เก็บตกรายละเอียดจาก Final Fantasy XIII-2 [23]
ซานาดู
- เจอลูกโจโคโบะน้อยที่หน้าลานแข่งโจโคโบะ เซร่าห์นึกถึงซัสซ์กับโบะน้อยของเขา โนเอลบอกว่าถ้าซัสซ์มาที่นี่ด้วยคงสนุกน่าดู จากนั้นเราจะได้ Fragment มาจากมัน
Fragment : Chocochick Down, A Letter from Dajh – แดจซ์บอกว่าได้แยกกับพ่อมาสักพักแล้ว พ่อบอกว่าจะไปช่วยเซร่าห์กับพวก เอาเลยพ่อ ผมเองก็อยากช่วยเหมือนกัน! จำลูกโบะของพ่อได้มั้ย? มันเป็นตัวเมียนะ ผมตัดสินใจเรียกมันว่าโจโคลิน่า เจ๋งมั้ย?
- เจ้าของคาสิโนบอกว่า ท้ายที่สุดเราก็ได้รางวัลจากสิ่งที่เราเลือก ยินดีด้วย เขาเองก็สนุกกับคู่ต่อกรแบบเรา ขอบคุณที่ทำให้เขาสนุก โนเอลบอกว่านี่เป็น Fragment ใช่มั้ย หากเขาเอาไปแล้ว โลกนี้จะไม่หายไปเหรอ? เจ้าของบอกว่าตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ยังไงโลกนี้ก็เป็นแค่ความฝัน จินตนาการ สถานที่ที่ไม่มีอยู่จริง แต่หากพวกเรามีที่ว่างในหัวใจให้พวกเขา เราก็จะคงอยู่ต่อไปนิรันดร์ เซร่าห์ถามว่าแม้จะหายไปแล้ว ก็ยังอยู่ต่อไปนิรันดร์เหรอ? เจ้าของบอกว่านั่นเป็นความผิดของผู้ที่สร้างขึ้นมา (Creator) โนเอลถามว่าผู้สร้างนั่นหมายความว่าไง? นายเป็นใครกันแน่? เจ้าของบอกว่าก็เป็นเจ้าของคาสิโนไง ไม่มากไม่น้อยกว่านั้น รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำของการเดินทางของพวกเรา
- (เดาว่าผู้สร้างในที่นี้ หมายถึงผู้ที่สร้างเกมขึ้นมานะ)
ไวล์พีคส์ AF200
- ภูเขาของเศษซากที่ยกมาจากพัลส์เป็นที่ทดสอบพวกไลท์นิ่งตอนที่เป็นลูซิ แต่โนเอลและเซร่าห์ไม่รู้เลยว่าการเดินทางของเหล่าลูซิ จะนำหายนะมาสู่ที่แห่งนี้ในอีก 200 ปีต่อมา
- ไลท์นิ่งที่จับจ้องพวกเซร่าห์ที่มาถึงที่แห่งนี้ได้ครุ่นคิด “ใน AF010 เกิดการบิดผันครั้งใหญ่ในในไวล์พีคส์ ทำให้เต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพังโบราณ ทางอเคเดเมียได้ส่งกลุ่มบลิทซ์ (Blitz Squadron) มาสำรวจ โดยพวกเขาได้เอาอาวุธต่อต้านพาราด็อกซ์มา งานของพวกเขาคือการหาสาเหตุการบิดผัน ทว่าเรือเหาะของพวกเขากลับหายไป (โดนพาราด็อกซ์ดูด) ในวันนั้นทหารทั้ง 6 ที่หายไปนั่น เป็นความผิดของฉัน”
- พวกเซร่าห์ได้ไปช่วยทอร์เรโน (Torreno) ออกมาจากช่องมิติ เขาจะงงว่าตัวเองสลบไปนานเท่าไหร่? แล้วเงานั่นหายไปไหน? พวกเขามาทำภารกิจกัน วั้นนั้นเกิดพายุหนัก แล้วเงายักษ์ก็ปรากฏขึ้นบนฟ้า มอนสเตอร์ที่น่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏตัวออกมา พวกเขาเสียพลัง เรือเหาะตกสู่พื้น ทุกอย่างมืดไปหมด พอรู้สึกตัวก็มาอยู่ตรงนี้ โนเอลบอกว่าเขาถูกดูดเข้าไปในพาราด็อกซ์ จริงๆ เขาอาจมาจากยุคอื่นก็ได้? เขาจะบอกว่าเขามาจาก AF010 แล้วตอนนี้ก็ยังขยับขาไม่ได้ (ขาหัก) อยากให้เราไปช่วยลูกทีมคนอื่นๆ ด้วย นอกจากเขาก็ยังมีเพื่อนอีก 5 คน (ให้แผนที่มา) ชื่อกลุ่มของพวกเขาเอามาจากชื่อของสิบโท ที่มีรหัสว่าบลิทซ์ (Blitz)
- เจอฟัลคอน (Falcon) ที่วิ่งหนี เขาเข้าใจผิดว่าเราจะฆ่าเขา เราตามไปจนทัน เขาจะบอกว่าพวกเขากระเด็นออกมาจากยาน แล้วสิ่งนั้นก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา เขาจะกลับไปหาทอร์เรโน จากนั้นเขาก็เตือนให้เราหนีไป
- เจอสิบตรีธันเดอร์ (Thunder) ในชุดสีแดง เขาจะไม่ยอมกลับไปรวมกับทอร์เรโนเพราะมอนสเตอร์ที่โจมตีพวกเขายังซุ่มอยู่แถวนี้ มันอาจทำอะไรกับโคคูนก็ได้ ต้องมีคนคอยจับตาดูมัน เราเลยอาสาไปปราบมันให้ เขาจะบอกว่าฟัลคอนมีสายตาเฉียบคม เขาอาจจะรู้อะไรเกี่ยวกับมอนสเตอร์ก็ได้ ไปบอกให้ฟัลคอนให้ความร่วมมือเราอย่างเต็มที่ได้ นี้เป็นคำสั่งของสิบตรี
- เรากลับไปหาฟัลคอน แล้วจะได้ข้อมูลว่ามอนสเตอร์ตนนั้นได้พลังมาจากช่วงเวลาอื่น ถ้าไปกำจัดต้นตอพลังก็จะทำให้มันอ่อนแอลงได้ แล้วเขาจะให้เข็มทิศมากันหลงทาง
ไวล์พีคส์ AF010
- จะได้ข้อมูลว่าทีมบลิทซ์ถูกฝึกมาจัดการพาราด็อกซ์
- เจอแบ็คซ์เตอร์ (Baxter) นอนบาดเจ็บ (เขาโดนโจมตีจนเรือเหาะร่วงลงมาเหมือนกัน แต่ไม่ได้หลงยุค) เขาบอกว่าเรือเหาะไหม้ไปแล้ว เขาจำได้ว่านักบินเรย์ (Ray) ยังไม่ตาย อาจยังอยู่แถวนี้ แล้วแบ็คซ์เตอร์ก็บอกอีกว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว จึงเรียกกันด้วยรหัส หัวหน้าเรียกว่าสิบโทบลิทซ์ รหัสพวกนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากไลท์นิ่ง
- เจอเรย์ (Ray) เราจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังโดยเอาเข็มทิศจากฟัลคอนให้ดู เขาจะเชื่อสิ่งที่เราพูด แล้วบอกว่าสิบโทบลิทซ์ก็ติดอยู่ในพาราด็อกซ์ อยากให้เราช่วยออกมา แต่มอนสเตอร์เงาดำที่ล่มเรือเหาะของพวกเขานั้นขวางทางเอาไว้
- แล้วไลท์นิ่งที่จับตาดูอยุ่ก็ครุ่นคิด “ศัตรูไม่ได้มาจากโลกนี้ มันคือ การอุปมาของเคออส (Personification) เกิดจากช่องแยกกาลเวลา อสูรนั้นก่อตัวจากความทรงจำที่สลักไว้ยังผิวดาว มันก่อตัวจากอดีตที่ถูกลืมเลือน มันคือ...”
- ว่าแล้วโอดินก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเซร่าห์ โนเอลสงสัยว่าไลท์นิ่งอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้งั้นเหรอ? เซร่าห์บอกว่าไม่ใช่ นี่เป็นแค่ภาชนะอันว่างเปล่า มันไม่มีความนึกคิดหรืออารมณ์ แล้วไลท์นิ่งที่มองอยู่ก็บอกให้เซร่าห์ช่วยกำจัดมันภาพสะท้อนของอดีตอันยุ่งเหยิง ให้คืนสู่ความมืดด้วย
- หลังปราบได้ ม็อคจะบอกว่าแก่นแท้ของโอดินตัวนี้ก็คือเคออสจากวาลฮัลล่า โนเอลบอกว่าเคออสสร้างภาพลวงตาของโอดินขึ้นมางั้นสิ เซร่าห์คิดว่างั้นเงาที่พวกเขาเห็นกันใน AF200 ก็เป็นภาพลวงตาเช่นกัน โนเอลบอกว่าอาจจะใช่ แต่ในเมื่อเรากำจัดต้นตอพลังได้แล้ว เราก็น่ากำจัดมันใน AF200 ได้ด้วย
- เจอสิบโทบลิทซ์ เราจะช่วยเขาออกมาจากช่องแยกมิติ บลิทซ์จะขอบคุณเราแล้วบอกว่าเขาเป็นหัวหน้าทีมสำรวจของอเคเดเมีย พอเราแนะนำตัว เขาจะตกใจ ไม่คิดว่าน้องสาวของสิบโทฟาร์รอนจะมาช่วย เขาเคยอยู่หน่วยเดียวกันกับไลท์นิ่ง พวกเขาจริงจังกับงาน ทำงานหนักเพื่อรักษาความสงบสุขของโบดัม โนเอลบอกว่าคนนึงชื่อบลิทซ์ แล้วก็มีธันเดอร์ ฟังแล้วพอจะนึกถึงแรงบันดาลใจที่มาของชื่อได้เลย บลิทซ์บอกว่ามันเป็นการแสดงความเคารพภักดีต่อไลท์นิ่ง แล้วเซร่าห์จะบอกว่าไลท์นิ่งออกจากทหารและถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศไปนี่นา? บลิทซ์บอกว่าเขาก็เคยเข้าใจผิดอยู่นาน แต่ก็มาเห็นความจริงเบื้องหลังการกระทำของไลท์นิ่งที่พยายามช่วยโคคูนไว้ ไลท์นิ่งพยายามสู้กับฟัลซิตามลำพัง ยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อ พวกเราจึงรู้ตัวว่าจะนิ่งเฉยไม่ได้ เลยมาสมัครเป็นทหารของอเคเดเมีย สำหรับเขาแล้วก็ยังรู้สึกว่าเป็นทีมเดียวกับไลท์นิ่งเสมอ เราจะสร้างโลกที่ดีขึ้นไปด้วยกัน เซร่าห์ฟังแล้วก็รับปากว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่สาวให้ บลิทซ์หวังว่าไลท์นิ่งจะยังไม่ลืมพวกเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้เซร่าห์ได้พบกับไลท์นิ่ง พี่สาวที่แคร์เซร่าห์ยิ่งกว่าใครๆ ในโลก ว่าแล้วบลิทซ์ก็หายไป (กลับไปรวมกับพวกทอร์เรโนใน AF200) เซร่าห์จะคุยกับโนเอลว่าพบทั้ง 6 ครบแล้ว โนเอลเลยบอกว่าเราต้องไปช่วยสิบตรีสู้กับโอดิน ไม่ให้เขาตาย
ไวล์พีคส์ AF200
- ม็อคบอกว่าไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าไลท์นิ่งอยู่ที่นี่ด้วย คงพาสิบตรีเผ่นไปแล้ว โนเอลบอกว่าไลท์นิ่งคงดูพวกเราอยู่จากวาลฮัลล่า เราต้องจัดการแทนเอง (จริงๆ ไลท์นิ่งก็แว้บมาที่ยุคนี้จะช่วยเพื่อน แต่เห็นพวกเซร่าห์มาแล้วก็เลยกลับ)
- พอปราบได้ ไลท์นิ่งที่ดูอยู่จะครุ่นคิดว่า
“ในไม่ช้าที่แห่งนี้ก็จะกลับเป็นปกติ เงาของโอดินปลอมไม่ใช่ภาระที่ฉันต้องจัดการ แต่หากพวกเขา (เพื่อน) ต้องตาย ไม่มีสิ่งใดที่จะลบเลือนความรู้สึกผิดของฉันได้ หลายปีก่อนฉันต่อสู้ร่วมกับพวกเขาทั้ง 6 ฉันคิดว่าพวกเขาคงลืมฉันไปแล้ว แต่ฉันก็พบว่า แม้คนเราจะหายไปแล้ว แต่ก็จะยังคงดำรงอยู่ในความทรงจำของผู้อื่น ดังนั้น เซร่าห์ หากเธอคำนึงถึงฉัน วันหนึ่ง ฉันมั่นใจว่าจะได้พบหนทางกลับไปสู่บ้านอีกครั้ง”
- แล้วจู่ๆ เซ่ราห์ก็ตะโกนขึ้นมาทันทีว่า “แน่นอน” โนเอลถามว่าตกใจอะไรเหรอ? เซร่าห์บอกว่าเธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของไลท์นิ่งอยู่ในหัว เธอคงคิดไปเอง โนเอลบอกว่าเกิดเรื่องเหลือเชื่อมากมายทั้งพาราด็อกซ์ โอพารทซ์ เซร่าห์คงได้ยินเสียงของไลท์นิ่งจริงๆ เขาเชื่อแบบนั้น
- โนเอลแปลกใจว่าทำไมพวกกลุ่มบลิทซ์ถึงหายตัวไป ม็อคบอกว่าเซนส์เขาบอกว่าทุกคนกลับไปหาทอร์เรโนแล้ว
- ระหว่างทาง พวกเซร่าห์ก็จะเจอกับซัสซ์ซึ่งอยู่ในช่องแยกมิติ แต่กลับมีร่างสะท้อนของเขาปรากฏขึ้นที่นี่ พวกเซร่าห์ตกใจ ไลท์นิ่งที่มองดูอยู่ก็จะคิดว่า “ฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว แต่พวกเขาได้เจอเพื่อน เพื่อนร่วมตายคนแรก คนที่รักครอบครัวเหนือสิ่งใด เราไม่ได้เจอกันที่นี่ แต่แยกกันตรงนี้”
- ซัสซ์จากช่องแยกมิติรู้สึกได้ว่าพวกเซร่าห์เห็นเขา เลยบอกว่าจากที่ๆ เขาอยู่ เขาไม่ได้ยินเสียงของเซร่าห์หรอก จากนั้นซัสซ์ก็จะเล่าเรื่องเก่าๆ ตอนโดนไลท์นิ่งพูดเหวี่ยงใส่ที่นี่ก่อนแยกกัน แต่จริงๆ คือโดนทิ้ง ส่วนเขาเองได้หลงเข้าไปอยู่ในโลกแปลกๆ มา (ซานาดู) ตอนนี้ก็กำลังเดินพันชีวิตอยู่ จากนั้นซัสซ์ก็จะบ่นยาวต่อไป โดยปิดท้ายว่าเขาแค่อยากมาทักทาย ตอนนี้ต้องไปแล้วล่ะ ว่าแล้วซัสซ์ก็หายไป
- เซร่าห์จะเล่าให้โนเอลฟังว่าซัสซ์ได้ต่อสู้เพื่อปกป้องโคคูนร่วมมากับไลท์นิ่งและสโนว โนเอลสงสัยว่าซัสซ์เคยเถียงอะไรกับไลท์นิ่งจนโดนทิ้ง คาดว่าเส้นทางพวกเขาคงยากลำบากเหมือนเรา เซร่าห์บอกว่าแน่นอน แต่การพบความยากลำบากร่วมกัน ทำให้คนเราสนิทกันมากขึ้น เพื่อนแท้มันต้องเป็นงั้นสิ
- เซร่าห์จะกลับไปหาพวกทอร์เรโน แล้วเจอทั้ง 6 อยู่ด้วยกันครบ เขาขอบคุณเราที่ช่วยทุกคนและแก้พาราด็อกซ์ พวกเขาจะกลับไปยุคของตนเอง แล้วฝากบอกไลท์นิ่งว่าพวกเขาขอเชิญชวนเธอให้มาสู่ปาร์ตี้ตอนรับกลับบ้าน แล้วทั้ง 6 ก็หายไป (กลับไปยุค AF010 ที่จากมา)
- แล้วเซร่าห์ก็จะเจอร่างสะท้อนของไลท์นิ่งที่พูดจากวาลฮัลล่า ไลท์นิ่งบอกว่าเธอได้แยกจากคนอื่น ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว จำได้ว่าวันที่กลายเป็นลูซิ ตนได้ชิงชังต่อทั้งโลกและสู้เพื่อสิ่งที่เชื่อโดยลำพัง คิดว่านั่นเป็นหนทางเดียว แต่เธอคิดผิด ยังมีคนอื่นที่แบกรับชะตากรรมเดียวกัน ไลท์นิ่งจึงรู้ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว วาลฮัลล่านั้นว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ แต่ไลท์นิ่งยังคงยึดถือความทรงจำของเซร่าห์ และเพื่อนๆ ไว้ในหัวใจ ตราบใดที่ความทรงจำไม่ลืมเลือน ทุกคนก็อยู่กับฉันเสมอ ค้ำจุนฉันเสมอ รวมถึงเธอด้วยเซร่าห์ ฉันิคดถึงเธอ เราไม่อาจคุยหรือหัวเราะร่วมกันได้อีกเหมือนที่ผ่านมา แต่ฉันก็ภาวนาขอให้วันที่ฝันเป็นจริงมาถึง ฉันหวังว่าเซร่าห์จะได้ยินคำพูดเหล่านี้ ได้ยินสิ่งที่ฉันอยากพูด
Fragment : Twilight Odin Alpha – คือเงามืดที่เล่นงานกลุ่มบลิทซ์ในไวล์พีคส์ AF010 ดำรงอยู่นอกกาลเวลา สามารถสำแดงฤทธิ์ในหลายยุคพร้อมกันได้ ต้นตอพลังคือ Fragment อันเดียว ถ้าความทรงจำที่ตกเป็นผลึกคริสตัลนี้เสียหาย มันในทุกยุคก็จะอ่อนแอลง
Fragment : Twilight Odin beta – เป็นเงาแฝดของอสูรโอดิน ที่จริงเป็นตัวตนไร้รูปร่างจากเคออสที่ซึมเข้าสู่โลกมนุษย์ จากโลกที่มองไม่เห็น พลังอันชั่วร้ายนี้ใช้ความทรงจำที่ตกเป็นผลึกคริสตัล (Fragment ความทรงจำในการเดินทางของไลท์นิ่ง) เป็นแม่แบบ ก่อตัวเป็นดอดิน ความทรงจำนั้นเป็นเรื่องของลูซิที่ปกป้องโคคูน เธอเผชิญหน้ากับอสูรหน้าม้าและชนะมันในไวล์พีคส์
Fragment : Words of Light – การต่อสู้กับไคอัสปะทุขึ้น ต่อสู้กันนิรันดร์ แต่หากฉันแพ้สักครั้ง ความดำรงอยู่ทั้งหมดจะถูกทำลาย เหลือเพียงความว่างเปล่า ฉันไม่อาจแพ้สงครามของวาลฮัลล่าได้ ขอโทษนะเซร่าห์ ภาพแห่งฝันร้ายนี้คือที่ๆ ฉันอยากให้เธอมา
Fragment’s Father’s Song – ข้อความจากซัสซ์ มีข้อมูลที่ได้ยินจากไลท์นิ่งในฝันมาบอก คนที่เซร่าห์ต้องส฿ด้วยมีแบ็คอัพที่น่ากลัวมาก มีปีก มีเขี้ยว เกิดจากเคออส อสูรจากคืนที่มืดมิดที่สุด อยากจะบอกมากกว่านี้ แต่เสียงไลท์นิ่งขาดตอนไปเท่านี้แหละ ตอนนี้ซัสซ์อยู่ในวังแปลกๆ (ซานาดู) ทีแรกสังหรณ์ว่าจะได้เจอคนรู้จักแน่ๆ แต่ก็ไม่เจอ ไม่ต้องห่วงลุงซัสซ์นะ ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย!
Fragment : Blitz Squadron Chronicles (กลุ่มเพื่อนไลท์นิ่ง)
1. ภายหลังหายนะ กลุ่ม Guardian Corps ก็เป็นอิสระจากรัฐบาลศักดิ์สิทธิ์ แล้วรัฐบาลเฉพาะกาลก็ถูกตั้งขึ้นมา ประกอบด้วยคนจากกลุ่มทหาร กองทัพอากาศซึ่งเป็น Guardian Corps ชั้นหัวกะทิ เป็นหัวหอกในการปกครอง พยยามสร้างสังคมที่เข้มแข็งจากวิทยาศาสตร์ของมนุษย์โดยปราศจากฟัลซิ พวกเขาก่อตั้งสถาบันอเคเดเมีย แล้วรัฐบาลเฉพาะกาลก็ผ่องถ่ายอำนาจมาสู่องค์กรใหม่นี้
2. ตั้งแต่อเคเดเมียก่อตั้ง ก็มีแผนเน้นไปที่วิทยาศาสตร์ แล้วภายหลังทางอเคเดเมียกับรัฐบาลเฉพาะกาลก็รวมตัวกัน หน้าที่ในการปกครองผู้คนจากสัตว์ในพัลส์ถูกส่งต่อมายังสถาบัน มีการดึงบุคลากรจากกลุ่ม Guardian Corps เก่ามาก่อตั้งเป็นฝ่ายความมั่นคงของอเคเดเมีย (Academy Security Regiment) ซึ่งกลุ่มบลิทซ์ Blitz Squadron เป็นหน่วยหนึ่งถูกฝึกมาให้เชี่ยวชาญในการรับมือกับภัยพาราด็อกซ์
3. งานแรกของกลุ่มบลิทซ์ เป็นปฏิบัติการณ์ที่เบรชา อุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมแอตลัสถูกกลุ่มต่อต้านรัฐบาลขโมยไป ทว่ากลุ่มบลิทซ์เอาคืนมาได้ในวันเดียว เป็นการแสดงความสามารถของฝ่ายความมั่นคงได้ดี กลุ่มคนร้ายนั้นเป็นอดีตทหาร PSICOM ที่ต่อต้านสังคมใหม่ของอเคเดเมีย หลังหายนะผู้คนมากมายก็ยังอยู่ในโคคูน ผู้คนไม่น้อยพลักดันให้หาทางฟื้นฟัลซิขึ้นมา นี่เป็นหนึ่งในอุบัติการณ์ท่ามกลางความไม่สงบสุขที่เกิดเป็นประจำ
*เท่ากับว่า Guardian Corps ซึ่งร่วมถึงกองทัพอากาศ มาตั้งเป็นรัฐบาลเฉพาะกาล จนแปลงมาเป็นอเคเดเมีย แต่ก็โดน PSICOM กับคนที่บูชาขั้วอำนาจเก่า (รัฐบาลศักดิ์สิทธิ์) ต่อต้าน เพราะอยากให้ปกครองด้วยฟัลซิ เลยหาทางคืนชีพ
4. ในหมู่มอนสเตอร์ อาวุธชีวภาพจากยุคอื่นที่ปรากฏใกล้ๆ เกท ยังมีสิ่งมีชีวิตแปลกๆ ที่ปกติแล้วอาศัยในโพ้นอันว่างเปล่า เราเรียกมันว่าอสูรจากช่องแยกมิติ (Rift Beasts) กลุ่มบลิทซ์ได้ค้นพบนิเวศร์วิทยาของพวก Nekton และ Meonekton แบบแรกว่ายไปมาอย่างอิสระในโพ้นอันว่างเปล่า แบบหลังยึดติดกับมิติเวลาหนึ่งๆ กลุ่มบลิทซ์ยังได้ช่วยขยายฐานข้อมูลทำให้อเคเดเมียสร้างทฤษฎีของสิ่งที่เชื่อมโยงกับเกทได้
5. ใน AF009 กลุ่มบลิทซ์ได้รับคำสั่งให้ไปจับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่ตั้งฐานอยู่นอกชายแดนพัลส์ ภารกิจนี้สำเร็จ และที่ฐาน พวกเขายังพบหลักฐานการวิจัยที่เหลือเชื่อ กลุ่มก่อการร้ายได้ข้อมูลแอตลัสไป (วิเคราะห์เอาจากอุปกรณ์ที่ขโมยมาในข้อ 3 และพยายามจะสร้างทหารยักษ์ขึ้นมาเอง เหตุการณ์นี้เป็นตัวเร่งความขัดแย้งให้ตามมา
6. ใน AF009 หน่วยบลิทซ์ได้ทำลายแผนของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่พยายามสร้างแอตลัสขึ้นมาเอง เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการถกเถียงอย่างเร่าร้อนในอเคเดเมียเอง ฝ่ายหนึ่งยืนกรานว่าต้องลบข้อมูลแอตลัสทั้งหมดที่มี เพื่อป้องกันการนำไปใช้แบบผิดๆ ในอนาคต แต่อีกฝ่ายอ้างว่า การสร้างอาวุธยักษ์เป็นความชั่วร้ายที่จำเป็น ถ้ามันเป็นอาวุธจากอนาคต ก็ต้องให้ใครสร้างขึ้นมา หากไม่สร้าง... ประวัติก็จะเผชิญกับพาราด็อกซ์อีก สุดท้ายก็คุยกันไม่ได้ข้อสรุป ไฟล์ข้อมูลก็ยังถูกเก็บไว้ในสำนักงานใหญ่อเคเดเมีย เพื่อรอการตัดสินสุดท้าย
*การที่พวกเซร่าห์เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์จนความขัดแย้งไม่บานปลายถึงขั้นสร้างแอตลัสมาตีกัน ถือว่าดีมาก เพราะไม่งั้นมันต้องเป็นแบบฉากจบพาราด็อกซ์ที่แอตลัสสองฝ่ายตีกัน
7.ใน AF010 กลุ่มบลิทซ์ได้กลับจากภารกิจที่ไวล์พีคส์ ระหว่างภารกิจ เรือเหาะพวกเขาทั้งลำหายไป ลูกเรือก็ด้วย ทุกคนสูญเสียความหวัง คิดว่าพวกเขาไม่รอดแน่ กระทั่งปาฏิหาริย์เกิดเมื่อพวกเขาปรากฏตัวอีกครั้งใน 3 สัปดาห์ต่อมา / ระหว่างพิธีมอบรางวัลที่จัดหลังจากนั้น หัวหน้าหน่วยถูกถามว่าไปเอาชื่อหน่วยมาจากไหน เขาตอบว่าเป็นการแสดงความเคารพต่ออดีตเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่ง ครั้งยังเป็น Guardian Corps ด้วยกัน คนที่มีรหัสว่า “ไลท์นิ่ง”
Post a Comment