บทอธิบายเนื้อเรื่องเพิ่มเติมจาก FFXIII-2 Ultimania Omega [3]
รวมพวกรายละเอียดจาก Ultimania Omega ที่ยังไม่ได้พูดถึงครับ
- คุณย่าของโนเอล ได้เห็นยูลเกิดใหม่ถึง 3 ครั้ง
- โฮปนั้นเข้าใจในธรรมชาติของอลิซซ่า ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเชื่อมั่นในการทำงานของเธอ
- ตอนที่อลิซซ่าจะหายไป เธอเคยพยายามที่จะฆ่าตัวตาย ทว่าในวินาทีสุด โฮปก็มาบอกความจริงกับอลิซซ่าอย่างอ่อนโยน แล้วบอกเธอว่าไม่เป็นไร
- ซานาดูเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้นึกถึงโกลด์ซอเซอร์ใน FFVII
- หลังจบความฝันของโนเอลในช่วงท้ายของบทที่ 5 (ดูสคริปต์จากลิงค์นี้ >คลิ๊ก<) เราเห็นภาพยูลจาก AF700 กับโนลจากโลกที่กำลังจะตายโผเข้ากอดกันด้วยรอยยิ้ม แล้วเรายังเห็นภาพนิมิตนี้อีกครั้งในตอนจบ (ดูสคริปต์จากลิงค์นี้ >คลิ๊ก<) พลังในการมองอนาคตนั้นหมายถึงจะสามารถมองไปทั่วได้ทั้งไทม์ไลน์ กระทั่งการมองอนาคตของอดีตที่เปลี่ยนไปแล้วก็เป็นไปได้ การมองชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก็เช่นกัน ภาพนิมิตที่เซร่าห์เห็นใตอนสุดท้ายเป็นอย่างไรนั้นยังคงไม่กระจ่างชัด แต่ถ้าเธอมีความหวังเช่นเดียวกันกับยูล บางทีมันอาจจะยังมีทางรอดอยู่
ไคอัสตายแล้วจริงๆ หรือ?
ในตอนจบนั้นไคอัสน่าจะตายไปแล้ว แต่ในฉากจบลับเขากลับปรากฏตัวขึ้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน นั่นเพราะกระแสเวลาในวาลฮัลล่านั้นดำเนินไปอย่างไม่ปกติ อาจเป็นได้ว่าในช่วงก่อนที่เขาจะตายเขาได้ปรากฏตัวขึ้นแล้วครุ่นคิดอย่างว่า* ถึงยังไม่แน่นอนว่าเขาอยู่หรือตาย แต่คงไม่มีใครปฏิเสธความเป็นไปได้ที่เขาจะยังมีชีวิตรอดอยู่หลังการโจมตีครั้งสุดท้าย
*หมายถึงไอ้ท่าที่มานั่งเต๊ะจุ๊ยคุยกับคนเล่นนั้น เกิดตั้งแต่ตอนที่ไคอัสยังไม่ตาย แต่ด้วยกระแสเวลาที่ดำเนินไปอย่างไม่ปกติ เราจึงเห็นภาพนั้นอยู่แม้ว่าเขาจะถูกพิฆาตไปแล้ว
บูนิเบลเซ่ที่ออกตัว
ตามตำนานเทพ เพื่อจะรุกเข้าไปยังโลกที่มองไม่เห็น เทพสูงสุดนามบูนิเบลเซ่ได้สั่งให้เทพผู้รับใช้และฟัลซิตามหาประตู จากนั้นเขาก็เข้าสู่การหลับใหล เป็นไปได้ว่าทันที่เส้นแบ่งระหว่างโลกที่มองเห็นและมองไม่เห็นถูกทำลายไป บูนิเบลเซ่จะตื่นขึ้น นี่คือสิ่งที่ฉากจบพยายามจะบอกใบ้ในฉากที่โคคูนนามบูนิเบลเซ่ที่มนุษย์สร้างขึ้นออกตัวขึ้นฟ้างั้นหรือ?
To be continued...
ผู้กำกับฮิโรชิ คาโมฮาระได้บอกไว้ว่าคำว่า To be continued... ในตอนจบนั้นไม่ได้หมายถึง "โปรดติดตามตอนต่อไป..." แต่มันหมายถึง "เนื้อเรื่องจะดำเนินไปสู่รุ่นต่อไป" ทีมงานชาวต่างชาติเป็นคนบอกให้เขียนไว้แบบนั้น พวกเขายังไม่มีความคิดว่าจะมีภาคต่อหรือไม่ แต่ในบทสัมภาษณ์ของคุณคิตาเสะอีกอันหนึ่ง เขาบอกไว้ว่าใส่คำนี้เข้าไปเพื่อสื่อถึง DLC ไลท์นิ่ง
*ส่วนคุณโทริยามะเคยตอบไว้คล้ายๆ คุณคิตาเสะในงานไทเปเกมโชว์ >คลิ๊ก<
เทพธิดาเอโทรที่อ่อนแอลง
เทพธิดาเอโทรจดจำความสัมพันธ์อันใกล้ชิดที่เธอมีต่อมนุษย์ได้ ว่ามนุษย์นั้นกำเนิดขึ้นมาจากเลือดที่หลั่งออกมาจากเธอ เธอได้มอบพลังแห่้งเทพให้มนุษย์หลายต่อหลายครั้งโดยไม่คิดถึงคิดจำกัดของตนเองหรือผลที่จะตามมา เธอยินดีมอบพลังนั้นให้ เพราะเหตุนี้เทพธิดาจึงอ่อนกำลังลง หลังจากที่เธอพยายามช่วยโลกด้วยการสร้างเกลียวเวลาขึ้น เธอก็ตกอยู่ในภาวะหลับใหล เมื่อหัวใจแห่งเคออสที่อยู่ในตัวไคอัสหยุดนิ่งในตอนจบของ FFXIII-2 เธอก็ถูกทำลายล้างไปด้วย
พลังของเพื่อน
ในช่วงตอนจบที่คริสตัลของวานิลล์และแฟงก์ถูกพาออกมาจากเสาคริสตัล หากทั้งสองกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ซัสซ์ โฮป และสโนวทีท่องไปยังจุดใดจุดหนึ่งของไทม์ไลน์ คงได้ประสานมือกันแน่
[ท่อนสุดท้ายตีความได้ 3 อย่าง]
1. หมายถึงการที่สโนวเอากำปั้นทั้งสองมือมาชกประสานกัน
2. เป็นอากัปกิริยาของคนญี่ปุ่น หมายถึงการปรบมือเมื่อทำอะไรสักอย่างสำเร็จ เมื่อนึกอะไรบางอย่างออก หรือเมื่อตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง
3. อาจหมายถึงเพื่อให้ไปถึงสถานการณ์ที่คาดหวังไว้ ทั้งสามจำเป็นต้องอยู่ด้วยกันพร้อมเพรียง
Post a Comment