สรุปเนื้อหานิยาย 3 ตอนแรกของ Final Fantasy XIII
เว็บไซต์หลักของ Final Fantasy XIII ได้อัพเดทนิยายเกริ่นนำก่อนเริ่มเกมมา 3 ตอนแล้ว ซึ่งในวันนี้ก็มีคนญี่ปุ่นใจดีช่วยสรุปนิยายดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษให้ เนื้อหาทั้งสามตอนจะมีความว่ายังไงนั้น ไปดูสรุปกันเลยครับ
ตอนที่ 1
เรื่องราวเริ่มต้นจากการเล่าเรื่องว่าเดิมทีแล้ว ไลท์นิ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังรักษาความมั่นคงของสาธารณรัฐโบดัม ในวันหนึ่งเธอได้พบกับกลุ่มโนระที่กำลังขี่แอร์ไบค์ไล่ล่ามอนสเตอร์ ซึ่งพวกเขากำลังอยู่ระหว่างการทำภารกิจนอกเมือง ในบรรดานั้นเอง มีสมาชิกคนหนึ่งที่มีรูปโฉมบรรเจิดเตะตาเป็นพิเศษ คนๆ นั้นเป็นชายหนุ่มผู้มีผมสีน้ำเงิน เขาใช้ปืนเป็นอาวุธ และยังใส่เสื้อผ้าที่ดูสะดุดตา มีลายประดับประดามากมาย ขณะที่เลโบรซึ่งเป็นผู้หญิงที่หาได้ยากในกลุ่ม ก็นั่งซ้อนแอร์ไบค์คันดังกล่าวอยู่ที่ด้านหลังสุด ไลท์นิ่งจำเขาทั้งสองคนนี้ได้ดี
เมื่อไลท์นิ่งกลับมาที่หน่วยของเธอ เธอเห็นชายหนุ่มผู้มีผมสีน้ำเงินคนนั้นกำลังคุยกับสโนว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับหนุ่มหมวกไหมพรมคนนี้
ฐานทัพของกลุ่มโนระ เป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ ติดริมทะเล เลโบรเองก็ทำงานอยู่ในนั้น ไลท์นิ่งเองไม่ค่อยอยากให้เซร่าห์เข้าไปในร้านนั้นซักเท่าไหร่ เหตุเพราะน้องสาวคนงามของเธอยังคงเป็นแค่เด็กมัธยมเท่านั้น นอกจากนี้ไลท์นิ่งยังบอกกับสโนวอีกว่าห้ามมายุ่งกับเซร่าห์อย่างเด็ดขาด แต่สโนวก็ปฏิเสธ
หัวหน้าหน่วยของไลท์นิ่งที่มีชื่อว่าอาโมดะ บอกไว้ว่าดาบของไลท์นิ่งมีชื่อว่า เบลซเอดจ์ (Blaze Edge) เฉพาะทหารชั้นยอดเท่านั้นที่จะสามารถใช้ดาบนี้ได้
ตอนที่ 2
เซร่าห์ตัดสินใจที่จะเข้าเรียนในมหาลัยเอเดน สำหรับชั้นมัธยมปลายปีสุดท้าย จากนั้นเธอก็มีนัดเดทกับสโนว
ทว่าพอใกล้ถึงเวลาเดท เกโดก็ขี่แอรค์ไบค์มาบอกเซร่าห์ว่า สโนวฝากมาบอกว่าจะมาช้าหน่อยนะ แต่ว่ายันไม่ทันที่สโนวจะมาถึงไลท์นิ่งก็โผล่มาบอกว่าไม่อนุญาตให้เซร่าห์ไปเดทกับสโนว
เซร่าห์จึงวางแผนจัดงานวันเกิดให้กับไลท์นิ่ง โดยกะว่าจะพาสโนวมาในงานด้วย แล้วเธอจะขออนุญาตเรื่องเดทในงานนั้น เธอตกลงกับสโนวเอาไว้แบบนั้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้ออกไปซื้อของขวัญด้วยกัน มาควีก็โผล่มาขัดจังหวะ และขอร้องให้สโนวไปช่วยกำจัดมอนสเตอร์ด้วยกัน เมื่อเป็นแบบนี้สโนวจึงสัญญากับเซร่าห์ว่าหลังจากทำงานเสร็จแล้ว เราจะไปซื้อของขวัญให้ไลท์นิ่งด้วยกันนะ แล้วเขาก็ออกไปทำงานกับมาควิ
ตอนที่ 3
เป็นบทเล่าเรื่องจากความทรงจำของไลท์นิ่ง
แม่ของไลท์นิ่งตายเพราะแฟนบอย 360 เอ้ย.. ป่วยตายตั้งแต่ตอนเธออายุ 15 ปี ส่วนพ่อของเธอตายตั้งแต่ตอนที่เธอยังเด็ก ไลท์นิ่งที่แก่กว่าเซร่าห์เพียง 3 ปีจึงเป็นคนคอยดูแลน้องสาวนับแต่นั้นมา
ตอนที่แม่ที่ป่วยยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่หล่อนยังนอนหายใจริบหรี่บนเตียง เธอพูดกับไลท์นิ่งว่าอย่าหักโหมมากเกินไปนัก ไลท์นิ่งควรจะเชื่อมั่นในน้องสาวมากกว่านี้
ต่อมาหลังจากที่แม่ตายไปแล้ว เพื่อที่จะปกป้องเซร่าห์ ไลท์นิ่งจึงทิ้งชื่อจริงของเธอ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นไลท์นิ่ง พี่สาวผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองของเซร่าห์ และเป็นคนตัดสินใจไม่ให้เซร่าห์เป็นเพื่อนกับสโนว ที่เป็นคนเลื่อนลอยในสายตาของเธอ...
ตอนที่ 4
ขณะที่เซร่าห์มองขึ้นไปยังโบราณสถานแห่งโบดัมที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เธอเริ่มคิดถึงเรื่องที่ว่ายามที่ผู้ไร้ซึ่งอายุไขอย่างฟัลซิ ซ่อมแซมพื้นที่ๆ เสียหายในโคคูน พวกเขามักจะใช้วัตถุดิบจากซากปรักหักพังในพัลส์
"ทำไมถึงต้องนำซากปรักหักพังของโลกเบื้องล่างมาไว้ที่โคคูนกันนะ? ทั้งที่เป็นสิ่งที่นำความอัปโชคมาสู่แท้ๆ" เซร่าห์พูดพลางพยายามตรวจสอบด้านนอกโบราณสถานแห่งนั้น เธอเริ่มสนใจใคร่รู้ในประวัติศาสตร์โบราณขึ้นมาอย่างเล็กน้อย แต่แล้ว.. เธอก็สังเกตเห็นทางเข้าสู่โบราณสถานที่ยังคงเปิดกว้างอยู่ เธอจึงตัดสินใจเข้าไปด้านใน
แม่ทัพของเราก้าวเดินขึ้นบันไดยาวที่ทอดไปสู่ชั้นบนอย่างช้าๆ และแล้วคริสตัลก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเธอ
"เสียงใครกำลังร่ำร้อง!?"
ที่นั่นเอง...เซร่าห์ได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่มีขนาดมหึมาและชวนขวัญผวา ปักหลักอยู่....
ตอนที่ 5
ไลท์นิ่งกำลังเดินเล่นอยู่ในย่านการค้า ขณะกำลังเคลิ้มได้ที่นั้นเอง เธอก็เริ่มวางแผนว่าเธอจะมาร่วมงานเทศกาลดอกไม้ไฟที่จะจัดขึ้นในที่แห่งนี้ ว่ากันว่าหากได้มาชมเทศกาลดอกไม้ไฟที่นี่แล้ว ความปรารถนาของคนผู้นั้นจะต้องเป็นจริง เธอคิดเช่นนั้น...
ระหว่างที่เดินช็อปปิ้งไปเรื่อยๆ เธอก็พบสร้อยคอแบบเดียวกับที่เซร่าห์ใส่ วางขายอยู่ในร้านแห่งหนึ่ง
พอเห็นแบบนั้น ไลท์นิ่งก็เริ่มโทษตัวเองว่าเธอคงหมกมุ่นกับงานของตัวเองมากเกินไป จนไม่มีเวลาให้กับน้องของเธอ
บริเวณใกล้เคียงกัน โฮป เอสไฮม์กับแม่กำลังเดินผ่านหน้าร้านขายสัตว์พอดี ที่นั่นมีขายโจโคโบะด้วย ซึ่งเจ้านกตัวเหลืองก็เป็นที่ป็อปปูล่าร์ของผู้คนมาก มักจะมีคนมาซื้ออยู่เรื่อยๆ จนทำให้ขาดตลาดเป็นประจำ
โฮปที่อยู่ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวกับแม่ ก็พูดขึ้นว่าต่อไปก็ไปที่เมืองพัลม์โพลมกันดีกว่า
ทันทีที่ไลท์นิ่งที่ได้ยินบทสนทนานั้นโดยไม่ตั้งใจ เธอก็เริ่มอยากจะชวนเซร่าห์ไปเที่ยวด้วยกันขึ้นมา เธอคิดว่า ถ้าเธอให้เวลากับน้องสาวสุดเลิฟของเธอมากกว่า บางที..เซร่าห์อาจจะลืมเรื่องของเจ้าแฟนบอยหมวกไหมพรมนั่นไปก็ได้...
ตอนที่ 6
กลับมาทางด้านของเซร่าห์... คุณเดาถูกแล้ว.. เธอไปเจอฟัลซิเข้าให้นั่นเอง
"ลูซิ"
"ทำไมเจ้าถึงเลือกผู้คนแห่งโคคูน? เจ้าควรจะเลือกผู้คนแห่งพัลส์ไม่ใช่รึ?"
พลันที่เซร่าห์รู้สึกตัวอีกที... เธอก็ถูกส่งตัวออกมานอกโบราณสถานเสียแล้ว
แน่นอน...คุณเดาถูกอีกแล้วว่าบัดนี้ที่แขนซ้ายของเธอ ได้มีตราประทับอันเป็นสัญลักษณ์ของลูซิเกิดขึ้นแล้ว เธอได้ถูกฟัลซิสาปส่งให้กลายเป็นลูซิคนหนึ่งแล้วนั่นเอง ตัวเธอเอง ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรดีนัก การเรียนวิชาประวัติศาสตร์ทำให้เซร่าห์พอจะรู้คร่าวๆ มาว่าครั้งหนึ่งเคยมีสงครามระหว่างโลกเบื้องล่างกับโคคูนเกิดขึ้น ซึ่งในตอนที่ทัพจากโลกเบื้องล่างเข้าจู่โจมโคคูน ฟัลซิแห่งโคคูนก็ได้สาปมนุษย์ให้กลายเป็นลูซิ แล้วก็ส่งออกไปรบกับศัตรูเหล่านั้น
เซร่าห์รีบปลีกตัวออกจากสถานที่แห่งนั้นด้วยความกังวลใจ เธอไม่อยากให้สโนวรู้เรื่องที่เธอกลายเป็นลูซิเลย
ตอนที่ 7
ไลท์นิ่งจะมีอายุครบ 21 ปีในวันเกิดที่กำลังจะมาถึงนี้
ตรงจุดบริการด้านการท่องเที่ยว เธอเริ่มคิดว่าจะพาเซร่าห์ไปเที่ยวกันที่ไหนดี...
ไลท์นิ่งเดินออกมาจากจุดนั้น ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด ขาของเธอก็ค่อยๆ พาร่างของเธอเดินไปยังย่านการค้า ตอนนั้นเอง เธอได้เห็นผู้หญิงสองคนที่ใส่ชุดสีน้ำเงินชวนสะดุดตา
หนึ่งในนั้นคือคนที่ฝรั่งเรียกกันว่า Acadon หรือที่ผมเรียกว่าแม่ทัพ Wii.....
ในไม่ช้า หัวหน้าหน่วยของไลท์นิ่งที่ชื่ออาโมดะก็โผล่มาลากตัวสองคนนั้นไปทำงาน ภาพที่พวกเขาทั้งสามเดินคุยเรื่องบางอย่างแก่กัน ค่อยๆ ลับหายไปจากสายตาของไลท์นิ่งอย่างช้าๆ
ที่มา : marshallalloc1, marshallalloc2
Post a Comment