอนนี้เกมทำเสร็จไปได้ 65% (ตอนเดือน ก.พ. บอกว่า 60% และตอน TGS ปีก่อนบอกว่า 55%.... เดือนละ 1 % เลยทีเดียว)
แต่เจ้าตัวเน้นว่าตัวเลขนี้ไม่ได้แสดงถึงสภาพที่แท้จริง สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ แผนงานทั้งหมดเป็นรูปธรรมสมบูรณ์ ทั้งด้านการพัฒนา การจัดจำหน่าย การตลาด ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี พัฒนาได้ตามเป้า อยู่ในจุดที่ควรจะเป็นแล้ว
ส่วนฉากบึงที่เห็นเมื่อวานนั้น ทำเสร็จไป 70-80% และมีอีกหลายฉากในเกม ที่ทำเสร็จไปในระดับนั้น
6. เมื่อเช้า store ฝั่งยุโรปของ Square Enix อัพเดทให้สั่งจอง Final Fantasy XV ได้แล้ว ซึ่งใน Store ระบุข้อมูลไว้ว่าเกมจะวางจำหน่ายในปี 2016 ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางค่ายยังไม่เคยพูดถึงมาก่อน จึงมีผู้พบเห็นแคปภาพกันไว้
ทว่ามาถึงตอนนี้ ทางค่ายได้เปลี่ยนกำหนดวางจำหน่ายเป็นคำว่า TBC แทน ( to be confirmed) ซึ่งหมายถึง a decision has been made, but is awaiting final (formal) confirmation from authorities and/or organizers.
น่าเชื่อว่า คนกรอกข้อมูลลง Store กรอกข้อมูลปี 2016 ไปโดยไม่รู้ว่านั่นเป็นข้อมูลที่ยังไม่ถึงเวลาเปิดเผยตามแผนงานครับ
7. คุณทาบาตะบอกว่าธีมของเกม เป็นการเดินทางกับเพื่อนแบบ Roadtrip และยังมีเรื่องสายสัมพันธ์พ่อลูก รถที่น็อคติสใช้นั้นแท้จริงแล้วเป็นพาหนะของเรจิส การที่น็อคติสใช้รถของพ่อ ก็เป็นการเปรียบเปรยว่ามีพ่ออยู่เคียงข้างด้วยเสมอ
นอกจากนี้ ตัวเกมก็จะพรรณนาถึงความสัมพันธ์แบบหนุ่มสาวด้วยเช่นกัน
และเมื่อธีมของเรื่องคือการเดินทางแล้ว ทีมงานได้กลับมาทบทวนว่านางเอกของเรื่องควรจะมีบทบาทแบบไหน และพวกเขาคิดว่าแทนที่จะใช้นางเอกผู้อ่อนแอและอยู่นิ่งรอการช่วยเหลือ (passive) พวกเขาควรจะใช้นางเอกที่เข้มแข็งและแน่วแน่ คนที่เดินเข้าหาเหตุการณ์ในเรื่อง (active) และเพื่อบทบาทนั้น พวกเขาต้องการนางเอกคนใหม่ที่ไม่ใช่สเตลล่า ซึ่งลูน่าก็คือตัวละครที่จะมาเติมเต็มบทบาทนั้น
ลูน่าเป็นตัวละครที่มีความตั้งใจแน่วแน่ เธอมักพูดถึงความหวังและความฝันของตนเอง และยังเคลื่อนไหวด้วยความคิดของตนเอง เป็นคนที่มีบทบาทใหญ่ในเรื่อง
คุณทาบาตะคิดว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนนางเอก และวิพากษ์วิจารณ์การถอดสเตลล่า อาจจะเปลี่ยนความคิดเมื่อพวกเขาได้รู้จักลูน่ามากกว่านี้
8. คุณทาบาตะบอกอีกว่าในการดำเนินเรื่อง ผู้เล่นจะได้เรียนรู้อดีตของน็อคติสผ่านเหตุการณ์ย้อนอดีตหลายครั้ง สุนัขที่เห็นในเทรลเลอร์นั้นก็เป็นองค์ประกอบสำคัญในจุดนี้ โดยคุณทาบาตะเน้นว่าสุนัขตัวนี้จะมีบทบาทสำคัญต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตพวกเขาหลังจากนั้น หลังจากผ่านพ้นช่วงวัยหนุ่มกันไปแล้ว (ผมฟังแล้วแอบคิดว่า ในฉากย้อนอดีต เราจะได้เล่นเป็นน้องหมา วิ่งตามไปดูน็อคติสที่ยังเด็ก และน้องหมาตัวนี้ก็ยังมีชีวิตยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน)
ส่วนลูน่านั้น คุณทาบาตะบอกว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กของน็อคติส และแม้ว่าจะมีรูปลักษณ์คล้ายกับสเตลล่า แต่เธอมีบุคลิกที่เข้มแข็งกว่ามาก เป็นคนแน่วแน่ ลูน่ามีเป้าหมายของตนเองและเคลื่อนไหวเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้น
ในทางกลับกัน น็อคติสต่างหากที่อ่อนแอกว่าลูน่า และน็อคติสต่างหากที่ต้องได้รับการปกป้อง
คุณทาบาตะย้ำว่าถึงแม้เราดูภายนอกแล้วอาจคิดว่าลูน่าเป็นคนอ่อนแอ แต่พวกเขาพยายามถ่ายทอดผ่านสายตาอันแน่วแน่ของลูน่าแล้วว่า เธอเป็นคนที่มุ่งมั่น
9. ทาง Gamespot ไปถามคุณทาบาตะว่ามีแผนจะวางจำหน่ายเกมเมื่อไหร่ คุณทาบาตะบอกว่า "อย่างน้อยที่สุด ผมพอบอกได้ว่าไม่ใช่ในปีนี้ ผมว่าผมจะสามารถบอกพวกคุณได้เมื่อถึงการประกาศในช่วงงาน PAX Prime ปลายเดือนนี้"
ทาง Gamespot ถามต่ออีกว่า ทีมงานจะทำยังไงให้แฟน ๆ ยังคงตื่นเต้นกับเกมได้ หลังจากที่พัฒนากันมาอย่างยาวนาน แถมยังพรีเซนต์ในงาน Gamescom นี้ได้อย่างน่าเบื่อ
คุณทาบาตะบอกว่าจากที่แกได้คุยกับสื่อหลายเจ้าแล้ว แกก็เข้าใจเหตุผลที่แฟน ๆ รู้สึกเช่นนั้น แกกล่าวว่า "เราได้รับรู้แล้วว่าแฟน ๆ รู้สึกกังวลกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากพูดเพื่อการันตีพวกเขาคือเราได้กำหนดวันวางจำหน่ายไว้แล้ว เรารู้ว่ามันคือเมื่อไหร่ เรามีโรดแม็ปที่สมบูรณ์ไปสู่วันวางจำหน่าย และกำลังมุ่งไปสู่จุดนั้นตามแผน"
"เราบอกกับแฟน ๆ ได้แน่นอน ไม่ต้องรอกันถึงปี 2017 แน่นอน มันต้องเป็นก่อนหน้านั้น"
จากที่เฮียแกบอกว่าไม่ใช่ 2015 และก่อนหน้า 2017 ....ก็เป็นการยืนยันว่าเกมจะออกในปี 2016 ซึ่งก็ตรงกับข้อมูลที่ Store ของทางค่ายทำหลุดออกมาก่อนที่จะลบข้อความทิ้งไป
10. สำหรับฟีดแบ็คเชิงลบที่แฟน ๆ ต่างเห็นว่าทางค่ายพรีเซนต์เนื้อหา FFXV ได้น้อยและน่าเบื่อ ในงาน Gamescom นี้ คุณทาบาตะบอกว่าแกได้เห็นรีแอ็คชั่นจากรัฐบาลทาบาตะพบประชาชนเมื่อวานนี้แล้ว เขาเข้าใจว่าผู้คนต่างคาดหวังว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลครั้งใหญ่ในงาน Gamescom นี้ และรู้ว่าผู้คนผิดหวังกัน ซึ่งเขาก็ขอแสดงความเสียใจกับเรื่องนี้ด้วย
คุณทาบาตะบอกว่า แกมาที่ Gamescom นี้ ด้วยความคิดว่าอยากแนะนำเกมให้กับคนที่พอจะรู้ข้อมูลมาก่อนแล้ว และคนที่ยังไม่รู้ ให้ได้รู้ไปพร้อมกัน (เลยเริ่มเล่าเรื่องพื้น ๆ จากครั้งอดีตใหม่) ซึ่งเขายอมรับว่าพวกเขาประเมินความคาดหวังที่แฟน ๆ มีต่องานนี้ผิดไป ระหว่างสิ่งที่พวกเขาอยากให้แฟน ๆ ได้รู้ กับสิ่งที่แฟน ๆ คาดหวังจะได้รู้ มันแตกต่างกันมาก และพวกเขาก็รับรู้เรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็วจากรีแอ็คชั่นที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้แกบอกกับ Eurogamer ว่า เมื่อตอนที่แกเข้ามาดูแล FFXV หลายสิ่งหลายอย่างที่ทีมงานอยากจะทำตอนเป็น FF Versus XIII แต่ทำไม่ได้ พวกเขาก็ต้องเปลี่ยนแปลงมัน (ตรงกับที่ก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ว่ามีไอเดียหลายอย่างสมัย Versus XIII ที่พึ่งจะสามารถทำให้เป็นจริงได้ในเจนฯ นี้ แต่ยังมีอีกหลายไอเดียฯ ที่ในเจนฯ นี้ก็ยังแทบเป็นไปไม่ได้)
ตอนที่แกต้องเข้ามาดูแลเกมนี้ ผู้บริหารบอกว่าให้ทุนมากขนาดนี้แล้ว ก็ต้องทำออกมาให้เสร็จให้ได้ ซึ่งคุณทาบาตะก็ตอบผู้บริหารไปว่าเขามมีทุน เวลา และกำลังคนมากขนาดนี้แล้ว เขาจะสร้างเกมอย่างที่เขาต้องการได้แน่นอน
คุณทาบาตะยืนยันว่า หลังจากแกขึ้นเป็นผู้กำกับแทน การพัฒนาก็ราบรื่นไปด้วยดี ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการ
แต่สิ่งหนึ่งที่คุณทาบาตะคาดไม่ถึง ก็คือเสียงทัดทานจากแฟน ๆ ที่ติดตามเกมนี้มาตั้งแต่แรก ฟีดแบ็คเชิงลบนั้นเป็นสิ่งที่เขาแปลกใจมาก
คุณทาบาตะบอกว่าในวงการเกม เกมที่ยังไม่ออก เกมที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงไอเดียตัวละครและองค์ประกอบต่าง ๆ ในเกมเหล่านี้ มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย มันก็เกิดขึ้นอยู่ตลอด
ในกรณีของ FFXV พอทีมงานประกาศความเปลี่ยนแปลงออกไป (ที่เจอฟีดแบ็คแรง ๆ ก็ตอน TGS 2014 ที่ระบบต่อสู้เปลี่ยน และในปีนี้ตอนที่ประกาศว่าเปลี่ยนเนื้อเรื่อง ไม่มีภาคต่อ และตัดสเตตล่าออกไป) ผู้คนมากมายไม่เห็นด้วย และนั่นทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย เขาผงะ จนคุณทาบาตะคิดว่าเขาเองต่างหากที่ไม่พร้อม ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ไม่ได้เตรียมตัวให้ดีกว่านี้มาก่อน เขาน่าจะอธิบายแฟน ๆ ให้ดีกว่านี้ เพื่อที่แฟน ๆ จะได้ไม่กังวลแบบนี้กัน
พอทาง Eurogamer ถามว่าเกมนี้จะมีภาคต่อแบบซีรีส์ FFXIII หรือไม่? (ซึ่งจริง ๆ แกก็พูดไปในรัฐบาลทาบาตะพบประชาชนครั้งก่อน ๆ แล้วว่า สมัยโนมุระเขามีแผนจะให้เกมนี้มีภาคต่อ แต่พวกเขามาเปลี่ยนแปลงให้มันเป็นเกมที่จบในตัวเอง)
คุณทาบาตะตอบเหมือนข้อมูลเดิมว่าเขาจะทำให้มันเป็นเกมที่สมบูรณ์ในตัวเอง นั่นคือข้อสรุปใหญ่ที่พวกเขาตกลงกันไว้ก่อนแล้ว นอกจากนี้แกยังเสริมว่าเกมเมอร์ชาวญี่ปุ่นนั่นจุกจิกกับเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยที่ทำให้เกมมันสมบูรณ์มาก ถ้าเกมมันออกมาดี แฟน ๆ สนุกกับมัน แฟน ๆ ก็คงจะอยากใช้เวลาไปกับโลกของเกมนี้กันนานขึ้น พวกเขาก็ได้ประเมินความเป็นไปได้และวางแผนเพิ่มเนื้อเรื่องลงไปบ้างแล้ว เฮียแกทิ้งท้ายว่าเป็นเรื่องดีที่ทีมงานหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์ได้รับโอกาสทำเกมนี้ เช่นเดียวกับที่เขาได้รับโอกาสให้มาดูแลเกมนี้
Post a Comment