รีวิว (บ่น) ตามใจฉัน หลังจบ Lightning Returns -FFXIII- รอบแรก
หลังจากได้แผ่น Lightning Returns –Final Fantasy XIII- มาตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมก็พึ่งจะจบเกมเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 24 ที่พึ่งผ่านมานี้ ว่าแล้วก็อยากจะรีวิวเล็กๆ เก็บไว้เป็นบันทึกให้ตัวเองในอนาคตได้ย้อนกลับมาอ่านความรู้สึกหลังเล่นเกมจบรอบแรกซะหน่อย
อย่างแรกเลย ตัวเกม Normal Mode ย๊ากยาก.... ยากจนต้องหนีมาเล่น Easy Mode ตามที่ทีมงานแนะนำ จริงๆ แล้วถ้ายอมอดทนเล่นแบบลำบาก ก็น่าจะจบได้ เพียงแต่มันก็คงต้องใช้เวลาในการลองผิดลองถูกมากขึ้น และดีไม่ดีป่านนี้ผมอาจจะยังไม่จบเลยมั้ง 555 ก็ต้องยอมรับแหละว่าด้วยวัย 27 ปีตอนนี้ผมไม่มีเวลาว่างมากเท่าตอนเรียนมหาวิทยาลัย ดังนั้น กิจกรรมใดที่พอจะตัดได้ก็ต้องตัด อะไรที่พอจะลดได้ก็ต้องลด เพื่อให้เหลือเวลาไปทำเรื่องที่สำคัญกว่ามากขึ้น การยอมรับว่าเราไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว และก้มหน้าเล่น Easy Mode ที่จบเกมง่ายกว่าไป น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมแล้ว
สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง Normal Mode กับ Easy Mode เท่าที่เห็นก็มีเรื่องที่พอแพ้ในการต่อสู้แล้วจะไม่ถูกหักเวลา 1 ชั่วโมง กับการที่เวลาอยู่บนฟิลด์แล้ว HP ของไลท์นิ่งจะค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงแรกถึงกลางเกม ยอมรับเลยครับว่าน่าเบื่อเอาการ ตัวเกมกว้างขวางมาก มีอะไรให้ทำเยอะ เนื้อเรื่องหลักก็อยู่กระจายกัน แต่ส่วนตัวแล้วสิ่งที่เกมนำเสนอมายังไม่ค่อยโดนใจผมเท่าไหร่ และที่สำคัญ การกำกับคัตซีนที่เป็นจุดเด่นใน FFXIII และ FFXIII-2 พอมาถึงภาคนี้ ช่วงต้นเกมและกลางเกม กลับไม่มีซีนไหนที่กำกับได้หวือหวา ตื่นตาตื่นใจ หรือน่าประทับใจเลย มันกลายเป็นเกมที่ไปเน้นเกมเพลย์ ความหลากหลายต่างๆ ....แต่ส่วนตัวผมว่าภาพรวมมันก็ยังทำได้ครึ่งๆ กลางๆ คือเกมเพลย์ก็ไม่เด่น ส่วนคุณภาพการกำกับคัตซีนก็ลดลง
แต่ส่วนที่ชอบใจอยู่ก็คือเนื้อหาช่วงวันสุดท้ายของเกม ซึ่งบิ้วด์อารมณ์ได้ดีมาก ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งเพลง ฉาก การกำกับ ล้วนทำมาอย่างหลังการงานสร้างผิดกับช่วงต้นถึงกลางเกม ดันเจี้ยนสุดท้ายของเกมก็ไม่สั้นจนน่าใจหาย และไม่ยาวจนทำให้เหนื่อย เรียกได้ว่ากำลังพอดิบพอดี
พูดถึงเนื้อเรื่องของเกม ช่วงต้นและกลางเกมค่อนข้างน่าเบื่อ แต่ผมว่าเขาปิดท้ายได้ดี พล็อตเรื่องหลักอาจจะมีประเด็นใหญ่ที่ชวนขัดใจอยู่บ้าง (ตามสไตล์เนื้อเรื่องที่แต่งโดยคุณโทริยามะ) แต่ผมว่าบทส่วนที่ดีมันก็ดีมาก อะไรที่เคยคาดหวัง อยากจะเห็นก็ได้เห็นทั้งหมด และมันก็ดีพอที่จะกลบส่วนที่ชวนขัดใจนั้นได้ ที่ชอบใจคือสคริปต์ของเกมที่บรรจงแต่งโดยคุณวาตานาเบะ แจ่มแจ๋วมากครับ หลายๆ ประโยคนั้นถูกใจมาก โดยเฉพาะเรื่องของสิ่งที่ทำให้เทพแห่งแสงสว่างยังต้องพร่ามัว นั่นคือประกายสายฟ้า ไลท์นิ่ง
บอสใหญ่ของเกม มีหลายร่างมากมาย สู้สนุกสะใจ ผมว่าผมไม่ได้เห็นบอสใหญ่ที่มีหลายร่างและได้สู้กันยาวๆ มันส์ๆ แบบนี้มานานแล้ว เพราะทั้งออร์ฟานใน FFXIII ก็มีร่างเดียว ส่วนไคอัสนั้นแม้จะสู้กันยาวแต่ร่างสุดท้ายก็มีแค่ร่างเดียว จะมีก็บอสใหญ่ภาคนี้เนี่ยแหละที่แปลงร่างรัวๆ
ด้านฉากจบเกม เฉพาะส่วน CGI ก็ยาวเกิน 10 นาทีแล้ว ถ้ารวมส่วนที่ไม่ใช่ CGI ด้วยก็ยาวเฟื้อยมากเลย จึงได้ดู และได้ลุ้นกันอย่างเต็มที่ เรียกว่าเป็นฉากจบที่ยาวกว่า 2 ภาคก่อนมาก (เข้าใจว่าเพราะฉากจบของ FFXIII กับ FFXIII-2 ที่สร้างมาให้เข้ากับเพลงธีมนั้น ถูกจำกัดความยาวของฉากจบให้ยาวไม่เกินเพลงธีม) คงเพราะภาคนี้ไม่มีเพลงธีมมากำกับความยาว ทำให้สร้างฉากจบได้ยาวขนาดนี้ และมันก็เป็นฉากจบที่ทำมาได้อลังการ สมกับเป็นการปิดซีรีส์ FFXIII จริงๆ และอย่างที่บอกไว้แล้วว่ามันอาจจะมีพล็อตบางอย่างที่ขัดใจอยู่ แต่ส่วนที่ดี สิ่งที่อยากเห็นและได้เห็น มันก็ดีพอจะกลบสิ่งที่ขัดใจไปได้
อ่อ และที่สำคัญ ภาคนี้ไม่มีการเอาพวกเนื้อหาน่าสนใจไปยัดลง Auto Clip/ Data Log เหมือนที่ผ่านมาแล้ว 555
ในภาพรวมแล้วมันอาจไม่ใช่เกมที่สมดุลหรือสนุกอะไรมากมาย แต่เนื้อหาช่วงท้ายของมัน ก็ปิดซีรีส์ FFXIII ได้ดีอย่างที่มันควรจะเป็นครับ
*ตอนนี้ ถ้าให้คะแนน ก็คงให้ 8/10 ไปก่อนครับ*
รายละเอียดหลังจบเกมรอบแรก
เมื่อจบเกมแล้วจะมีให้เซฟ พอโหลดเซฟนั้นขึ้นมาจะเข้าสู่ New Game+ ที่ผู้เล่นสามารถเลือกระดับความยากใหม่ได้
สิ่งที่ส่งต่อจากเซฟการเล่นรอบแรกไปยังรอบที่สอง
- HP และค่าสเตตัสต่างๆ ของไลท์นิ่ง
- แวร์ ของสวมใส่ และไอเทมเกือบทั้งหมด ยกเว้นบางอย่าง
- ประวัติการต่อสู้, คะแนนในการต่อสู้
สิ่งที่รีเซท
- ความคืบหน้าในการทำเนื้อเรื่องหลักและเควสต์
- คีย์ไอเทม
- จำนวนมอนสเตอร์ที่ฆ่าไปแล้ว รวมถึงลาสต์วันที่ฆ่าไปแล้ว
จากนั้นจะสามารถเลือกเล่น Hard Mode ได้ (ไม่ว่ารอบแรกจะเล่นจบมาด้วย Mode ไหนก็ตาม) ซึ่งโหมดนี้สามารถปรับแต่งอาวุธและโล่ได้ ผสมเครื่องประดับได้ และกล่องสมบัติบน Ark จะเปลี่ยนไป อย่างวันแรกจะได้ 限界突破の証 มา และวันต่อๆ ไปจะได้วัตถุดิบในการแต่งอาวุธและโล่
แปะท้าย คลิปฉากจบเกม 2 ท่อนกับคลิปบทส่งท้ายเกม
ฉากจบเกมท่อนแรก
ฉากจบเกมท่อนที่สอง
บทส่งท้าย
Post a Comment