FFXII - เนื้อเรื่องม็อบตัวที่ 31
31. ฟาฟนิล
ในวันที่ร้านอาหารทะเลทรายเต็มไปด้วยผู้คนที่คับคั่งอย่างที่เคย เราได้เห็นป้ายคำร้องเรียนใบหนึ่งที่ถูกส่งมาจากนครเทพเบอร์โอมิเซส ข้อความในกระดาษแผ่นนั้นกำลังถ่ายทอดเรื่องราวของหายนะที่จะเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนั้นให้เราฟัง เพื่อป้องกันไม่ให้หายนะดังกล่าวเกิดขึ้น เราจึงกำใบคำร้องไว้อย่างมั่นคง ก่อนที่จะออกเดินทางไปยังนครเทพในพริบตา
เมื่อสองเท้าคู่ใจพัดพาเรามาถึงนครเทพเบอร์โอมิเซส เราเริ่มขยับเขยื้อนสายตาเพื่อมองหา อีฮ่า (Ieeha) นักบวชหนุ่มซึ่งเป็นผู้เขียนคำร้องเรียนดังกล่าวขึ้นมา เราเสียเวลาอยู่พักหนึ่งกับการตามหาชายคนดังกล่าวแต่ก็จบลงท้ายด้วยการไม่พบแม้เงาของเขา ขณะที่เรากำลังถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า เรลี่ (Relj) วิเอร่าสาวคนหนึ่งก็เข้ามาบอกเราว่าอีฮ่าน่ะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
เราคงจำวิเอร่าสาวคนนี้ได้ดีเพราะเธอเป็นคนที่มีนิสัยโดดเด่นเหนือพรรณนา ไม่ว่าครั้งใดก็ตามที่เราเดินทางผ่านเข้ามายังนครเทพแห่งนี้เรามักจะได้เห็นภาพของเรลี่ที่กำลังก่นด่าความอ่อนแอของเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่เรื่อยไป นี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเกลียดชังที่เธอมอบให้ต่อเผ่าพันธุ์ฮิวม์ได้ดี ทว่าการที่เธอเป็นฝ่ายเดินเข้ามาเจรจากับเราในครั้งนี้ เธอมีจุดประสงค์อะไรกัน?
เรลี่เริ่มต้นพูดคุยกับเราว่าเราคงได้รับรู้จากใบคำร้องแล้วสินะว่ามังกรร้ายตัวหนึ่งได้กบดานอยู่ในช่องแยกพารามิน่า ในอดีตกาลมังกรดังกล่าวได้หมายปองสมบัติของชาวกิลเทียส (ซึ่งสมบัติดังกล่าวก็คือดาบจอมราชันย์ที่เก็บซ่อนไว้ในวิหารมิเลี่ยม) ท่านสังฆราชอนาสตาซิสจึงยับยั้งความละโมภของมันด้วยการผนึกมันไว้ในภูผาน้ำแข็ง ทว่าหลังจากที่อนาสตาซิสได้มรณภาพไปแล้ว ผนึกที่เคยกักขังมังกรร้ายจึงคลายตัวลง และเป็นเหตุให้ฟาฟนิลได้กลับมาออกอาละวาดไปทั่วภูเขาแห่งนี้อีกครั้ง
เรลี่ยังคงเล่าต่อไปว่าก่อนที่อีฮ่าจะออกจากเมืองไปกำจัดฟาฟนิล เขาพูดด้วยสีหน้าที่เชื่อมั่นว่าชาวกิลเทียสจะเป็นผู้จัดการมันเอง ในตอนที่เรลี่ได้ยินแบบนั้นเธอก็รู้สึกสังเวชอยู่ในใจ เธอคิดว่าประเดี๋ยวพวกพวกอีฮ่าก็ต้องเผ่นหนีกลับเข้ามาในเมือง มนุษย์ก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอแบบนี้น่ะแหละ ในตอนนี้อีฮ่าได้ออกเดินทางไปแล้ว เรลี่ก็เลยเข้ามาเล่าเรื่องของมังกรร้ายให้กับเราแทน ส่วนหลังจากนี้...เราอยากจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของเรา เรลี่จะไม่สนใจอะไร
หลังจากที่ฟังเรื่องเล่าจากเรลี่จบแล้วเราจะกลับเข้าไปในช่องแยกพารามิน่าอีกครั้ง ทันทีที่ย่างกรายเข้าไปในเขตดังกล่าวเราก็ต้องตกใจกับพายุหิมะลูกใหญ่ เดิมทีแล้วสถานที่แห่งนี้ไม่เคยมีพายุหิมะเกิดขึ้นมาก่อน แต่ด้วยความคลุ้มคลั่งของฟาฟนิลที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหลอีกครั้ง พายุหิมะลูกใหญ่จึงได้ก่อตัวขึ้นโดยมีมังกรร้ายเป็นผู้ให้กำเนิดความเย็นยะเยือกดังกล่าว
ท่ามกลางพายุหิมะที่หนาวเหน็บ เราได้เดินทางเข้าไปในส่วนลึกของพารามิน่าซึ่งมีชื่อว่าธารสีเงิน นั่นเป็นบริเวณที่มีแม่น้ำไหลผ่านแต่ปัจจุบันนี้แม่น้ำดังกล่าวได้แข็งตัวและกลายเป็นเส้นทางสีเงินไปแล้ว ในที่แห่งนั้นเราได้พบกับฟาฟนิลซึ่งเป็นผู้สร้างพายุหิมะขึ้นมา เมื่อจับจ้องไปยังร่างกายที่ใหญ่โตของมันเราก็ต้องแปลกใจกับสภาพร่างกายที่บาดเจ็บหนัก และอาวุธมากมายที่ถูกปักอยู่บนร่างของมังกรร้าย ทั้งหมดนี้ก็คือหลักฐานการมีอยู่ของผู้ที่เคยอุทิศตนเพื่อต่อสู้กับมัน
แม้ว่าฟาฟนิลจะบาดเจ็บหนักแต่การต่อสู้กับมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด ฟาฟนิลยังคงเก่งกาจสมกับเป็นมังกรในตำนานอย่างที่เคย ภายหลังการต่อสู้อันยืดเยื้อชัยชนะก็ตกเป็นของเราในที่สุด เมื่อฟาฟนิลล้มคว่ำลงไปแล้วเราเลยจัดการกระโดดขึ้นไปบนตัวมันแล้วทำการผ่าท้องเพื่อช่วยเหลือคนที่โดนมันกินเข้าไปออกมา อนิจจาดูเหมือนทุกคนจะกลายเป็นปุ๋ยไปหมดแล้ว เราเลยพบแต่แหวนวงหนึ่งที่ส่องประกายอยู่ในกระเพาะของมัน
(ได้รับ Ring of Light)
เรากลับไปหาเรลี่อีกครั้งเพื่อนำแหวนที่พบมามอบให้เธอดู พอเรลี่ได้เห็นเธอก็ตกใจและอุทานออกมาว่านี่มันแหวนของอีฮ่านี่นา เธอเข้าใจในฉับพลันว่าอีฮ่าได้เข้าไปต่อสู้กับฟาฟนิลจริงๆ ซ้ำยังต่อสู้กับมันจนตัวตาย แต่สิ่งที่เธอสับสนก็คือทำไมอีฮ่าถึงยังสู้กับฟาฟนิลทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ายังไงก็ไม่มีทางเอาชนะมังกรร้ายนั้นได้
เรลี่ยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเอ่ยปากพูดกับเราต่อว่า
“ฉันเดินทางออกจากบ้านเกิดของชาววิเอร่ามา ฉันแหกกฎองเผ่าพันธุ์เพราะฉันอยากรู้ว่าทำไมมนุษย์ถึงมีความเจริญรุ่งเรืองกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ ในอิวาลิซ แต่แล้วฉันก็พบกับโลกของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยสงคราม ฉันได้พบกับการถูกหักหลัง ผิดหวัง และบาดเจ็บนับครั้งไม่ถ้วน ท้ายที่สุดเมื่อฉันมาถึงเบอร์โอมิเซส ฉันก็พบกับมนุษย์ที่อ่อนแอ เอาแต่อ้อนวอนต่อพระเจ้า”
“ทว่าตอนนี้ฉันก็ได้เข้าใจแล้ว เพราะมนุษย์นั้นแสนอ่อนแอ พวกเขาจึงต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พวกเขารู้จักที่จะยอมรับ ให้อภัย ช่วยเหลือกัน และยอมที่จะสู้จนตัวตายเพื่อปกป้องพวกพ้องของกันและกัน นี่คือความเข้มแข็งของพวกเขา ดังนั้นมนุษย์ถึงมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้”
“ฉันขอขอบคุณนักเดินทางชาวฮิวม์ การที่เธอนำแหวนของอีฮ่ามามอบคืนให้กับฉัน ทำให้ฉันได้รับคำตอบของคำถามที่ทำให้ฉันต้องเดินทางออกจากบ้านเกิดมา ฉันจะไม่ย้ายไปไหนอีกแล้ว ฉันจะปักหลักอยู่ที่นี่ ในที่แห่งนี้ เพื่อเชิดชูเกียรติของอีฮ่า ผู้ที่ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องภูเขาที่เขารัก”
หลังจากนั้นเรลี่ก็จะปักหลักอาศัยอยู่ในนครเทพแห่งนี้ เธอจะช่วยเหลือชาวกิลเทียส และคอยนำความรู้เรื่องการใช้พืชสมุนไพรที่เธอร่ำเรียนมาจากบ้านเกิดมาถ่ายทอดให้ชาวบ้านได้นำไปใช้ประโยชน์กันต่อไป
Post a Comment