เจาะลึกทะลุมิติ The 3rd Birthday [3]
3. ปฏิบัติการเรดฟ็อก ที่สถานีแกรนด์เซนทรัล มกราคม 2012
หลังจากที่เหล่าทวิสเต็ดได้ปรากฏขึ้นที่สถานีแกรนด์เซนทรัล กองทหารชั้นยอดซึ่งนำโดยกัปตันรุสโซได้บุกเข้าไปต่อสู้กับเหล่าทวิสเต็ด แต่แล้วความพินาศก็ได้มาเยือนทหารทั้งกอง ไม่มีใครรอดสักคน ยกเว้นเครย์ผู้เป็นทหารในสังกัดของกัปตัสรุสโซด้วย ทว่าในปฏิบัติการเรดฟ็อกนั้นเขาไม่ได้เข้าร่วมด้วย ทำให้เครย์ยังมีชีวิตรอดอยู่จนถึงทุกวันนี้
โดยคำพูดสุดท้ายของกัปตัสรุสโซที่ส่งผ่านคลื่นวิทยุสื่อสารมาได้เป็นการกล่าวบอกว่า เขาได้พบสาวน้อยคนหนึ่งที่มีใบหน้าเหมือนกับพวกทวิสเต็ด ด้วยเหตุนี้อีฟจึงได้รับคำสั่งให้โอเวอร์ไดฟ์ย้อนอดีัตกลับไปช่วยเหล่าทหาร และตามหาเด็กผู้หญิงคนดังกล่าวให้พบ
ในช่วงท้ายของภารกิจ อีฟได้บุกเข้าไปจนเกือบถึงแก่นกลางของบาเบล แล้วเธอก็ได้พบกับสาวน้อยคนหนึ่งที่เธอเห็นรูปลักษณ์ภายนอกเป็นอีฟ (ทว่าแบลงก์ที่อยู่ที่ฐานกลับมองไม่เห็นใคร) แต่แล้วเครย์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาและชักปืนขึ้นเล็งไปยังอีฟ เขาสารภาพว่าแท้จริงแล้วเขาเนี่ยแหละเป็นคนฆ่ารุสโซ และล่อให้ทหารทั้งกองเข้าไปติดกับจนตายกันหมด ทั้งหมดนี้ก็เพื่อการปกป้องสาวน้อยคนนี้ ซึ่งเขาเชื่อว่าเชื่อว่าเธอคืออิซาเบลล่า ลูกสาวของเขาที่กลายเป็นทวิสเต็ด ซึ่งในความเป็นจริง อิซาเบลล่ากับภรรยาของเครย์ได้ประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ตัวเกมไม่ได้อธิบายว่าทำไมเครย์ถึงเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้เป็นอิซาเบลล่า แต่เป็นไปได้ว่าไฮด์เป็นคนควบคุมให้เครย์ทำแบบนั้น เพื่อที่เครย์จะได้ถูกอีฟกำจัดทิ้ง
การที่เครย์ปรากฏตัวขึ้นในปฏิบัติการเรดฟ็อก เป็นการยืนยันว่าแท้จริงแล้วเขาได้เข้าร่วมปฏิบัติการ และพาทหารในสังกัดของกัปตันรุสโซไปตายกันหมด จากนั้นเขาก็มาโกหกคนอื่นๆ ว่าเขาไม่ได้เข้าร่วมปฏิบัติการนั้นด้วย
หลังจากที่อีฟกำจัดเครย์ลงแล้วก็เป็นอันจบภารกิจนี้ อีฟกลับมายังปัจจุบัน แล้วในวันต่อมาสมาชิกทั้งหมดของ CTI ต่างก็ถูกฆาตกรรม เครื่องโอเวอร์ไดฟ์ถูกทำลาย ส่วนไฮด์หายสาบสูญไป
แล้วผู้หญิงที่อีฟพบบริเวณใกล้แก่นกลางของบาเบล เป็นใครกันแน่?
แบลงก์คิดว่าอีฟได้พบกับ "ความเป็นไปได้" ของอีฟ.....
อย่าพึ่งตะโกน WTF ออกมาครับ!! เพราะคุณไม่ใช่คนเพียงคนเดียวที่งงและอ้าปากค้าง แต่ผม หรือกระทั่งไฮด์เอง... พอได้ยินคำอธิบายจากแบลงก์แล้ว เราต่างก็อ้าปากค้างไปตามๆ กัน... ขนาดบอสใหญ่มันยังอึ้งอ่ะคิดดู
ความเป็นไปได้ที่แบลงก์พูด หมายถึงความเป็นไปได้ที่จะมีอีฟอีกคนอยู่ในโลกใบนั้น ซึ่งแบลงก์พูดโดยอ้างอิง "ทฤษฎีโลกคู่ขนานของอีฟเล็ต" ซึ่งเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง และทฤษฎีนี้ก็มีอยู่จริงๆ... สิ่งที่แบลงก์จะสื่อก็คือเมื่อเรากลับไปเปลี่ยนแปลงอดีต ทุกครั้งที่มีทางเลือกเกิดขึ้นและเราได้เลือกหนทางที่ต่างไปจากเดิม ก็จะทำให้เกิดโลกคู่ขนานขึ้น และโลกคู่ขนานนั้นก็มีความเป็นได้มากมายหลายแบบ หนึ่งในนั้นก็คือความเป็นไปได้ที่จะมีอีฟอยู่ในโลกใบนั้น
ทฤษฎีของอีฟเล็ตสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มได้ตามลิงค์นี้ครับ : คลิ๊ก
ผมเชื่อครับว่าอธิบายแบบนี้แล้ว.... คงยังไม่มีใครเข้าใจหรอกครับ ต้องอ่านเนื้อหาในบันทึกฉบับอื่นๆ ประกอบกันก่อนถึงจะเข้าใจความหมายจริงๆ ในคำพูดของแบลงก์ ไว้ถ้าคุณอ่านบทความซีรียส์นี้ไปเรื่อยๆ จนถึงจุดนึงแล้ว หากได้ย้อนกลับมาอ่านคำพูดตรงนี้ใหม่ ก็จะทำให้เข้าใจความหมายจริงๆ ครับ
4. ปฏิบัติการบลูเฮล ที่ตึกนอร์ธแชลโลส์ กุมภาพันธ์ 2014
2 เดือนต่อมา หลังทราบข่าวการเสียชีวิตของเหล่า CTI มาเอดะก็หาทางติดต่ออีฟจนในที่สุดเขาก็หาตัวเธอพบ ทั้งเพื่อช่วยเหลือเธอและเพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับตัวเธอ มาเอดะในตอนนี้ดูเหมือนคนบ้าโรคจิต ราวกับได้รับสืบทอดวิญญาณของ ดร.โฮโจ ไปอย่างเต็มภาคภูมิ ตอนนี้เองมาเอดะได้นำข้อมูลจากกล้องวงจรปิดของสำนักงาน CTI มาตรวจสอบดู แล้วพบว่าคนที่ก่อเหตุฆาตกรรมสมาชิก CTI ทั้งหมดก็คือไคล์ และตอนนี้ไคล์ก็ซ่อนตัวอยู่ในตึกนอร์ธแชลโล่ส์
อีฟตัดสินใจโอเวอร์ไดฟ์ไปสิงกองทหารที่บุกเข้าไปยังตึกนอร์ธแชลโลส์เพื่อตามหาไคล์ และเพื่อช่วยทหารติดตั้งระเบิด C4 ใส่ตามจุดต่างๆ ของอาคาร เพื่อจะทำลายบาเบลที่งอกออกมาจากตึกนี้ซะ ซึ่งตอนท้ายเธอก็ได้พบกับไคล์ที่กลายร่างเป็นไฮวันส์ไปแล้ว
แท้จริงแล้วไฮด์เป็นคนควบคุมไคล์ให้สังหารสมาชิก CTI ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็นการบีบให้อีฟตามหาไคล์และจัดการไคล์ซะ ที่ต้องทำลายเครื่องโอเวอร์ไดฟ์ไปด้วยก็เพื่อป้องกันไม่ให้อีฟกลับไปแก้ไขอดีต หลังจากนั้นรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งให้ยิงระเบิดนิวเคลียร์เข้าใส่บาเบลเลย แต่บาเบลเพียงได้รับความเสียหายเล็กน้อย แล้วบาเบลจำนวนมากก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันเกิดเป็น "แกรนด์บาเบล" ที่มีขนาดยักษ์ขึ้นมา
5. ปฏิบัติการสแคลิทสโนว ที่แกรนด์บาเบล
หลังจากแกรนด์บาเบลก่อตัวขึ้นมา เหล่าทหารสหรัฐฯ ที่ยังเหลือรอดอยู่ก็รวมใจกันบุกเข้าไปสู้ตายกับเหล่าทวิสเต็ดภายในแกรนด์บาเบล ซึ่งมาเอดะก็สืบทราบมาว่ามีคนเห็นไฮด์เข้าไปในแกรนด์บาเบลด้วย อีฟจึงตัดสินใจที่จะโอเวอร์ไดฟ์เข้าไปสิงกองทหาร เพื่อช่วยสู้และเพื่อเค้นเอาความจริงจากไฮด์
เมื่ออีฟได้เผชิญหน้ากับไฮด์แล้ว ไฮด์ก็สารภาพว่าเขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรก ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะได้กลับไปยัง Time Zero เพื่อสร้างสุดยอดสิ่งมีชีวิต และหยุดยั้งวัฏจักรแห่งความพ่ายแพ้ทวิสเต็ดลงซะ
ด้วยความช่วยเหลือจากดวงวิญญาณของแบลงก์ ไคล์ กาเบรียล และเครย์ อีฟจึงเอาชนะไฮด์ได้ ก่อนที่ไฮด์จะตายเข้าได้เผลอเรียกชื่อตัวเอกของเกมว่าอีฟ (ก่อนหน้านี้เรียกว่าอายะมาตลอด) จากนั้นอีฟก็ใช้ความสามารถของแกรนด์บาเบลทำการโอเวอร์ไดฟ์แบบย้อนเวลากลับไปยังช่วง Time Zero เธอถึงได้รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วเธอก็คืออีฟที่โอเวอร์ไดฟ์เข้ามาสิงร่างอายะ ทำให้วิญญาณของอายะแตกสลาย
ไฮด์ที่แอบซ่อนมากับจิตของอีฟ ได้ทำให้จิตของอีฟย้อนกลับคืนสู่ร่างของอีฟ ส่วนจิตของไฮด์ก็เข้าไปสิงร่างของไฮด์ใน Time Zero แล้วไฮด์ก็เสนอให้อีฟเข้าครอบงำร่างของเขาเพื่อให้กำเนิดสุดยอดสิ่งมีชีวิตที่จะกำราบเผ่าพันธุ์ทวิสเต็ดได้ แต่อีฟก็ปฏิเสธ ไฮด์จึงหมายจะดูดอีฟเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของไฮด์แทน แต่แล้วอายะที่น่าจะตายไปแล้วกลับลุกขึ้นมาลั่นไกปลิดชีพไฮด์
ทำลายวัฏจักร
อายะบอกอีฟว่าหนทางเดียวที่จะยุติวัฏจักรนี้ได้ก็คือการให้พวกเธอทั้งสองคนสลับร่างกัน แล้วให้อีฟฆ่าอายะซะ ด้วยวิธีนี้อีฟจะทำลายทั้งวิญญาณของอายะ (ต้นกำเนิดของทวิสเต็ด) และทำลายร่างของอีฟ (ต้นกำเนิดของไฮวันส์) ตอนแรกอีฟก็ปฏิเสธที่จะทำอะไรแบบนั้น แต่สุดท้ายเธอก็ฝืนใจทำมันลงไป
คริสต์มาสอีฟ 2010 ที่เปลี่ยนไป
อีฟกับไคล์ยืนอยู่ด้วยกันในพิธีแต่งงาน อีฟกล่าวคำสาบานที่จะรักไคล์ตลอดไป แต่แล้วไคล์กลับบอกว่าอีฟไม่ต้องสวมบทบาทเป็นอายะก็ได้ ทำให้อีฟตกใจว่าไคล์รู้ได้อย่างไรว่าเธอคืออีฟที่สิงอยู่ในร่างของอายะ
ไคล์ถอดแหวนแต่งงานที่มอบให้อายะออกจากมือของอีฟ แล้วบอกว่าเขาจะออกเดินทางเพื่อตามหาความเป็นนิรันดร์ (เป็นคำพูดที่ไคล์ใช้เรียกอายะ) แต่ก่อนจะออกจากโบสถ์ไป ไคล์ก็หันมาสุขสันต์วันเกิดให้อีฟ
7. ความหมายที่แท้จริงของ The 4th Birthday
หลังจบเกม 2 รอบแล้วเราจะได้ดูฉากที่อีฟเดินไปกลางถนนตอนกลางคืน เธอสวนทางกับคนที่ดูเหมือนอายะ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็กล่าวคำสุขสันต์วันเกิดรอบที่ 4 ให้กับเธอ ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะหายตัวไป
การตายของอายะในปี 2010 ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตใหม่ที่เป็นร่างของอายะ+จิตของอีฟ นั่นก็หมายความว่า 24 ธันวาคม 2010 คือวันเกิดของชีวิตใหม่ ส่วนเหตุการณ์ในฉากจบลับเกิดในวันที่ 24 ธันวาคม 2014 นั่นก็คือวันครบรอบ 4 ปี จึงเรียกว่า The 4th Birthday ส่วนที่เกมนี้มีชื่อว่า The 3rd Birthday ก็เพราะเหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 24 ธันวาคม 2013 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 3 ปีของอีฟคนใหม่นี้
8. เมล์ของอีฟ
เนื้อหาในเมล์ของอีฟกล่าวถึงเรื่องราวที่ไปของคนอื่นๆ หลังจากที่อายะจากไปแล้ว
1. กาเบรียล : แต่งงานกับนายอเล็ก เจ้าของร้านพิกฟาร์ม อีฟเห็นกาเบรียลดูท่าทางมีความสุขดี แต่ก็ไม่ได้เข้าไปทักทายแต่อย่างใด เพราะกาเบรียลคนนี้ไม่ใช่กาเบรียลที่เคยมีประสบการณ์ร่วมกันกับอีฟมาก่อน
2. โอเวน : โดนจับข้อหาเอาข้อมูลของทางราชการไปขายให้องค์กรก่อการร้ายข้ามชาติ
3. จิงเจอร์ : ถึงแก่ชีวิตหลังจากโดนแฟนคลับคนนึงเอามีดแทงดับ
4. เอมิลี่ : จบการศึกษาแล้วไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์พร้อมทำงานวิจัยทางด้านฟิสิกส์ไปด้วย
5. อิซาเบลล่า : ปัจจุบันอายุ 4 ขวบ และแม่ของเธอก็ไม่ตายด้วย (ในโลกเดิมทั้งสองเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ)
6. เครย์ : ลาออกจากกองทัพ แล้วไปใช้ชีวิตอย่างสุขสงบกับครอบครัว เขาก่อตั้งบริษัทจัดจำหน่ายปุ๋ยและอุปกรณ์ทางการเกษตรขึ้นมา และยังทำธุรกิจจัดสวน เขาประสบความสำเร็จและกลายเป็นนักจัดสวนกุหลาบระดับประเทศ
7. แบลงก์ : เชื่อว่าทำงานอยู่กับหน่วยงานไหนสักหน่วย แต่อีฟหาข้อมูลไม่พบ
8. มาเอดะ : มาเอดะได้ทำการค้นคว้าอยู่ในห้องแลปเกอห์แมนน์ของมหาวิทยาลัยบอนน์ในประเทศเยอรมัน (ทั้งหมดมีอยู่จริง) เขาได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูงจากผลงานการวิจัยโครงสร้างไรโบโซมอย่างถึงแก่น จนได้รับการประกาศเกียรติคุณด้วยรางวัลวูล์ฟไพรซ์ ซึ่งว่ากันว่าคนที่ได้รางวัลนี้ก็มักจะคว้ารางวัลโนเบลได้ในปีถัดไป
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมรู้ครับว่าพอทุกคนได้ยินคำว่า "ทฤษฎีโลกคู่ขนานของอีฟเล็ต" เข้าไป... ก็หงายเก๋งกันไปแถบๆ แล้ว
แต่ถึงตอนนี้ยังไม่เข้าใจ ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ทำใจสบายๆ ไปก่อน ตั้งแต่คลาสหน้าเป็นต้นไปผมจะเอาเนื้อหาของเมล์ในเกมทุกฉบับมาตีแผ่ให้ฟังกันแล้ว ซึ่งในนั้นจะมีทั้งเมล์ไร้สาระ เมล์ทฤษฎีชวนเวียนหัวของเหล่านักวิทยาศาสตร์ และก็เมล์จิปาถะต่างๆ ไว้เมื่ออ่านไปเรื่อยๆ แล้วคุณก็จะเข้าใจถึงระบบโลกและระบบเวลาที่แท้จริงของเกมนี้ ไว้ถึงตอนนั้นปริศนาทั้งหมดก็จะคลี่คลายลงเองครับ
Post a Comment