วันนี้ หลานผมเล่น FFX จบแล้วครับ



วันนี้ หลานผมเล่น FFX จบแล้วครับ (หลังจากเล่นมาเป็นเวลาเกือบๆ 1 เดือน)

การเล่นในวันนี้เริ่มสตาร์ทเกมจากจุดเซฟหลังสู้กับซีมัวร์ร่างสุดท้าย แล้วลุยรวดเดียวไปจนจบเกม ซึ่งหลานก็ทำให้ผมได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมไม่เคยเห็นจากการสู้กับบอสใหญ่ของเกมนี้เมื่อ 10 ปีก่อน อย่างท่าโอเวอร์ไดรฟ์ของเจคท์ ทั้ง Jecht Bomber และ Ultimate Jecht Shot.... (หรือเคยโดนไปหลายรอบแล้ว แต่ผมจำไม่ได้เองหว่า?)

ผมดูหลานนั่งสู้กับเจคท์อยู่ร่วมชั่วโมง สภาพเค้าอ่วมอรทัยมาก ดูทุรนทุราย กระเสือกกระสน....ดิ้นรนสุดชีวิต ไอเทมอย่าง Remedy Soft... มีเท่าไหร่ก็ต้องโยนออกมาใช้จนหมด พวก Ether Mega-elixir ที่ไม่เคยใช้มาก่อนก็ต้องควักออกมาใช้

เล่นไปเล่นมา พอเจคท์จะใช้โอเวอร์ไดรฟ์ ...หลานเค้าก็เรียกอสูรออกมารับจนตายไปเกือบยกแผง... สู้ไปสู้มา ก็ได้เริ่มหัดใช้ Stamina Tablet (Maxp HPx2), Frag Granade (ให้ผลเหมือน Armor Break), Shinning Gem (ให้ผลเหมือน Flare) กับท่า Super Mighty G เรียกได้ว่า ขุดมาใช้แทบทุกกระบวนท่าเลยทีเดียว

การสู้แบบนี้ แม้จะต้องลุ้นเครียดจนถึงวินาทีสุดท้าย แต่อีกนัยหนึ่งเราก็ได้ลิ้มรสถึงความยากลำบากของตัวละคร กว่าจะเอาตัวรอดมาจากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายได้จริงๆ

พอผ่านเจคท์มาได้ หลานผมก็แหกปากดีใจเต็มที่.... แล้วก็แหกปากอีกรอบตอนถ้วย The Eternal Calm เด้งหลังปราบยูเยว่อน โชคดีที่บอสตัวสุดท้ายจริงๆ ของเกมมันกระจอก... เพราะหลังปราบเจคท์ได้ หลานผมมันก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว

เมื่อถึงฉากจบ... หลานผมหันมาถามผมทุกๆ ครึ่งนาทีว่า "จุดนี้รึเปล่าที่คนทั่วไปเค้าน้ำตาซึม?" , "ถึงจุดนี้ หนูต้องซึ้งน้ำตาไหลแล้วใช่มั้ย?" , "ตรงนี้รึเปล่าที่คนเค้าร้องไห้?"

ประทานโทษ... คุณเธอเล่นถามรัวๆ แล้วพยายามบิ้วด์ พยายามตั้งความคาดหวังไว้สูงๆ ว่ามันจะต้องซึ้งขี้มูกบานน้ำตาไหลพราก... แล้วมันจะได้ซึ้งมั้ยล่ะครัฟฟฟฟฟฟ!?

สุดท้ายเกมก็จบลง ในทิศทางที่หลานผมคาดเดาไว้ (ว่าคนเราต้องตื่นขึ้น และความฝันย่อมจางหายไป) ไม่มีอะไรพลิกโผผิดคาด หลานเลยไม่ได้ตกใจอะไร

ส่วนสุนทรพจน์ของยูน่าที่พูดถึงเรื่องราวที่ผ่านพ้น ผู้คนที่จากไป ความฝันที่เลือนหาย ขอได้โปรดจดจำพวกเขาไว้ไม่รู้ลืม... หวังว่าอีก 1 ปีข้างหน้า หลานผมมันจะยำจำได้อยู่นะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

หลังจบเกมแล้ว เราก็ดูฉากความสงบสุขชั่วนิรันดร์กันต่อ ซึ่งหลานผมก็ยังตามทัน... อืม มันยังฟังดูน่าสนใจ แต่พอผมเปิด X-2 ให้ดูเท่านั้นแหละ

"เอายูน่าผู้เรียบร้อยคนเดิมของหนูคืนนมาาาาาาาา T[]T!!!!?"

"ไอ้ท่าเดินแกว่งแขนแบบนี้ ไม่อ๊าววววววววว"

"ไอ้ชุดวาบหวามโป๊ๆ ที่ใส่กันอยู่นี่มันอาร้ายยยย หนูรู้ว่าคนออกแบบเสื้อผ้าเกมนี้มันเพี้ยนนขนาดให้ NPC ใส่ชุดโชว์แก้มก้นได้ แต่ก็ไม่น่าจะเพี้ยนมาถึงตัวละครหลักด้วยย"

"แล้วระบบต่อสู้แบบลัดคิว (เทิร์น) กันได้ตามใจชอบ!? กดไวได้เปรียบ คิดช้าตายชัวร์.... หนูไม่เล่นนนนนนน~"

หลานหันมาถามผม... ว่ามี FF ภาคไหนอีกมั้ยที่สู้กันแบบแซงเทิร์นไม่ได้ พอผมบอกว่าก็มีภาคแรกๆ สมัย FC ไปเลย แล้วก็ข้ามมาภาค 10 เนี่ยแหละ หลานผมก็เงิบ ยิ่งผมพยายามอธิบายว่าทีมงานเค้าพยายามสร้างระบบต่อสู้ให้มันรวดเร็ว เข้าใกล้การต่อสู้จริงๆ มากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือทิศทางในการพัฒนาระบบต่อสู้ของซีรีส์ หลานผมก็ยิ่งเงิบ

แม้หลานผมรู้สึกสนใจในคลาวด์และไลท์นิ่ง.... เนื่องจากความโด่งดังของทั้งสอง และก็สนใจที่จะหาเกมของทั้งสองมาเล่น แต่เมื่อทราบว่าระบบต่อสู้ของทั้งสองภาคไม่ได้เป็นเทิร์นช้าๆ ห้ามแซงคิวแบบภาค 10 ไม่มีการยืนเขย่าตัวอยู่กับที่นานๆ..... หลานก็ต้องตัดใจ ล้มเลิกความคิดนั้นทันที

เท่านั้นไม่พอ หลังจากที่ผมเล่าเรื่องการกลับมาของทีดัสใน X-2 ยาวไปถึงเนื้อเรื่องคร่าวๆ ในภาคนิยาย และภาค Will.....

"หนูว่าหนูจบที่ภาค X นี่พอละ.... ให้หนูรับรู้ว่าเรื่องมันจบแค่ทีดัสหายไปและผู้คนช่วยกันสร้างสปิร่ายุคใหม่ขึ้นมาเถอะ หลังจากนี้มันเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว TwT"

แล้วเรื่องราวของหลานผมกับเกมนี้ก็จบลง (ช่างหัว Dark Aeon มันเถอะ... เพราะวันที่ 16 ก็จะเปิดเทอมแล้ว) โดยทิ้งคำถามคาใจให้ผมอย่างหนึ่งว่า.... หลานผมปฏิเสธระบบ ATB เพราะกลัวคิดตามไม่ทัน แต่กลับเล่น Kingdom Hearts ที่ต้องคิดและตอบสนองอย่างไวกว่า จบได้..... มันหมายความว่าไงฟะ!!!!?

ป.ล. พึ่งรู้ว่าตอนที่ทีมงานคุยกันว่าจะทำ X-2 คุณโนจิมะตกใจร้อง "เหอ เอาจริงดิ?" และไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนดีไซน์ของยูน่า ตอนออกแบบฉากจบเกม คุณโนจิมะก็ไม่เห็นด้วยกับการคิดทำแบบฉากจบ Happy Endning ....แต่หลังจากที่เกมออกมาแล้วและได้เห็นเสียงตอบรับของแฟนๆ คุณโนจิมะถึงเปลี่ยนใจ มายอมรับฉากจบแบบนี้ได้... (แปลว่าเขาจำใจเขียนบทให้ฉากจบแบบนี้ โดยไม่เต็มใจ!?) - อ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น