ภาพประกอบคำบรรยายฉากจบ Final Fantasy IV [NDS]
กอลเบซ่า: สำเร็จแล้ว
ฟุซุยะ: เจ้าเก่งมากนะ น่าละอายจริงๆ ที่ปล่อยให้เซมุสควบคุมพลังของเจ้าได้
เอดจ์ : ยะโฮ้~ฟุซุยะ: พวกเจ้ามาถึงจนได้
เอดจ์: พวกเรามาช้าไปอีกแล้ว ฉันกะว่าจะได้จัดการมันเองแล้วเชียว
กอลเบซ่า: เซซิล...
เซซิล: ...
โรซ่า: เซซิล...
ฟุซุยะ: การตายของมันทำให้พลังมันเพิ่มขึ้นงั้นรึ? เราได้ทำให้ความชั่วร้ายของแผ่ขยายขึ้นเสียแล้ว!
กอลเบซ่า: เซมุส... ไม่สิ..ตอนนี้แกคือเซโรมุส! คราวนี้แหละ ฉันจะกำจัดแกให้สิ้นซาก!
ฟุซุยะ: ถึงเวลาที่เจ้า ต้องหายไปแล้ว!!
กอลเบซ่ากับฟุซุยะช่วยกันระดมพลังเวทย์โจมตีใส่เซโรมุส แต่ไม่ว่าเวทย์มนต์ใดๆ ก็มิอาจใช้ได้ผลกับมัน กอลเบซ่าตัดสินใจหยิบคริสตัลแห่งความหวังขึ้นมา และขอพลังจากคริสตัลให้ช่วยกำจัดเซโรมุส...ทว่าคริสตัลกลับไม่ยอมตอบรับคำขอของกอลเบซ่า นั่นเพราะกอลเบซ่าได้เลือกเส้นทางแห่งความมืด ที่คริสตัลได้ปฏิเสธมาตลอดเสียแล้ว...
ในท้ายที่สุด ฟุซุยะและกอลเบซ่าที่ต่อสู้จนอ่อนแรงก็พ่ายแพ้ให้กับเซโรมุส อสูรกายผู้นี้ได้อัญเชิญเมเทโอลงมาปะทะใส่พวกเราทุกคน แรงระเบิดของมันรุนแรงถึงขั้นทำให้พวกเราทุกคนสลบเหมือด ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่เข้มแข็งที่สุดอย่างกอลเบซ่า...
ทรมาน... ตาย... ความเกลียดชังของข้าจะคงอยู่ต่อไป ตราบจนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกทำลาย..
ถึงเวลาของเจ้าแล้ว จงมา...ร่วมกับข้า..ในนรก!!
โพลอม: ท่านผู้เฒ่า!
พารอม: เซซิลและทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย
ผู้เฒ่า: ข้าเห็นแล้ว... ถึงเวลาที่เราต้องภาวนาเพื่อพวกเขา! ช่วยกันอธิษฐานเพื่อพวกเขาและเพื่อโลกใบนี้ เราต้องช่วยกันสวดภาวนาเพื่อส่งคำอธิษฐานของเราให้ไปถึงท่านเซซิล!
หยาง: เซซิล...
กิลเบิร์ท: โปรดรับพลังของข้าไปด้วย..
ซิด: ฉันจะฆ่าล้างโคตรพวกแก ถ้าพวกแกไม่ยอมกลับมาอย่างปลอดภัย!
ชาวมิซิเดีย: โปรดกลับมาหาพวกเราโดยสวัสดิภาพ
กีอ๊อท: เพื่อแผ่นดินผืนนี้
ลูก้า: เราจะช่วยเหลือพวกคุณ
ชาวมิซิเดีย: เราจะช่วยกันอธิษฐาน
โพลอม: พี่เซซิล... ทุกๆ คน!
ผู้เฒ่า: ดวงจันทร์เอย...พวกเรากำลังเรียกหาเจ้า! โปรดยอมรับคำอธิษฐานของพวกเราด้วย!
เซซิล: กอล...กอลเบซ่า!
กอลเบซ่า: สิ่งนี้... เจ้าจงใช้มัน...
เซซิล: เซโรมุส!
เซซิล: ฉันจะไม่ยอมแพ้! ไม่..ยอม..แพ้!!!
ท่ามกลางพายุที่พัดกระหน่ำเข้าใส่อย่าไม่ปรานี เซซิลใช้มือค่ำอยู่กับพื้นค่อยๆ ลุกขึ้นมา คำอธิษฐานของพวกพ้องทุกๆ คนบนโลกกำลังแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความเชื่อมั่นที่ส่องสะท้อนอยู่ในหัวใจของพวกเขาทุกคน เมื่อรู้สึกตัวอีกที ริเดีย เอดจ์ ไคน์ โรซ่า ทุกๆ คนก็ลุกขึ้นมายืนเคียงข้างเซซิล และพร้อมที่จะทำศึกสุดท้ายกับศัตรูของสองโลกแล้ว!!
ฟุซุยะ: ยอดมาก! พวกเจ้ามีพลังมากกว่าที่ข้าคาดไว้ซะอีกนะ! บางทีสายเลือดของชาวดาวสีฟ้าคงก้าวข้ามเหนือพวกเราชาวจันทราไปแล้วเอดจ์: ช่าย! ถูกต้องแล้ว เห็นพลังของพวกเราแล้วใช่มั้ยล่ะ
ไคน์: แต่ว่า..คำพูดสุดท้ายของเซโรมุสยังทำให้ฉันกังวลอยู่
โรซ่า: ตราบใดที่ความมืดมิดยังคงอยู่...
ฟุซุยะ: ความชั่วร้ายที่แท้จริงไม่มีวันสลายไป...ทุกสรรพชีวิตย่อมมีความมืดในจิตใจควบคู่ไปกับความดีงาม เช่นเดียวกับที่เมื่อมีแสงสว่างก็ย่อมมีความมืดมิด เมื่อมีโลกบนพิภพก็ต้องมีโลกใต้พิภพ อย่างไรก็ตาม การที่ความดีดำรงอยู่ได้ก็เพราะมีความมืดดำรงอยู่เคียง และความดีของเจ้านั่นแหละคือสิ่งที่ได้..พิชิตเซโรมุส
เอดจ์: เอาล่ะ พอแค่นี้ละกัน ช่างมันไปเหอะน่า
ริเดีย: นายพูดอะไรของนายเนี่ย ฉันล่ะเแปลกใจจริงว่าทำไมเซมุสถึงไม่ควบคุมนายแทน มั่นใจเลยว่าหัวใจนายต้องมีความมืดอยู่บานแน่ๆ
เอดจ์: ไม่มีทางหรอก หัวใจของฉันน่ะเปี่ยมไปด้วยความดีอยู่แล้ว
ฟุซุยะ: ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะต้องกลับ แล้วคนอื่นๆ ล่ะ?
เซซิล: พวกเราก็จะกลับบ้านเหมือนกัน
โรซ่า: ใช่ ยังมีผู้คนที่เป็นห่วงรอคอยพวกเราอยู่
ฟุซุยะ: เข้าใจแล้ว ข้าดีใจที่มีเพื่อนที่แสนวิเศษ ข้าหวังว่าพวกเราะจะได้พบกันใหม่อีกครั้ง!
กอลเบซ่า: ขอข้า...ขอข้าไปกับท่านด้วยได้มั้ย?
ฟุซุยะ: เจ้าอยากตามมาด้วยงั้นรึ?
กอลเบซ่า: ใช่...ข้าไม่อาจกลับไปยังบ้านที่ข้าได้ทำสิ่งเลวร้ายไว้มากมายได้ ข้าอยากจะพบกับเหล่าผู้คนของพ่อข้ามากกว่า
ฟุซุยะ: อ่าใช่...สายเลือดของชาวจันทราก็ได้ไหลเวียนอยู่ในกายของเจ้าด้วยเช่นกัน ดีมาก งั้นไปกัน แต่เจ้าต้องพร้อมที่จะเข้าสู่การหลับไหล...อันยาวนาน
กอลเบซ่า: ขอบคุณมาก...
กอลเบซ่า: เซซิล..ในตอนที่เจ้าเรียกชื่อของข้า เสียงของเจ้าดูเป็นกังวลมาก นั่นหมายความว่าเจ้าได้ให้อภัยข้าแล้วหรือยัง?
เซซิล: ....
กอลเบซ่า: ...ข้านี่โง่จริงๆ...คงไม่อยู่แล้วสินะ ก็ข้าได้ทำอะไรแบบนั้นลงไป
ฟุซุยะ: พวกเราจะกลับสู่การหลับไหลอันยาวนานนับปี เราหวังว่าดาวสีฟ้าจะธำรงไว้ซึ่งความสงบสุขตราบนานเท่านาน
กอลเบซ่า: ข้าก็เช่นกัน
โรซ่า: เซซิล
ไคน์: จะปล่อยให้จากกันแบบนี้เหรอ?
ริเดีย: พี่ชายนะ!
กอลเบซ่า: ลาก่อน..ทุกๆ คน
เอดจ์: เซซิล!
เซซิล: ลาก่อนครับ.....
เซซิล: พี่ชาย...
....
............
............
หลังจากนั้น เอดจ์ก็พาทุกคนเดินทางกลับมายังโลกด้วยเรือเหาะยักษ์วาฬจันทรา เมื่อทุกคนลงจากยานเรียบร้อยแล้ว เรือเหาะยักษ์ที่หมดสิ้นหน้าที่ของมันแล้วก็ดำดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของมหาสมุทร เพื่อเข้าสู่การหลับใหลอีกครั้ง
กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนาน หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปมากมาย ทุกคนได้แยกย้ายกันกลับไปใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็น
หมู่บ้านมิซิเดีย
ผู้เฒ่า: วันนี้เราจะเริ่มกันแล้ว!
โพลอม: ตกลงค่ะ
ผู้เฒ่า: อืม..แล้วเจ้าพารอมล่ะ?
โพลอม: โอ้ย...อีกแล้วเหรอเนี่ย!
โพลอมออกไปตามหาพารอม และพบพารอมกำลังโม้เรื่องของตัวเองให้คนอื่นๆ ฟังอยู่..
พารอม: แล้วหลังจากนั้นนะ ฉันก็ใช้บลิซาร์ดใส่มอนสเตอร์ที่เจอที่ภูเขาออร์ดีลส์
โพลอมปรี่เข้าไปเขกกะโหลกพารอมอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
พารอม: อ๊อยย!
โพลอม: นายคิดจะเล่าเรื่องนี้อีกกี่รอบกันเนี่ย? เลิกโม้ได้แล้ว! ท่านผู้เฒ่ากำลังรออยู่!
ผู้เฒ่า: ต้องให้ข้าว่าอีกซักกี่ครั้งเนี่ย เพื่อเป็นการลงโทษ วันนี้เจ้าต้องฝึกหนักเป็นสองเท่าของพี่สาว!
พารอม: ไม่แฟร์เลย!
โพลอม: โคตรแฟร์ต่างหาก!
ราชวังเอลบาน่า
ผู้เฒ่า: เมื่อไหร่ท่านจะรู้ว่าท่านมีภาระต้องต้องรับผิดชอบ? ท่านเป็นเจ้าชายนะ
เอดจ์: ฉันรู้ ฉันรู้...
ผู้เฒ่า: ท่านบอกว่าท่านรู้ แต่การกระทำของท่านมันพูดตรงข้าม
เอดจ์: เออ..เออ...
ผู้เฒ่า: ในเวลาแบบนี้ท่านต้องพูดว่า "เข้าใจแล้ว"
เอดจ์: ตกลงน่า ฉันจะพยายาม...ช่วยไม่ได้นี่นะ... ก็ฉันคิดถึงแต่ริเดียนี่นา
ผู้เฒ่า: ฝ่าบาท ท่านได้ฟังในสิ่งที่ข้าพูดบ้างรึเปล่าเนี่ย...?
หมู่บ้านสัตว์อสูร ที่พำนักของราชาแห่งสัตว์อสูร
ริเวียธาน: ช่างเป็นหญิงสาวที่กล้าหาญจริงนะ
อาชูร่า: ใช่ ฉันแทบไม่เคยนึกเลยว่าเธอจะกลับมาได้
มอนสเตอร์: ริเดีย! ริเดีย! ทำไมฉันถึงไม่เหมือนเธอล่ะ ฉันอยากไม่มีเขี้ยวเหมือนเธอจัง
ริเดีย: พูดเรื่องอะไรกัน? พวกเราต่างก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน ก็ย่อมเท่าเทียมกันแหละน่า
ริเวียธาน: ข้าแทบอดใจรอไม่ไหวแล้ว อยากรู้จริงๆ ว่าโตขึ้นเด็กคนนี้จะงดงามขนาดไหน
ริเดีย: สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสิ่งที่เรามีเหมือนกันข้างในหัวใจ ไม่ใช่แค่รูปกายภายนอก ใช่มั้ย...เซซิล
ราชวังฟาบูล
ภรรยาหยาง: ที่รัก
หยาง: เธอเป็นราชินีแล้วนะ พยายามเรียกฉันว่าราชา ไม่ใช่ที่รัก
ภรรยาหยาง: ฉันรู้ แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรที่เป็นพิธีการได้นี่นา
หยาง: อ๊ะใช่! ได้เวลาฝึกแล้ว! ไปดีกว่า ไฮยา!
ภรรยาหยาง: ที่รัก กลับมาก่อนนน...
ราชาองค์ก่อน: ไม่ต้องพูดแบบนั้นหรอก ข้าเชื่อว่าหยางต้องสร้างอาณาจักรที่วิเศษได้แน่
ราชวังดัมเชี่ยน
เด็กน้อย: ฝ่าบาท! หวังว่าท่านจะช่วยเล่นเพลงพาราดีนให้กับข้าบ้าง
กิลเบิร์ท: แน่นอน แต่ต้องหลังจากข้าทำงานจนเสร็จก่อนนะ เจ้าก็อยากให้ปราสาทกลับมาเป็นดังเดิมเร็วๆ เหมือนกันใช่มั้ยล่ะ?
เด็กน้อย: เย้! สัญญานะ?
กิลเบิร์ท: แอนนา...ฉันหวังว่าเธอจะเฝ้าดูฉันอยู่ ฉันกำลังช่วยเหลือผู้คนแห่งดัมเชี่ยน ฉันห่วงใยผู้คนเหมือนกับที่ฉันห่วงใยเธอ ฉันหวังว่าเธอและเทลล่าห์จะมีความสุขด้วยกันทั้งคู่
ราชวังดวาร์ฟ
กีอ๊อท: ลาลีโฮ! เราต้องซ่อมแซมปราสาทให้รวดเร็วที่สุด
ชาวดวาร์ฟ: ฝ่าบาท เรามีเครื่องไม้เครื่องมือไม่พอ
กีอ๊อท: งั้นก็จับรถถังแยกส่วน แล้วก็เอาชิ้นส่วนที่เป็นประโยชน์ออกมา เพลานี้ไม่ต้องกังวลเรื่องสงครามอีกต่อไปแล้ว
ลูก้า: ท่านพ่อ ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้ท่านเซซิลและผองเพื่อนกำลังทำอะไรอยู่
กีอ๊อท: เกือบลืมบอกเจ้าไปเลย ดูเหมือนว่าเซซิลและโรซ่าได้ขึ้นเป็นราชาและราชินีองค์ใหม่แห่งบารอนแล้ว
ลูก้า: โอ!
กีอ๊อท: และพวกเราก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมพิธีแต่งงานด้วย
ลูก้า: ยอดไปเลย!!
ชาวดวาร์ฟ: ฝ่าบาท ท่านจะไม่อยู่ช่วยพวกเราซ่อมปราสาทเหรอ!
กีอ๊อท: ข้าเป็นกษัตริย์นะ ข้าอยากทำอะไรก็ย่อมทำได้ ตอนนี้พวกเจ้าไปแยกชิ้นส่วนรถถังซะไป!!
ยอดเขาออร์ดีลส์
ไคน์: เซซิล โรซ่า ตอนนี้ฉันยังไม่อาจกลับไปเผชิญหน้ากับทั้งสองได้ ฉันต้องฝึกฝนตนเองแบบที่นายได้เคยทำ เซซิล ที่ภูเขาออร์ดีลส์แห่งนี้ ฉันจะฝึกจนกว่าฉันจะก้าวข้ามพ่อของฉันในฐานะของอัศวินมังกรได้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันจะกลับไปยังบารอน
ราชวังบารอน
โรซ่า: เป็นอะไรเหรอเซซิล?
เซซิล: ฉันคิดว่า.. ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงของพี่ชาย...
โรซ่า: จริงเหรอ?
เซซิล: ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ช่างมันเถอะ ฉันคงแค่คิดไปเอง
ซิด: นี่ทั้งสอง ยังไม่พร้อมอีกเหรอ นี่เป็นวันสำคัญนะ!
โรซ่า: เรายังมีเวลาอีกเยอะน่า
ซิด: ไว้อยากทำอะไรก็ค่อยไว้ทำกันทีหลังเถอะ มานี่เร็วโรซ่า เอ้ย..ฝ่าบาท
โรซ่า: ได้โปรด เรียกฉันว่าโรซ่านะ
ซิด: โรซ่า เราต้องพาเธอไปแต่งตัวแต่งหน้าแล้วนะ เจ้าสาวไม่ควรที่จะให้แขกต้องมาคอยกันนาน มาเลยๆ พวกเรารอมาตั้งนานแล้ว
โรซ่า: เข้าใจแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้แหละ
โรซ่า: ไม่ได้เจอพวกเขามานานมากแล้ว ไปกันเถอะเซซิล!
เซซิล: ฉันได้ยินเสียงของเขา...จากที่อันห่างไกล
Post a Comment