'เล็วล์' พระเอกตัวจริงแห่งตำนานคริสตัล


จากการที่ผมได้แวะเวียนเข้าไปชมเว็บบอร์ดต่างชาติที่คุยกันถึงเรื่องเกม Final Fantasy Crystal Chronicles -The Crystal Bearers- ก็ได้รับรู้ถึงกระแสความนิยมชมชอบในตัวของ "เล็วล์" (Layle) ตัวเองของเกมที่แผ่รัศมีแห่งความแนวออกมาอย่างชัดเจน กระทั่งคนที่ดูเทรลเลอร์เฉยๆ ก็ยังรู้สึกถึงความแนวของพระเอกคนนี้ได้ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ใครหลายๆ คนเริ่มให้ความสนในกับตัวเอกคนนี้

ผู้คนมากมายยกย่องว่าเขาเป็นตัวเอกที่มอบความรู้สึกของ "ความพึ่งพาได้" ให้กับพวกพ้องมากที่สุด ขณะที่บางคนถึงกับบอกว่าเขาคือพระเอกที่ "สมบูรณ์แบบ" ที่สุดในไฟนอลแฟนตาซีซีรียส์ เหนือกว่าศูนย์รวมจิตใจเคลื่อนที่อย่างซีดาน พระเอกอารมณ์ดีจากไฟนอลแฟนตาซี 9 เลยก็ว่าได้

โดยปกติแล้วตัวเอกประจำซีรียส์นี้มักจะเป็นผู้ถูกเลือกโดยคริสตัล แต่เล็วล์นั้นกลับต่างออกไป เขาไม่ใช่คนที่ถูกคริสตัลชักใย พอคริสตัลชี้นิ้วสั่งให้ทำอะไรก็ยอมทำตามทุกอย่างแบบตัวเอกบางภาค เล็วล์นั้นมีสภาพเสมือนเป็นร่างอวตารร่างหนึ่งของตัวคริสตัลเอง เขาเกิดมาพร้อมกับก้อนคริสตัลสีเงินที่ฝังอยู่บนใบหน้าของเขา ซึ่งคริสตัลดังกล่าวก็ทำให้เขามีพลังยิ่งใหญ่เหนือกว่าคนธรรมดา พลังพิเศษของเขาก็คือการควบคุมแรงดึงดูดระหว่างมือของเขากับสรรพสิ่งใดๆ

ทว่าพลังพิเศษของเขานี้ กลับเป็นดาบสองคมที่ทำให้เขากลายเป็นที่รังเกียจของคนทั่วไป สำหรับโลกที่ปกติสุขแล้ว การมีอยู่ของคนที่เหนือปกติอย่างเล็วล์ถือเป็นเรื่องที่น่าหวาดระแวง ผู้คนทั่วไปหวาดกลัวไม่รู้ว่าเขาจะใช้พลังพิเศษออกมาเมื่อไหร่? และจะใช้ในแง่ไหน? เขากลายเป็นตัวอันตรายที่ทางรัฐบาลต้องจับตามอง และสุดท้ายก็ถูกตั้งค่าหัว 10 ล้านกิล เพียงเพราะนางเอกที่กำลังหนีการตามล่าของทางรัฐบาลอยู่ได้วิ่งมาหลบหลังเขาเท่านั้นเอง (ซวยไป)

ดังนั้นเมื่อมีใครถามว่าคริสตัลแบร์เรอร์อย่างเขาคือทูตแห่งแสงหรือผู้นำพาแห่งความมืด เล็วล์จึงตอบว่าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง แท้จริงแล้ว เขานั้นอยากเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ที่มีชีวิตธรรมดาๆ ร่วมกับคนอื่นได้อย่างสงบสุขก็เท่านั้นเอง เขาไม่เคยคิดและไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นคนพิเศษ เพราะเขารู้ดีที่สุดว่า การเป็นคนพิเศษ... นั่นหมายความว่าคุณจะไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้


พัฒนาการ

หากถามว่าเล็วล์นั้นมีความแตกต่างจากตัวเอกภาคอื่นอย่างไร? ต้องบอกเลยว่าเล็วล์นั้นแตกต่างจากตัวเอกภาคอื่นแทบทุกอย่าง โดยปกติแล้วตัวเอกในซีรียส์นี้ต้องเริ่มต้นด้วยความคิดที่ผิดพลาด ทำตัวเป็นคนมีปัญหา เป็นเด็กไม่รู้จักโต จิตใจเลื่อนลอย ค้าวๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่บ่งว่าตัวเอกคนนั้นยังต้องเรียนรู้อีกมาก แต่เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ ตัวเอกของซีรียส์ก็จะค่อยๆ เติบโตขึ้นทีละนิด จนกลายเป็นคนหนักแน่น มีจิตใจกร้าวแกร่ง

แต่เล็วล์นั้นกลับแตกต่างออกไป เพราะเล็วล์ได้ผ่านช่วงเวลาที่ต้องเติบโตเหล่านั้นมาหมดแล้ว เขาแสดงออกถึงความเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เหลือสิ่งใดให้เรียนรู้ตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกม ดังนั้นตลอดเวลาที่เรารับชมเรื่องราวการผจญภัยของเขา เราจึงไม่มีโอกาสได้เห็นพัฒนาการของเขาแม้แต่นิด ตอนเริ่มเกมเขาเป็นอย่างไร ตอนจบเกมเขาก็ยังเป็นแบบนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง

ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ที่รอบรู้ทุกอย่าง สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี และสามารถทำปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นได้เสมอ เล็วล์จึงกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของเพื่อนๆ เขากลายเป็นที่เชื่อถือ เป็นที่ไว้วางใจของทุกคนที่ได้รู้จักเขา

อารมณ์และจิตใจ เหตุผลและความถูกต้อง

ถ้าจะเปรียบเทียบจิตใจของเล็วล์ให้เป็นสีแล้ว จิตใจของเล็วล์จะเป็นสีขาวๆ แต่ไม่ใช่สีขาวสนิท เล็วล์รู้ถูกรู้ผิดและพยายามเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่เขาไม่ใช่ฮีโร่บ้าคุณธรรมที่เอาเหตุผลและความถูกต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด เล็วล์ไม่เคยอ้างถึงแสงสว่างหรือความดีงามแบบเด็กหัวหนามจากซีรียส์ข้างเคียง เพราะเขาไม่เชื่อมั่นในหลักคำสอนและสิ่งที่เป็นนามธรรม ที่จริงแล้วเขาไม่ยึดถือสิ่งใดนอกจากความเป็นจริงเท่านั้น

ตัวเอกบางคนอาจจะทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้อง อาจจะพูดให้ผู้เล่นฟังทั้งเรื่องว่าเราจะปล่อยให้ซินกำแหงต่อไปไม่ได้ เราจะปล่อยให้คุจาทำตามใจชอบไม่ได้ และเอาปัญหาของคนทั้งโลกมาเป็นปัญหาของตัวเอง เจอใครเดือดร้อนก็เข้าไปช่วยตลอด แต่เล็วล์ไม่ใช่แบบนั้นเลย...

เล็วล์ให้น้ำหนักกับอารมณ์และจิตใจของตัวเองมากกว่าเหตุผลและความถูกต้อง ด้วยเหตุนี้เขาจึงถือคติบุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ

พี่แสงอยากจะช่วยการ์แลนด์ให้หลุดพ้นจากวัฏจักรแห่งความขัดแย้ง... ซีดานเคยเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยคุจา... ยูริถือคติไม่ฆ่าศัตรู... แต่เล็วล์จะไม่มีวันทำแบบนั้น เพราะพูดถึงเรื่องการปฏิบัติต่อศัตรูแล้ว ตลอดทั้งเกมเล็วล์เคยก่อเรื่องที่ทำภาพพจน์ของเขามัวหมองลงไปเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็คือตอนที่นายพลจูกรันฆ่าพวกพ้องของเล็วล์ตาย และกำลังจะฆ่าเพื่อนอีกคนหนึ่ง แม้ว่าภายนอกของเล็วล์จะดูสงบนิ่ง แต่ในใจของเขานั้นกลับคุกรุ่นไปด้วยความคิดที่ว่า "มันต้องตาย"

สิ่งที่เล็วล์ผู้ควบคุมแรงดึงดูดได้กระทำลงในวินาทีต่อมา ก็คือการปล่อยพลังมหาศาลจากฝ่ามือของเขา กดทับตัวนายพลจูกรันลงไป ซึ่งพลังนั้นรุนแรงมากจนทำให้จูกรันล้มลงไปนอนกับพื้นและขยับไม่ได้ในทันที ไม่เพียงเท่านั้น... เล็วล์ยังส่งพลังเพิ่มลงไปทำให้ร่างของจูกรันจมลงไปในดิน ลึกลง แล้วลึกลงไปเรื่อยๆ แม้ว่าจูกรันจะสลบไปแล้ว หรือแม้ว่าคนรอบข้างจะบอกให้เล็วล์หยุดได้แล้ว เพราะพวกเขาต้องเอาตัวจูกรันไปสอบสวนและลงโทษตามกฎหมาย แต่เล็วล์ยังคงมองจูกรันด้วยสายตาอำมหิต และส่งแรงเพิ่มลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับต้องการเห็นร่างของจูกรันแหลกสลายไปต่อหน้าต่อตาให้จงได้

ในสถานการณ์เดียวกันนี้ถ้าให้ตัวเอกภาคอื่นที่ใช้ดาบเป็นอาวุธมาแสดงแทน ก็คงไม่มีฉากโชว์ความอมหิตแบบนี้ให้เห็น เพราะตัวเอกจะได้เอาดาบจ้วงทีเดียวจบ ทว่าพลังของเล็วล์ไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายสบายแบบนั้นได้ หากเขาจะใช้พลังฆ่าศัตรู ศัตรูก็ต้องตายแบบทรมานอย่างที่เห็น

ฉากนี้เป็นฉากเดียวในเกมที่เราได้เห็นเล็วล์ปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ และมันก็เพียงพอที่จะทำให้เรารู้ว่าพลังพิเศษของเล็วล์นั้นร้ายกาจแค่ไหน โดยปกติแล้วเรามักจะเห็นเล็วล์พูดด้วยน้ำเสียงระดับเดียวกันตลอด ไม่ค่อยแสดงอารมณ์รักโลภโกรธหลงออกมา เขาเป็นคนที่เก็บอารมณ์ได้ดี แต่เมื่อใดที่เรื่องมันหนักเกินกว่าที่เขาจะเก็บอารมณ์ไหว ก็เตรียมจัดพิธีสวดอภิธรรมให้กับคนที่เข้ามารบกวนจิตใจของเขาได้เลย

และก็เป็นฉากนี้อีกนั่นแหละ ที่ยืนยันชัดเจนว่าเล็วล์เป็นพระเอกที่มีความสมจริง มีตัวตน สามารถจับต้องและหาได้จริงบนโลก ไม่ใช่ฮีโร่บ้าคุณธรรมที่ดูเป็นอุดมคติมากเกินไปแบบตัวเอกบางคน

"โทษทีนะ แต่ฉันต้องช่วยเขาซักหน่อย ฉันเป็นหนี้เขา และกำลังชดใช้คืน"

เขาไม่เคยบอกว่าจะปกป้องโคคูน ปกป้องทุกๆ คน.... ไม่เคยบอกว่าจะรักษาความสงบสุข ผดุงความยุติธรรม

ทว่าตลอดเกมนั้น เล็วล์ก็ได้ช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย ทั้งเบลล์ อามิดาเทเลี่ยน อัลแธ ซิด และชาวเซลกี้ทั้งมวล

"มันอาจเป็นหนี้เล็กๆ แต่ฉันก็ติดไวการิและคนทั้งสมาคมเอาไว้"

แม้ว่าปากจะบอกว่าไม่ได้มาช่วย แต่สุดท้ายเล็วล์ก็ช่วยทุกคนไว้เสมอ และก็อ้างไปเรื่อยเปื่อยว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณทุกคนอยู่ ไม่ว่าหนี้มันจะเล็กน้อยแค่ไหน แต่เขาก็มีหน้าที่ๆ ต้องตอบแทน

ซึ่งผมฟังแบบนี้ทีไรแล้วก็อยากจะขำในความขี้อายของหมอนี่จริงๆ ที่จริงแล้วเล็วล์ก็อยากจะช่วยเพื่อนพ้องของเขา แต่ถ้าพูดไปตรงๆ ว่าอยากช่วย มันก็ดูไม่ใช่ตัวเขา ดังนั้นเขาจึงอ้างว่าเป็นหนี้บุญคุณบ้างล่ะ น่าสนุกบ้างล่ะ แต่ไม่ได้ยอมพูดถึงความชอบธรรมเลย

และแม้จะช่วยผู้คนเอาไว้มากมาย แต่เล็วล์ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องเหล่านั้น เขาไม่เคยอ้างบุญคุณจากใคร มีแต่พูดว่าเขาทำไปเพราะเป็นหนี้บุญคุณคนอื่นเท่านั้น การไม่อ้างถึงความชอบธรรม แต่อ้างถึงการเป็นหนี้บุญคุณแบบนี้ มันทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับคนอื่นๆ แน่นแฟ้นขึ้น มันทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่าตัวเอกคนนี้ให้ความสำคัญกระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อย ตัวเอกผู้นี้ยิ่งใหญ่ และอยากจะช่วยผลักดันเขาให้ไปถึงจุดหมายปลายทางที่วางไว้

เล็วล์เคยตกลงว่าเขาจะช่วยอามิดาเทเลี่ยนคืนชีพเผ่ายูคขึ้นมา เขาอ้างว่าตัวเองยอมทำเพราะติดหนี้บุญคุณอามิดาเทเลี่ยนเอาไว้ ฉากนี้ดูเผินๆ แล้วอาจคิดว่าเล็วล์ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่คิดถึงความขัดแย้งที่จะตามมา แต่ที่จริงแล้วเล็วล์ไม่ได้ตัดสินอะไรง่ายๆ แบบนั้น เขาคิดดีแล้วว่าเผ่ายูคมีความชอบธรรมที่จะกลับมาอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ และถึงเวลาแล้วที่เผ่าพันธุ์ทั้ง 4 จะต้องหัดใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสันติซักที

เพราะคิดถึงเหตุผลและความถูกต้องมาเป็นอย่างดีแล้วนั่นเอง ดังนั้นเมื่อมีข้อมูลใหม่เข้ามาว่าหากคืนชีพเผ่ายูคขึ้นมาเวทต้องห้ามก็จะทำงานทำให้เผ่าลิลตี้หายไปจากโลกนี้แทน เล็วล์จึงเปลี่ยนใจระงับความคิดที่จะช่วยเผ่ายูคไว้ก่อน ในจุดนี้ถ้าเล็วล์เป็นพวกบ้าหนี้บุญคุณจริงๆ ก็คงไม่สนใจชาวลิลตี้แล้วก็ช่วยเผ่ายูคไปแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น

สุดท้ายแล้ว เมื่ออามิดาเทเลี่ยนบอกว่าเธอมีวิธีช่วยไม่ให้ชาวลิลตี้ต้องตายแล้ว เล็วล์ก็เชื่อมั่นในคำพูดนั้นและตัดสินใจที่จะช่วยเผ่ายูคทันที เขาไม่มีแม้แต่จะสงสัยว่าอามิดาเทเลี่ยนอาจจะโกหกเพื่อช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของตนก็ได้

การที่เล็วล์ยอมเชื่อสิ่งที่เพื่อนคนนี้พูดในทันทีนั้น ถือเป็นการเอาความอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ซึ่งเล็วล์เชื่อว่าระหว่างเพื่อนพ้องด้วยกันแล้ว ความรู้สึกมันต้องมาก่อนเหตุผลอย่างแน่นอน

คุณสมบัติพิเศษที่ไม่เหมือนใคร

ในขณะที่ตัวเอกภาคอื่นมักโดนตัวร้ายพูดจาข่มขวัญ แต่เล็วล์กลับเป็นคนที่สามารถข่มตัวร้ายจนมิด ขนาดบอสใหญ่ยังต้องยกมือไหว้ และไม่อาจนับเป็นคู่ต่อกรของเล็วล์ได้ด้วยซ้ำ


เพราะไร้ซึ่งความหวาดกลัวต่อสิ่งใด เล็วล์จึงมั่นใจว่าตัวเองสามารถทำได้ทุกอย่าง และความมั่นใจนี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นความเชื่อมั่นที่ทุกคนมีต่อเขา ด้วยความศรัทธาจนหมดใจว่าเขาคือคนพิเศษ ที่เป็นที่พึ่งให้กับทุกคนได้เสมอ

เรื่องที่ประหลาดที่สุดคือ เล็วล์สามารถยืนอยู่เหนือผิวน้ำได้ ตกเหวก็ลอยกลับขึ้นมาได้ เวลาเอาจริงก็บินได้ กางบาร์เรียร์ที่พร้อมจะดีดทุกสิ่งทุกอย่างออกไปก็ได้ ศัตรูถืออาวุธแบบไหนก็แย่งมาเป็นของตนเองได้หมด  แถมยังมองเห็นวิญญาณอีกต่างหาก อะไรมันจะพิศดารขนาดนั้น....

นับเป็นโชคดีที่สุดของคนที่ได้เป็นเพื่อนกับเล็วล์ทุกคน เพราะไม่ว่าคุณจะกำลังเดือดร้อนอยู่ที่ไหน ไม่ว่าเมื่อไหร่.... เล็วล์ก็จะโผล่ไปช่วยคุณไว้เสมอ

หากคุณสงสัยว่าเขามาช่วยทำไม เขาจะตอบว่า "เพราะฉันติดหนี้บุญคุณอยู่ไง และกำลังใช้คืนอยู่"

หากคุณถามเขาว่าทำไมถึงรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ เขาจะตอบว่า "เพราะฉันคือคริสตัลแบร์เรอร์"

และหากภยันตรายกำลังจะมาถึงคุณแล้ว เล็วล์จะเข้าไปยืนขวางไว้ให้ เขาจะหันหลังให้คุณพร้อมกับบอกว่า

"ปล่อยให้ฉันจัดการเอง"

จะเพราะขี้อาย จะเพราะชอบลีลา จะเพราะอยากแนว หรือเพราะอะไรก็ตาม....

แต่คำตอบของเล็วล์ มันก็ทำให้รู้สึกว่า นายนี่มันยอดพระเอกจริงๆ.... 

ส่งท้าย

- ชื่อของเล็วล์ มาจากภาษาอาหรับ แปลว่าค่ำคืน

- ชื่อของเล็วล์เคยปรากฏมาก่อนในเกมภาค Ring of Fates และ Echoes of Time โดยเกมเหล่านั้นจะมีเครื่องป้องกันสุดยอดเป็น "แจ็คเก็ตของเล็วล์" และ "แว่นกันลมของเล็วล์" ซึ่งมีคำบรรยายเขียนกำกับไว้ว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุจากต่างโลก เป็นชุดสวมใส่ของกลาวัทในตำนานที่แข็งแกร่งที่สุด "เล็วล์"

ไม่มีความคิดเห็น