โนมุระหวังใช้ Final Fantasy XV กู้ชื่อเสียงให้ค่ายเกมฝั่งญี่ปุ่น
- FF Versus XIII เปิดตัวเมื่อปี 2006 หลังจากนั้น 1-2 ปีก็เริ่มมีการพูดกันภายในว่าควรเปลี่ยนชื่อเป็น FFXV หรือไม่ ซึ่งแน้วโน้มก็ไปในทางไม่เปลี่ยนชื่อมาตลอด จนกระทั่ง FF Agito XIII วางจำหน่ายในชื่อ FF Type-0 ในปี 2011
- ที่ประกาศ ณ ช่วง งาน E3 ปีนี้ก็เพราะเป็นช่วงที่ประกาศเปิดตัวแจงข้อมูลพวกเครื่องเกมเจนฯ ถัดไปกัน แต่เป็นการตัดสินใจของหลายๆ ฝ่าย การพัฒนาให้กับ PS4 และ Xbox One นั้นเกิดขึ้นเมื่อราว 2 ปีก่อน ในเวลานั้นทีมงานก็ตัดสินใจจะมุ่งไปยังเจนฯ ถัดไปมากกว่าที่จะทำตัวเกมเวอร์ชั่น PS3 ต่อ
- เดิมตั้งใจจะประกาศ FFXV ในช่วงปลายปี 2012 แต่ด้วยเหตุผลหลายประการจึงต้องเลื่อนออกไป โดยเฉพาะเรื่องอายุของเจนฯ นี้
- ตัวเกมนั้นมีความทะเยอทะยานอยากสูงมาก ทีมงานหลายคนอยากสร้างมันขึ้นมาบนเครื่องเกมเจนฯ นี้แต่ก็ทำไม่ได้ ก็มีการลองผิดลองถูกกันอยู่มาก จนได้ผลลัพธ์คือการย้ายมาสู่เครื่องที่สเปคสูงขึ้น สิ่งที่ทีมงานอยากจะทำให้ได้ก็คือคุณภาพของภาพ ซึ่งคุณโนมุระก็ต้องการสร้างเกมที่ไร้การตัดฉากให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งในการนั้นก็จำเป็นต้องใช้เมโมรี่อย่างมหาศาล ที่จะรวมข้อมูลตัวละคร ข้อมูลฉากขนาดใหญ่ และข้อมูลศัตรูมากมาย ทั้งหมดจะถูกโหลดเก็บไว้ในเมโมรี่พร้อมกัน
- เหตุที่ภาคนี้ต้องเป็น Action-RPG นั้น ที่จริงมีความต้องการที่จะทำ FF สักภาคให้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ความคิดนั้นเกิดจากการที่การควบคุมตัวละครนั้นจะเน้นไปที่น็อคติส และ UI ก็จะถูกทำออกมาให้เล็กที่สุด แต่ทีมงานก็ไม่ได้ลืมว่ามันคือเกม FF นะ
- เพราะเป็น FF การต่อสู้จึงต้องเป็นแบบปาร์ตี้และมีตัวเลขปรากฏขึ้น หมายถึงตัวเลขที่แสดง HP และดาเมจ โดยผู้เล่นจะสามารถสลับการควบคุมตัวละครในปาร์ตี้ได้อย่างอิสระ พวกตัวละครที่อยู่นอกปาร์ตี้ก็จะต้องมีบทบาทในทางใดทางหนึ่งด้วยเช่นกัน
- สำหรับตัวเกมเจนฯ ถัดไป ชัดเจนว่าน็อคติสสามารถวาร์ปขึ้นไปบนฉากที่อยู่สูงกว่าได้ และสภาพแวดล้อมในเกมก็ทำลายได้
- FFXV ถูกพัฒนาขึ้นโดยมี Direct X11 เป็นฐาน ก่อนจะพอร์ทไปยังเครื่องอื่นๆ จากที่ทั้ง PS4 และ Xbox One ใช้แผ่นบลูเรย์เหมือนกัน ทำให้ไม่มีความแตกต่างกันในด้านนี้ แต่ด้วยการที่เกมถูกพัฒนาขึ้นบน Direct X11 คุณโนมุระจึงยังไม่แน่ใจว่ารายละเอียดต่างๆ จากเข้ากับเครื่องเกมจริงๆ ได้แค่ไหน มันถูกปรับแต่งมาให้เข้ากับ PC สเปคสูง เขาก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าท้ายที่สุดแล้วตัวเกมทั้ง 2 เวอร์ชั่นจะแตกต่างกันแค่ไหน
- ส่วนจะมีตัวเกมเวอร์ชั่น PC หรือไม่นั้น? ก็อยู่ที่การเรียกร้อง เพราะเกมคงต้องใช้ PC ราคาแพงมากในการเล่น แน่นอน ทีมงานรู้ว่ามีกลุ่มคนที่อยากเล่นเกมในคุณภาพสูงสุด ตอนนี้การพัฒนามีทั้งส่วนที่ทำขึ้นโดย Luminous Studio ,เครื่องไม้เครื่องมือของทีมออริจินอล รวมทั้งส่วนที่ทำขึ้นโดย Middleware Solution ด้วย ซึ่งท้ายที่สุดพวกเขาก็จะย้ายการพัฒนาทั้งหมดไปอยู่บน Luminous Engine เพียงอย่างเดียว ทว่าตัว Engine เองนั้นยังมีส่วนที่ไม่สมบูรณ์ และคงจะสายเกินไปหากพวกเขาจะรอให้เสร็จแล้วค่อยเริ่มสร้างใหม่ ที่ผ่านมา Luminous Studio และทีมพัฒนา FFXV ได้ทำงานสร้าง Engine และพัฒนาเกมขึ้นไปพร้อมๆ กัน
- Luminous Studio เน้นไปที่การทำฉากที่มีการเล่นมุมกล้อง การไหลลื่นของคัตซีน และฉาก Pre-rendered
- นอกจากการเปลี่ยนชื่อแล้ว คุณฮาจิเมะ ทาบาตะ ผู้กำกับ FF Type-0, Crisis Core, The 3rd Birthday ก็ได้มาเป็นผู้กำกับร่วมเคียงข้างคุณโนมุระด้วย ด้านคุณทาเคชิ โนซึเอะเองก็อัพเกรดตำแหน่งเป็น Total Visual Director (เดิมเป็นมือทำ CGI) แม้ว่าคุณโนซึเอะจะเป็นหัวหน้าทีม Visual Works แต่ตอนนี้เขาก็มาร่วมทำงานกับทีมพัฒนาด้วย โดยมีเป้าหมายคือการทำคัตซีน Real-time ให้ใกล้เคียงกับภาพแบบ Pre-rendered ให้ได้มากที่สุด โดยใช้เทคนิคเดียวกับ Agni's Philosophy ซึ่งก็คือการให้ Visual Works สร้างมูวี่แบบ Pre-rendered ขึ้นมาก่อน แล้วค่อยพอร์ทมาเป็นแบบ Real-time โดย Luminous Studio เทคนิคนี้เรียกว่า "Look Development"
- ตัวน็อคติสที่เห็นในงาน E3 เป็นตัวที่เลเวลสูงในระดับหนึ่งแล้ว คือสามารถควบคุมอาวุธหลายชิ้นพร้อมกันและวาร์ปไปมาได้อย่างอิสระ ซึ่งตัวเกมจริงๆ จะไม่ได้เริ่มต้นมาเทพแบบนั้น
- ทีมงานอยากจะทำการควบคุมที่เรียกง่ายแต่รวดเร็วแบบ Kingdom Hearts
- สมาชิกในทีมก็จะมาช่วยโจมตีด้วย อย่างที้เห็นในเทรลเลอร์ จะมีท่าที่เกิดขึ้นตามสถานการณ์อยู่เรื่อยๆ เช่นการที่กลาดิโอลัสมาช่วยรับการโจมตีแทนน็อคติส หรือพร็อมท์วาร์ปเข้ามายิงใส่ศัตรูแทน โดยตัวละครสามารถวิ่งไปมาได้อย่างอิสระ ไม่ใช่แค่ในฉากแผนที่ แต่ทั้งในระหว่างการต่อสู้ด้วย ทั้งนี้ยังสามารถปีนขึ้นไปบนศัตรูตัวใหญ่ หรือโจมตีบางจุดของร่างกายได้ด้วย
- การต่อสู้กับบอส Leviathan ซึ่งสร้างไต้ฝุ่นขึ้นมา ผู้เล่นต้องกระโดดข้ามตึกที่จะถล่มทลายไปมาทีละตึกจนเข้าไปสู้กับมันได้ ไม่ใช่แค่ Leviathan เท่านั้น การต่อสู้กับบอสอื่นๆ ก็จะมีสถานการณ์ที่วินาศสันตะโรอย่างยิ่งใหญ่เช่นกัน
- ทีมงานเน้นไปที่ความรวดเร็วของระบบการต่อสู้ ซึ่งแม้ผู้เล่นจะควบคุมการเคลื่อนไหวได้ แต่คนดูไม่รู้หรอกว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น สำหรับเกมนี้การทำ Motion Capture เป็นอะไรที่ค่อนข้างยาก โดยปกติแล้วการใช้คนจริงเพื่อจับการเคลื่อนไหวนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่เขาต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างความสมจริงกับความเป็นเกมด้วย
- คำว่า "เพื่อ 15 ที่กำลังจะมาถึง" ในเทรลเลอร์ เป็นเพียงมุกที่ใช้ในการประกาศเปิดตัวเท่านั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่อง ภาคนี้ก็จะดำเนินไปถึงไคลแมกซ์ของเรื่อง ทว่าเนื้อเรื่องก็จะยังดำเนินต่อไปตามแผนที่วางไว้ เป้าหมายในการสร้างคือ "ความอลังการแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน" ซึ่ง FFXV เองก็ถูกออกแบบให้มีเนื้อเรื่องต่อเนื่องด้วย ตั้งแต่แรกแล้ว
- ทว่าภาคต่อจะปรากฏในรูปแบบใดนั้น? คุณโนมุระบอกว่าสำหรับข้อมูลนั้นคงไม่ต้องรอกันนานนัก สำหรับโปรเจคท์เกมคอนโซลสเกลยักษ์แบบนี้ พวกเขาจำเป็นต้องทำให้ผู้คนสนใจกันเป็นระยะเวลายาวนานให้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้องค์ประกอบด้านการ Online เข้าช่วย คงไม่ได้มีแค่โหมด Single Player อย่างเดียว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีแผนอย่างเป็นรูปธรรมว่าจะทำระบบ Online ยังไง แต่ก็กำลังมองความเป็นไปได้หลายๆ แบบ เพื่อจะหาแบบที่เหมาะสมที่สุด
- ทั้งนี้ Square Enix ยังสนใจที่จะขยาย FF ภาคใหม่ไปสู่ PS Vita ด้วย ซึ่งจริงๆ FFXV เองก็เล่นผ่าน Remote Play ของทาง Sony ได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะทำระบบบางอย่างให้ใช้กับ Smartphone หรือ Tablet ด้วย
- ตอนนี้คุณโนมุระยังไม่สามารถพูดถึงระดับความคืบหน้าในการพัฒนาหรือวันวางจำหน่ายได้ ก็บอกให้รอตามข่าวกันต่อไป เขาขอโทษจากใจจริงที่ทำให้แฟนๆ ต้องรอคอยกันมาอย่างยาวนาน เขาหวังว่าการพรีเซนต์ในครั้งนี้จะสมดั่งความคาดหวังของทุกคนที่รอคอยกันมา จากนี้ไป คุณภาพของเกมจะยิ่งๆ สูงขึ้น เขาอยากใช้อีเวนต์ใหญ่ๆ แบบนี้ในการนำเสนอข้อมูลใหม่ อย่างเช่นในอีเวนต์ TGS ครั้งถัดไป ดังนั้นโปรดคอยดูพัฒนาการของ FFXV กัน
- คุณโนมุระทิ้งท้ายว่า "ในเจนฯ นี้ ทีมพัฒนาเกมฝั่งญี่ปุ่นสู้ชาติอื่นๆ เขาไม่ได้ ทว่าในเจนฯ ถัดไป ผมไม่อยากให้เป็นแบบนี้อีกแล้ว ผมอยากจะแสดงให้เห็นด้วยเกมนี้"
ที่มา : Hokako , Nova Crystallis
Post a Comment